ลูกแก้วที่หายไป
ข้อจำกัด : ไม่มี
ลักษณะภารกิจ : ธรรมดา
รางวัลภารกิจ : ค่าประสบการณ์ 3,000 หน่วย, เหรียญทอง 5 เหรียญ, ค่าชื่อเสียง 2 หน่วย, ความประทับใจจากเ้าเมือง +3, มีความน่าจะเป็ 10% ที่จะได้รับไอเทมระดับทองแดงเลเวล 10 หนึ่งชิ้นที่เหมาะสมกับอาชีพของตนเอง
เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ลูกชายของท่านเ้าเมืองถูกาาอัปลักษณ์ทำให้ใกลัวจนร้องไห้ เขาไม่ทันระวังจึงทำลูกแก้วที่เล่นมาั้แ่เล็กจนโตจำนวนสามลูกหล่นหายไปในป่าดำ ดังนั้นจึงอยากขอร้องให้ผู้กล้าที่มีความกล้าหาญช่วยหามันแล้วนำกลับมาคืน
เมื่อมองภารกิจทั้งสามจนจบเย่เทียนเซ่ยก็หมดอารมณ์จะมองภารกิจที่สี่ที่ถูกเขียนด้วยตัวอักษรสีขาวเหมือนกันอีกต่อไป แต่เมื่อหันกลับไปมองภารกิจสุดท้าย........ มันเป็ภารกิจที่เขียนไว้ด้วยตัวอักษรสีน้ำเงิน
สีขาวหมายถึงภารกิจธรรมดาสุดๆที่ไม่ว่าใครก็สามารถรับมอบได้ แต่สีน้ำเงิน.........
สำรวจร่องรอยทหารประจำเมืองที่หายไป
ข้อจำกัด : ค่าชื่อเสียง 200
ลักษณะภารกิจ : หนึ่งเดียว
รางวัลภารกิจ : ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับระดับความสำเร็จของภารกิจ กรุณาสอบถามข้อมูลโดยละเอียดจากท่านเ้าเมืองด้วยตนเอง
ภารกิจหนึ่งเดียว!
ภารกิจหนึ่งเดียวก็คือภารกิจที่หากมีผู้เล่นคนหนึ่งรับมอบไปแล้วผู้เล่นคนอื่นๆก็จะไม่สามารถรับมอบภารกิจนั้นได้อีก ภารกิจเช่นนี้มักจะโหดร้ายมาก ระดับความยากของภารกิจก็มักจะยากกว่าภารกิจธรรมดาค่อนข้างมาก....... แต่ขณะเดียวกันรางวัลของภารกิจก็จะโดดเด่นกว่าภารกิจธรรมดาด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อภารกิจหนึ่งเดียวปรากฏขึ้นมาบนป้ายประกาศของจวนเ้าเมืองมันก็ได้สร้างความคึกคักเกินบรรยายขึ้นในใจของผู้เล่นมากมาย..... แต่ทว่าค่าชื่อเสียง 200 ที่เป็ข้อจำกัดของภารกิจนั้นราวกับแม่น้ำหงโกวอันกว้างใหญ่ที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้ ซึ่งมันได้ทำลายความหวังของพวกเขาไปจนหมดสิ้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้เล่นที่สามารถสะสมค่าชื่อเสียงให้ได้ถึง 200 หน่วยเป็คนแรกน่าจะเป็ผู้เล่นที่ได้รับภารกิจหนึ่งเดียวนี้ไป และเมื่อรายการจัดอันดับชื่อเสียงประกาศออกมา ผู้เล่นทั้งหมดที่รู้จักภารกิจนี้ก็พุ่งเป้าไปที่ชื่อของอันดับหนึ่งในรายการจัดอันดับชื่อเสียงทันที แล้วตัวเลข “220” ที่โดดเด่นสะดุดตาที่อยู่ด้านหลังชื่อนั้นก็ทำลายความหวังสุดท้ายของพวกเขาไปโดยสมบูรณ์
เทียบกับระยะห่างเพียงเล็กน้อยในรายการจัดอันดับเลเวลแล้ว ตัวเลขสามหลักสูงลิ่วที่อยู่ในรายการจัดอันดับชื่อเสียงก็เป็เหมือนกับแสงอันโดดเด่นท่ามกลางผู้คนมากมายที่กดคนอีกเก้าคนลงไปจนมิด ไม่ต้องพูดถึงรายชื่อต่อจากนั้นเลย แม้แต่ความต่างระหว่างเขาและอันดับที่สองก็ยังต่างกันมากเกือบสิบเท่า
ชื่อเซี่ยเทียน....... มันเป็ชื่อที่สร้างความสั่นะเืไปทั่วทั้งหัวเซี่ยจนอาจจะเรียกได้ว่าทั่วทั้ง World of Fate ั้แ่เมื่อวานจนถึงตอนนี้เลยก็ว่าได้....... คนๆเดียว เขาผ่านการทดสอบระดับนรกได้ด้วยตัวคนเดียว! ตอนนี้ทั่วเขตาหัวเซี่ยก็เกือบจะไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเซี่ยเทียน ในประเทศอื่นๆเองก็เริ่มที่จะหันมาสนใจชื่อที่ผุดขึ้นมาในเขตาหัวเซี่ยนี้เช่นกัน เพราะเขาได้สร้างตำนานขึ้นมาเื่หนึ่ง และสามารถพูดได้ว่านี่เป็ชื่อของสุดยอดตำนานเลยก็ว่าได้
เย่เทียนเซี่ยอดทนต่อไป ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วท่ามกลางฝูงชนเหมือนปลาที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ ใช้เวลาไม่นานเขาก็มาถึงด้านหน้าของNPCที่สวมชุดเครื่องแบบคนหนึ่ง เขาถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอกก่อนจะพูดกับNPCคนนั้น “ผมมารับภารกิจสำรวจร่องรอยทหารประจำเมืองครับ”
ทหารที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กำลังจะพูดกับเขาอีกรอบว่าการจะรับมอบภารกิจนี้ได้จะต้องมีชื่อเสียง 200 แต่แล้วเขาก็ได้เห็นตัวเลข “220” ที่ระบุไว้ตรงช่องคุณสมบัติชื่อเสียงในหน้าต่างคุณสมบัติที่เย่เทียนเซี่ยเรียกออกมา
ทหารคนนั้นตะลึงค้างอย่างเห็นได้ชัด ในความคิดของเขา่เวลานี้มนุษย์ที่มาจากต่างแดนเหล่านี้ไม่น่าจะรวบรวมค่าชื่อสียงได้เกิน 100 ค่าชื่อเสียง 200 ยิ่งเป็ไปไม่ได้ แต่การปรากฏตัวของเย่เทียนเซี่ยทำให้เขาใ และยังสงสัยว่าเขาตาฝาดไปเองหรือเปล่า หลังจากเขาตรวจสอบให้แน่ใจอีกหลายครั้งเขาถึงได้เริ่มพูดกับเย่เทียนเซี่ย “........ แท้จริงแล้วเ้าก็มีคุณสมบัติที่จะรับภารกิจนี้ได้ เชิญตามข้ามา ข้าจะพาเ้าไปพบท่านเ้าเมือง”
จวนเ้าเมือง
จวนเ้าเมืองกว้างใหญ่กว่าที่เย่เทียนเซี่ยคาดคิดไว้มาก ดูจากระดับความเงียบสงบของที่แห่งนี้เย่เทียนเซี่ยก็แน่ใจว่าเขาคือผู้เล่นคนแรกที่ได้เข้ามาในจวนเ้าเมือง เขาเดิมตามทหารคนนั้นอ้อมไปอ้อมมาหลายรอบจนในที่สุดเขาก็มาถึงห้องหนังสืออันเป็ห้องทำงานของเ้าเมือง
“ท่านเ้าเมืองครับ มีผู้กล้าจากต่างแดนคนหนึ่งหวังว่าจะสามารถช่วยท่านเ้าเมืองตามหาร่องรอยของทหารประจำเมืองที่หายไปเมื่อเดือนก่อนได้ครับ” ทหารคนนั้นนำเย่เทียนเซี่ยไปหาชายวัยกลางคนที่กำลังก้มหน้าอ่านหนังสือด้วยคิ้วที่ผูกกันแน่นก่อนเขาจะพูดออกมาด้วยความเคารพ
เ้าเมืองเทียนเฉินดูมีอายุราวๆสี่สิบปี ใบหน้าของเขาเกลี้ยงเกลาเหมือนหยกดูแล้วน่าจะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่ต้องสงสัย เมื่อได้ฟังทหารคนนั้นรายงาน เขาก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดออกมาอย่างตกตะลึง “อะไรนะ? มีคนที่มีชื่อเสียงมากกว่า 200 รวดเร็วขนาดนี้เชียวรึ?”
เขาเบนสายตามองมาที่เย่เทียนเซี่ย สายตาของเ้าเมืองมองสำรวจไปทั่วร่างของเขาก่อนจะส่ายหน้าออกมา “เ้าหนุ่มผู้มาจากต่างแดน ตอนนี้พลังของเ้ายังอ่อนแอนัก เ้ายังไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้หรอก รอให้เ้าถึงเลเวล 18 ขึ้นไปเสียก่อนแล้วค่อยมาใหม่แล้วกัน”
แม้ว่านี่จะเป็ภารกิจหนึ่งเดียวที่ไม่ได้กำหนดเลเวลขั้นต่ำเอาไว้ แต่ข้อจำกัดด้านค่าชื่อเสียงก็เท่ากับข้อจำกัดด้านเลเวล...... เพราะจากการสันนิษฐานของท่านเ้าเมืองคนที่มีค่าชื่อเสียงมากกว่าสองร้อยอย่างน้อยก็ควรจะมีระดับใกล้เคียงกับเลเวล 20 แล้ว
แต่ไม่คิดเลยว่าเย่เทียนเซี่ยที่ปรากฏตัวขึ้นมาจะมีเลเวลเพียงแค่ 11 เท่านั้น แต่ค่าชื่อเสียงของเขากลับเกินกว่าสองร้อยอย่างน่าประหลาด ความสามารถของเลเวล 11....... ถ้าหากไปที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับไปรนหาที่ตาย
เย่เทียนเซี่ยไม่ได้จากไป แต่เขากลับหยิบเหรียญผู้กล้าที่หน้าอกขึ้นมาด้วยจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว แล้วพูดออกมา “ท่านเ้าเมือง เลเวลไม่ใช่มาตรฐานของพลังที่แท้จริงหรอกนะครับ ไม่ทราบว่าสิ่งนี้พอจะสามารถพิสูจน์พลังของผมให้ท่านเห็นได้หรือเปล่า”
“ห......เหรียญผู้กล้า!?”
เ้าเมืองที่แสดงท่าทีสงบนิ่งมาโดยตลอดตกตะลึงจนต้องเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ทันที เขามองไปยังเหรียญผู้กล้าสีทองแดงบนอกของเย่เทียนเซี่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความใ ทหารที่นำเย่เทียนเซี่ยเข้ามาเมื่อได้ยินชื่อของเหรียญผู้กล้าก็มีสีหน้าตกตะลึงและมีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมา สายตาที่เขามองไปยังเย่เทียนเซี่ยเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
เย่เทียนเซี่ยพยักหน้าอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน ปฏิกิริยาตอบสนองของเ้าเมืองเทียนเฉินที่โอเวอร์ยิ่งกว่าเ้าของร้านขายอุปกรณ์และเ้าของโกดังทำให้เขารู้ได้ทันทีว่า....... มันได้ผลแล้ว เหรียญผู้กล้าจริงๆแล้วเป็สิ่งที่สุดยอดเกินกว่าที่ตัวเขาเองจินตนาการไว้เสียอีก
“คนที่สามารถนำเหรียญผู้กล้ามาได้ล้วนเป็ผู้กล้าที่แท้จริง...... พลังของผู้กล้าเช่นนี้ล้วนไร้ข้อกังขา” สีหน้าของเ้าเมืองเทียนเฉินอ่อยโยนขึ้น เขานั่งลงอย่างสงบ “มิน่าล่ะเ้าถึงมีค่าชื่อเสียงเกินกว่า 200 ในระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้ ฮ่าๆๆ ช่างเป็คนหนุ่มที่ไม่ธรรมดาจริงๆ...... เช่นนั้นเ้าจะช่วยข้าสักเื่ได้หรือไม่”
เย่เทียนเซี่ยพยักหน้า “ท่านเ้าเมือง เชิญท่านพูดมาได้เลยครับ”
เ้าเมืองพยักหน้าเล็กน้อยหลังจากนั้นจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ความกังวลฉายชัดบนหน้าผากของเขา “เื่เป็เช่นนี้.......เมืองเทียนเฉินของเราตั้งอยู่ทางตะวันออกของทวีปที่สาบสูญ สามารถพูดได้ว่าที่นี่เป็สถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายที่สุด ไม่ขาดแคลนทรัพยากรหรืออาหารแต่อย่างใด ดังนั้นพวกเราจึงไม่เคยมีามาก่อน มอนสเตอร์จากโลกภายนอกก็ไม่สามารถรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของเมืองได้ แม้ห้วงเวลาแห่งโชคชะตาจะหายสาบสูญไปและไอปีศาจที่ล้นทะลักออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตาจะเริ่มส่งผลกระทบต่อทวีปที่สาบสูญทั้งทวีป แต่เมืองเทียนเฉินก็ยังคงสงบสุขดี”
“แต่สามปีก่อนเสียงนกั์ตัวหนึ่งก็ดังขึ้นเหนือท้องฟ้าของเมืองเทียนเฉิน....... มันคือนกั์ตัวหนึ่ง ต่อมาพวกเราถึงได้รู้ว่ามันคือฟีนิกซ์ซึ่งไม่สมควรจะมาปรากฏตัวที่นี่ ในทวีปที่สาบสูญแห่งนี้ฟินิกซ์เป็สัตว์ที่มีเกียรติเทียบเท่ากับั มันงดงาม ศักดิ์สิทธิ์ เป็สัญลักษณ์ของความสูงส่งและรุ่งเรือง มันได้รับความเคารพจากประชาชนในเมืองของเราเป็อย่างมาก ว่ากันว่าฟินิกซ์ตัวนั้นอาศัยอยู่ทางตอนใต้ซึ่งถือเป็เขตที่ร้อนที่สุดของเมืองเทียนเฉิน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีใครพบเห็นมันเลยแม้แต่คนเดียว...... แต่วันนั้นมันคือฟินิกซ์จริงๆ มันคือฟินิกซ์ที่มีสีแดงเืทั่วทั้งตัว!”
“ฟินิกซ์สีเื?” เย่เทียนเซี่ยอึ้งไป ตามตำนานของหัวเซี่ยตระกูลฟินิกซ์นั้นมีหลายสี ต่อมาก็ยังมีการกล่าวถึงฟินิกซ์สีทองอันน่านับถือ และในตำนานนั้นยังมีฟินิกซ์เพลิงที่มีสีแดงเพลิงอีกด้วย....... แต่ไม่เคยมีการกล่าวถึงฟินิกซ์สีเืมาก่อนเลย
