“แม้แต่ยืนก็ยังทำไม่ได้...”
เนี่ยเทียนที่ทำได้เพียงฝืนลุกนั่งอยู่บนแท่นบูชา เดิมทีรู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวเล็กน้อย ทว่าชั่วประเดี๋ยวเดียวเขาก็ตระหนักได้ว่าความไม่ธรรมดาของที่นี่คือการฝึกฝนเขาอย่างหนึ่ง
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แรงกดทับที่ตกลงบนร่างของเขาก็ยิ่งหนักมากขึ้น อันที่จริงนี่ก็คือสถานที่วิเศษสำหรับฝึกหลอมพลังกาย
ตอนที่ยังเด็ก เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าเด็กวัยเดียวกัน เวลาที่เขาต่อสู้กับพวกเนี่ยหงก็มักจะอาศัยร่างกายที่ใหญ่โตของตัวเอง ถึงจะชดเชยความขาดแคลนในด้านของพลังตบะได้
“เฮือก!”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง ท่ามกลางสนามแรงโน้มถ่วงอันน่าหวาดกลัวนี้ เขาพยายามเคลื่อนไหวแขนของตัวเองก่อนเป็อันดับแรก
เมื่อเปรียบเทียบกับลำตัวแล้ว แขนนั้นเบากว่าเยอะมาก การดึงรั้งที่ได้รับจากแรงโน้มถ่วง แน่นอนว่าย่อมเบาตามไปด้วย
แล้วก็เป็ดังคาด การขยับแขน แม้ว่าจะลำบากกว่าก่อนหน้านี้มากนัก ทว่าอย่างน้อยก็ยังสามารถขยับได้
เมื่อลุกขึ้นนั่งบนแท่นบูชาปรักหักพังแห่งนี้ เขาเหมือนคนชักกระตุก ออกแรงยกแขนขึ้นอยู่ตลอดเวลา พยายามยกแขนขึ้นไปยังท้องฟ้า พยายามััถึงอิทธิพลที่แรงโน้มถ่วงนี้มีต่อแขนของตน
ระหว่างนั้น เขาก็มองรอบด้านไปด้วย
“อู้!”
ทอดสายตามองออกไปยังมือขนาดั์แต่ละข้างที่โผล่จากผืนดินชี้ไปยังท้องฟ้า ใจของเขาก็กระตุกวาบ
มือั์เ่าั้ แต่ละมือที่ชี้ขึ้นไปบนขอบฟ้ามีลักษณะแตกต่างกัน ทั้งยังแฝงเร้นไว้ด้วยอารมณ์บางอย่างอยู่ภายใน
เขาที่พยายามยกมือขึ้นฟ้าอยู่ตลอดเวลา เดิมรู้สึกเบื่อหน่ายไม่น้อย แต่พอสังเกตเห็นลักษณะมือที่ต่างกันเ่าั้ เขาก็เกิดความคิดเฉียบไวขึ้นมา เริ่มเลียนแบบท่าทางของแขนั์เ่าั้
ท่าแรกที่เขาเลียนแบบคือมือที่ทั้งห้านิ้วกำเป็หมัด เส้นเอ็นบนหลังมือปูดโปน ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
ดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปยังแขนที่ราวกับูเาลูกเล็กนั้น ตระหนักรู้ถึงความโกรธาไม่ยินยอมอย่างบ้าคลั่งจากมือข้างนั้น
แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เพียงมองเช่นนี้ ความรู้สึกโกรธแค้นพลุ่งพล่านระลอกหนึ่งพลันเกิดขึ้นในใจของเขา
ดวงตาที่มองไปยังแขนั์เต็มไปด้วยไฟโทสะโชติ่โดยไม่รู้ตัว
สีหน้าของเขาเปลี่ยนมาเป็พลุ่งพล่านและแค้นเคือง ความรู้สึกเดือดดาล้าทำลายนภาให้ย่อยยับ ฝ่าทะลุพันธนาการทุกอย่าง ลอยวนอยู่ท่ามกลางหัวใจของเขา
มือของเขาที่กำลังเลียนแบบท่าทางของแขนั์ข้างนั้น หลังจากความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในใจของเขา ก็ราวกับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เขาััได้อย่างเฉียบไวว่า พลังิญญาในมหาสมุทริญญาจุดตันเถียน ก็พลันไหลออกมาจากมหาสมุทริญญาเป็ระลอก ไหลไปตามเส้นชีพจร เคลื่อนไปยังมือข้างนั้นอย่างรวดเร็ว
เส้นชีพจรแต่ละเส้นในแขนของเขาราวกับแฝงเร้นไว้ด้วยเพลิงโทสะอย่างคลุ้มคลั่ง พลังิญญาที่เคลื่อนไปตามชีพจรที่แฝงไปด้วยความโกรธแค้น
“ซ่า ซ่า!”
กำปั้นของเขาที่ชูขึ้นฟ้า บนหลังมือปรากฏแสงิญญาสีขาวอ่อนจาง!
แสงิญญาแต่ละเส้นโอบล้อมอยู่รอบกำปั้นของเขา ท่ามกลางแสงิญญาเ่าั้แฝงไปด้วยความคับแค้นและบ้าคลั่ง พลังอนุภาพที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากพลังิญญาพวกนั้นเพิ่มขึ้นมาอีกไม่น้อย
“หลอมลมปราณขั้นหก! พลังิญญาล้นออกด้านนอก!”
เลื่อนเข้าสู่ขอบเขตของหลอมลมปราณขั้นที่หก พลังิญญาในร่างกายสามารถเผยตัวตนออกมา ขณะที่ต่อสู้ หากัักับร่างกายของศัตรู สามารถทำให้พลังิญญาแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของศัตรูได้
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาต่อสู้กับเนี่ยหง เนี่ยหงที่มีพลังหลอมรวมลมปราณขั้นหกก็เคยส่งคลื่นสายฟ้าจากร่างกายมาสู่กำปั้นของเขาที่ัักัน
ก็ด้วยเหตุนี้ ทุกครั้งที่เขากับเนี่ยหงปะทะกัน ร่างกายจึงมีพลังสายฟ้าหลงเหลืออยู่ภายใน เ็ปจนไม่สามารถบรรยายได้
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ในเหมืองแร่หมายเลขเจ็ดสิบสาม เขาได้บรรลุถึงขอบเขตหลอมลมปราณขั้นหกอย่างน่าประหลาดใจ ทว่ายังไม่สามารถทดลองความมหัศจรรย์ของการปลดปล่อยพลังิญญาได้อย่างแท้จริง
ตอนนี้ อยู่ในฟ้าดินที่ไม่รู้จักแห่งนี้ เขาไม่ได้พบเจอกับอุปสรรคใดๆ แค่เข้ามาอยู่ที่นี่ก็สามารถปลดปล่อยพลังิญญาของขอบเขตหลอมลมปราณขั้นหกออกมาด้านนอกได้ทันที
นี่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจอย่างมาก
จากคำบอกเล่าของเนี่ยเฉี่ยน เพิ่งจะฝ่าทะลุขั้นหลอมลมปราณหก ยังจำเป็ต้องทดลองอย่างต่อเนื่อง ถึงจะสามารถปล่อยและเก็บพลังิญญาได้ดั่งใจ แต่นี่เขาทำเพียงครั้งเดียวก็สำเร็จแล้ว
ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น เขายังััได้อย่างชัดเจนว่าพลังิญญาเ่าั้ที่ปรากฏออกมาบนกำปั้นของเขาล้วนแฝงไว้ด้วยโทสะที่คลุ้มคลั่ง
อารมณ์ ไม่ได้เป็คุณสมบัติส่วนหนึ่งของพลังิญญา เดิมทีไม่ควรมีพลังเพิ่มขึ้นมาต่างหาก แต่เขากลับเชื่อว่าอารมณ์โกรธแค้นพลุ่งพล่านที่แฝงเข้ามาในพลังิญญานั้นจะต้องมีความมหัศจรรย์อย่างแน่นอน
ที่น่าเสียดายก็คือ เนี่ยหงไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย มิฉะนั้นเขาก็สามารถใช้หมัดนี้มาทดลองได้ว่าอารมณ์โกรธแค้นและบ้าคลั่งนี้มีพลังอนุภาพเกินมาหรือไม่
“เอ๊ะ?”
ขณะที่เขาเริ่มครุ่นคิดอย่างหนัก จิตใจของเขาพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เดือดดาลงุ่นง่านอีกต่อไป
พลังิญญาที่หลอมรวมอยู่ในแขนข้างนั้นพลันไหลย้อนกลับไปยังมหาสมุทริญญา พลังิญญาบนแขนของเขาจึงหายไปอย่างกะทันหันด้วย
หลังจากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า เนื่องจากสมาธิที่แตกซ่านของเขา เขาไม่สามารถคงความโกรธแค้นและพลุ่งพล่านในใจไว้ได้ตลอดเวลา
เมื่อจิตใจของเขาเปลี่ยนจากความบ้าคลั่งมาเป็ความสงบ กำปั้นที่ชูสูงขึ้นฟ้าของเขาจึงไม่เหลือความมหัศจรรย์ พลังิญญาย้อนกลับ ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติอีกครั้ง
“จิตใจ! จิตใจต่างหากถึงจะเป็กุญแจสำคัญ!”
หลังจากเข้าใจแจ่มชัดแล้วเขาจึงรวบรวมสมาธิ มองไปยังแขนั์คล้ายูเาหนึ่งลูกข้างนั้นอีกครั้ง
เขาตั้งใจััความโกรธแค้นที่โหมซัดสาดซึ่งซ่อนอยู่ในหมัดข้างนั้น หลังจากที่เขาค่อยๆ จมจ่อมอยู่กับมัน เขาก็ค้นพบอีกครั้งว่าในใจของตัวเองได้รับอิทธิพล มันค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็ฉุนเฉียวเดือดดาล
หลังจากความโกรธแค้นที่อยู่เต็มหัวใจ เขาถึงได้ทำท่าตามแขนั์ข้างนั้น กำมือเป็หมัดช้าๆ ยื่นขึ้นไปหาท้องฟ้า
เมื่อเขายื่นแขนออกไป พลังิญญาเส้นแล้วเส้นเล่าก็ไหลทะลักออกมาจากมหาสมุทริญญาอีกครั้ง พริบตาเดียวก็หลอมรวมเข้ากับเส้นชีพจรในแขนของเขา คำรามไปตลอดทางเพื่อมารวมตัวกันอยู่ที่หมัด
“เปรียะ เปรียะ!”
พลังิญญาสีขาวอ่อนๆ ปรากฏวาบขึ้นมาบนหมัดของเขา พลังิญญาเ่าั้นำเอาอารมณ์ฉุนเฉียวเคืองแค้นมาด้วย
“แบบนี้แหละ!”
ความปิติยินดีลอยขึ้นมากลางใจเขาอย่างห้ามไม่ได้ อารมณ์โกรธแค้นที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างยากลำบากของเขาก็พลันหายวับไป
พริบตาเดียว เขาก็พบว่าความมหัศจรรย์เมื่อครู่นี้หายไปจากเขาอีกครั้ง
ทว่าเมื่อผ่านการทดลองครั้งนี้ เขาก็รู้ถึงเคล็ดลับสำคัญ จากนั้นจึงทดลองทำซ้ำไปซ้ำมา
การทดลองหลังจากนั้น ขอแค่เขารักษาความโกรธแค้นในใจเอาไว้ได้ ความรู้สึกมหัศจรรย์จากความโกรธเคืองที่เต็มกำปั้นก็จะคงอยู่ตลอดเวลา
เพียงแต่เขาก็ค้นพบเหมือนกันว่าต้องจ้องมองแขนั์ที่ห่างออกไปไกลข้างนั้นอยู่ตลอด ถึงจะค่อยๆ ทำให้ความรู้สึกโกรธเคืองอย่างบ้าคลั่งนี้ก่อตัวขึ้นมาในใจได้
หากเขาไม่มองมือั์ที่ราวกับมีชีวิตข้างนั้น แต่ใช้ความโกรธเคืองของตัวเองมากระตุ้นกำปั้น ความรู้สึกลึกลับมหัศจรรย์เช่นนี้กลับไม่เกิดขึ้น
ราวกับว่ามีเพียงบรรลุถึงความฉุนเฉียว ความเจ็บแค้นไม่ยินยอมที่อยู่ในหมัดได้อย่างแท้จริง ัักับมันด้วยตัวเองอย่างแท้จริงเท่านั้น ถึงจะเข้าใจคาถาที่ลึกลับนั้นได้
หลังจากประจักษ์ชัดในจุดนี้แล้ว เขาจึงอารมณ์เย็นลง ไม่ได้ทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ใด แต่จ้องมองแขนั์ที่ยื่นขึ้นไปบนฟ้า ตาไม่กะพริบ ใช้ใจััสภาพจิตใจของเ้าของแขนั์ตอนที่ยื่นหมัดนี้ออกมา
ทั้งกายและใจของเขาจมจ่อมอยู่กับมัน ลืมเลือนเวลาที่ผันผ่าน ลืมเลือนสภาพแวดล้อมที่ตนอยู่ ลืมเลือนแม้แต่ว่าตัวเองเป็ใคร
เมื่อเขายอมทิ้งไปได้แม้แต่ตัวตนของตัวเอง ท่ามกลางความพร่าเลือนนี้ เขาเกิดความรู้สึกว่าตัวเองก็คือเ้าของแขนั์ข้างนั้น มีจิตใจที่ไร้ซึ่งความกริ่งเกรง ไม่หวาดกลัวพันธนาการใดๆ กล้าชิงดีชิงเด่นกับฟ้าดิน ใช้พลังต่อต้านนภา
“ฟู่ว ฟู่ว!”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ กระดูกสัตว์ชิ้นนั้นที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาพลันมีประกายไฟลุกขึ้น
ดูเหมือนว่าเืหยดหนึ่งหยดที่แข็งตัวอยู่ในกระดูกสัตว์ได้เผาผลาญพลังเปลวเพลิงของตัวมันอยู่ตลอดเวลา และเวลานี้ เมื่อพลังเปลวเพลิงหายไปได้ถึงระดับหนึ่ง กระดูกสัตว์จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
“ฟู่ว! ฟู่ว!”
เปลวเพลิงเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกมาจากกระดูกสัตว์ ปลุกเนี่ยเทียนให้คืนสติ
เนี่ยเทียนหันไปมองก็เห็นทันทีว่าเืสดในกระดูกสัตว์คล้ายจะเล็กลงกว่าก่อนหน้านี้เยอะมาก
เขาตระหนักได้ทันทีว่ากระดูกสัตว์ได้เผาผลาญพลังเปลวเพลิงไปมากมายอย่างไม่รู้ตัว
ขณะที่เขาตื่นตระหนกและสงสัยอยู่นั้น กระดูกสัตว์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง กลายมาเป็ถ้ำเปลวเพลิงแห่งหนึ่งอีกครั้ง
มองเห็นถ้ำเปลวเพลิงที่ก่อรูปขึ้นมา อยู่ๆ เขาก็เข้าใจทันทีว่าพลังเปลวเพลิงที่อยู่ในกระดูกสัตว์เหลือเพียงแค่เปิดช่องทางให้กลับไปเท่านั้น
มิฉะนั้น หากพลังเปลวเพลิงถูกเผาผลาญเช่นนี้ต่อไป กระดูกสัตว์จะไม่เหลือพลังมากพอให้ก่อเป็ถ้ำเปลวเพลิงส่งเขากลับไปได้
“ต้องจากไปแล้วหรือ?”
มองแขนั์ที่ใหญ่ราวูเาเ่าั้ เขาที่เพิ่งบรรลุเคล็ดลับรู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย
ทว่ากระดูกสัตว์กลับไม่ให้เวลาเขาได้ครุ่นคิดมากนัก ถ้ำเปลวเพลิงที่มันสร้างขึ้นมาพร้อมที่จะเขมือบกลืนเขาเข้าไปในคำเดียว
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้