บทที่ 119 เสวี่ยหรูเยียน
“ฟุ่บ!”
จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็หมุนเวียนพลังปราณไฟหยาง ซึ่งไหลอยู่ในเส้นเืิญญาทั้งหกสิบสี่เส้น และในขณะเดียวกันก็หายใจเอาพลังิญญาที่เดือดพล่านออกมาและดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
หลังจากนั้นไม่นาน ของเหลวิญญาในสระก็น้อยลงเรื่อยๆ ม่านหมอกก็ค่อยๆ จางลง ขอบเขตการมองเห็นก็ค่อยๆ กว้างขึ้น
แต่เมื่อฉู่อวิ๋นลืมตาขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่ามีร่างงามระหงปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาไม่ไกล
“เกิดอะไรขึ้น! มีคนมาที่นี่หรือ?”
เมื่อตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ ฉู่อวิ๋นจึงหยุดดูดซับพลังิญญาที่กระจายอยู่อย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกพบเห็น
แต่เขายังคงช้าเกินไป หมอกในสระิญญานั้นเบาบางลงมากแล้ว ในเวลานี้ มีสายลมเบาๆ พัดผ่าน และด้วยเสียงหวีดหวิว หมอกก็เกือบจะสลายไปในทันที ทันใดนั้น ก็สามารถมองเห็นทัศนียภาพทั้งหมดได้เต็มตา
“หือ หมอกหายไปแล้ว?” เด็กสาวสง่างามอุทานและมองไปรอบๆ อย่างสบายๆ และเมื่อหันไปมองน้ำตกก็เห็นร่างๆ หนึ่งทันที
ทันใดนั้นดวงตาที่สวยงามของนางก็เบิกกว้างขึ้น จ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋น สีหน้าของนางนิ่งค้างและไม่ตอบสนอง นี่มันกะทันหันเกินไป!
“อ๊ะ! ข้าหมกมุ่นอยู่กับการฝึกซ้อมมากเกินไปจนไม่เห็นว่าใครเข้ามาใกล้เลยหรือนี่!” ฉู่อวิ๋นเหงื่อไหลและก่นด่าตัวเองในใจ
เขาไม่ขยับ นั่งตัวตรง เหมือนนักพรตเฒ่านั่งสมาธิ รักษาท่าปฏิบัติธรรม
แต่ในสายตาของหญิงสาว ฉู่อวิ๋นในเวลานี้เป็เหมือนถ้ำมองมากกว่า นั่งเงียบๆ ใต้น้ำตก มองดูนางอาบน้ำอย่างเงียบๆ...
ทั้งสองจ้องมองกัน ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว ทั้งคู่ต่างก็ตกตะลึง
“ฮ่าๆ... สระิญญานี้ไม่เลว ยังมีของเหลวอีกมาก เ้าดูดซับต่อเถอะ ข้าไปก่อน” ฉู่อวิ๋นหันหลังกลับและหยิบชุดหนังสัตว์ออกมาจากวงแหวนอวกาศพร้อมสวมอย่างเกร็งๆ
“หือ?” เด็กสาวสง่างามใกับคำพูดเหล่านี้และในที่สุดก็รู้สึกตัว
“อ๊ะ--”
ในที่สุด ใบหน้าที่สวยงามของหญิงสาวก็กลายเป็สีแดง นางกรีดร้องเสียงดัง และจมลงไปในสระิญญาพร้อมกับสาดน้ำใส่
“คุณหนูเสวี่ย เกิดอะไรขึ้นเ้าคะ?!”
ในเวลานี้ มีร่างมากมายปรากฏขึ้นในป่า นักรบหญิงหลายสิบคนที่ได้ยินเสียงก็เข้ามาล้อมรอบสระน้ำทันที
คนเหล่านี้คือนักรบหญิงของหญิงสาวนางนี้ เมื่อพวกนางเห็นฉู่อวิ๋นที่รีบแต่งตัวอยู่ที่น้ำตก และหญิงสาวสกุลเสวี่ยที่ตื่นตระหนก พวกนางต่างก็หวาดกลัวและโกรธแค้น ด้วยจินตนาการที่มากมายเกี่ยวกับเื่นี้ในใจ
“หัวขโมยคนใด?! กล้าดีอย่างไรมาสอดแนมคุณหนูของข้าอาบน้ำ เ้าสมควรได้รับโทษใด?!”
ทันทีที่คำดุด่าอันเ็าดังขึ้น นักรบหญิงหลายคนก็กระโจนขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว พวกนางชักกระบี่เล่มยาวออกมาพร้อมแสงเย็นวาบวับ และฟันไปทางฉู่อวิ๋นหมายจะฆ่า
ผู้พิทักษ์หญิงเหล่านี้ล้วนเป็นักรบในระดับแรกของขั้นมหาสมุทร มีพลังแข็งแกร่งและไม่มีใครหยุดยั้งได้ พวกนาง้าสังหารฉู่อวิ๋นอย่างไม่ต้องเอ่ยถามใดๆ
“คุณหนูนางนี้ เข้าใจผิดแล้ว!”
ฉู่อวิ๋นะโบอก ทันทีที่เขายกขากางเกงขึ้น เขาก็เห็นแสงกระบี่จากทุกทิศทางของนักรบหญิงทุกคนล้วนพุ่งมาสังหารเขา
“ฟังข้าอธิบายก่อนได้หรือไม่?!” เขาหันหลังกลับเพื่อหลบกระบี่ ความเร็วของเขาไม่มีใครเทียบได้ ปราณกระบี่เ่าั้ก็ฟันสระิญญาจนแยกออก น้ำก็กระเพื่อมสาดกระเซ็น ช่างน่าตื่นเต้นมาก
เมื่อเห็นเช่นนี้ สาวๆ ทุกคนก็ตกตะลึง พวกนางเพิ่งโจมตีจากทุกทิศทาง เป็กับดักฆ่า หากเป็คนธรรมดาคงถูกตัดเป็ชิ้นๆ แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับหลบได้อย่างง่ายดาย โดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามเลย
เขาเป็เพียงชายหนุ่มที่มีกลิ่นอายของขอบขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ที่นี่มีนักรบขั้นมหาสมุทรหลายคนแต่กลับล้มเหลวที่จะโจมตีเขา? ล้อเล่นหรือ?
“แม่นาง! ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเป็ถ้ำมอง ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันดีกว่านะ!” ฉู่อวิ๋นวางฝ่าเท้าบนผิวน้ำและถอนหายใจซ้ำๆ แม่นางเหล่านี้ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว? ยังไม่ทันฟังอะไรก็จะลงไม้ลงมือเช่นนี้!
“ฮึ่ม! เ้ายังกล้าพูดเล่นอีกหรือ? หัดเรียนรู้เื่ลามกั้แ่อายุยังน้อย อนาคตจะเป็อย่างไรกัน?”
ในเวลานี้ หญิงนางหนึ่งดุออกมาอย่างเ็า พละกำลังของนางสูงกว่านักรบหญิงคนอื่นๆ มาก นางเป็นักรบในระดับสามขั้นมหาสมุทร
นางหมุนเวียนพลังปราณและเปลี่ยนมันให้เป็ภาพเงา พลังในฝ่ามือของนางเปล่งแสงเจิดจ้า หมุนวนด้วยแสงสีม่วง รัศมีน่าเกรงขาม และกำลังจะจัดการฉู่อวิ๋นด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“ทักษะวิชายุทธ์?” ดวงตาของฉู่อวิ๋นหรี่ลง เขาจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย หมัดนี้ดุร้ายมากจนเขาไม่สามารถรับมือมันแบบส่งๆ ได้
“ควับ!”
ทันใดนั้น เขาก็ก้าวขึ้นไปบนสระิญญา เหวี่ยงตัวหลบจากคลื่นน้ำที่หนักหน่วง ะโขึ้นไปในอากาศ และใช้กระบวนท่าแรกของฝ่ามือัพเนจร ัหมอบเคลื่อนภพ
“ตูม!”
พร้อมกับแสงสีทองที่ส่องสว่างออกมา แสงสีทองจากฝ่ามือและเงาหมัดแสงสีม่วงก็สั่นะเืพร้อมกันโดยไม่สูญเสียสมดุล ส่งเสียงดังหนวกหู และสะท้อนกลับอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“อะ...อะไรกัน?! ชายคนนี้สามารถรับมือหมัดของแม่บ้านหนิงได้หรือ?”
“เ้าเด็กนี่เป็ใครกันแน่? กับแค่นักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณคนหนึ่งกลับสามารถสกัดกั้นการเคลื่อนไหวจากขั้นมหาสมุทรอย่างแม่บ้านหนิงได้?”
สาวๆ ต่างตกตะลึง ไม่อยากเชื่อเลย แม่บ้านหนิงเป็หญิงที่มีทักษะวิชายุทธ์แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม นางมีหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยของคุณหนูตระกูลเสวี่ย แต่ไม่คิดว่าจะทำอะไรเ้าหนุ่มนั่นไม่ได้
“หืม? มีอะไรแปลกๆ!” การโจมตีของหนิงซิ่วล้มเหลว นางดูตกตะลึงแต่ก็ไม่ยอมแพ้ ออกหมัดสีม่วงไปอีกด้วย้าฆ่าฉู่อวิ๋น
แต่ในขณะนี้ ฉู่อวิ๋นไม่มีความตั้งใจที่จะสู้กลับ เมื่อเขาเจอกับแสงหมัด เขาก็ะโถอยไปข้างหญิงสาว และดึงนางขึ้นมาจากน้ำ
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ทุกคนใจนเหงื่อตก ชายหนุ่มคนนี้้าทำอะไร? ้าจะลักพาตัวหญิงสาวและทรมานนางในที่สาธารณะหรือ?
“นี่ เ้าช่วยฟังข้าดีๆ หน่อยได้หรือไม่?!” ฉู่อวิ๋นรวบกอดหญิงสาวด้วยมือซ้าย พานางกลับขึ้นฝั่ง หยิบเสื้อคลุมหนังสัตว์ออกมาจากวงแหวนอวกาศด้วยมือขวา และคลุมหญิงสาวไว้ ก่อนจะปล่อยให้นางตกตะลึง
“เ้า... เ้าคิดจะทำอะไร?” หญิงสาวตัวสั่นพลางจ้องมองไปที่ฉู่อวิ๋น
“ข้าไม่ได้จะทำอะไร หากไม่จับเ้าไว้ พวกนางก็ไม่คิดจะฟังคำอธิบายของข้า ข้าไม่อยากาเ็หรอกนะ” ฉู่อวิ๋นไม่ได้มองไปข้างๆ และไม่ได้ใช้โอกาสนี้เอาเปรียบนาง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นักรบหญิงก็ตกตะลึง าเ็หรือ? ชายหนุ่มคนนี้ที่เมื่อครู่ทำร้ายพวกนางได้ด้วยฝ่ามือเดียวน่ะหรือ?
หนิงซิ่วก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางะโกลับขึ้นฝั่ง เดินไปตรงหน้าฉู่อวิ๋นและพูดอย่างเ็า “ปล่อยคุณหนูของเราเสีย! ไม่เช่นนั้น ตระกูลเสวี่ยเอาเ้าตายแน่!”
ฉู่อวิ๋นยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ตอนนี้สถานการณ์กำลังวิกฤติ ข้าจำต้องใช้วิธีนี้เป็ทางเลือกสุดท้าย ไม่ได้ตั้งใจจะจับคุณหนูของพวกเ้าหรอก ตอนนี้ก็สงบสติอารมณ์แล้วมาฟังคำอธิบายของข้าได้หรือยัง?”
ฉู่อวิ๋นค่อยๆ วางหญิงสาวลงบนพื้น แต่ยังคงใช้มือข้างหนึ่งจับนางไว้เพื่อป้องกันไม่ให้นางดิ้นรนและสร้างปัญหา
“คำอธิบาย? คำอธิบายอันใด? เ้าปรากฏตัวในสระิญญาเพราะอยากจะแอบมองคุณหนูของข้า!” หนิงซิ่วขมวดคิ้วและเดินเข้ามาหาหมายจะฆ่า
“คุยกันด้วยเหตุผลได้หรือเปล่า? ตอนที่ข้ามาถึงสระิญญานี้ก็ไม่มีใครเลย ถ้าบอกว่าข้าแอบดูนางอยู่ ไม่สู้บอกว่าคุณหนูของพวกเ้าแอบดูข้าเล่า?!”
ฉู่อวิ๋นโต้เถียงด้วยเหตุผล ทำให้หญิงสาวยิ่งเขินอาย เมื่อครู่นี้นางไม่เห็นใครในสระิญญาจริงๆ จึงตัดสินใจอาบน้ำที่นี่
เมื่อเห็นดวงตาที่แน่วแน่และไร้เดียงสาของฉู่อวิ๋น หญิงสาวก็แอบคาดเดาว่าชายหนุ่มคนนี้คงทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“กล้าดีอย่างไรมาพูดพล่ามเช่นนี้? ทุกคนมากับข้า ไปรับตัวคุณหนูเสวี่ยกลับมา!” หนิงซิ่งออกคำสั่งด้วยความโมโห นักรบหญิงทุกคนก็ชักอาวุธออกมาและล้อมรอบฉู่อวิ๋น กำลังจะโจมตีเขา
“หยุด!”
ทันใดนั้นเอง หญิงสาวก็พูดว่า “พวกเ้าไม่ต้องใ คุณชายท่านนี้ไม่ได้ทำร้ายข้า ตามที่เขาพูด เขาน่าจะอยู่ที่นี่มานานแล้ว ข้ามาทีหลังจริงๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็มองหน้ากัน ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ตอนนี้เมื่อเ้านายของพวกนางยอมรับผิดแล้ว พวกนางจึงทำได้เพียงคืนกระบี่ลงฝักเท่านั้น
แต่พวกนางยังคงจับจ้องฉู่อวิ๋นอย่างระมัดระวัง
ต่อมาหลังจากฟังคำอธิบายแล้ว ทุกคนก็ตระหนักว่านี่เป็เพียงความเข้าใจผิด ความขัดแย้งนี้ล้วนเกิดจากความประมาทเลินเล่อของหญิงสาวผู้สูงส่ง ฉู่อวิ๋นอยู่ที่นี่มาก่อนแล้ว และหญิงสาวก็ไม่ได้รับอันตราย
“จอมยุทธ์หนุ่ม เมื่อครู่นี้พวกเราบุ่มบ่ามโจมตีเ้าอย่างไม่สนใจไยดี แต่เราแค่้าปกป้องเ้านายของเรา ยกโทษให้เราด้วย”
หนิงซิ่วมีน้ำใจดี นางเริ่มขอโทษและแสดงสีหน้าอ่อนลง ทำให้ฉู่อวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้เขาเข้าใกล้เมืองชุยเสวี่ยมากขึ้นเรื่อยๆ การช่วยเหลือฉู่ซินเหยาคือสิ่งสำคัญที่สุด เขาไม่อยากให้เกิดเื่อะไรขึ้นอีก
โชคดีที่หญิงสาวนางนี้และกลุ่มของนางล้วนมีเหตุผล ไม่เช่นนั้นคงหลีกเลี่ยงปัญหาไม่ได้
แต่แน่นอน ฉู่อวิ๋นไม่กลัว
หลังจากพายุสงบลง ฉู่อวิ๋นและหญิงสาวก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มพูดคุยกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่อวิ๋นก็ได้รู้ว่าหญิงสาวผู้สง่างามคนนี้ชื่อเสวี่ยหรูเยียน นางเป็ลูกสาวคนเล็กของเ้าเมืองชุยเสวี่ย คราวนี้ที่พาคนเข้ามาในป่าก็เพื่อค้นหาวัตถุิญญาอันล้ำค่าเพื่อมอบให้เป็ของขวัญวันแต่งงานของพี่ชาย
“พี่ชายของเ้า... กำลังจะแต่งงาน?” ฉู่อวิ๋นถามทันทีหลังจากรวบรวมข้อมูลสำคัญบางอย่างได้
“ถูกต้อง คราวนี้ตระกูลฉู่มาที่เมืองชุยเสวี่ยเพื่อจัดงานแต่งงานครั้งใหญ่ แม้ว่าจะมีผู้สมัครมาก แต่ข้ามั่นใจว่าในที่สุดพี่ชายของข้าจะต้องได้ยอดโฉมงามไปครอง” เสวี่ยหรูเยียนเขินอายเล็กน้อยพร้อมปิดปากของนางและหัวเราะเบา ๆ
“โอ้?” ฉู่อวิ๋นกะพริบตา น้ำเสียงของเขาเริ่มจริงจัง เขาพูดว่า “เช่นนี้นี่เอง?”
ดูเหมือนว่าตระกูลเสวี่ยจะค่อนข้างมีอำนาจและเป็หนึ่งในผู้สมัครเป็เ้าบ่าว หากคลำตามเบาะแสนี้ การค้นหาตำแหน่งของฉู่ซินเหยาจะง่ายขึ้นมาก
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็ผุดความคิดขึ้นมาและพูดว่า “พูดตามตรง ข้าชื่ออวิ๋นชู เป็เพียงคนป่าตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในป่าสีเื ข้าออกจากดินแดนบรรพบุรุษมาในครั้งนี้เพราะได้ยินมาว่า มีอัจฉริยะมารวมตัวกันในเมืองชุยเสวี่ยและกำลังแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงคนงาม ข้าเลยอยากเห็นสักหน่อย”
“ไม่ทราบว่าคุณหนูเสวี่ยสามารถพาข้าเข้าเมืองชุยเสวี่ยไปเยี่ยมชมได้หรือไม่? ข้าเป็เพียงชาวป่าที่อยากจะดูว่านางฟ้าของตระกูลฉู่นั้นสวยงามเหมือนข่าวลือหรือไม่”
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาหวานของเสวี่ยหรูเยียนก็เ็า นางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ชายหนุ่มคนนี้เพิ่งเห็นร่างกายของนางแท้ๆ แต่ทำไมเขาถึงไม่หลงใหลเลย? กลับโหยหาหญิงงามที่เพียงแค่ได้ยิน หรือนางไม่ดีพอหรือ?
เสวี่ยหรูเยียนภูมิใจกับรูปลักษณ์และรูปร่างของตนมาโดยตลอด ตอนนี้ เมื่อฉู่อวิ๋นมองข้ามนางโดยไม่ได้ตั้งใจ นางก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“เอาล่ะ! ในเมื่อคุณชายอวิ๋นจะไปที่เมืองชุยเสวี่ยในฐานะแขก เช่นนั้นข้าจะนำทางท่านไปเอง” เสวี่ยหรูเยียนตอบตกลงเบาๆ นางไม่เชื่อว่านางจะดีสู้หญิงสาวสกุลฉู่นางนั้นไม่ได้
แม้ว่าน้ำเสียงของเสวี่ยหรูเยียนจะนุ่มนวลและสุภาพ แต่ก็แฝงไปด้วยความคิดที่หลากหลายอยู่ในใจ
ชายหนุ่มคนนี้เห็นนางทั่วทั้งตัวหมดแล้ว จะปล่อยเขาไปง่ายๆ ได้อย่างไร? เขาจะต้องรับผิดชอบ