"เยว่เอ๋อเหตุใดลูกอยู่ที่นี่หรือว่าลูกอาศัยอยู่ที่เมืองนี้หรือ "
ซินเยว่ชะงักเล็กน้อย นางถอนหายใจออกมาอย่างนึกรำคาญ จากนั้นจึงหันไปสนทนากับหยางจิ่งเทียน
"อืม"
นางตอบสั้นๆ แต่ไม่เปลี่ยนสีหน้า
"ลูกมาที่หอประมูลนี้กับใคร"
'จะอยากรู้ไปทำไมว่านางมากับใครก็ในเมื่อตัดขาดกันไปแล้ว'
ซินเยว่คิดในใจแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา นางหันไปหาไป๋เยี่ยนหลงที่ยืนสีหน้าเรียบเฉยด้านข้าง
"นี่คือคุณชายไป๋เป็สหายของข้าเ้าค่ะข้ามากับเขา"
ซินเยว่แนะนำง่ายๆ แต่บุรุษที่ยืนอยู่ด้านข้างหยางจิ่งเทียนเอ่ยทะลุกลางปล้องขึ้น
"เ้าคือคุณหนูใหญ่หยางใช่หรือไม่"
ซินเยว่หันไปมองเขาด้วยความสงสัย ใครอีกเนี่ย
"ใช่ข้าคือหยางซินเยว่แต่หาใช่คุณหนูใหญ่อีกต่อไป"
ซินเยว่ตอบเขาไปทั้งที่ในใจนึกรำคาญ จะมาสืบสาวประวัติอะไรกันตอนนี้นางอยากกลับบ้านไปหาท่านแม่ของนางแล้ว
"ข้าคือองค์ชายสามฉิงอิงหลางคู่หมายของเ้า"
เมื่อได้โอกาสฉิงอิงหลางจึงแนะนำตัวแก่ซินเยว่
"อ่อ"
ซินเยว่ตอบสั้นๆ เพียงแค่นั้น ฉิงอิงหลางรู้สึกพึงใจในตัวนางั้แ่ที่เห็นนางเดินเข้ามาในหอประมูลจันทราแล้ว แต่ด้านข้างของนางมีบุรุษเดินเคียงมาด้วยเขาไม่รู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์อันใดกัน จนกระทั่ง ได้รู้จากหยางจิ่งเทียนว่านางคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลหยางอดีตคู่หมายของเขา ถึงแม้นางจะตัดขาดจากตระกูลหยางไปแล้วก็ตามทีแต่เขายังมีสิทธิ์ในตัวนางอยู่
เมื่อก่อนฉิงอิงหลางทราบว่าเขาต้องหมั้นหมายกับสตรีที่ไร้พลังปราณเขาก็รู้สึกเดียดฉันท์และหาทางบ่ายเบี่ยงการหมั้นมาโดยตลอด หากเขาทราบมาก่อนว่าหยางซินเยว่มีใบหน้าที่งดงามถึงเพียงนี้เขาคงจะยอมแต่งนางให้เป็สนมของเขานานแล้วแม้นางจะไร้พลังปราณก็ตามทีฉิงอิงหลางคิดในใจ
ตอนนี้เมื่อได้พบนางแล้วเขาจะไม่มีทางปล่อยนางไปเด็ดขาด ฉิงอิงหลางมองซินเยว่ด้วยสายตาปรารถนา นางหาใช่คนโง่สิ่งที่ฉิงอิงหลางพูดออกมานางย่อมเข้าใจความหมายแต่มีหรือที่นางจะยอม
"ขออภัยองค์ชายสามข้าหยางซินเยว่ได้ตัดขาดจากตระกูลหยางแล้วข้าหาใช่คุณหนูใหญ่อีกต่อไป คุณหนูใหญ่ของตระกูลหยางคือหยาง หลันฮวา"
หยางจิ่งเทียนหน้าเสียทันที เมื่อได้ฟังคำพูดตัดขาดที่ออกมาจากปากบุตรสาวของตน
"เยว่เอ๋อ เ้า...."
"ข้าตอนนี้เป็เพียงหยางซินเยว่ที่ไม่มีตระกูล ต้องขออภัยท่านแม่ทัพหยางและองค์ชายสามตอนนี้คนของข้ารอข้านานแล้ว ต้องขอตัวลา”
พูดจบนางก็เดินขึ้นรถม้าไปกับไป๋เยี่ยนหลงไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง คล้อยหลังองค์ชายสามฉิงอิงหลางและหยางจิ่งเทียนซินเยว่นั่งหน้าตูมอยู่ในรถม้านางใช้แขนเท้าคางกับขอบหน้าต่างท่าทางครุ่นคิด
นางจะทำอย่างไรดีไม่คิดเลยว่าจะเจอหยางจิ่งเทียนที่นี่ เ้าองค์ชายสามนั่นอีกช่างเป็ตัววุ่นวายยิ่งนัก ทำไมนางจะมองไม่ออกว่าสายตาที่เ้านั่นมองมาที่นางเขา้าสิ่งใด อีกไม่นานด้วยอำนาจของราชวงศ์พวกเขาคงรู้แน่ว่านางอยู่ที่ไหนหากให้เดาเ้านั่นต้องใช้วิธีการบังคับนางให้ยอมสิโรราบแน่นอน จะทำไงดีตอนนี้พลังของนางยังไม่แกร่งพอที่จะต่อกรกับพวกเขาทั้งหมด หรือจะย้ายเข้าไปอยู่ในป่ามืดสายหมอกดี ไม่ได้ที่นั่นอันตรายเกินไปหรือจะย้ายไปอยู่ที่แคว้นอื่น
ตอนนี้นางมีเงินมากมายไม่ต้องกังวลว่าจะลำบากหากจะต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่นางชอบที่นี่นี่นาทำไมชีวิตนางถึงหนีไม่พ้นเื่พวกนี้สักทีนะ ไป๋เยี่ยนหลงมองใบหน้าของซินเยว่ที่เดี๋ยวโมโหเดี๋ยวบูดบึ้งเดี๋ยวคิดหนักเดี๋ยวพยักหน้าคนเดียว นางช่างเป็มนุษย์สตรีที่มีหลากหลายอารมณ์เสียจริง
คิดสิ่งใดก็ออกมาทางสีหน้าหมด ไป๋เยี่ยนหลงรวบตัวซินเยว่ขึ้นมานั่งบนตักของเขาอีกครั้ง เขาใช้คางเกยบนไหล่มนและเอ่ยกับนางเบาๆ ท่าทางสบายๆ ต่างจากปกติที่ชอบทำตัวเฉยชากับทุกสิ่งบนโลกใบนี้
"คิดมาไปไยเป็คนของข้ามีสิ่งใดต้องกลัว"
เสียงทุ้มที่แสนนุ่มนวลของเขากล่าวอย่างวางอำนาจดังอยู่ข้างหู ของซินเยว่ เขาไม่เคยจะเอ่ยเสียงเช่นนี้กับใครซินเยว่ไม่ดิ้นหนีหรือโวยวายเหมือนเช่นทุกครั้ง นางมีความรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขาเเละนางเชื่อว่าเขาจะปกป้องนางได้จริงดั่งที่เอ่ย
แต่ เอ๊ะ!!! นางหันขวับไปมองเขา
"คนของท่านอันใดกันข้าก็เป็ของข้าจะเป็ของท่านได้อย่างไร"
นางเถียงเขาคอเป็เอ็น ไป๋เยี่ยนหลงมองสบตาซินเยว่ใช้นิ้วเรียวยาวเกี่ยวเอาเส้นผมที่ระลงมาข้างแก้มขึ้นทัดที่ใบหูเล็กน่ารัก
"ไม่ว่าจะอย่างไรเ้าก็เป็ของข้า ต่อให้เ้าต้องตายตกนรกข้าก็จะลงนรกไปพาเ้ากลับมาเ้าไม่มีวันหนีข้าพ้น"
ไป๋เยี่ยนหลงสะบัดมือกางม่านพลังกั้นเสียงภายในรถม้าพร้อมทั้งทาบริมฝีปากลงไปทันที ริมฝีปากร้อนดูดดึงริมฝีปากนุ่มที่เเดงเรื่อ อย่างลึกซึ้ง เรียวลิ้นแทรกเข้าไปในปากน้อยดุจลูกอิงเถาซอกซอนไปทั่วอย่างอุกอาจเอาแต่ใจทิ้งร่องรอยกลิ่นอายของเขาเอาไว้
ท่อนแขนแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้ารั้งเอวของนางให้เข้ามาแนบชิดกับอ้อมกอดของเขา ซินเยว่ถูกไป๋เยี่ยนหลงจุมพิตอย่างไม่ทันตั้งตัว พอคิดจะต่อต้านก็ไร้เรี่ยวแรงและไม่มีโอกาสเสียแล้ว
เสี่ยวเป่าโผล่หัวออกมาจากอกเสื้อของซินเยว่ ดวงตาน้อยๆ มองไป๋เยี่ยนหลงจากนั้นมองไปที่ซินเยว่ มันรีบยกอุ้งเท้าน้อยๆ ขึ้นมาปิดดวงตาทั้งสองข้างท่าทางดูจริงจังเพียงแต่ดวงตาที่มองลอดช่องนิ้วออกมาเผยท่าทางสนุกสนาน
หลังจากจุมพิตจนพอใจแล้วไป๋เยี่ยนหลงก็ปล่อยให้ซินเยว่ได้สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่ ท่าทางของนางคล้ายกำลังจะขาดอากาศหายใจ เขาคลอเคลียอยู่ที่บริเวณใบหูของนางแขนแกร่งยังคงกอดกระชับร่างเล็กอยู่อย่างนั้น
"ไป๋เยี่ยนหลงเป็บ้าอะไรของท่าน"
ซินเยว่ตวาดเขาด้วยความโกรธ
"ข้าเคยบอกเ้าแล้วว่าเ้าเป็ของข้า"
เป็คำประกาศอย่างเผด็จการและเอาแต่ใจที่สุด ซินเยว่มองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าอมเขียวของเขา ดวงตาคู่นี้ยิ่งมองเท่าใดยิ่งชวนให้รู้สึกหวั่นไหวเขาไม่เคยทำแบบนี้กับนาง เหตุใดวันนี้ถึงได้เกิดคลั่งขึ้นมา "ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะท่านอยากให้ข้าเกลียดท่านหรือย่างไร"
นางตวาดเขาอีกครั้งเสียงดังลั่น ดวงตาของไป๋เยี่ยนหลงดำมืดรังสีอำมหิตลอยวนอยู่ในอากาศเขาเค้นเสียงรอดไรฟันออกมา
"เ้าคิดจะเกลียดข้า"
น่าแปลกที่คำพูดทุกคำและการกระทำของซินเยว่มีผลต่อไป๋เยี่ยนหลงอย่างน่าประหลาด เพียงแค่นางพูดว่าเกลียดเขาหัวใจของไป๋เยี่ยนหลงก็เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดทำให้รู้สึกเ็ป
"พูดจาเหลวไหลออันใดท่านไม่ได้ชอบข้า ทั้งที่ไม่ได้รักข้าถือดีอย่างไรมาทำกับข้าเช่นนี้"
ซินเยว่จ้องมองเขาด้วยสายตาเ็า ไป๋เยี่ยนหลงได้ยินคำพูดของนางกลับไม่ได้บันดาลโทสะผิดจากที่คาด เขาเอ่ยเสียงขรึม
"ถ้าชอบ ข้าก็สามารถทำได้อย่างนั้นหรือ"
ซินเยว่ถึงกับปวดหัวกับคำตอบของเขา เ้าหน้าตายนี่กำลังหลงประเด็นอยู่สินะ
"ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย”
ซินเยว่ถลึงตาใส่เขานางทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
“แต่ว่านะเมื่อใดที่ท่านรักข้าจนสามารถตายแทนข้าได้ เมื่อนั้นข้าจะไม่ห้ามท่าน"
ไป๋เยี่ยนหลงกระตุกยิ้มมุมปากท่าทางเ้าเลห์อย่างหาดูได้ยาก
"ตายแล้วจะรักได้อย่างไรช่างไร้เหตุผลสิ้นดี"
เขาก้มลงดูดที่ต้นคอขาวผ่องของนางจนเป็รอยแดงแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"เ้าเป็ของข้าเพียงคนเดียว”
เมื่อรถม้าวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของซินเยว่ นางรีบลงจากรถม้าด้วยใบหน้าแดงก่ำเดินตัวปลิวเข้าไปด้านในราวกับพายุโดยไม่รอผู้ใด ฮุ่ยหลิงมองตามหลังของนางไปอย่างนึกสงสัย
"คุณหนูเป็อันใดไป"
ฮุ่ยหลิงหันไปถามเยี่ยจื่อที่นั่งอยู่ด้านข้าง
"เ้ายังเด็กอย่ารู้เลย"
เยี่ยจื่อพูดกับฮุ่ยหลิงแล้วทำหน้าเหมือนรู้ทุกอย่างเป็อย่างดี เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรนายท่านเล่นกางม่านพลังกั้นเสียงภายในรถม้า เขาก็เป็บุรุษผู้หนึ่งเช่นกันอยู่มานานเพียงนี้จะมองไม่ออกเชียวหรือเื่ระหว่างหยางซินเยว่กับนายท่านของเขา ถึงจะรู้แต่เขาก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ หากเผลอพูดออกไปก่อนที่นายท่านจะอนุญาตเขาได้ตายก่อนได้แต่งงานแน่
เมื่อทุกคนเข้าไปในเรือนเห็นเซวี่ยฟังเฟยนั่งจิบชาอยู่ที่ระเบียงด้านนอกกับซ่งเว่ยหลง ซินเยว่เดินเข้าไปหาทั้งสองคนแล้วเอ่ยทักทาย
"ท่านแม่ ทานลุงซ่ง"
จากนั้นจึงเดินเลยออกไปที่เรือนแยกของตนด้วยท่าทางรีบร้อน เซวี่ยฟังเฟยเห็นบุตรสาวของตนมีท่าทางแปลกไปก็รู้สึกเป็ห่วง
"เยว่เอ๋อหน้าแดงๆ นะนางไม่สบายหรืออย่างไร"
เซวี่ยฟังเฟยรู้สึกอดเป็ห่วงบุตรสาวของนางไม่ได้
"ก่อนขึ้นรถม้ากลับมาที่นี่ก็ยังดีๆ อยู่นะเ้าคะเดี๋ยวบ่าวไปดูคุณหนูสักหน่อยนางอาจจะไม่สบายจริงๆ ก็ได้"
ฮุ่ยหลิงเดินเข้ามาพอดี ได้ยินเซวี่ยฟังเฟยกล่าวถึงซินเยว่เช่นนั้นนางจึงเดินเเยกตัวไปที่เรือนของนายสาวเพื่อดูอาการ
“คุณหนูเ้าคะท่านเป็อะไรหรือไม่ฮูหยินบอกว่าเห็นท่านหน้าแดงท่านไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
ฮุ่ยหลิงยืนเคาะประตูอยู่ที่หน้าห้องของซินเยว่ ท่าทางของนางดูเป็ห่วงอย่างเห็นได้ชัด ซินเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อขับไล่ความประหม่าจากนั้นจึงเดินออกมาเปิดประตูให้ฮุ่ยหลิง
“มีอะไรหรือ”
ฮุ่ยหลิงสังเกตสีหน้าของซินเยว่ ท่าทางของคุณหนูก็ดูปกติดีหรือฮูหยินจะมองผิดไป
“บ่าวเพียงมาดูท่านเท่านั้น”
ซินเยว่พยักหน้าให้นาง
“เ้าไปพักผ่อนเถอะข้าจะนอนสักหน่อยเหมือนกัน”
ฮุ่ยหลิงพยักหน้าให้ซินเยว่จากนั้นจึงออกจากเรือนของนางไป หลังจากฮุ่ยหลิงไปแล้วซินเยว่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดูเหมือนนางจะยังคงแสดงได้แเีอยู่นะ
“เพราะเ้าบ้านั่นคนเดียว”
ซินเยว่อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาเบาๆ เสี่ยวเป่าที่โผล่หัวออกมาจากอกเสื้อของซินเยว่ส่เสียงจิ๊จ๊ะ ทั้งยังโบกอุ้งเท้าน้อยๆ ของมันไปมาทำท่าสนับสนุนคำพูดของนาง
งานประมูลผ่านไปแล้วกว่าหนึ่งสัปดาห์ ทุกอย่างยังดูเงียบสงบแต่จิตใจของซินเยว่ ไม่ได้เป็ดั่งเช่นบรรยากาศรอบด้านนางเลิกเข้าป่าหาสมุนไพรหมกตัวอยู่แต่ในห้องของนางห้ามไม่ให้ใครเข้ามารบกวน มีเพียงเสี่ยวเป่าที่อยู่ในห้องกับนางเท่านั้น
ความจริงคือนางเข้าไปฝึกวิชาในมิติจิตของนางกับเสี่ยวเป่า เพื่อรอรับมือหยางจิ่งเทียน ซินเยว่ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะรามือไปง่ายๆ ยิ่งเ้าองค์ชายสามนั่นนางไม่สบายใจกับสายตาของเขาถึงแม้ข้างกายของนางจะมีไป๋เยี่ยนหลงแต่นางคิดว่ากันไว้ดีกว่ามาตามแก้ทีหลัง ต่อให้นางแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ก็ไม่มีสิ่งใดเสียหาย หากวันหนึ่งไป๋เยี่ยนหลงจากไป นางก็สามารถดูแลตัวเองได้ ซินเยว่ไม่คิดหวังพึ่งผู้อื่นนางคิดเสมอว่าตนย่อมเป็ที่พึ่งของตนเอง ถ้าหากไป๋เยี่ยนหลงมาได้ยินความคิดของซินเยว่เขาคงจับนางทำโทษอีกเป็เเน่
ซินเยว่ฝึกหลอมโอสถวิชาทะยานเมฆาและฝึกพลังจิตไปด้วยแต่นางไม่เคยได้ใช้งานอย่างจริงจัง เพราะนางยังไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้จริง แต่นางก็ยังยึดคติถ้าสู้ไม่ได้ก็หนีดีกว่าเจ็บตัว ซินเยว่เก็บตัวอยู่ในมิติจิตหลายวันโดยไม่รู้ว่าด้านนอกได้เกิดความวุ่นวายขึ้นที่หน้าบ้านของนาง
