ในคืนนั้นหลี่ชิงหลิงได้ทำอาหารรสเลิศเพื่อเป็รางวัลให้กับเด็กทั้งสอง
นางหยิบกระเป๋าหนังสือที่เย็บไว้ก่อนหน้านี้ออกมามอบให้ เมื่อเด็กทั้งสองได้กระเป๋าใหม่ก็โลดเต้นอย่างมีความสุขและอยากลองใช้ดูทันที
พวกเขาสะพาย วิ่งไปมาสองรอบ กระเป๋าหนังสือก็ยังคงอยู่บนหลังอย่างปลอดภัยไม่ร่วงหล่น
เมื่อเห็นว่าพวกเขาชอบ หลี่ชิงหลิงก็มีความสุขเช่นกัน
"เอาล่ะ รีบเก็บของที่จำเป็ คืนนี้เข้านอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้ไปเรียนแต่เช้า อย่าไปสาย" หลี่ชิงหลิงลูบหัวหลี่ชิงเฟิงและหลิวจือเยี่ยน เร่งให้พวกเขารีบไปเก็บของ “กระเป๋าหนังสือใบนี้มีหลายชั้น ตอนเก็บของแยกประเภทได้ ตอนหยิบจะได้หยิบง่ายๆ" ถ้าใส่ไว้ในช่องเดียวกันหมดจะหาของยาก
หลี่ชิงเฟิงและหลิวจือเยี่ยนพยักหน้าอย่างมีความสุข วางกระเป๋าหนังสือลง ใส่พู่กัน หมึก กระดาษ และหินหมึกที่พวกเขาซื้อในวันนี้ลงไป
หลังจากเก็บของเสร็จก็ไปแช่เท้า จากนั้นจึงขึ้นเตียงนอน
อาจจะเพราะตื่นเต้นเกินไป ทั้งคู่จึงนอนไม่หลับ
หลี่ชิงเฟิงเรียกหลิวจือเยี่ยนเสียงเบา "จือเยี่ยน หลับหรือยัง" แค่คิดเื่ได้ไปเรียนก็นอนไม่หลับแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของหลี่ชิงเฟิง หลิวจือเยี่ยนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นและพูดว่ายัง!
“เ้าก็นอนไม่หลับเหมือนกันหรือ?” เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะได้ไปเรียนจริงๆ ความตื่นเต้นนี้ทำให้อยากหลับก็หลับไม่ลง
เขาคิดด้วยซ้ำว่านี่ใช่ความฝันหรือเปล่า กลัวว่านอนตื่นแล้วทุกอย่างจะหายไป
หลิวจือเยี่ยนชำเลืองมองน้องสาวที่หลับสนิท ค่อยๆ ข้ามน้อง มุดเข้าไปในผ้าห่มของหลี่ชิงเฟิงและพูดเสียงเบา “อืม ข้าก็นอนไม่หลับเหมือนกัน" หลังพ่อแม่เสียชีวิต ครอบครัวเขาก็ลำบากมาก เขาไม่มีความหวังที่จะได้เรียนหนังสือ ไม่คาดคิดเลยว่าตอนนี้เขาจะมีโอกาสได้ไปเรียนอีกครั้ง
เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก และรู้ด้วยว่าทั้งหมดต้องขอบคุณพี่เสี่ยวหลิง
หากพี่เสี่ยวหลิงไม่ช่วยครอบครัวของพวกเขาตลอด ครอบครัวของพวกเขาอาจจะยังคงใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงให้เขาไปสถานศึกษา
ตอนนี้เขาดีใจจริงๆ ที่ตอนที่พ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ได้ช่วยพี่ชายคนโตจัดการเื่แต่งงานครั้งนี้ ทำให้เขามีพี่สะใภ้ที่ดีแบบนี้
เขาตัดสินใจในใจว่าเขาจะตอบแทนพี่ชายและพี่เสี่ยวหลิงอย่างแน่นอน
แน่นอนเลยล่ะ…
ดวงตาของหลี่ชิงเฟิงเป็ประกายสดใสในความมืด เขาพูดอย่างตื่นเต้น "แต่ก่อนตอนเห็นหลี่ชิงฝูไปเรียน ข้าอิจฉามาก แต่ข้าก็รู้ว่ามันเป็ไปไม่ได้ เลยเลิกคิดไป ไม่คิดเลยว่าพี่จะทำให้ฝันข้าเป็จริง” เขาอยากจะประสบความสำเร็จ ให้พี่ได้มีชีวิตดีๆ ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงิน
"ข้ารู้สึกขอบคุณพี่เสี่ยวหลิงจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เสี่ยวหลิง ข้าคงไม่สามารถไปสถานศึกษาได้ ข้าจะตอบแทนพี่เขาทั้งชีวิตเลย”
"ข้าด้วย…"
เด็กน้อยทั้งสองคุยกันหลายเื่ ไม่รู้ว่าคุยถึงกี่โมง คุยจนง่วงจึงหลับตาลงและผล็อยหลับไป
ครั้งนี้หลี่ชิงหลิงไม่รู้เลย ทันทีที่เด็กสาวตื่นขึ้นก็รีบลุกขึ้นไปทำอาหารเช้า
เดิมทีนางคิดจะทำให้เสร็จก่อนค่อยปลุกน้องชายทั้งสอง แต่ก่อนที่จะได้ปลุก น้องชายทั้งสองก็ลุกขึ้นเสียก่อน
เห็นรอยคล้ำใต้ตาของน้องชายทั้งสอง นางก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนหรือ?
หลี่ชิงเฟิงและหลิวจือเยี่ยนยิ้มเขินอาย บอกว่าพวกเขาตื่นเต้นเกินกว่าจะข่มตาลง
"พวกเ้านี่นะ..." หลี่ชิงหลิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ บอกให้พวกเขากลับไปนอนอีกหน่อย ไว้ทำอาหารเช้าเสร็จจะไปปลุก
"พี่ เราตื่นแล้ว ไม่ง่วงแล้ว" หลี่ชิงเฟิงยิ้มอย่างประจบประแจงที่ “ให้เราช่วยเถอะ!" ตอนนี้เขาตื่นเต้นมาก ให้เขากลับไปนอนก็นอนไม่หลับ ฉะนั้นช่วยพี่เลยดีกว่า
หลิวจือเยี่ยนก็พยักหน้า คิดเหมือนหลี่ชิงเฟิง
เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองไม่อยากกลับไปนอนจริงๆ หลี่ชิงหลิงก็ไม่บังคับพวกเขา และไล่ให้พาพวกเขาไปล้างหน้า
ขณะที่พวกเขากำลังล้างหน้า นางก็เริ่มทอดไข่เจียวและเตรียมอาหารกลางวันให้พวกเขา
ในสถานศึกษาไม่มีโรงอาหาร ต้องนำอาหารไปเอง
ทั้งสองล้างหน้าแปรงฟันเสร็จอย่างรวดเร็ว วิ่งกลับไปที่ห้องครัวแล้วถามหลี่ชิงหลิงว่าทำอะไรได้บ้าง
หลี่ชิงหลิงขอให้หลี่ชิงเฟิงดูโจ๊กที่กำลังต้มอยู่ ขอให้หลิวจือเยี่ยนจุดไฟใต้หม้อใหญ่ นางจะทำแป้งทอดมันฝรั่ง
"พี่เสี่ยวหลิง ไม่ต้องเยอะหรอก แค่แป้งทอดไข่ก็พอแล้ว มื้อกลางวันกินแป้งทอดไข่ก็พอ" หลิวจือเยี่ยนรู้ว่าหลี่ชิงหลิง้าทำเยอะหน่อยเพื่อให้พวกเขาเอาไปด้วย แต่เขารู้สึกว่าเยอะเกินไป
เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินก็รีบห้ามด้วย "ใช่ ท่านพี่ ตอนเที่ยงเรากินแป้งทอดไข่ก็พอแล้ว" ถ้ากินแบบนี้ทุกวันคงกินจนถังแตกไม่ช้าก็เร็ว
หลี่ชิงหลิงวางแป้งทอดไข่ที่ทอดเสร็จไว้ข้างๆ เงยหน้าขึ้นมองเด็กทั้งสองแล้วหัวเราะ “ไม่ใช่แค่ของพวกเ้า พวกเราก็ต้องกิน” เด็กๆ กำลังโต ไม่กินให้อิ่มจะได้หรือ โดยเฉพาะต้องเดินไกลขนาดนั้น ถ้ากินไม่พอจะมีแรงเดินกลับไหม?
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่ชิงเฟิงรีบพูดอีกครั้ง "ถ้างั้นก็ทำส่วนของพวกพี่ก็พอ ไม่ต้องทำของเราแล้ว เราสองคนมีแป้งทอดไข่ก็พอ"
"ตกลง..." หลี่ชิงหลิงไม่อยากพูดกับพวกเขามากนัก ดังนั้นนางจึงพยักหน้า แต่เดี๋ยวจะห่อให้พวกเขา
หลังจากทอดแป้งทอดไข่และแป้งทอดมันฝรั่งเสร็จ โจ๊กก็พร้อมแล้ว หลี่ชิงหลิงขอให้เด็กสองคนตักโจ๊กและยกเข้าบ้านเตรียมกิน
ทันทีที่เด็กทั้งสองออกไป นางก็ห่ออาหารกลางวันของเด็กทั้งสองลงในกล่องอาหารเล็กๆ ที่ตนทำขึ้น จากนั้นใช้ผ้าห่อปิดทับอีกหนึ่งชั้นจึงจะเอาเข้าไป
“ข้าวกลางวันไว้ชั้นที่สองนะ ถ้าตอนกินเย็นแล้วก็ยืมไฟจากอาจารย์มาอุ่นก่อนค่อยกินก็ได้” นี่คือวิธีเดียวในยุคนี้ที่ไม่มีกล่องเก็บความร้อน
ทั้งสองที่กำลังกินโจ๊กและแป้งทอดมันฝรั่งพยักหน้าซ้ำๆ
“พวกเ้ากินไปก่อน ข้าจะไปเรียกพี่จือโม่มากิน กินเสร็จแล้วส่งพวกเ้าไปเรียน” หลี่ชิงหลิงวางชามโจ๊กลงบนโต๊ะ รอให้เย็นหน่อยก่อนหลิวจือโม่กิน
หลังจากนั้นก็ไปที่สวนหลังบ้าน เห็นหลิวจือโม่ให้อาหารกระต่าย จึงเรียกเขาไปกินข้าวเช้า
เมื่อหลิวจือโม่ได้ยินเสียงเรียกของหลี่ชิงหลิงจึงตอบรับ ดูกระต่ายกินจนเสร็จแล้วยืนขึ้น
"ให้อาหารไก่ กระต่าย แกะหมดแล้ว ไม่ต้องให้แล้วนะ แค่ต้องลำบากเ้าทำความสะอาดหน่อย" เขาต้องไปส่งเด็กๆ มิฉะนั้นก็คงมีเวลาพอทำความสะอาดอยู่
"ได้เลย ลำบากพี่แล้วนะ” หลี่ชิงหลิงเอื้อมมือไปตบเศษหญ้าบนเสื้อคลุมของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
หลิวจือโม่ส่ายหัว บอกว่าไม่ลำบากเลย
แค่ให้อาหารไก่ กระต่ายและแกะลำบากอะไรกัน นางสิลำบากต้องดูแลทั้งครอบครัว
หลี่ชิงหลิงยิ้ม บอกให้เขารีบไปกินข้าวเช้า กินเสร็จจะได้พาเด็กๆ ไปส่ง
เขาตอบรับ ไปล้างมือและเข้าไปในบ้านเพื่อรับประทานอาหารเช้า
ทันทีที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาถามเด็กทั้งสองว่าเก็บของเสร็จแล้วหรือยัง? ถ้าเก็บครบก็ไปได้
ทั้งคู่พยักหน้า บอกว่าเก็บเสร็จแล้ว
“งั้นข้าพาน้องๆ ไปก่อน ไว้ส่งเสร็จจะกลับมา”
"ได้เลย เดินทางระวังๆ นะ" หลี่ชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นพูดกับเด็กทั้งสอง "ไปถึงแล้วห้ามซน ต้องฟังอาจารย์ เข้าใจไหม?"
หลี่ชิงเฟิงและหลิวจือเยี่ยนพูดพร้อมกันว่าเข้าใจแล้ว
หลี่ชิงหลิงมองดูพวกเขาทั้งสามออกไปจากลานบ้าน โบกมือให้พวกเขา รอจนกระทั่งพวกเขาออกไปไกลก่อนจะปิดประตู
ก่อนที่นางจะปิดประตูก็ได้ยินเจิงเถียโถวเรียก "เถ้าแก่ รอสักครู่"
เถ้าแก่? นางรอจนกระทั่งเจิงเถียโถวเดินเข้ามาหาจึงจะหัวเราะ “ลุงเถียโถว เรียกข้าเสี่ยวหลิงเถอะ อย่าเรียกเถ้าแก่เลย ฟังแล้วไม่ชิน” นางแค่จ้างเขาทำงานสองครั้ง เถ้าแก่อะไรกัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจิงเถียโถวก็เกาหัว หยิบพิมพ์เขียวที่หลี่ชิงหลิงมอบให้เขา ชี้จุดที่เขาไม่เข้าใจและถาม
การออกแบบของหลี่ชิงหลิงนั้นค่อนข้างคล้ายกับซื่อเหอหยวนของปักกิ่ง แต่ผสมผสานกับลักษณะของบ้านในยุคเฉา เพื่อให้บ้านของพวกเขาไม่โดดเด่นจนเกินไป
นางมองจุดที่เจิงเถียโถวไม่เข้าใจและอธิบายให้ฟังทีละอย่าง
หลังจากอธิบายเสร็จก็ถามเจิงเถียโถวอีกครั้งว่ามีตรงไหนไม่เข้าใจอีก? ถามได้เลย
เจิงเถียโถวมองภาพอย่างจริงจัง จากนั้นส่ายหัว เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว ไม่จำเป็ต้องถามอีก
“เข้าใจก็ดีแล้ว ถ้าสงสัยอะไรระหว่างทำก็ถามข้าได้นะ”
"ตกลง ขอบคุณเถ้าแก่” เจิงเจียโถวยิ้มซื่อๆ “เถ้าแก่อยากไปดูไหม? เผื่อมีอะไรไม่ถูกต้องจะได้ชี้ให้พวกเราดู?” อย่างไรเสีย นี่เป็การสร้างบ้านประเภทนี้ครั้งแรก เขาเองก็กลัวว่าจะทำไม่ถูก
เมื่อได้ยินที่เจิงเถียโถวพูด หลี่ชิงหลิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า
ไปดูหน่อยก็ดี เผื่อว่าจะสร้างออกมาไม่เหมือนกัน
