เมื่อเห็นท่านลุงสี่เอามือไพล่หลังเดินจากไปด้วยท่าทางอารมณ์ดีเซียวจื่อเซวียนก้มมองเนื้อหมูในมือตัวเอง กลิ่นหอมของเนื้อโชยมาแตะจมูกเซียวจื่อเซวียนคิดอยากกลืนน้ำลาย แต่ก็อดใจไม่ได้ แววตาเป็ประกายสลับกับมืดหม่นไม่รู้ว่าในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่
เขานับเงินทอนที่ได้รับมาหักลบเงินค่าซื้อเนื้อ ไม่ขาดแม้แต่อีแปะเดียว
ท่านลุงสี่ไม่ได้เก็บค่าสั่งซื้อ!
เมื่อเซียวจื่อเซวียนคิดจะเรียกเขาไว้ท่านลุงสี่ก็เดินไปจนไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
ท่านลุงสี่กลับบ้านไปด้วยท่าทางอารมณ์ดีท่านป้าสี่ทำอาหารรอเขาอยู่
เกวียนเทียมวัวกลับมาแล้วแต่กลับยังไม่เห็นคน ท่านป้าสี่เอ่ยถามด้วยท่าทีสงสัย “เมื่อครู่เ้าไปไหนมา?”
ท่านลุงสี่ล้างมือพลางกล่าว “ไปส่งของ!”
“ปกติเ้าซื้อของคนอื่นต้องมาเอาที่บ้าน เ้าเคยไปส่งเสียที่ไหน แค่เก็บเงินค่าฝากซื้อเท่าราคาไข่ไก่สองฟองคิดว่าวัวบ้านเรากับเ้าทำจากเหล็กหรืออย่างไรเพิ่งกลับมาก็ต้องให้เ้าไปส่งของอีก?”
ท่านป้าสี่กล่าวด้วยท่าทางไม่พอใจ
ท่านลุงสี่หัวเราะพร้อมกล่าว “จะเป็อะไรไปแค่ครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็เ้า ก็คงไปส่งด้วยตัวเองเหมือนกัน”
คราวนี้ท่านป้าสี่รู้สึกประหลาดใจ “ใครกัน? ใครฝากเ้าซื้อของ?”
เมื่อวานตอนที่เซียวจื่อเซวียนมาหาท่านลุงสี่ท่านป้าสี่พาเซียวิจูกลับไปเยี่ยมบ้าน วันนี้ตอนเช้าเพิ่งกลับมา ดังนั้นท่านป้าสี่จึงไม่รู้เื่ที่เซียวจื่อเซวียนมาหาท่านลุงสี่เพื่อฝากซื้อเนื้อหมู
ท่านลุงสี่แย้มรอยยิ้มพร้อมกล่าว “จื่อเซวียน”
ท่านป้าสี่ขานตอบก่อนกล่าว “พวกเขาจะซื้อของ?ซื้ออะไร?”
“ซื้อเนื้อหมู!” ท่านลุงสี่กล่าวด้วยท่าทางอารมณ์ดี “ซื้อหมูสามชั้นสองจินหมูเนื้อแดงอีกครึ่งจิน”
“เด็กสองคนจะซื้อเนื้อหมูเยอะขนาดนั้นไปทำไม?”ท่านป้าสี่ได้ฟังก็รู้สึกโมโหทันที “หากให้เซี่ยยวี่หลัวรู้เข้าไม่รู้ว่าจะโวยวายขนาดไหน”
“ภรรยาอายวี่ไม่ใช่คนแบบนั้น”ท่านลุงสี่กล่าว “เห็นจื่อเซวียนบอกว่า นางเป็คนเสนอเื่ซื้อเนื้อหมูเองเงินที่ใช้ซื้อเนื้อ นางก็เป็คนออกให้”
ท่านป้าสี่รู้สึกตกตะลึงอ้าปากกว้างจนแทบจะใส่ไข่ไก่ได้หนึ่งฟอง “จริงหรือ?”
ท่านลุงสี่ขึ้นเตียงเตาหยิบถั่วลิสงในจานมาใส่ปาก เคี้ยวสองที ก่อนยกถ้วยสุราขึ้นมาดื่มกล่าวด้วยท่าทางะเือารมณ์ “ข้าเห็นว่าจื่อเซวียนไม่ได้กลัวภรรยาของอายวี่เท่าไหร่แล้ว นอกจากนั้นเมื่อวานเขาเพิ่งมาซื้อไข่ วันนี้ซื้อเนื้อหมูอีก ล้วนแต่เป็นางที่้าซื้อข้าถามมาแล้ว ไข่ที่ซื้อกลับไปเมื่อวาน เด็กสองคนล้วนได้กินนางไม่ได้ปฏิบัติไม่ดีต่อเด็กสองคนนั้น!”
ท่านป้าสี่ทำสีหน้าบึ้งตึงขึ้นบนเตียงเตาพลางกล่าว “พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเป็แน่ คิดว่าคงเพราะอายวี่ไปสอบซิ่วไฉคาดหวังว่าอายวี่จะสอบติด ให้นางได้เป็ฮูหยินซิ่วไฉน่ะสิ!”
ท่านลุงสี่ดื่มสุราหนึ่งอึก “นั่นก็เป็เื่ครอบครัวคนอื่นไม่เกี่ยวข้องกับเรา!”
ท่านป้าสี่ถลึงตามองท่านลุงสี่ทีหนึ่งภายในใจมีคำพูดมากมาย แต่สุดท้ายก็ได้แต่เก็บคำพูดเ่าั้ไว้
จะไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร ในบ้านยังมีคนเฝ้าอาลัยอาวรณ์อายวี่ครอบครัวสกุลเซียวเป็อย่างไร จะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาได้อย่างนั้นหรือ!
เซียวจื่อเซวียนหิ้วตะกร้าออกไปเก็บผักป่าอีกครั้ง
พบกับเซียวซานที่จูงวัวมากินหญ้าพอดีเมื่อเห็นเซียวจื่อเซวียน เขาจึงกล่าว “ทำไมเ้าถึงมาเก็บผักป่าอีกแล้ว? ตอนเช้าเ้าเพิ่งเก็บไปหนึ่งตะกร้าไม่ใช่หรือ?”
เช้าหนึ่งตะกร้า บ่ายหนึ่งตะกร้าหนึ่งวันต้องกินผักป่าเยอะขนาดไหนเชียว
“กินผักป่ามากจะมีน้ำมีนวลได้อย่างไรเ้าดูสิว่าตัวเองผอมขนาดไหน” เซียวซานพึมพำ “สตรีผู้นั้นไม่รู้จักทำอาหารอร่อยให้พวกเ้ากินหรืออย่างไร?”
เซียวจื่อเซวียนไม่ได้เงยหน้า “ตอนเย็นจะกินเกี๊ยว”เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสริม “เกี๊ยวหมูใส่ผักป่า”
“เกี๊ยวผักป่าอีกแล้ว!” เซียวซานส่งเสียงเย็นในลำคอ “สตรีผู้นั้นช่างใจกว้างเสียจริงรู้จักให้พวกเ้ากินแต่ผักป่าทุกวัน นางเองกลับได้กินได้ดื่มของดี ทำไมถึงมีสตรีที่เห็นแก่ตัวเช่นนี้...”
เซียวจื่อเซวียนก้มหน้าเก็บผักป่าไม่ได้สนใจเขา
เขาส่งเสียงหึๆ สองที จู่ๆ ก็หยุดนิ่ง“เซียวจื่อเซวียนเมื่อครู่เ้าพูดว่าอะไร เ้าบอกว่าเย็นนี้บ้านเ้าจะกินเกี๊ยวอะไร?”
เซียวจื่อเซวียนกลอกตาขึ้นบนก่อนกล่าว“เกี๊ยวหมูใส่ผักป่า”
เซียวซานได้ยินเพียงคำแรกกับสองคำสุดท้ายละเลยคำตรงกลางไปโดยไม่ทันรู้ตัว
เขาร้อง “อ๊าอ๊าอ๊า” สามครั้งติดต่อกัน ะโขึ้นพร้อมกล่าว “เย็นนี้บ้านเ้าจะกินเกี๊ยวจริงหรือ?”
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า
จะไม่จริงได้อย่างไร เนื้อหมูก็ซื้อกลับมาแล้ว
เซียวซานะโขึ้นสูง “เ้าคงไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?สตรีผู้นั้นจะทำเกี๊ยวให้เ้ากิน?”
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “ท่านลุงสี่ซื้อเนื้อหมูกลับมาแล้ว”
เซียวซานร้องอุทาน “อ๊าอ๊าอ๊า” พลางะโโลดเต้น
พี่สะใภ้ที่ไม่ได้เื่ของเซียวจื่อเซวียนยังซื้อเนื้อหมูมาทำเกี๊ยวให้พวกเขากินเขาลำบากขนาดนี้ ก็อยากกินเกี๊ยวเหมือนกัน เซียวซานกล่าวพึมพำ “ไม่ได้ไม่ได้ข้าก็จะกินเกี๊ยว กลับไปข้าจะให้ท่านแม่ซื้อเนื้อหมูมาทำเกี๊ยวกินบ้าง”
เซียวจื่อเซวียนขานรับทีหนึ่งเพียงยิ้มไม่ได้กล่าวอะไร
เซียวซานอัดอั้นใจจนทนไม่ไหว “จื่อเซวียนข้าว่าตอนนี้สตรีผู้นั้นแปลกประหลาดเสียจริง ครั้งก่อนไม่เพียงไม่ด่าไม่ตีเ้าครั้งนี้ยังให้เ้ากินเกี๊ยวหมูใส่ผักป่า ทำไมนางถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?” พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วเป็แน่
เซียวจื่อเซวียนก้มหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ข้าก็ไม่รู้!”
เซียวซานพึมพำกับตัวเอง “หากเป็แบบนี้ตลอดไป สตรีผู้นั้นก็ไม่เลวนัก!”
เซียวจื่อเซวียนไม่ได้สนใจเขาภายในใจครุ่นคิดอย่างหนัก
เขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงเปลี่ยนไปและไม่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวจะเป็แบบนี้ไปได้นานแค่ไหน
หลังจากเซี่ยยวี่หลัวตื่นขึ้นลืมตามองดูท้องฟ้าด้านนอก
แม้จะปิดหน้าต่างไว้ ทว่า แสงอาทิตย์ด้านนอกสว่างเจิดจ้าพอจะดูออกว่ายังไม่ถึง่เย็น
ท้องฟ้าด้านนอกยังสว่างนางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย โลกที่ไม่มีนาฬิกาได้แต่อาศัยการมองพระอาทิตย์เพื่อประมาณเวลา หากไม่มีพระอาทิตย์เป็วันฟ้าปิดจะทำอย่างไร?แบบนั้นเท่ากับไม่รู้ว่าเป็เวลาไหนพอดี
เซี่ยยวี่หลัวที่ให้ความสำคัญเื่เวลามาตลอดในภพก่อนหลังจากข้ามมิติเข้ามาในหนังสือ เป็ครั้งแรกที่รู้สึกว่าต้องใช้ชีวิตไปวันๆ
นางหลับตาลง ปิดตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนเหยียดกายยืดเส้นสาย ลุกจากเตียง เห็นเซียวจื่อเมิ่งที่นอนอยู่ข้างๆแย้มรอยยิ้มทีหนึ่ง นางนำผ้าสะอาดผืนหนึ่งมาวางไว้บนหมอน แบบนี้ต่อให้น้ำลายไหล ก็จะไม่เลอะถึงหมอนซักผ้าผืนนั้นก็พอแล้ว
เซียวจื่อเมิ่งกำลังหลับสบายเมื่อได้ยินเสียง จึงลืมตาคู่โตสีดำสนิทขึ้นแวบแรกที่เห็นเซี่ยยวี่หลัวก็เอ่ยเรียกด้วยท่าทางว่าง่าย “พี่สะใภ้ใหญ่”เซี่ยยวี่หลัวขานตอบ จัดเสื้อผ้าให้นางก่อนกล่าว “ลุกได้แล้ว นอนนานเกินไปกลางคืนจะนอนไม่หลับ”
นอนนานเกินไปจะรู้สึกไม่สบายตัววิงเวียนศีรษะ และรู้สึกล้าตลอด่บ่ายเหมือนไม่ได้นอน
ทั้งสองคนแต่งตัวอยู่ภายในห้องเซี่ยยวี่หลัวเทน้ำมาหนึ่งถ้วย เติมน้ำผึ้งหนึ่งช้อน ยื่นไปตรงปากเซียวจื่อเมิ่งเซียวจื่อเมิ่งเงยหน้าตามมือเซี่ยยวี่หลัว ดื่มรวดเดียวจนหมดเดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคิดจะดื่มด้วย เห็นว่าหมดแล้วจึงยิ้มพลางลูบศีรษะเซียวจื่อเมิ่ง พร้อมกล่าวว่าเด็กดี ก่อนจะเทน้ำอีกครึ่งถ้วยคราวนี้ไม่ได้ใส่น้ำผึ้ง
หลังจากดื่มน้ำเสร็จทั้งสองคนกำลังผลักเปิดประตูออกมา เซียวจื่อเซวียนที่หิ้วผักจี้ช่ายมาเต็มตะกร้าก็เปิดประตูใหญ่เข้ามาพอดี