เมื่อเด็กสาวมองเห็นเย่เทียนเซี่ย ั์ตาสีดำคู่นั้นก็เบิกกว้าง ดวงตาสุกใสเหมือนดวงดาวกะพริบปริบๆ
“ฮิๆๆ ท่านคือเ้านายของข้าอย่างนั้นหรือ คิกๆๆ ไม่ค่อยเหมือนกับที่ข้าคิดไว้เลยนะ ข้าคิดว่าเ้านายของข้าจะเป็ตาลุงหนวดเฟิ้มซะอีก”
“ทำไมล่ะ?” เย่เทียนเซี่ยหน้าแข็งค้าง คำสามคำที่หลุดออกมาจากปากของเขานั้นแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องถามประโยคนี้ออกไป
“เพราะว่าเด็กสาวที่น่ารักอย่างข้า ถ้าหากมีเ้านายเป็ตาลุงหนวดเฟิ้มละก็ เขาจะต้องรักข้าหลงข้า หาของอร่อยๆ อย่างไอ้นั่นมาให้ข้ากิน เอ่อ? อ่า...” เด็กสาวเปิดปากเล็กๆ ของเธอพูดเจื้อยแจ้ว เธอกัดนิ้วพยายามคิดอยู่สักพักก่อนจะลืมตากลมโตขึ้น “อ๊า! ใช่แล้ว สิ่งที่เรียกว่าอมยิ้มไงล่ะ”
เย่เทียนเซี่ยหน้ากระตุก ในปอดของเขารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
“คิกๆๆ เ้านาย เรียกข้าว่ากั่วกัว เด็กสาวที่น่ารักและเชื่อฟังที่สุดในโลกใบนี้ นายท่านมีชื่อว่าอะไรนะ อ๊ะๆๆ นายท่านไม่ต้องบอกข้าหรอก สาวน้อยกั่วกัวแสนฉลาดคนนี้มองเห็นแล้ว นายท่านชื่อเซี่ยเทียน คิกๆๆ เป็ชื่อที่แปลกดีนะ” ร่างเล็กกะทัดรัดของเด็กสาวหมุนตัวไปมากลางอากาศอย่างสง่างามราวกับกำลังอวดรูปร่างน่ารักของตัวเองให้เย่เทียนเซี่ยได้เห็น ร่างกายของเธอเล็กมาก หากมองดีๆ แล้วใบหน้าเล็กๆ นั่นงดงามไร้ที่ติ ภายใต้ความน่ารักนั้นยังคงเผยให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบที่งดงามเกินมนุษย์ ร่างเพรียวบางอยู่ในชุดกระโปรง สองเท้าเล็กๆ ทิ้งลงด้านล่างอย่างเป็ธรรมชาติ ผิวของเธอั้แ่ขาจนถึงเท้าเล็กๆ ขาวเนียนเหมือนหิมะ เท้าเล็กจิ๋วถูกห่อหุ้มไว้ด้วยประกายไข่มุกแวววาว
‘กั่วกัว ชื่อของเธอต่างหากล่ะที่แปลก!’ เย่เทียนเซี่ยพูดขึ้นใจใน หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็ฝ่ายถามกลับบ้าง “เธอเป็ใคร?”
ยัยเด็กนี่โผล่มาจากที่ไหนกัน? มอนสเตอร์ลับอย่างนั้นเหรอ? ไม่ใช่สิ เมื่อเขาใช้ทักษะตรวจสอบดูแล้วก็ไม่มีข้อมูลอะไรขึ้นมา หรือจะเป็ NPC ลับ? มันมี NPC ที่ทำให้ผู้เล่นตะลึงได้ขนาดนี้ด้วยเหรอ? อีกอย่างจากแสงเมื่อกี้ ดูเหมือนเธอจะลอยออกมาจากในเครื่องประดับแปลกๆ อันนั้น
“คิกๆๆ ข้าก็บอกแล้วไง ข้าชื่อกั่วกัว เด็กสาวที่น่ารักและเชื่อฟังที่สุดในโลกใบนี้” ร่างเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าขยับไปมา ค่อยๆ ลอยเข้ามาใกล้เย่เทียนเซี่ยทีละน้อย หลังจากนั้นก็กะพริบตาปริบๆ ถามกลับ “นายท่าน เอาอมยิ้มให้ข้ากินหน่อยได้ไหม?”
“เธอรู้เหรอว่าอมยิ้มคืออะไร?”
“หึๆ ไม่รู้อะ”
“...แล้วก็ยังจะเอาเนี่ยนะ!” อีกนิดเย่เทียนเซี่ยก็จะปรี๊ดแตกแล้ว ใน World of Fate แห่งนี้เดิมทีแล้วไม่น่าจะมีไอ้สิ่งที่เรียกว่าอมยิ้มหรอก และทั้งตัวเด็กผู้หญิงคนนี้ก็มีบางอย่างแปลกๆ ที่อธิบายไม่ได้
“เอ๋? แต่ผู้หญิงคนนั้นบอกข้าว่า อมยิ้มคือสิ่งที่เด็กสาวชอบกินที่สุดนี่นา แล้วข้าก็คือเด็กสาวที่น่ารักที่สุดบนโลกใบนี้ ดังนั้นข้าอยากกินจริงๆ นะ...นายท่าน ท่านเป็เ้านายของข้านะ! ได้เด็กสาวน่ารักขนาดนี้ ท่านที่เป็เ้านายต้องรักข้าหลงข้าให้มากๆ สิ”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็ใคร?” เย่เทียนเซี่ยถาม
“อุ ฮ่าๆ ไม่บอกท่านหรอก!” เด็กสาวตอบกลับรวดเร็วชัดเจน
“...”
“เอาเถอะ” เย่เทียนเซี่ยเดินออกจากดินแดนหมาป่าพลางพูดกับเด็กสาวไปด้วย “ถ้าเธอตอบคำถามฉันสักสองสามคำถาม ฉันจะให้เธอกินอมยิ้ม”
“ฮะ! จริงหรือ? งั้นนายท่านอยากถามอะไรอย่างนั้นหรือ?” เด็กสาวลอยไปมาอยู่ข้างหลังของเขา ะโโลดเต้นไปมาด้วยความตื่นเต้น
“ทำไมเธอถึงเรียกฉันว่านายท่านล่ะ?” เย่เทียนเซี่ยถาม
“ก็เพราะท่านคือเ้านายของข้าไง” กั่วกัวขยิบตาตอบกลับ
บนหัวของเย่เทียนเซี่ยแทบจะมีไอสีดำพวยพุ่งออกมา เขาสูดหายใจลึกๆ สงบใจถามกลับ “แล้วทำไมฉันต้องเป็เ้านายเธอด้วยล่ะ?”
“เพราะท่านคือคนที่กั่วกัวเจอเป็คนแรกไงล่ะ คนที่กั่วกัวเห็นเป็คนแรกก็คือเ้านายของกั่วกัว!”
คนที่เห็นเป็คนแรก? ในหัวของเย่เทียนเซี่ยกำลังคิดย้อนกลับไปเป็ฉากๆ ถึงตอนที่เด็กคนนี้ปรากฏตัวออกมา หรือว่ายัยเด็กนี่จะออกมาจากของที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งไว้ให้เขาจริงๆ? แล้วทำไมถึงเพิ่งมาปรากฏตัวที่นี่...จริงๆ แล้วมีเหตุผลลึกลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่
“เธอออกมาจากสิ่งนี้งั้นเหรอ?” เย่เทียนเซี่ยหยุดฝีเท้า หยิบเครื่องประดับสีดำที่ห้อยอยู่ที่คอออกมาถาม มองจากด้านข้างพื้นผิวสีดำทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยแสงสลัวทั้งเจ็ดสี
“คิกๆๆ ใช่แล้ว นายท่านเห็นแล้วสินะ” เด็กสาวตอบกลับ
“แล้วเธอไปอยู่ในนี้ได้ยังไง จริงๆ แล้วสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่?” เย่เทียนเซี่ยชูเครื่องประดับนั้นขึ้นไปตรงหน้าของกั่วกัว ลักษณะพิเศษและสีที่แปลกประหลาดของมันทำให้เขาเคยพยายามที่จะค้นหาความลับของมัน แต่เพราะนี่คือสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งไว้ให้ั้แ่แรก ดังนั้นเขาจึงไม่อาจปล่อยให้มันห่างกายได้แม้เพียงเสี้ยววินาที
“เอ่อ...ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วนายท่านรู้หรือเปล่าล่ะ?” เด็กสาวถามออกมาอย่างใสซื่อ
‘ถ้ารู้แล้วจะถามเธอไหมล่ะ?’...เย่เทียนเซี่ยพูดเบาๆ ในใจ เขาอดคิดไม่ได้ว่ายังดีที่คนที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็เขา ถ้าเป็คนอื่นเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ละก็ ไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร
“แล้วเธอรู้อะไรบ้าง?” เย่เทียนเซี่ยพูดออกมาอย่างอับจนหนทาง สายตาหยุดอยู่ที่เครื่องประดับสีดำในมือ เขาเคยหวังว่าจะสามารถค้นพบข้อความอะไรบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้ในของสิ่งนี้ที่ทำให้เขาสามารถหาเหตุผลที่เธอคนนั้นจากไปได้ หรือแม้แต่เบาะแสอะไรสักอย่างก็ยังดี
บนโลกใบนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้และยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ยากจะเข้าใจ เช่น การพบกันของเขากับเธอ หรือการที่เธอจากไป หรือจะเป็การปรากฏตัวของเด็กผู้หญิงประหลาดคนนี้ ความแปลกใจของเขากินเวลาเพียง่สั้นๆ เขาพยายามคิดหาเหตุผลเ่าั้ หรือบางทีเื่เหลือเชื่อทั้งหมดกับคำตอบที่เขาปรารถนาจะรับรู้มาตลอดจะมีความเกี่ยวข้องกัน
แต่เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวที่เรียกเขาว่า นายท่าน อย่างไม่ติดใจอะไรคนนี้ ดูแล้วน่าจะว่าง่าย อีกทั้งใบหน้าก็ยังไม่มีแววหลอกลวง แต่ไม่ว่าเธอจะดูใสซื่อบริสุทธิ์อย่างไร ดวงตาที่ขยับกลอกไปมาของเธอก็ทำให้เธอดูเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ... หรือจริงๆ ควรจะเรียกว่าเ้าเล่ห์แสนกลมากกว่า
“ข้ารู้อะไรบ้างน่ะหรือ?... เอ่อ” กั่วกัวเอามือจิ้มหัวเอียงหน้าเล็กน้อยครุ่นคิด ก่อนจะพูดออกมาไม่เต็มเสียงนัก “ข้ารู้ว่าถ้าเ้านายพูดว่า ‘ห้วงเวลาแห่งโชคชะตา’ อีกรอบ จะต้องมีเื่ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแน่เ้าค่ะ”
เย่เทียนเซี่ยเลิกคิ้ว “ห้วงเวลาแห่งโชคชะตา” คำคำนี้เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน เขาหลับตาครุ่นคิด และแล้วเสียงหนึ่งในใจก็ดังขึ้นมาเบาๆ “ห้วงเวลาแห่งโชคชะตา!”
เครื่องประดับแปลกประหลาดในมือเขาส่องแสงขึ้นมากระทบม่านตาของเย่เทียนเซี่ย ดวงตาของเขาเบิกกว้างทันที และมันก็กว้างมากขึ้น...
เมื่อััได้ถึงความรู้สึกหนักอึ้งจากฝ่ามือ ดวงตาของเย่เทียนเซี่ยก็เต็มไปด้วยความมึนงง จ้องมองไปยังสิ่งของขนาดใหญ่บนฝ่ามืออย่างตกตะลึง มันยังคงมีรูปร่างเรียวยาวแปลกประหลาดเหมือนเดิม มีรูที่มีลักษณะต่างกันทั้งหมดเจ็ดรูกระจายอยู่โดยรอบเหมือนเดิม มีแสงสลัวเจ็ดสีส่องประกายออกมาเหมือนเดิม แต่ขนาดของมันกลับแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ความกว้างเกือบสามสิบเิเของมันเกือบจะมากกว่าอาวุธทุกประเภท ความยาวของมันก็ยาวเกือบจะพอๆ กับความสูงของเย่เทียนเซี่ย เชือกเส้นเล็กที่เคยเชื่อมต่ออยู่กับเครื่องประดับประหลาดก็หายไปจากคอของเขาและกลายเป็ว่าเขากำลังจับปลายด้านหนึ่งของมันอยู่ในมือ ตอนนี้ราวกับว่า เย่เทียนเซี่ยกำลังถือด้ามของอาวุธประหลาดชิ้นหนึ่งอยู่
นี่มัน...