เล่มที่ 2 บทที่ 36 ไสหัวออกไป
ทำไมหลินเฟยจะไม่รู้ว่าหลี่ฉุนคิดอะไรอยู่ “ห้ามให้ใครเข้าไปขณะที่ผู้าุโอู๋กำลังหลอมอาวุธเด็ดขาด” ใครบ้างที่จะไม่รู้ นี่ไม่ใช่ความลับอะไรเสียหน่อย ครั้งก่อนมีศิษย์หุบเขาเทียนสิงคนหนึ่งเข้าไปขัดจังหวะเข้า ผลก็คือถูกผู้าุโอู๋จับแขวนไว้บนเตาหลอม ปล่อยให้ถูกย่างสดถึงสามวันสามคืนเต็มๆ โชคดีที่สุดท้ายได้ให้คนช่วยหามลงมาจากเขา เื่นี้น่ะใครๆ ก็รู้ดี...…
‘แต่ที่แกล้งทำเป็ไม่รู้ ก็เพราะตั้งใจจะมาขัดจริงๆนั่นแหละ…
“ก๊อกๆ…” พอมาถึงหลินเฟยก็เคาะประตูอย่างแรง เพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน จึงะโเรียกอีก
“ผู้าุโอู๋ ผู้าุโอู๋ ศิษย์หลินเฟย จากหุบเขาอวี้เหิงมาหา!”
“…”
ภายในเพิงหลอมเงียบอยู่นาน ก่อนจะมีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น
“เข้ามา”
หลินเฟยผลักประตูเข้ามาตามคำสั่ง ก่อนจะเห็นเตาหลอมขนาดั์อยู่ตรงกลาง เปลวไฟจากใต้พิภพกำลังลุกโชนอยู่ในเตาหลอม ด้านข้างยังมีกระบี่อีกหลายเล่มวางเรียงอยู่ ดูจากไอิญญาที่แปรปรวนก็เดาได้ไม่ยากว่ากระบี่พวกนั้นคงใช้การไม่ได้แล้ว และที่ข้างเตาหลอมก็มีเก้าอี้ไม้ไผ่ตัวหนึ่งอีกด้วย
บนเก้าอี้ไม้ไผ่นั้นเองก็มีชายรูปร่างผอมบางนั่งอยู่ เขาอายุราวห้าสิบปี มีหนวดเคราแพะภายใต้อาภรณ์สีเขียว หากเขาไม่ได้ม้วนแขนเสื้อขึ้นมาจนเห็นฝ่ามือที่หยาบด้าน และเม็ดเหงื่อที่ไหลผุดออกมาจนชุ่มไปทั่วทั้งใบหน้าแล้วล่ะก็ คงจะมีคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็บัณฑิตตกอับแทนที่จะเป็ผู้าุโอู๋เย่วแห่งหุบเขาหมัวเจี้ยน ผู้เป็ปรมาจารย์ด้านหลอมอาวุธอันดับหนึ่งของสำนักเวิ่นเจี้ยนเป็แน่
เวลานี้อู๋เย่วกำลังจ้องมองหลินเฟยด้วยความโกรธที่ยากจะระงับ…
“ศิษย์หลินเฟยจากหุบเขาอวี้เหิง คารวะอาจารย์อา ครั้งนี้ที่มา…”
ยังพูดไม่ทันจะพูดจบเปลวไฟใต้พิภพก็โหมแรงฉับพลัน อุณหภูมิในเพิงหลอมก็สูงขึ้นจนน่าใ ในขณะที่หลินเฟยยังไม่ทันจะได้ตั้งสติ ก็พบว่ามีแรงกดดันอันน่ากลัวขุมหนึ่งพุ่งเข้ามา ชั่วพริบตานั้นก็รู้สึกถูกแรงดันนั้นอัดกระแทกที่หน้าอกเสียเต็มแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น ร่างทั้งร่างก็ถูกเหวี่ยงกระแทกผนังเพิงหลอมอย่างแรง…
“บ้าจริง…” หลังจากได้สติ หลินเฟยก็ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ก่อนจะไอออกมาอย่างแรงจนมีเืปนออกมาด้วย เหมือนว่าแรงอัดกระแทกเมื่อครู่นี้ จะทำให้เขาาเ็จนถึงภายในเสียแล้ว…
หลินเฟยโคจรพลังปราณเพื่อระงับอาการาเ็ ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นนั้น ก็เห็นว่าผู้าุโที่ลุกขึ้นมาั้แ่เมื่อไรก็ไม่รู้ ผู้าุโยืนอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงหนึ่งจ้าง สายตาเต็มไปด้วยไปด้วยความพยาบาทราวกับถูกสัตว์ร้ายตัวหนึ่งจับจ้องอยู่ นี่ถือว่าเป็ครั้งแรกในชาตินี้ที่หลินเฟยเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันที่กำลังโกรธเกรี้ยว แรงกดดันที่น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้หลินเฟยอดที่จะหวาดกลัวจนใจสั่นไม่ได้…
“เห็นแก่ศิษย์พี่หลัว ครั้งนี้ข้าจะไม่เอาเื่ แค่สั่งสอนเบาๆก็พอ ฉะนั้นจงไสหัวไปให้พ้น”
เสียงของอู๋เย่วไม่ดังมากนัก แต่เพราะแรงกดดันของผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน ถึงแม้เสียงที่พูดจะไม่ดัง แต่ก็เต็มไปด้วยแรงกดดันอันมหาศาล…
สำหรับการสั่งสอนเบาๆของผู้าุโอู๋คนนี้นั้น หลินเฟยไม่รู้สึกแปลกใจเลย…
คนตรงหน้าถึงกับเคยจับศิษย์หุบเขาเทียนสิงย่างไฟถึงสามวันสามคืนเต็มๆเชียวนะ
ที่สำคัญก็คือตอนนี้หลินเฟยยังออกไปจากตรงนี้ไม่ได้
นอกจากจะไม่ออกไปแล้ว ยังจำเป็ต้องยั่วยุให้อีกฝ่ายโมโหอีก…
‘แค่คิดก็ตื่นเต้นไม่ไหว…’
“เ้าสำนักให้ข้ามาหาท่าน จะให้ช่วยหลอมกระบี่!”
“ไสหัวไป!”
จริงๆแล้วผู้าุโหุบเขาหมัวเจี้ยนนั้นมีนิสัยเอาแต่ใจมากเลยทีเดียว อย่าว่าแต่เ้าสำนักสั่งมาเลย ต่อให้เป็อ๋องมาสั่งเขาก็ไม่ฟังหรอก หลินเฟยยังพูดไม่ทันจบ ไฟใต้พิภพก็โหมแรงขึ้นมาอีก ชั่วพริบตาต่อมา หลินเฟยก็รู้สึกได้ว่าร่างของเขากำลังลอยอยู่ แต่ยังดีที่ครั้งนี้ผู้าุโยังถือว่าคณามือ จึงถูกเหวี่ยงออกมากระแทกกับพื้นหญ้าด้านนอกเท่านั้น
นอกจากเลอะเศษดินแล้ว ก็ไม่ได้าเ็ภายในเพิ่มอีก…
ไม่นานก็ได้ยินเสียงปิดประตูตามมา
หากเป็คนอื่นเจอเื่เช่นนี้ คงหนีเตลิดไปแล้ว เจตนาของผู้าุโชัดเจนขนาดนี้ หากยังตามตื๊อไม่เลิก ก็เท่ากับรนหาที่ตายก็มิปาน…
แต่กับหลินเฟยนั้นต่างออกไป…
หลินเฟยลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ก่อนจะพยุงตัวเองเดินไปเคาะประตูอีกครั้ง…
“ผู้าุโอู๋ ช่วยเปิดประตูหน่อยเถอะ เ้าสำนักให้ข้ามาหาท่าน…”
“ให้ข้าเข้าไปเถอะ ช่วยหลอมกระบี่ให้ที เสร็จแล้วข้าจะจากไปเอง…”
“ผู้าุโอู๋…”
หลินเฟยเอาแต่ะโโหวกเหวกเสียงดัง จนหลี่ฉุนที่แอบดูอยู่ยังอดใไม่ได้
หลี่ฉุนมองหลินเฟยที่ทั้งทุบประตู ทั้งะโเรียกจนตาค้าง ในฐานะศิษย์เอกหุบเขาหมัวเจี้ยน หลายปีมานี้ เขาเคยเห็นศิษย์หุบเขาอื่น ที่ทำให้อาจารย์โมโหมาก็ไม่น้อย แต่สาบานได้เลยว่าไม่เคยเจอคนดื้อดึงเช่นหลินเฟยมาก่อน ช่างกล้าหาญเสียจริงๆ…
หลี่ฉุนอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้ หากเ้าหลินเฟยยังไม่ละความพยายามล่ะก็ อีกไม่นานคงจะถูกอาจารย์ของเขาโยนเข้าเตาหลอมแน่นอน
“ผู้าุโอู๋ ถ้ายังไม่เปิดประตูอีก ข้าจะฟ้องเ้าสำนักแล้วนะ!”
สิ้นคำขู่…ในที่สุดประตูก็เปิดออก..
ทว่าพริบตาต่อมาก็เห็นมือั์ที่เกิดจากเปลวไฟยื่นออกมาอย่างรวดเร็ว หลินเฟยยังไม่ทันเอ่ยปากะโขอความช่วยเหลือ ก็ถูกคว้าตัวและโยนเข้าไปในเตาหลอมทันที ไม่นานก็มีเพียงเสียงร้องโหยหวนที่ดังออกมาเท่านั้น…
“สมน้ำหน้า…” หลี่ฉุนอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า ‘เก่งนักไม่ใช่หรือ ถึงกับกล้าลงมือกับข้าที่หอว่านเป่า แถมก่อนหน้านี้ยังคิดขู่ข้าอีกอีก คิดว่าอาจารย์จะเป็เหมือนข้าหรืออย่างไร?’
‘หรือจะลองไปดูเ้านั่นตอนถูกทรมานดีนะ?’
ขณะที่คิดไม่ตกอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงอาจารย์ดังขึ้นมาจากเพิงหลอมพอดี
“หลี่ฉุน เข้ามา”
“ทราบแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” หลี่ฉุนรีบออกมาจากที่ซ่อน ก่อนจะกุลีกุจอมุ่งหน้าเข้าไปที่เพิงหลอม ทว่าภาพที่เห็นนั้นราวกับเื่โกหก…
หลินเฟยถูกแขวนอยู่บนเตาหลอม!
เชือกที่ทำจากไฟโลกันตร์อันเหนียวแน่น บัดนี้กำลังพันธนาการมือทั้งสองข้างของหลินเฟยอยู่ ไม่ต่างอะไรกับเนื้อตากแห้งเลยก็ว่าได้ ร่างทั้งร่างถูกแขวนอยู่เหนือเตาหลอมไม่ถึงหนึ่งจ้างเท่านั้น เปลวไฟที่ลุกโชนผสานเข้ากับความร้อนระอุที่สามารถหลอมได้แม้กระทั่งเหล็ก ทำให้อุณหภูมิในห้องแห่งนี้สูงจนแทบจะปลิดชีพมนุษย์ทั้งคนได้เลย…
‘สุดยอด!’
หลี่ฉุนอดที่จะเลื่อมใสหลินเฟยไม่ได้ ศิษย์หุบเขาเทียนสิงคนนั้นถูกแขวนไว้เหนือเตาหลอมถึงสามจ้าง แต่เ้าหลินเฟยกลับถูกแขวนอยู่เหนือเพียงจ้างเดียว ถือว่าใช้ได้ทีเดียว…
“คิดจะทำอะไร เ้าสำนักเป็คนให้ข้ามานะ จะทำอะไรน่ะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
หลินเฟยพยายามดิ้นรนอยู่เหนือเตาหลอม แต่อู๋เย่วกลับไม่แยแสแม้แต่น้อย ทำแค่หันไปออกคำสั่งศิษย์ของตนแทน
“เฝ้าให้ดี แขวนไว้แบบนี้สักสามวัน แล้วค่อยให้อาจารย์เขามารับกลับ”
“รับทราบ” หลี่ฉุนรีบตอบรับอย่างหน้าชื่นตาบาน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------