“บางคนเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยและมีสถานะทางสังคมที่สูงส่ง ต่อให้มีพร์ธรรมดา ก็ยังสามารถใช้เม็ดยาดีๆ มาช่วยบ่มเพาะพลังได้ ทั้งยังมีอาวุธที่ทรงพลังคอยเพิ่มความแข็งแกร่งอีกด้วย แต่ข้าไม่ได้มีภูมิหลังที่สูงส่ง ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องขวนขวายมาด้วยพลังของตัวเองเท่านั้น” หลินเฟิงคิด
ในโลกก่อน ชีวิตของหลินเฟิงทั้งไร้อำนาจและมีกฎหมายที่ไม่เอื้ออำนวยต่อคนจนมาคอยผูกมัด หากอยากจะประสบความสำเร็จ นอกจากจะต้องมีความพยายามแล้ว ยังต้องพึ่งพาโชค โอกาสและเื้ัที่ทรงอำนาจ โดยเฉพาะถ้าคิดจะปีนป่ายไปยังที่สูงๆ จะต้องมีพร้อมแทบทุกอย่างที่กล่าวมา ซึ่งมันเป็เื่ที่ยากมาก ในโลกนี้ก็ไม่ต่างกัน แน่นอนว่ามันเป็ไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเท่าเทียมกัน แต่อย่างน้อยแม้จะเลือกเกิดไม่ได้ แต่ถ้าเรามีความพยายามมากพอก็สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้
ถ้าเ้ามีพร์ที่ต่ำเกินไป ก็สามารถพึ่งพาความขยันหมั่นเพียรและความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ ไม่ช้าก็จะได้รับผลตอบแทนจากความพยายามเ่าั้
อย่างไรก็ตามพร์ของหลินเฟิงไม่เพียงแค่ยอดเยี่ยม แต่ยังแข็งแกร่งจนน่ากลัวอีกด้วย ในเมื่อเป็แบบนี้ขอเพียงแค่สู้สุดกำลัง เขาก็สามารถขวนขวายทุกสิ่งทุกอย่างมาได้ด้วยพลังของตัวเอง
เมื่อคิดได้ดังนี้ร่างของหลินเฟิงก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาก็พบแรดคลั่งกำลังกินสัตว์อสูรปีศาจที่อ่อนแอกว่าตัวเองอยู่ พื้นที่ในบริเวณนั้นล้วนชโลมไปด้วยเื มันเป็ฉากที่น่าสะพรึงกลัวมาก
หลินเฟิงเรียกเก็บจิติญญาสัตว์อสูรปีศาจลึกลับตนนั้น และค่อยๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าและเงียบงัน
แต่ดูเหมือนเ้าแรดคลั่งจะรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้ตัวมัน มันจึงหมุนตัวกลับมาและใช้ดวงตาสีเืจ้องมองมาที่หลินเฟิง ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกระหายเืและโเี้ มันหยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อมองเห็นหลินเฟิง
บางทีมันอาจจะรู้สึกแปลกใจที่เห็นมนุษย์กล้าล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของสัตว์อสูรปีศาจ
ตามธรรมชาติของสัตว์อสูรปีศาจแรดคลั่ง มันเป็สัตว์อสูรที่กระหายเืและโเี้ เมื่อมันโตเต็มวัย มันจะเป็สัตว์อสูรระดับจิติญญาขั้นที่ 1 ซึ่งขนาดตัวของมันจะยาว 6 ฉื่อ[1] และสูง 3 ฉื่อ[2]
ซึ่งแรดคลั่งตัวนี้ก็ดูเหมือนจะโตเต็มวัยแล้ว ดังนั้นมันจะต้องเป็สัตว์อสูรระดับจิติญญาขั้นที่ 1 อย่างแน่นอน “จุดเด่นของแรดคลั่งอยู่ที่ความเร็วและความสามารถในการป้องกัน นอกจากนี้นอของมันก็ยังแหลมคมอีกด้วย ซึ่งผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 1 ไม่สามารถเอาชนะมันได้”
หลินเฟิงนึกถึงความรู้ที่มีเกี่ยวกับแรดคลั่ง มันเป็ไปไม่ได้เลยที่จะทำลายการป้องกันของมัน ถ้าหากเผชิญหน้ากับมัน ผู้ฝึกยุทธ์จะต้องมั่นใจว่าความเร็วของตัวเองเหนือกว่ามัน 2 ถึง 3 เท่า มิฉะนั้นความตายอาจจะมาเยือนได้
ตอนนี้เองแรดคลั่งด้านหน้าเริ่มยกเท้าขูดกับพื้นอย่างช้าๆ จนเกิดรอยลากเป็ทางยาวขึ้นมา นี่คือท่าเตรียมพร้อมที่จะจู่โจมของมัน
หลินเฟิงกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเ็า ทันใดนั้นคลื่นดาบที่ทรงพลังก็พุ่งออกมาจากร่างของหลินเฟิง
ทุกย่างก้าวที่หลินเฟิงเดิน ทำให้คลื่นดาบแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพียงไม่กี่ก้าว บรรยากาศก็เต็มไปด้วยเสียงของดาบที่กำลังแหวกว่ายผ่านอากาศ
ขนที่ปกคลุมไปทั่วร่างของแรดคลั่งพลันตั้งชันขึ้น มันรู้สึกได้ว่าร่างกายของมันกำลังถูกของมีคมเฉือนอยู่ มันคำรามเสียงดังก่อนจะหมุนตัววิ่งหนีไป
สัตว์อสูรระดับจิติญญามีสติปัญญาที่สูงมาก มันััได้ว่าคลื่นดาบเหล่านี้ทรงพลังมาก ดังนั้นจึงรู้ว่ามนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่มันจะสามารถท้าทายได้ มนุษย์คนนี้อันตรายเกินไป!!!
“เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวดั่งเงา”
แล้วหลินเฟิงจะยอมปล่อยให้มันหนีไปดื้อๆ แบบนี้เหรอ?! หลินเฟิงสะบัดคลื่นดาบอย่างรวดเร็วจนเกิดลำแสงสว่างจ้าอยู่ในอากาศ
“ดาบปลิดิญญา”
ทันใดนั้นคลื่นดาบก็พรั่งพรูขึ้นมาปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าราวกับหมู่เมฆ ก่อนคลื่นดาบสีขาวจะตกลงมาจากฟากฟ้า
คลื่นดาบสีขาวฟาดลงมาที่กลางหลังของแรดคลั่ง แต่ทว่ามันก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าเืจะไหลโซมกายก็ตาม
หลินเฟิงทะยานร่างตามมันไปก่อนจะเรียกหมอกสีดำออกมา เพื่อให้พุ่งไปห่อหุ้มร่างของแรดคลั่งที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งในหมอกสีดำนั้นเต็มไปด้วยคลื่นดาบ ทันทีที่หมอกสีดำปรากฏตัวออกมา มันก็ลอยไปตามลมทันที
สัตว์อสูรปีศาจมีประสาทััที่ไวต่อเืมากและในหุบเขาเฮยเฟิงก็มีสัตว์อสูรปีศาจที่แข็งแกร่งอยู่เป็จำนวนมาก ดังนั้นหลินเฟิงจึงต้องฆ่าแรดคลั่งและหยิบแกนอสูรให้เร็วที่สุด จากนั้นก็เผ่นไปให้ไกล มิฉะนั้นเืของมันจะดึงดูดสัตว์อสูรปีศาจตัวอื่นๆ เข้ามาหา
หลินเฟิงรู้สึกพึงพอใจกับท่าดาบปลิดิญญาเมื่อครู่นี้มาก ต้องรู้ว่าความสามารถในป้องกันของแรดคลั่งนั้นสูงมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ได้รับาเ็สาหัสจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวของหลินเฟิง
ผ่านไปได้ไม่นาน ณ สถานที่ที่ห่างออกไป ได้เกิดเหตุการณ์เหมือนก่อนหน้านี้ขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่แรดคลั่งแต่เป็หมีนรกสัตว์อสูรระดับจิติญญาอีกตัวแทน แต่อย่างไรก็ตามหลินเฟิงก็สามารถฆ่ามันได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
…
2 วันผ่านไป แถวๆ ตีนเขาเฮยเฟิง มีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งอยู่ในสภาพสกปรกมอมแมมไปทั้งตัว เขาถือดาบเอาไว้ในมือข้างหนึ่งและกำลังเผชิญหน้าอยู่กับงูั์
งูั์ตัวนี้มีความยาวประมาณ 20 เมตร และมีิัที่หนามาก มันเลื้อยเข้ามาหาชายหนุ่มช้าๆ และชูหัวที่มีความสูงกว่า 5 เมตรขึ้นมา ท่าทางของมันดุร้ายมาก
ดวงตากลมโตของมันเบิกกว้างและปลดปล่อยแสงสว่างสีเขียวเรืองรองออกมา ขณะที่ปากของมันคอยพ่นพิษออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนบริเวณหน้าท้องของงูั์มีเืไหลออกมาไม่หยุด
“อย่างที่คิดเอาไว้เลย สัตว์อสูรปีศาจระดับจิติญญาขั้นที่ 2 แข็งแกร่งเกินไป” เสื้อผ้าของหลินเฟิงขาดวิ่นและเต็มไปด้วยรูขนาดใหญ่ จนเผยให้เห็นิัที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำมากมาย การต่อสู้ในครั้งนี้หลินเฟิงก็ได้รับาเ็ไม่น้อย
ใน่สองวันนี้ หลินเฟิงได้ฆ่าสัตว์อสูรปีศาจระดับจิติญญาขั้นที่ 1 ไปร้อยกว่าตัว และยังฆ่าสัตว์อสูรปีศาจระดับจิติญญาขั้นที่ 2 ไปแล้ว 2 - 3 ตัว แต่นี่เป็ครั้งแรก ที่เขาพบสัตว์อสูรระดับจิติญญาขั้นที่ 2 ที่แข็งแกร่งเช่นนี้
“ฟ่อ!!! ฟ่อ…” งูั์ขู่คำรามพร้อมกับพ่นลมปราณพิษออกมา ทำให้หลินเฟิงต้องะโหลบอย่างรวดเร็ว
ซึ่งเป็เวลาเดียวกันกับที่งูั์ตวัดหางฟาดไปยังที่ที่หลินเฟิงเคยอยู่ จนต้นไม้แถวนั้นโล่งเตียนทันที ไม่มีต้นไม้ต้นไหนสามารถต้านทานแรงฟาดจากหางของมันได้
เร็ว… ไม่สิ ไม่ใช่แค่เร็วเท่านั้น แต่ยังทรงพลังอีกด้วย ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากหลินเฟิงะโหลบช้าไปนิด บางที… ร่างของเขาอาจจะกระเด็นไปแล้วก็ได้
โชคดีที่หลินเฟิงมีเคล็ดวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยม ไม่อย่างนั้นล่ะก็คงาเ็สาหัสไปแล้ว งูั์ตัวนี้เป็สัตว์อสูรปีศาจระดับแนวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุด ในจิติญญาขั้นที่ 2
ทันใดนั้นร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ฟันคลื่นดาบที่ทรงพลังออกมาอย่างรวดเร็ว และทิ้งาแไว้บนร่างของงูั์ตัวนั้นก่อนจะหายตัวไป
งูั์ส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะปลดปล่อยแรงกดดันอันหนักอึ้งออกมา ทำให้หลินเฟิงที่กำลังหลบอยู่นั้น รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังถูกบดขยี้จนแหลกเหลว เพราะแรงกดดันอันมหาศาล ทำให้หลินเฟิงต้องเปิดเผยตัวออกมา เมื่อเห็นร่างของหลินเฟิงปรากฏตัวขึ้น งูั์ก็ดีดตัวพุ่งมาหาเขาทันที
“ตูม!!!”
ต้นไม้ั์ถูกทำลายลงในพริบตา โชคดีที่หลินเฟิงหลบทัน ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็เงาอันเลือนราง งูั์ไม่ยอมแพ้ หลังจากที่พลาดไปอีกรอบ มันก็สะบัดหางไล่ตามหลินเฟิงไปติดๆ กวาดทุกอย่างที่ขวางหน้าจนราบเป็หน้ากลอง
ถึงแม้ว่างูั์จะเป็สัตว์อสูรระดับจิติญญาขั้นที่สอง แต่ผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 ก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับมันตรงๆ เพราะมันเป็เื่ยากที่จะสังหารมันได้ แต่อย่างไรก็ตามหลินเฟิงที่เพิ่งบรรลุขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่สอง เมื่อสองวันก่อนกลับไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามจากงูั์เลยแม้แต่น้อย
“ดาบปลิดิญญา!” หลินเฟิงะโ ทันใดนั้นคลื่นดาบก็ะเิพลังที่รุนแรงออกมา และสามารถฟันร่างของงูั์จนเืสาดกระจายได้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะเืขึ้นหน้าจนไม่สนใจอาการาเ็ใดๆ สิ่งเดียวที่มัน้าคือ สังหารหลินเฟิงเพื่อระบายความโกรธแค้น
“ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเ้าแล้ว”
หลินเฟิงเกือบจะถูกงูั์นี่ฆ่าตายมาหลายครั้งแล้ว ทำให้ในใจของเขาเกิดความเหนื่อยหน่ายขึ้นมา ตลอดเวลาสองวันที่ผ่านมา หลินเฟิงได้มีโอกาสขัดเกลาทักษะดาบของตัวเอง จนตอนนี้ท่าดาบปลิดิญญาแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก หลินเฟิงมั่นใจว่าเพียงแค่ท่าดาบปลิดิญญาก็สามารถเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 2 ได้อย่างง่ายดาย ความจริงแล้วต้องบอกว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 2 คนไหนแข็งแกร่งกว่าเ้างูั์ตรงหน้านี้บ้าง?
หลินเฟิงปลดปล่อยจิติญญาแห่ง์ขั้นที่ 1 ออกมา ั์ตาของเขาดูลึกล้ำขึ้น และทุกอย่างรอบตัวก็กลายเป็ความมืด ไม่มีอะไรสามารถรอดพ้นจากสายตาของเขาได้ แม้แต่การเคลื่อนไหวเล็กๆ ในสายตาของหลินเฟิงตอนนี้การโจมตีของงูั์ดูเหมือนจะเชื่องช้ากว่าแต่ก่อน
วินาทีที่งูั์โจมตีจากทางด้านข้าง หลินเฟิงก็กำดาบอ่อนในมือแน่น ดวงตาของเขาฉายแววเ็าและมั่นคง
ทันใดนั้นคลื่นแห่งความตายก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่าง พลังทำลายล้างอันรุนแรงได้พรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายแห่งความตายได้แพร่กระจายออกไปในอากาศ
หลินเฟิงเงยหน้ามองงูั์ที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างสงบ ในดวงตาของเขาฉายแววเยือกเย็นดุจมัจจุราช ไร้ซึ่งความเมตตาและไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
“ดาบแห่งความตาย”
มุมปากของหลินเฟิงขยับเล็กน้อย ก่อนจะยกดาบขึ้นมา บนตัวดาบนอกจากจะมีประกายแสงคมวาวจากดาบแล้ว ยังเต็มไปด้วยลมปราณสีเทาอีกด้วย มันเป็ลมปราณแห่งการทำลายและยังเป็ลมปราณแห่งความตาย
“ชี่ ชี่ๆๆ…”
คลื่นดาบสีเทาที่แข็งแกร่งถูกฟันออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมา การโจมตีในครั้งนี้สามารถตัดผ่านหนังหนาๆ ของมันได้อย่างง่ายดาย ร่างของมันล้มลงไปกองกับพื้นจนฝุ่นบนพื้นลอยตลบขึ้นมา
ร่างของงูั์ยังคงดิ้นอยู่บนพื้น หลินเฟิงก้าวเข้าไปและใช้ท่าดาบแห่งความตายอีกครั้ง ร่างของงูั์ถูกแยกออกเป็สองส่วนในทันที ทำให้งูั์หยุดการเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์ บรรยากาศก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
งูั์ สัตว์อสูรระดับจิติญญาขั้นที่ 2 ...ตายแล้ว!
ดาบแห่งความตายเป็ผลมาจากความพยายามของหลินเฟิง ใน่สองวันมานี้ แน่นอนว่าท่าดาบนี้ก็ช่วยให้หลินเฟิงเก็บเกี่ยวแกนอสูรได้มากมายเช่นกัน
หลินเฟิงเสียเวลาอีกเล็กน้อยในการเก็บแกนอสูรงูั์ก่อนจะเดินจากไป ตอนนี้ได้เวลาออกจากหุบเขาเฮยเฟิงแล้ว!!!
……………………………………………………………………………………………………………….
หมายเหตุ
[1] ยาว 6 ฉื่อ หมายถึง 2 เมตร
[2] สูง 3 ฉื่อ หมายถึง 1 เมตร
