ก่อนหน้านี้มู่หรงฉือลองคาดเดาว่าหากหยกแกะสลักเป็กลไก เช่นนั้นถ้าลองขยับหยกแกะสลักจะต้องพบเจออะไรแน่นอน
ความจริงขยับหยกแกะสลักไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนั้นหยกแกะสลักคงไม่ใช่กลไก กลไกคงจะเป็อัญมณีที่อยู่ใกล้กับหยกแกะสลักที่สุด
อัญมณีรอบๆ หยกแกะสลัก มีแค่ที่ล้างพู่กันหยกสีขาวที่เหมาะสมกับเงื่อนไขมากที่สุด
ดีที่นางอาศัยโอกาสนี้ตัดสินใจ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่พบกลไกลับนี้
พริบตาที่เห็นกำแพงเปิดออกนางรีบพุ่งตัวเข้าไป ส่วนมู่หรงอวี้ที่อยู่ที่โต๊ะพนันคอยสังเกตการกระทำของนางอยู่ตลอด เห็นนางพุ่งเข้าไปในห้องลับก็รีบตามไปทันที
เด็กรับใช้ชุดเขียวสองคนสีหน้าเปลี่ยนทันใด พวกเขาเห็นแค่เงาคนผ่านไปไวๆ จึงพากันตื่นตระหนก
ตอนที่พวกเขาพุ่งไปที่หน้าห้องลับ กลไกประตูก็ปิดลงแล้ว พวกเขาจึงรีบไปรายงานเ้านายของตน
ถึงแม้ว่าแขกหลายคนที่โต๊ะพนันจะสังเกตเห็นว่าทางนั้นจู่ๆ ก็มีห้องลับปรากฏขึ้นมา แต่พวกเขากำลังอยู่ใน่เมามันดุเดือด มีหรือจะไปสนใจเื่รอบข้าง
มู่หรงอวี้กับมู่หรงฉือที่เหมือนเข้ามาอีกโลกหนึ่งกำลังมองไปรอบๆ ห้องนี้มีขนาดพอๆ กับสองห้องด้านนอก แสงสลัว ในอากาศมีกลิ่นอ่อนๆ กลิ่นหนึ่งแผ่กระจายเข้ามาในโสตประสาท
พวกเขาสองคนสบตากัน ในห้องอันมืดสลัวนี้มีเพียงดวงตาที่ส่องประกาย กลิ่นที่อบอวลอยู่ก็คล้ายกับฝิ่นมาก
ตรงกำแพงหินวางโต๊ะสองตัวเอาไว้ บนโต๊ะจัดวางกล่องไม้สีดำเป็กล่องๆ เอาไว้อย่างเรียบร้อย เป็กล่องไม้รูปสี่เหลี่ยมยาว ขนาดกำลังพอดี ตัวกล่องทำด้วยไม้คุณภาพธรรมดา
พวกเขาหยิบกล่องไม้ขึ้นมาคนละกล่อง แล้วเปิดมันออกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เป็อย่างที่คิด มันคือฝิ่น!!
“ปริศนาไขกระจ่างแล้ว เป็หลิงหลงเซวียนลอบค้าฝิ่นนี่เอง” ั์ตาดำของมู่หรงอวี้สะท้อนเงาเย็นเยียบออกมา
“ขุนนางในเมืองหลวงต่างมาเล่นการพนันหาความสนุกกับคหบดีที่นี่ คนของหลิงหลงเซวียนอาศัยโอกาสนี้ขายฝิ่น ขอเพียงสูบเข้าไปเพียงหนึ่งครั้งก็จะติด” เสียงของมู่หรงฉือเ็าและเต็มไปด้วยโทสะ “คงจะเป็หลิงหลงเซวียนส่งคนไปฆ่าท่านชายหลี่”
“เกรงว่าคืนนี้พวกเราคงจะออกจากที่นี่ลำบากแล้ว” ในห้องลับที่ถูกปิดผนึกนี้ เสียงของเขาเ็าดังน้ำอันเย็นะเื
นางย่อมรู้ดี พวกเขาบุกเข้ามาในห้องลับนี้ คุณชายชุดทองจะต้องไม่ไว้ชีวิตพวกเขาแน่นอน
เขาจับมือเล็กของนาง มองใบหน้าสวมหน้ากากที่ไม่คุ้นตาแต่นิ่งสงบนี้ด้วยความสงสัย “กลัวหรือไม่?”
นางมองเขา ดวงตาใสฉายความมั่นคงเด็ดขาด “ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”
หากคืนนี้พวกเขาต้องตาย ก็จะตายไปด้วยกัน ขอเพียงเขาตาย นางก็ไม่มีอะไรให้กังวล
มู่หรงอวี้ััหน้าผากสะอาดบริสุทธิ์ของนาง ปลายนิ้วเย็นเล็กน้อย ดวงตาเข้มมีอารมณ์ซับซ้อนลอยวนอยู่
มู่หรงฉืออยากจะปัดมือของเขา แต่กลับไม่ได้ขยับมือด้วยเหตุใดก็ไม่อาจรู้
ทันใดนั้น เหนือหัวก็มีเสียงดังขึ้น!
เขารีบดึงนางเข้าไปทันที ทั้งสองคนหลบไปทางด้านข้าง
แผ่นเหล็ก้าเปิดออก มีคนชุดดำหลายคนะโลงมา พริบตาต่อมาแผ่นเหล็กนั้นก็ปิดลง
ท่ามกลางความมืดทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน รังสีสังหารแผ่ซ่าน ก่อนการต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น
นางถลึงตามองคนชุดดำหกคน พวกเขาจะต้องเป็ยอดฝีมือในยอดฝีมือ คุณชายชุดทอง้าเอาชีวิตของพวกเขา!
ไม่รู้ว่ามู่หรงอวี้คนเดียวสู้กับหกคนนี้อัตราการชนะจะเป็เท่าไหร่?
ดาบสั้นในมืออีกฝ่ายส่องแสงวาววับราวกับดาวตก สะท้อนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรังสีเข่นฆ่าของพวกเขา
ใบหน้าของคนชุดดำทั้งหกไร้อารมณ์ ในดวงตาเขียนสองคำใหญ่เอาไว้:คนตาย
ทันใดนั้น พวกเขาก็ล้อมเข้ามาโจมตี
สามคนโจมตีไปยังมู่หรงอวี้ อีกสามคนโจมตีมาทางนาง แต่ละกระบวนท่าหมายจะเอาชีวิตทั้งสิ้น
แสงสีเงินพุ่งมาราวกับสายฟ้า แฝงไว้ด้วยความกระหายเื
นางหลบคมมีดนั้นอย่างยากลำบาก ปลายดาบเฉียดผ่านใบหูและแขนไปอย่างน่าหวาดเสียว
ฝีมือของฝ่ายตรงข้ามเก่งกาจอย่างที่คิด!
แม้นางจะทุ่มเทความสามารถทั้งหมด แต่สู้หนึ่งต่อสามเกรงว่าคงจะตกที่นั่งลำบากเช่นกัน ส่วนในตอนนี้ นางเลือกที่จะไม่เปิดเผยความสามารถของตนออกมาชั่วคราว จึงทำได้เพียงหลบหลีกอย่างยากลำบาก
พริบตานั้นนางก็ถูกดึงอย่างแรง เป็มู่หรงอวี้ที่เป็เ้าของแรงนั้น
ต่อมาร่างกายของนางก็ถูกเขาควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จ บางครั้งก็ถูกเขาหนีบแล้วพาหมุนเป็วงกลม บางครั้งก็ถูกเขาใช้เป็มีดที่ปาออกไปถีบฝั่งตรงข้าม บางครั้งก็ถูกเขาเอามาปกป้องอยู่ใต้ปีก…การเคลื่อนไหวของเขามั่นคงแข็งแกร่ง ว่องไวปราดเปรียวจนคิดไม่ถึง อีกทั้งนางยังไม่ทันคุ้นกับท่าทางนี้ เขาก็เปลี่ยนเป็อีกท่าในทันที
หากเป็คนไม่รู้ศิลปะการต่อสู้ ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เกรงว่าอวัยวะภายในคงจะสั่นะเืจนลำไส้เคลื่อนย้ายไปแล้ว
มู่หรงฉือไม่ได้รับาเ็แต่อย่างใด ส่วนมู่หรงอวี้ทำคนชุดดำสองคนได้รับาเ็สาหัส ทั้งยังแย่งมีดสั้นมาได้หนึ่งเล่ม
อีกสี่คนที่เหลือสบตากัน ก่อนจะร่วมมือกันต่อกรกับเขา กระบวนท่ายิ่งดุดันรุนแรง
นางค่อยๆ สงบลมหายใจลง มองการต่อสู้อันดุเดือดอันตรายอย่างตื่นเต้น ในหัวปรากฏแต่ภาพน่าใจนิญญาหลุดเมื่อครู่ขึ้นมา
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ภายใต้การปกป้องของเขานางกลับรู้สึกสบายใจยิ่งนัก เหมือนเชื่อมั่นในความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวของเขา เชื่อว่าเขาจะสามารถปกป้องนางให้รอดพ้นจากอันตรายได้
ในมือมีดาบสั้น มู่หรงอวี้ก็เหมือนปลาได้น้ำ กวัดแกว่งดาบไปมา
แสงเย็นเยียบราวหิมะตวัดวาบพร้อมโลหิตที่พุ่งออกมาเป็แนวโค้งราวสายรุ้ง กลิ่นคาวเืคละคลุ้ง
ฝ่ายตรงข้ามกระเด็นไปชนกับกำแพงหินอย่างแรงก่อนจะร่วงลงกับพื้น
หัวใจของมู่หรงฉือพองโตขึ้นมา วิทยายุทธ์ของเขาสูงส่ง เหมือนจะไปแตะถึงขั้นสูงสุดแล้ว
คนชุดดำทั้งหกกึ่งตายกึ่งาเ็สาหัสล้มนอนลมหายใจรวยรินอยู่ที่มุมห้อง
นางถามเสียงเย็น “กลไกอยู่ที่ใด?”
คนชุดดำที่ยังไม่ตายไม่สนใจนาง เบือนสายตาเ็าออกไป
ดาบคมเสียบเข้าไปในเนื้อจนเกิดเสียงดังสวบขึ้นเบาๆ!
นางหยิบดาบสั้นบนพื้นขึ้นมาแล้วแทงลงไปที่สะบักของคนชุดดำ
เืสดๆ ไหลออกมา กำแพงหินเปื้อนไปด้วยเืที่สาดกระเซ็น ที่แก้มขาวนวลของนางก็มีเืสีแดงที่กระเด็นมาโดน
ริมฝีปากบางของมู่หรงอวี้ยกยิ้มชื่นชม สตรีผู้นี้ดุร้ายจริงๆ!
ทว่าคนในชุดดำที่ได้รับาเ็หนักยังคงปากแข็งไม่ยอมพูด
แสงเย็นวาววับขึ้น มู่หรงอวี้พุ่งตัววิ่งไปอย่างรวดเร็ว แต่คนชุดดำพุ่งออกไปก่อน คนชุดดำที่ได้รับาเ็กำดาบสั้นแล้วแทงมาทางสีข้างของนาง
พริบตาแห่งความเป็ความตาย!
เป็เสี้ยวขณะที่ต้องเค้นหาทางรอด!
มู่หรงฉือรู้สึกถึงความเป็ความตายที่เข้าใกล้ จึงถอยหลังตามสัญชาตญาณ แต่สายไปเสียแล้ว
แรงมหาศาลจับแขนนางเอาไว้แล้วดึงอย่างแรง ในขณะเดียวกันประกายสีเงินเย็นวาบก็แล่นเข้ามาพร้อมจิตสังหารเข้มข้น นางถอยหลังอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ปลายแหลมของมีดผ่านแขนของนางไป
มีระยะห่างจากแขนของนางอยู่เพียงเล็กน้อย!
นางเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอุ่น ก่อนที่พลังปราณสีขาวจะพุ่งไปทางคนชุดดำ พลังนั้นน่ากลัวและรุนแรง หน้าอกของคนชุดดำมีเืไหลก่อนจะล้มลงไปกับพื้น โลหิตไหลทะลัก
เพิ่งผ่านพ้นความเป็ความตาย หัวใจของมู่หรงฉือหวาดหวั่น หอบหายใจอย่างรุนแรง
คนชุดดำก้มหน้าลงสิ้นใจไป นางพบว่าด้านหลังถูกคนกอดเอาไว้แน่น แผ่นหลังของตนเย็นชื้นไปด้วยเหงื่อ ทั้งยังแนบกับอกอุ่น ให้ความรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
มู่หรงอวี้หนีบนางเอาไว้ด้านข้าง แขนซ้ายพาดอยู่ที่หน้าอกของนาง ตำแหน่งที่ฝ่ามือวางอยู่เหมือนจะจับหมับเข้าที่ส่วนสำคัญบางส่วนเข้าพอดี
ถึงแม้จะใช้ผ้าพันหลายชั้นแต่ยังคงทำให้เขาเอาไปคิดต่อได้
ฉับพลันนั้นเอง ความคิดมากมายพลันทะลักทลายเข้ามาในหัวนาง เส้นเืทั่วทั้งร่างกายพุ่งพล่าน
นางดิ้นออกอย่างร้อนรน แต่ว่าบุรุษผู้นี้เมื่อลงมือแล้วย่อมไม่ปล่อยง่ายๆ นางพูดเสียงต่ำอย่างโกรธจัด “ยังไม่รีบปล่อยมืออีก?”
“ท่านทำเช่นนี้...จะทำให้คนสงสัยฐานะของข้า” มู่หรงฉือยกเท้าขึ้นแล้วเหยียบลงไปอย่างแรง
ถึงเท้าของเขาจะถูกเหยียบ แต่มู่หรงอวี้ไม่ร้องออกมาสักแอะ พูดข้างหูนาง “แล้วอย่างไรเล่า? อย่างไรพวกเราสองคนก็ยากจะรอดพ้นหายนะนี้ไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว”
กลิ่นอายร้อนรุ่มพ่นอยู่รอบใบหู นางหดตัวเข้าหากัน ถึงแม้จะโกรธเพียงใดแต่กลับทำอะไรไม่ได้
เนิ่นนานเขาถึงจะคลายอ้อมกอดแล้วจับนางหมุนตัวหันมาหาเขา พร้อมยกมือขึ้นเช็ดหยดเืข้างแก้มให้นาง การกระทำอ่อนโยนจนตัวนางแทบจะอ่อนระทวย
ตามรอยแยกตรงมุมกำแพงกับเพดานมีควันลอยเข้ามา นางเห็นแล้วสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน “ดูสิ!”
“เป็ควันพิษ ดูเหมือนว่าคุณชายชุดทองตั้งใจจะวางยาพิษให้พวกเราตาย” ดวงตาของเขาหรี่ลงราวตาเหยี่ยว
“จะทำอย่างไรดี?” จิตใจของมู่หรงฉือไม่สงบแล้ว ปล่อยพิษในห้องหินที่ปิดตายแบบนี้ พวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“รีบพูดมาว่ากลไกอยู่ที่ไหน ไม่เช่นนั้นเ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่!” นางถามคนชุดดำอีกสองคนที่ยังไม่ตายอย่างมีโทสะ
สายตาของสองคนนั้นว่างเปล่า ท่าทางเหมือนคนที่ตายไปแล้ว
นางพยายามลองโจมตีขีดความอดทนในใจของพวกเขา “เสียแรงที่พวกเ้าขายชีวิตเพื่อเ้านาย แต่ดูสิว่าเขาทำกับเ้าอย่างไร? วางแผนให้พวกเ้าตายอย่างไม่สนใจ พวกเ้ามันภักดีจนโง่เขลา! ขอเพียงพวกเ้าพูดออกมาว่ากลไกอยู่ที่ใด พวกเ้าก็จะยังมีโอกาสรอดชีวิต”
มู่หรงอวี้พูดเสียงเบา “ไม่จำเป็ต้องเปลืองแรงไปหรอก พวกเขาเป็ทหารกล้าตายไม่มีทางเปิดปากพูด อีกอย่าง บางทีพวกเขาอาจจะไม่รู้ว่ากลไกอยู่ที่ใดจริงๆ หรือไม่บางทีห้องนี้อาจจะไม่มีกลไกที่ออกไปได้”
ราวกับถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ!
มู่หรงฉือถูกทำให้เ็ปสับสน เช่นนั้นนางก็จะตายอยู่ที่นี่หรือ?
นางมองเขาอย่างเด็กหลงทาง ดวงตาคู่งามอันคุ้นเคยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา อ่อนไหวจนทำให้คนเห็นรู้สึกเอ็นดู
ใจของเขาอ่อนยวบ ยกแขนขึ้นโอบนางเข้ามาก่อนมือใหญ่จะกดที่หัวของนางเบาๆ เป็การปลอบใจ
ไอพิษลอยเข้ามาไม่หยุด คนชุดดำสองคนนั้นได้รับาเ็หนักทนไม่ไหวจึงตายไปแล้ว
มู่หรงฉือเริ่มทรมานขึ้นเรื่อยๆ นางเริ่มหายใจไม่ออกแต่กลับฉุกคิดขึ้นได้ว่า บุรุษผู้นี้ฉลาดมากแผนการ คำนวณวางแผนได้อย่างแม่นยำ เขาเข้ามาที่หลิงหลงเซวียนจะต้องมีการวางแผนมาเป็อย่างดี จะมาถูกคนใช้แผนใส่ง่ายๆ ได้อย่างไร?
“ท่านมีวิธีใช่หรือไม่? ลูกน้องของท่านเล่า? พวกเขาเห็นพวกเราไม่ออกมานานถึงเพียงนี้จะบุกเข้ามาหรือไม่?” นางกอดความหวังสุดท้ายเอาไว้ หวังว่าจะได้รับการยืนยันจากเขา
“คืนนี้มีแค่พวกเราเท่านั้น” มู่หรงอวี้ประคองใบหน้าเล็กของนาง นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ข้างแก้มนาง
“ท่านไม่ได้วางแผนเอาไว้อย่างรอบคอบหรือ? ลูกน้องของท่านไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่นี่หรือ?”
“ไม่รู้”
ความหวังสุดท้ายหลุดลอยไป ใบหน้าของนางขาวซีดราวขี้เถ้า เรี่ยวแรงทั้งตัวเหมือนจะเหือดหายไปจนหมด
จบแล้ว จบสิ้นแล้ว!
นางเชื่อใจเขามากเกินไปถึงมีจุดจบเช่นนี้
มู่หรงอวี้คนบ้า เป็คนไม่ได้เื่ขนาดนี้เชียวหรือ?
เขาลากนางมาที่มุมๆ หนึ่ง ั์ตาสีดำเงาเหมือนจะมีรอยยิ้มเจือที่หางตา “หากตอนนี้เวลานี้ข้าจะต้องตาย มีเ้าอยู่ข้างกาย มีเ้าไปปรโลกด้วยกัน ก็เหมือนจะไม่ได้แย่ถึงเพียงนั้นแล้วจริงๆ”
“ข้าไม่อยากจะไปปรโลกกับท่าน” นางผลักเขาอย่างหงุดหงิด “เสียแรงที่ข้าเชื่อใจท่านถึงเพียงนั้น ท่านกลับไม่ได้วางแผนอะไรเลยแล้วมาที่นี่…ข้าเกลียดท่าน…ไสหัวไป…ข้าจะไปหากลไก…ท่านอย่า…”
“อื้อๆ…อื้อๆ...”
พริบตาต่อมามู่หรงอวี้ก็จู่โจมปิดริมฝีปากของนาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้