อวิ๋นลั่วเหลือบมองิโยวก่อนจะหลบสายตา
“เหตุใดเ้าถึงอยากรู้”
“ก็แค่อยากรู้”
“ไม่บอกได้หรือไม่” อวิ๋นลั่วก้มศีรษะลง ไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของนาง ิโยวก็ตระหนักได้ในทันที “ไม่ ไม่ใช่ใช่ไหม อวิ๋นหลานเฟิง้าให้เ้าออกเรือนกับข้าอย่างนั้นหรือ ข้าคงรับเอาไว้ไม่ได้!”
“เ้าพูดอะไรกัน!” อวิ๋นลั่วถกแขนเสื้อขึ้น ตั้งท่าจะทุบตีเขา แต่อูิโยวหลบได้ทัน
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเ้า จะมาโกรธข้าทำไมกัน”
อวิ๋นลั่วเอ่ยอย่างเ็า “ไม่ใช่เ้าอยู่แล้ว!”
ิโยวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดีแล้วที่ไม่ใช่เขา เพราะรู้สึกว่าพักหลังๆ เขามักจะพัวพันกับเื่รักๆ ใคร่ๆ อยู่เรื่อย
อวิ๋นลั่วกำลังจะเอ่ยบางอย่าง แต่ก็ชะงักไป ใบหน้าแสดงความเคอะเขิน
“ช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะ ข้าเองก็คร้านจะพูดเื่ไร้สาระแล้ว หากลำบากใจก็ไม่ต้องเอ่ยถึงหรอก”
อวิ๋นลั่วหน้าตาบูดบึ้ง “ไม่ใช่ว่าลำบากใจ ข้าแค่ประหม่าก็เท่านั้น คนผู้นั้นก็คือพี่ใหญ่ของเ้า ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัด!”
“พี่ใหญ่ของข้า อูิเยี่ยน่ะหรือ” ิโยวใเล็กน้อย แต่หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วก็เข้าใจ
อวิ๋นหลานเฟิงวางหมากได้ดี หากการแต่งงานครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ คฤหาสน์อวิ๋นหลานซานก็จะมี ‘ผู้ที่คอยให้การสนับสนุน’ ในใจของิโยวรู้สึกเยาะหยันอวิ๋นหลานเฟิง บุรุษผู้นี้ช่างมั่นใจในตัวเองเสียจริง หุบเขาไป่หลิงมิใช่คฤหาสน์อวิ๋นหลานซานเสียหน่อย แม้อวิ๋นหลานเฟิง้าเกี่ยวดอง แต่ทางนี้จะเห็นด้วยหรือไม่นั้นก็เป็อีกเื่หนึ่งที่ต้องคุยกัน นอกจากนี้การแต่งงานของพวกเขาสามพี่น้องนั้นถือเป็เื่ใหญ่ ไม่ใช่เื่ที่บิดามารดาจะเป็ผู้ตัดสิน พวกเขาต่างหากที่จะตัดสินใจด้วยตนเอง
อูิโยวเย้ยหยัน “คฤหาสน์อวิ๋นหลานซานของพวกเ้ามองหุบเขาไป่หลิงเป็ชิ้นเนื้ออวบอ้วนอย่างนั้นหรือ บิดาเ้าคิดแสวงหาประโยชน์จากพี่ใหญ่ของข้า พี่ชายคนรองของเ้าก็พยายามหาผลประโยชน์จากพี่หญิง สมกับเป็พ่อลูกกันจริงๆ ช่างคล้ายกันเหลือเกิน”
สายลมเย็นพัดผ่าน อวิ๋นลั่วพลันตัวสั่น นางจึงรีบกอดอก “อวิ๋นจวาไม่คู่ควรกับพี่ิหลิง ข้ารู้เื่นี้ดี อีกอย่างนางก็มีคนที่ชอบพออยู่แล้ว”
“แน่นอน พี่หญิงของข้าคือว่าที่ฟูเหรินในอนาคตของไป๋เจ๋อ”
“ไป๋เจ๋อ คุณชายใหญ่ตระกูลหลิ่วน่ะหรือ”
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของอวิ๋นลั่ว ก็เดาได้ว่านางไม่น่าจะรู้ความในใจของพี่หญิง คิดว่าพี่หญิงคงไม่เคยบอกเื่นี้กับนาง แม้ว่าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่เพราะตัวอยู่ห่างไกลทำให้พูดคุยกันค่อนข้างน้อย ความในใจของสตรีจะเปิดเผยให้ผู้อื่นรู้ง่ายๆ ได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะเขาเป็คนใกล้ชิดของพี่หญิงและสังเกตเห็นสัญญาณต่างๆ จากการเคลื่อนไหวของนาง บางทีอาจจะยังไม่รู้เื่นี้ก็เป็ได้
“ทั้งสองเป็คู่ที่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง” ในที่สุดพี่ิหลิงก็ค้นพบความสุขแล้ว แต่ตอนนี้ตัวนางกลับต้องห่างจากพี่จื่ออู่ นึกถึงเื่นี้ขึ้นมาอวิ๋นลั่วก็น้ำตาไหลริน
อูิโยวใ สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือสตรียามร้องไห้ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
“ข้าก็อยู่กับเ้านี่ อย่าร้องไห้ได้ไหม สิ่งที่ข้าไม่อยากเห็นมากที่สุดก็คือยามที่สตรีมีน้ำตา”
อวิ๋นลั่วหลุดขำ นางยกมือเช็ดหยาดน้ำตา “ใครร้องไห้กัน ลมแรงจนข้าแสบตาต่างหาก”
อูิโยวถอนหายใจ เหตุใดสตรีถึงชอบโป้ปดมดเท็จ
หลังจากเช็ดหน้า อวิ๋นลั่วก็กัดเถียนปิ่งเข้าปากต่อ หลังจากกินคำสุดท้ายแล้ว นางก็ยื่นมือไปทางิโยว
“ยังมีอีกหรือไม่”
อูิโยวกลืนน้ำลาย มองดูมือของอวิ๋นลั่วสลับกับมองดูเถียนปิ่งอีกครึ่งชิ้นในมือตนเอง ได้แต่ทอดถอนใจ แม่นางผู้นี้เหตุใดถึงได้กินเก่งเช่นนี้นะ ภายใต้ความรู้สึกแสนจนใจ เขาเพียงหยิบเถียนปิ่งชิ้นใหม่ให้กับนาง
“ถ้ารู้ว่าเ้ากินเก่งเช่นนี้ ข้าคงเอามาเพิ่มให้มากหน่อย”
อวิ๋นลั่วหรี่ตามองอูิโยว “ข้าเคยได้ยินว่าเ้าเป็คนไม่สนใจสิ่งใด ดูเหมือนจะเป็ความจริง แม้แต่คนในครอบครัวเ้ายังกล้าหลอกลวง!”
อูิโยวกล่าว “เขาเรียกว่าเป็คนสบายๆ ต่างหาก อีกอย่างเ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าสักเท่าไรหรอก ต่อต้านการคลุมถุงชนและหนีมา จิ๊ๆ ผู้คนต่างพูดกันว่าคุณหนูของคฤหาสน์อวิ๋นหลานซานนั้นอ่อนโยนสง่างาม คิดไม่ถึงว่าจะดื้อด้านเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ข้าเคยรวมเ้าเอาไว้ในรายชื่อของคนที่อาจจะเป็ฟูเหรินของไป๋เจ๋อด้วยนะ แต่ดูเหมือนว่าการตัดเ้าออกจากตัวเลือกจะเป็สิ่งที่ชาญฉลาดที่สุดแล้ว”
อูิโยวนั้นมีฝีปากคมกล้า อวิ๋นลั่วเป็เพียงเด็กสาวที่ไร้ประสบการณ์ในโลกภายนอก จึงไม่อาจต่อปากต่อคำแข่งกับเขาได้
อวิ๋นลั่วกระทืบเท้า “หากไม่หนีจากคฤหาสน์อวิ๋นหลานซาน เ้าอยากให้ข้าแต่งงานกับพี่ชายเ้าอย่างนั้นหรือ ฮึ!”
จู่ๆ อูิโยวก็ตบหน้าผากของตน ก่อนจะตระหนักได้ว่า “ซวยแล้ว พวกเราล้วนถูกตาแก่นั่นหลอกลวงหรือนี่”
อวิ๋นลั่วทำหน้าบูดบึ้ง “เขาเป็บิดาของข้า เ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูดถึงเขาเช่นนี้”
อูิโยวยังคงพูดต่อโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะโกรธหรือไม่ “เ้าคิดดูนะ ที่เ้าหนีออกมาจากคฤหาสน์อวิ๋นหลานซานพร้อมกับพวกข้า พวกเขาต้องรู้อย่างแน่นอน เ้าอยู่ที่หุบเขาไป่หลิงมานานขนาดนี้ พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะตามหาเ้า เดิมทีก็อยากจะให้เ้าแต่งงานกับท่านพี่ใหญ่ของข้าอยู่แล้ว หากเ้าอยู่ที่หุบเขาไป่หลิงก็จะได้พบกับพี่ใหญ่ทุกวัน แบบนี้พวกเขาก็ชอบใจน่ะสิ”
อวิ๋นลั่วไม่กล้าเอ่ยปาก อันที่จริงก่อนหน้านี้จื่ออู่เคยมาหานางแล้ว แต่ก็ใช่ว่าการคาดเดาของอูิโยวไม่สมเหตุสมผล นางผิดหวังในตัวบิดามาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ขอให้ิหลิงพาออกจากคฤหาสน์ในขณะที่บิดาไม่อยู่เช่นนี้หรอก เพียงแต่ว่า…
“นอกจากตอนที่เดินทางมายังหุบเขาไป่หลิง ข้าก็ไม่ได้เจอกับพี่ใหญ่ของเ้าอีก อย่าคิดมาก”
ในเวลานี้ิโยวไม่ได้คิดสนใจหรือมีใจจะฟังคำอธิบายของนาง เขาตบต้นขาและพูดด้วยความเสียใจ “ข้าน่าจะคิดได้ั้แ่ตอนที่อยู่เฟิ่งเทียน คนไร้ความสามารถอย่างอวิ๋นจวา เหตุใดจู่ๆ จึงไปก่อเื่ที่ไป่เย่าถังเช่นนั้น เหมือนว่าเขาจงใจทำ ข้าช่างโง่เขลานักที่โกรธไป๋เจ๋อเพราะเื่ที่เขาไม่ยอมให้ข้าออกจากหุบเขา...”
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ิโยวก็มองอวิ๋นลั่วด้วยความโกรธ “ทั้งหมดเป็ความผิดของบิดาเ้า รวมไปถึงน้องชายทั้งสองคนที่น่ารังเกียจของเ้าด้วย หากครั้งนี้ไป๋เจ๋อเพิกเฉย ไม่ใยดีต่อข้า ข้าจะจัดการพวกเ้าแน่ ฮึ!”
ทั้งสองคนต่างก็มีความกังวลอยู่ในใจ ดังนั้นพวกเขาจึงสงบลง ไม่ส่งเสียงใดๆ อีก
ในที่สุดอวิ๋นลั่วก็เป็ฝ่ายทำลายความเงียบ เอ่ยทั้งน้ำตาว่า “ข้าขอโทษแทนท่านพ่อและน้องชายของข้าด้วย พวกเขาทำเกินไปจริงๆ”
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นลั่วกำลังจะหลั่งน้ำตาอีกครั้ง ิโยวจึงรีบโบกมือ “ช่างเถอะ เมื่อคิดให้ถี่ถ้วนแล้วเื่นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเ้าเลย” เขามองไปที่อวิ๋นลั่วก่อนจะทอดถอนใจ การที่นางเติบโตขึ้นมาเป็คนที่มีจิตใจเมตตาและบริสุทธิ์ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ถือว่าไม่ใช่เื่ง่ายเลย
เมื่อเห็นว่าใกล้จะพลบค่ำ ทั้งสองจึงออกขี่ม้าอีกครั้ง ระหว่างทางจู่ๆ อวิ๋นลั่วก็เอ่ยถามิโยวด้วยความไม่เข้าใจ “เ้าบอกว่าจะให้ข้าซ่อนตัวในกล่องเก็บยาเพื่อเดินทางไปกับขบวนของพี่ชายเ้ามิใช่หรือ เหตุใดถึงได้เปลี่ยนใจกลางคัน”
อูิโยวเม้มริมฝีปาก “เ้าคิดว่าพี่ข้าเป็คนที่หลอกได้ง่ายๆ หรือ หากให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่เช่นเ้าเข้าไปซ่อนในกล่องยา ข้ารับประกันได้เลยว่าเขาจะพบเ้าก่อนที่จะได้ออกจากหุบเขาไป่หลิง ที่ข้าบอกไปเช่นนั้นก็เพื่อให้เขามุ่งความสนใจไปยังกล่องยา ไม่เช่นนั้นเมื่อออกมาจากหุบเขาแล้วเขาคงให้คนคอยจับตาดูข้า ถึงเวลานั้นข้าจะหนีออกมาได้อย่างไรเล่า”
“ถ้าอย่างนั้นในกล่องของเ้าบรรจุอะไรเอาไว้”
อูิโยวหัวเราะเบาๆ เอ่ยด้วยท่าทีมีลับลมคมใน “ข้าบอกแล้วว่าเป็สิ่งมีพิษ ข้าก็ไม่ได้โกหกสักหน่อย ฮี่ๆ...”
อูิเยี่ยที่อยู่ห่างออกไปไกลร้อยลี้ มองดูงู มด และแมลงมีพิษที่อยู่ในกล่องด้วยความรู้สึกขนลุก เขากัดฟันเพื่อระงับความโกรธเอาไว้ที่กลางอก อูิโยว รอข้ากลับไปก่อนเถอะ คอยดูว่าข้าจะจัดการกับเ้าอย่างไร!
หลังจากกำจัดแมลงพิษในกล่องไปจนหมดสิ้น ก็มีเสียงนกร้องดังมาจาก้าศีรษะเขา
“อิ๋นเฟิงหรือ”
นกดวงดาวส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงโดยสตรีในหุบเขาไป่หลิง อิ๋นซิงเป็สัตว์เลี้ยงทางจิติญญาของิหลิงผู้เป็น้องสาวของเขา ส่วนอิ๋นเฟิงเป็สัตว์เลี้ยงทางจิติญญาของไป่เซียงถิงผู้เป็มารดา การที่อิ๋นเฟิงอยู่ที่นี่ในเวลานี้ คงเป็เพราะท่านแม่้าส่งข่าวให้เขา
เขาปลดกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ ออกจากขาของมัน เปิดอ่านจดหมายด้านใน หลังจากนั้นเขาพลันเกิดความคิดขึ้นมาว่าจะไม่มีทางเลิกรา หากไม่ได้ทุบตีน้องชายคนนี้สักทีสองที วางแผนหลอกให้เขาหลงเชื่อเพื่อแอบย่องออกจากหุบเขา ไม่เพียงเท่านั้น ิโยวยังพาอวิ๋นลั่ว บุตรสาวคนโตของคฤหาสน์อวิ๋นหลานซานไปด้วย หากทั้งสองเผชิญอันตรายระหว่างทางจะทำอย่างไร
แต่ในจดหมายท่านแม่บอกว่าไม่ต้องกังวลเื่ิโยว เพราะเป็สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในเวลานี้ รอให้ถึงเทือกเขาจู่เสียแล้วค่อยทุบตีน้องชายสักทีก็ยังไม่สาย
อูิโยวและอวิ๋นลั่วเดินทางรอนแรมมานานกว่าครึ่งเดือน ในที่สุดวันนี้ก็พบโรงเตี๊ยมริมทางแห่งหนึ่ง ในใจได้แต่คร่ำครวญว่าในที่สุดก็ไม่ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายแล้ว ทันทีที่ลงจากหลังม้า อูิโยวก็รู้สึกร้าวระบมที่ก้น ทว่าเพียงชั่วครู่ความเ็ปนั้นก็หายไป เป็เพียงความรู้สึกที่คิดไปเองอย่างนั้นหรือ
ทั้งสองเดินทางอย่างเร่งรีบ อีกเพียงเจ็ดถึงแปดวันก็น่าจะเข้าสู่พื้นที่ของเทือกเขาจู่เสีย เทือกเขาจู่เสียนั้นอยู่ใกล้กับป่าใต้พิภพ ที่นั่นไม่มีแสงแดดสาดส่องถึงตลอดทั้งปี ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บ ทิวทัศน์ของดอกไม้ที่ผลิบานตามข้างทางค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยดอกไม้เหี่ยวเฉาสีเหลือง
อูิโยวครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนก็นับได้ว่าเป็เวลาหกถึงเจ็ดปีแล้ว นับั้แ่ครั้งสุดท้ายที่เขาไปยังเทือกเขาจู่เสีย ไม่รู้ว่าสภาพแวดล้อมที่นั่นจะเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเห็นตอนเด็กๆ หรือไม่ ครั้งนั้นที่บิดาพาไปยังจิ่วฟางกวน เขาได้พบกับหลิ่วไป๋เจ๋อเป็ครั้งแรกที่รอบนอกของป่าใต้พิภพ เมื่อย้อนนึกถึงก็รู้สึกได้ว่าเวลาเปรียบดังม้าขาวที่วิ่งลอดผ่านช่องว่าง[1] หลุดลอยไปอย่างรวดเร็ว ไม่อาจไขว่คว้าเอาไว้ได้
“ในที่สุดก็มีที่พักสักที หากต้องค้างแรมในป่าอีก ข้าคงทนไม่ไหวเป็แน่” อย่างไรอวิ๋นลั่วก็เป็ผู้หญิง นางรักสะอาด หากร่างกายเปรอะเปื้อนดินโคลนก็มักรู้สึกไม่สบายตัว
หลังจากเดินทางมาหลายวันิโยวก็รู้สึกเหนียวตัวไม่ต่างกัน คืนนี้การอาบน้ำคงเป็สิ่งที่ละเว้นไม่ได้
“เถ้าแก่!”
โรงเตี๊ยมนี้ดูรกร้างนิดหน่อย เมื่อครู่ที่เดินเข้ามาแทบไม่เห็นใครเลยสักคน อูิโยวะโอีกครั้ง จากนั้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินออกมาจากด้านหลังโต๊ะจ่ายเงิน
“เถ้าแก่ ห้องชั้นบนสองห้อง”
ผู้ที่เดินออกมาคือชายชราตัวเตี้ย ขณะเดินมาก็อ้าปากหาวไปด้วย คงเป็เพราะ่นี้ไม่มีผู้เข้ามาพัก ทำให้บรรยากาศภายในโรงเตี๊ยมดูเงียบเหงาเป็อย่างยิ่ง ชายชรามองมาทางอูิโยวและอวิ๋นลั่ว มองั้แ่หัวจรดเท้าก่อนจะกล่าว
“ข้าต้องขออภัยพวกท่านทั้งสองด้วย ชั้นบนของโรงเตี๊ยมเหลือเพียงห้องเดียวเท่านั้น หลายวันก่อนมีลูกค้าจองจนเต็มหมดแล้ว พวกท่านเลือกเป็ห้องธรรมดาสองห้องดีหรือไม่”
อูิโยวไม่ได้สนใจว่าตัวเขาจะอยู่ห้องชั้นบนหรือห้องธรรมดา กลัวแค่ว่าอวิ๋นลั่วจะไม่ชินกับมันนัก แม้ว่าระหว่างทางทั้งสองจะทะเลาะกันบ้าง แต่ด้วยเหตุนี้ก็ทำให้อูิโยวค้นพบว่าอวิ๋นลั่วไม่ใช่คนที่สามารถทนต่อความลำบากได้เหมือนที่เขาคิดเอาไว้ก่อนหน้า นางเป็คนใจดี ไม่เข้มงวด ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือไร้เดียงสาเกินไป ไม่ค่อยรู้เื่ราวทางโลก ปกป้องญาติพี่น้องมากเกินไป จนบางครั้งก็ไม่ได้สนว่าอะไรถูกอะไรผิด
“ห้องธรรมดาก็ได้!”
เมื่อสังเกตเห็นความกังวลของอูิโยว อวิ๋นลั่วก็ไม่ได้สนใจว่าสภาพห้องจะเป็อย่างไรอีก ตราบใดที่มีเตียงและมีน้ำอุ่นก็เพียงพอแล้ว
เ้าของโรงเตี๊ยมพาทั้งสองขึ้นไปชั้นบน บังเอิญมีคนผู้หนึ่งเดินลงมาพอดี พวกเขาจึงเดินสวนกัน เมื่อคนผู้นั้นออกจากประตูไป อูิโยวก็หันไปมองร่างที่สวมเสื้อคลุมสีดำ พลันเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
————————————————————
[1] ม้าขาวลอดผ่านช่องว่าง หมายถึง เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกะพริบตา
