ครั้นค้นหามาจนถึงขอบหน้าผา ในรอยแยกของหินมีพืชสีเขียวสดปรากฏสู่สายตาคนทั้งสอง ดวงตาผลซิ่งของอวี๋เจียวเป็ประกาย รอยยิ้มยินดีปรากฏบนใบหน้าเรียวเล็กของนาง “เจอแล้ว!”
อวี๋ฉี่เจ๋อมองไปยังสมุนไพรนั้น สมุนไพรนั้นมีใบแค่สองใบ ลักษณะอวบกลมชุ่มน้ำ ให้ความรู้สึกเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
อวี๋เจียวหยิบโถใส่น้ำออกมาจากตะกร้าสมุนไพรและใช้พลั่วเล็กขุดสมุนไพรขึ้นมาทั้งหมด ใส่ลงไปในโถ สองมือประคองอย่างระมัดระวัง ใบหน้าเล็กเงยขึ้นเอ่ยทั้งรอยยิ้มกับอวี๋ฉี่เจ๋อว่า “ความพยายามไม่ทรยศต่อความตั้งใจ พวกเราช่างโชคดีจริงๆ”
อวี๋ฉี่เจ๋อมองรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของนางด้วยมุมปากหยักโค้ง อวี๋เจียวเก็บข้าวของ คนทั้งสองเดินกางร่มมุ่งหน้าลงเขา
เส้นทางลงเขาเดินเหินยากลำบากยิ่งกว่าตอนขึ้นเขาเสียอีก ตอนที่หาของไปทั่วยอดเขา ท้องฟ้าได้มืดลงแล้ว ป่าเขาถูกม่านสายฝนบดบังจนแทบมองไม่เห็นหนทางตรงปลายเท้า
อวี๋เจียวมองมือของคนทั้งสองที่กุมเข้าหากันแน่นั้แ่เมื่อใดไม่รู้ “ไปนอนในถ้ำสักคืน วันพรุ่งนี้ฟ้าสว่างแล้วพวกเราค่อยลงเขาเถิด”
"ได้" อวี๋ฉี่เจ๋อขานรับ
ทั้งสองคลำทางหาถ้ำที่อวี๋เฉียวซานเคยพาอวี๋เจียวไปพักก่อนหน้านี้ ครั้นฝ่าเท้าย่ำลงบนพื้นแห้งสนิทภายในถ้ำ คนทั้งสองพลันผ่อนคลายไปทั้งร่าง
หลังวางร่มและตะกร้าสมุนไพรบนพื้น อวี๋เจียวหยิบหญ้าแห้งและฟืนมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นใช้ตะบันไฟก่อไฟ เอ่ยกับอวี๋ฉี่เจ๋อที่เปียกโชกไปทั้งตัวว่า “ถอดเสื้อผ้าออกมาผิงไฟให้แห้งก่อนแล้วค่อยใส่”
อวี๋ฉี่เจ๋อสวมเสื้อคลุมสองชั้น เขาถอดออกมาหนึ่งตัว ใช้กิ่งไม้ค้ำเสื้อผ้าไว้ข้างกองไฟ
อวี๋เจียวค้นกองหญ้าอยู่ครู่หนึ่งหาหม้อเล็กที่พวกโจวเสียงทิ้งเอาไว้ นางออกไปนอกถ้ำรองน้ำฝนจำนวนหนึ่งแล้วเอากลับมาต้มบนกองไฟ
อวี๋ฉี่เจ๋อเห็นนางมัวแต่ยุ่งวุ่นวายจึงยกมือขึ้นคว้าแขนของนางเอาไว้ “นั่งลงแล้วผิงเสื้อผ้าให้แห้งเถิด”
"ข้า... จะดูว่าแป้งทอดในตะกร้ายังกินได้หรือไม่” อวี๋เจียวกล่าวจบแล้ว ทว่ามือของอวี๋ฉี่เจ๋อยังไม่ยอมปล่อย บังคับให้นางนั่งลงข้างกองไฟ เขาลุกขึ้นเดินไปหน้าตะกร้าสมุนไพรแล้วหยิบขนมเปี๊ยะที่อวี๋เจียวใส่ไว้ข้างในออกมา แป้งทอดแช่น้ำฝนจนเปื่อยยุ่ยไม่เป็รูปร่างเสียแล้ว
“ดูเหมือนจะกินไม่ได้แล้ว” อวี๋เจียวเอ่ยตามสภาพที่เห็น “หิวหรือไม่?”
ทั้งสองคนไม่ได้กินอะไรั้แ่ขึ้นเขามา อวี๋ฉี่เจ๋อส่ายหน้า “ไม่หิว”
"รอจนน้ำเดือดพวกเราก็ดื่มน้ำให้มากสักหน่อย ดื่มให้อิ่มจนถึงฟ้าสางวันพรุ่งนี้ก็จะลงเขาได้แล้ว” อวี๋เจียวเอ่ยทั้งรอยยิ้มพลางมองหม้อเล็กบนกองไฟ
อวี๋ฉี่เจ๋อกลับมานั่งข้างกองไฟอีกครั้ง เขาหัวเราะหลังได้ฟังคำกล่าวของนาง “ได้”
หลังจากนั้นไม่นาน น้ำในหม้อเหล็กก็เดือด ตอนขึ้นเขาพวกเขาไม่ได้พกถุงน้ำมาด้วย ทำได้เพียงดื่มจากในหม้อเหล็กเท่านั้น
รอจนน้ำเย็นลงครู่หนึ่ง อวี๋เจียวจึงส่งน้ำไปให้อวี๋ฉี่เจ๋อ “ท่านดื่มก่อน อบอุ่นร่างกายสักหน่อยเถิด”
อวี๋ฉี่เจ๋อดันหม้อเหล็กกลับไปให้อวี๋เจียว เอ่ยโดยไม่รอให้อวี๋เจียวเอ่ยสิ่งใด “ข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่เ้าคิด ยามนี้ในฐานะบุรุษ ควรต้องดูแลสตรี”
อวี๋เจียวได้ยินดังนั้น ดวงตาผลซิ่งพลันโค้งขึ้น นางไม่เกี่ยงและก้มหน้าดื่มน้ำอุ่น รับรู้เพียงว่าร่างกายที่ตากฝนจนหนาวทะลุถึงหัวใจอบอุ่นขึ้นไม่น้อยในเสี้ยววินาที
นางยื่นหม้อเหล็กให้อวี๋ฉี่เจ๋อ ครั้นเห็นว่าเขาถอดเสื้อคลุมเพียงตัวเดียว เสื้อผ้าเปียกโชกที่เหลือยังอยู่บนกาย นางเอ่ยด้วยความหวังดีว่า “ท่านถอดเสื้อผ้าออกมาผิงไฟให้แห้งเถิด ข้าสัญญาว่าจะไม่แอบดู”
อวี๋ฉี่เจ๋อเงยหน้ามองนางครู่หนึ่ง กลืนน้ำอุ่นในปากแล้วส่ายหน้า “ไม่จำเป็”
อวี๋เจียวหรี่ตาลง กระตุกยิ้มมองเขาดวงตาวาววับ เอ่ยวาจาหยอกล้อว่า “ท่านกลัวอันใด? เขินอายหรือ? ข้ายังไม่กลัวว่าท่านจะถอดเสื้อเป็อันธพาลโรคจิต ท่านเป็บุรุษเหตุใดจึงต้องกลัวถึงเพียงนี้?”
