คำพังเพยว่าไว้ได้ดี ข้างบนมีกลอุบาย ข้างล่างก็มีแผนรับมือ ในเมื่อเยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วล้วนไม่ใช่คนโง่ ย่อมคาดการณ์ไว้แล้วว่าสวี่ชิวเยวี่ยจะตอบสนองเช่นไร จึงเตรียมแผนรับมือเอาไว้พร้อมนานแล้ว... ทางฝั่งฮูหยินเยี่ยนที่มาพร้อมกับสวี่ชิวเยวี่ยนั้น มุ่งตรงมายังเรือนเล็กของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานด้วยความโกรธเกรี้ยว กระทั่งผ่านประตูเรือนเข้ามาแล้ว แต่กลับไม่เห็นเงาร่างของพวกเขาทั้งสอง
เมื่อเดินต่อไปข้างใน จึงได้ยินเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นดังออกมารางเลือน ในใจของสวี่ชิวเยวี่ยเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ นางหันกลับไปมองฮูหยินเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง คาดไม่ถึงว่ามีท่าทีไม่ต่างกันนัก ท่าทีสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ท่านป้า...” ภายในบ้านนี้เงียบอย่างน่าประหลาด ทำให้ในใจของสวี่ชิวเยวี่ยพลันเกิดความกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่คนดีถือพระสงฆ์องค์เ้าอยู่ในใจอะไร หากจะชักไส้ในออกมาให้ใครดู ในนั้นก็ล้วนไม่มีเจตนาดี มีแต่อุบายเล่ห์เหลี่ยมสกปรกทั้งนั้น
ดังนั้นที่นางจะกลัวก็เป็เื่สมควรแล้ว ถึงอย่างไรเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ก็เป็เื่ที่นางก่อหายนะให้ผู้อื่นทั้งนั้นมิใช่หรือ? หากวันนี้์ส่งกรรมมาตามสนอง ก็คงต้องมุ่งไปที่สวี่ชิวเยวี่ยเป็คนแรก
น้ำเสียงของสวี่ชิวเยวี่ยเบาลงอย่างมากโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังมีความสั่นเครืออยู่เล็กน้อย นางคว้าจับมือของฮูหยินเยี่ยนอย่างไม่รู้ตัว แล้วเดินจูงมืออีกฝ่ายไป เมื่อเห็นฮูหยินเยี่ยนไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร นางจึงได้แต่ส่งเสียงเรียก “ท่าน... ท่านป้า... ท่านว่านี่มันเกิดเื่อะไรขึ้นกันเ้าคะ?”
ฮูหยินเยี่ยนแต่ไหนแต่ไรก็เป็คนไม่เชื่อเื่ผีสาง เหตุการณ์เล็กใหญ่เองก็นับว่าเผชิญมาไม่น้อย ย่อมแข็งแกร่งกว่าสวี่ชิวเยวี่ยเล็กน้อย “กลัวอะไรกัน จะสถานการณ์อะไรก็คงหนีไม่พ้นเป็ลูกชายลูกสะใภ้ของข้าหรอก ไปดูซิว่าพวกเขาก่อเื่วุ่นวายบ้าบออะไรกัน!” ได้ยินเพียงฮูหยินเยี่ยนส่งเสี่ยงเฮอะอย่างเ็า ย่างฝีเท้าเดินไปถึงเบื้องหน้าผ้าม่านที่ขวางกั้นทางเดินของทั้งสองเอาไว้อย่างเลือนราง
สวี่ชิวเยวี่ยด้วยความกินปูนร้อนท้อง จึงมีความคิดอยากจะไปขวางการกระทำของฮูหยินเยี่ยนขึ้นมาเล็กน้อย ทว่านางจะเร็วไปกว่าฮูหยินเยี่ยนได้อย่างไร? แน่นอนว่าขวางการเคลื่อนไหวอันคล่องแคล่วว่องไวของฮูหยินเยี่ยนเอาไว้ไม่ได้
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ฮูหยินเยี่ยนผู้รวดเร็วเฉียบขาดมาเสมอยกมือเลิกม่านออก สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาในสายตานั้น ไม่นึกว่าจะเป็...
“เยียนหราน... เ้าตื่นสิ เ้าตื่นขึ้นมาสิ...” ภายในม่านนั้น สามารถมองเห็นเพียงเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ร้องไห้น้ำตานอง คุกเข่าอยู่ข้างเตียง ร้องไห้กระซิกตบร่าง ‘เยวี่ยเยียนหราน’ ที่นอนอยู่บนเตียงซึ่งดูเหมือนจะสลบไสลไม่ได้สติไปแล้ว ในปากก็ยังคงร่ำไห้ะโเรียกไม่หยุดว่า “เยียนหราน เยียนหราน... เ้าตื่นขึ้นมาสิเยียนหราน...”
นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้น? สวี่ชิวเยวี่ยกับฮูหยินเยี่ยนต่างก็ตะลึงงันก็สถานการณ์ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปเบื้องหน้า ชั่วขณะนั้นพลันนิ่งเงียบไม่มีอะไรจะเอ่ย
และภาพเหตุการณ์ตรงหน้านี้ แน่นอนว่าเป็ความคิดไม่เข้าท่าที่เยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วช่วยกันคิดออกมา กลยุทธ์ทนทุกข์กาย
แท้จริงแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานนั้นคาดการณ์ไว้ตั้งนานแล้ว ว่าสวี่ชิวเยวี่ยที่ถูกทั้งสองบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้ จะต้องหันกลับไปหาที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียวของตน ฮูหยินเยี่ยน นอกจากนี้ทั้งสองก็ไม่ไว้ใจความสามารถในการพูดจาเหลวไหลปั้นน้ำเป็ตัวของสวี่ชิวเยวี่ย จะสามารถพลิกผันเื่ราวในวันนี้กลายเป็ลักษณะที่ไม่อาจแยกแยะถูกผิด ดังนั้นจึงไม่อาจทำนายรู้ล่วงหน้า แล้วให้ยาตรงกับโรคได้ จึงทำได้เพียงสุ่มคว้าเอากลอุบายที่ดำเนินการได้ง่ายที่สุดมาปกป้องชีวิตน้อยๆ ทั้งสองของพวกตน
ส่วนกลอุบายนั้นคืออะไรน่ะหรือ? มันก็คือกลยุทธ์ทุกข์กายเช่นนี้อย่างไรล่ะ ก็คือให้เยวี่ยเจาหรานแสร้งป่วยนอนอยู่บนเตียงก่อน นี่เองก็อธิบายได้แล้วว่าเหตุใดเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถึงต้องเสี่ยงอันตราย ขัดแย้งกับคนที่มารดาตนส่งไปเพื่อเฝ้าจับตาดูอย่างไม่ลังเล ทั้งยังพาเยวี่ยเจาหรานกลับมาด้วยท่าทีแข็งกร้าว นอกจากนั้นเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยังได้ข่าวเล็กน้อยจากทางหลิงหลงเช่นกัน นั่นก็คือ่นี้ฮูหยินเยี่ยนแพ้พนันอย่างน่าเวทนายิ่ง
ไม่มีความอึดอัดใดที่แก้ไขไม่ได้ด้วยเงินที่มากพอ หากมี ก็แปลว่าเงินที่เ้าจ่ายไปนั้นยังไม่มากพอ! ดังนั้นเพื่อที่จะแก้ไขปัญหานี้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงได้แข็งใจจัดเตรียมเงินที่มากพออย่างแน่นอนด้วยกันกับเยวี่ยเจาหรานไว้แล้ว! ถึงแม้จะปวดใจดั่งถูกมีดคว้าน แต่เมื่อนึกถึงชีวิตน้อยๆ ที่แขวนห้อยไว้อย่างง่อนแง่น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานก็ยอมจำใจ...
“นี่ นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่!” พูดตามตรง ฮูหยินเยี่ยนที่จู่ๆ มาเห็นฉากนี้ก็งงงวยไปชั่วขณะ ถึงอย่างไรนางก็เพียงอยากลงโทษเยวี่ยเยียนหรานให้คุกเข่าเท่านั้น ไม่ได้คิด้าชีวิตน้อยๆ ของเยวี่ยเยียนหรานเลย ฮูหยินเยี่ยนไม่อยากรับความผิดโทษฐานฆาตกรรมโดยประมาท
สวี่ชิวเยวี่ยในยามนี้เองก็สับสนไม่น้อย นางไม่อาจรู้แน่ชัดได้ว่าคราวนี้เยวี่ยเจาหรานกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมีอุบายอะไรกันแน่ จึงได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างกายฮูหยินเยี่ยน และปิดปากเงียบสนิท
“ท่าน ท่านแม่...” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นไม่รู้ว่ารีดน้ำหัวหอมใส่ตาไปมากแค่ไหน จึงร้องไห้เป็คนเ้าน้ำตาขึ้นมาอย่างยากจะได้เห็น ดวงตาแดงก่ำ บวมเป่งราวกับกระดิ่งทองแดงสองอัน “ท่านแม่ เยียนหรานนาง...” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าของตน พลางเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงขาดๆ หายๆ “ได้ยินว่าท่านให้เยียนหรานคุกเข่าที่ศาลบรรพชน ข้าแค่คิดอยากจะไปดูสักหน่อย ไม่นึกว่า ไม่นึกว่าเยียนหรานนางจะ... จะเป็ลมล้มพับไปเสียแล้ว...”
เป็ลมล้มพับ? อะไรอีกล่ะนี่?! สวี่ชิวเยวี่ยยามนี้นับว่าสับสนงุนงงไปโดยสมบูรณ์ เมื่อครู่ไม่ได้ยังมีชีวิตชีวาฮึกเหิมดั่งเสืออยู่หรอกหรือ? มีใครทำท่าเหมือนจะเป็ลมที่ไหนกัน! แต่ว่า แม้สวี่ชิวเยวี่ยจะมองการแสดงของเยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วออกโดยง่ายดาย ทว่ายามนี้ไม่อาจเปิดโปงการแสดงปาหี่ของทั้งสองได้โดยตรง จึงได้แต่ปล่อยให้พวกเขาเล่นไปตามใจชอบ
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วร้องสะอื้นไห้ พลางเอ่ยเสียงกระซิก “ยามนี้ข้าย่อมร้อนใจแทบแย่แล้ว... แต่เพราะเห็นยามเฝ้าเป็คนที่ท่านแม่ส่งไป ลูกจึงไม่กล้าขัดมากนัก ได้แต่ขอร้องให้พวกเขาปล่อยข้าและเยียนหรานไปดูอาการป่วยก่อน แต่ใครจะไปรู้ว่าเยียนหรานนั้นเป็โรคหอบหืดและร่างกายอ่อนแอมาั้แ่เกิด!
“หอบหืด? เ้าบอกว่าเยวี่ยเยียนหรานนางมีโรคหอบหืดปิดซ่อนเอาไว้หรือ?!” บัดนี้ฮูหยินเยี่ยนเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว โรคอย่างหอบหืดนั้นจะว่าใหญ่ก็ได้เล็กก็ได้ หากตอนที่อาการกำเริบไม่ได้รับการดูแลที่ทันท่วงที ก็อาจจะมีความเสี่ยงถึงชีวิตได้เลย! เยวี่ยเยียนหรานผู้นี้แม้จะไม่ได้เป็ที่โปรดปราดของตน แต่อย่างไรเสียก็มีชาติตระกูลดี มหาบัณฑิตเยวี่ยเองก็นับว่าเป็กระดูกต้นแขนแห่งราชสำนัก จะมากน้อยคำพูดเขาก็มีน้ำหนัก
เหตุผลที่ฮ่องเต้พยายามอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมเื่การแต่งงานของเยี่ยนเยวี่ยทั้งสองตระกูลให้สำเร็จนั้น แน่นอนว่าเป็เพราะเยี่ยนเยวี่ยทั้งสองตระกูลต่างมีตำแหน่งบุ๋นและบู๊สองฝั่งในราชสำนัก หากว่าเยวี่ยเยียนหรานที่มีกำลังที่สนับสนุนเื้ัแข็งแกร่งถึงเพียงนี้มาเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรอยู่ในจวนเยี่ยน กระทั่งอาการร่อแร่อันตรายถึงชีวิต เช่นนั้นเื่นี้ก็ไม่ใช่แค่ปัญหาระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้แล้ว
นั่นอาจจะเป็เื่ใหญ่หลวงที่เกี่ยวข้องถึงความมั่นคงของราชสำนัก!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮูหยินเยี่ยนก็ถอนหายใจยาวอย่างอดไม่ได้ โชคดีที่ลูกสาวผู้นี้ของตนนับว่ากล้าหาญไม่น้อย กล้าที่จะยื้อแย่งตัวเยวี่ยเยียนหรานออกมาจากกำมือของคนที่ตนส่งไป ไม่เช่นนั้นหากเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ นั่นคงจะเป็ปัญหาใหญ่ทีเดียว!
ฮูหยินเยี่ยนเก็บงำความคิดในใจ แล้วเอ่ยถามอีกครั้ง “เอาเถอะๆ ในเมื่อก่อเื่ก่อราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็อย่าพูดอะไรอย่างอื่นอีกเลย เยียนหรานนาง... เยียนหรานยามนี้อาการเป็เช่นไรบ้าง?”
เมื่อได้ยินฮูหยินเยี่ยนเอ่ยเช่นนั้น ในใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงนับว่าโล่งไปได้เปลาะหนึ่ง ยามนี้จึงรู้สึกว่าอารมณ์ดีชื่นบานขึ้นมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้