สายตาของจวินเหยียนที่ใช้มองอวิ๋นซีนั้นแสนจะร้อนแรง สตรีผู้นี้มักจะเป็เช่นนี้อยู่เสมอ นางมีความสามารถที่ทำให้คนไม่อาจควบคุมตนเองได้ ไม่ว่าจะเดินไปทางใด นางก็มักจะดึงดูดสายตาของเขาได้เสมอ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะมองนาง มองนางให้มากขึ้น
หากเป็คนธรรมดาทั่วไปเมื่อได้มาเยือนทางลับเช่นนี้ อันดับแรกคงมองว่าเขาเก่งกาจอะไรถึงเพียงนี้ ถึงกับสามารถสร้างทางลับใต้ดินได้ ทว่า อวิ๋นซีกลับต่างออกไป อย่างแรกที่นางคิดถึงกลับเป็ผืนดินใต้นครหานโจวที่อาจจะถูกขุดจนกลวงไปหมด กระทั่งหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น ทั้งเมืองนี้คงได้ถล่มลงมาเสียอย่างนั้น
“นี่เป็ความคิดของคนปกติ” นางไม่ใช่คนที่จะหลับหูหลับตาเยินยอหรือเชิดชูในตัวเขาเสียหน่อย และแน่นอนว่าไม่ได้มองว่าเขาเก่งกาจเพียงนั้น เนื่องจากนางเคยเห็นสถาปัตยกรรมใต้ดินของยุคปัจจุบันที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมเสียยิ่งกว่าที่นี่มาแล้ว ดังนั้น ทางลับใต้ดินเหล่านี้ไม่นับเป็อะไรได้
แต่ก็แน่นอนว่า จวินเหยียนที่เป็คนโบราณแท้ๆ สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ด้วยเื่นี้นางเองก็ไม่อาจมองข้าม และไม่อาจปฏิเสธได้
คนทั้งสองเดินมาด้วยกันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็มาถึงสถานที่ที่ใช้คุมขังคน ทันทีที่มาถึงอวิ๋นซีก็ได้แต่มองคนที่ถูกมัดอย่างแ่าอยู่บนเสาไม้ ใบหน้าของคนผู้นี้ดูดุดัน ทั้งยังคุ้นตานัก นางขบคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะนึกออกว่าคนผู้นี้เป็ใคร
สามปีก่อนตอนที่นางยังไม่ถูกพบว่ากำลังตั้งครรภ์ เดิมคิดอยากจะไปหาโอวหยางเทียนหัว ทว่าเมื่อไปถึงยังห้องหนังสือกลับไม่เห็นแม้แต่ตัวเขา และเมื่อคิดจะจากไปกลับเห็นโอวหยางเทียนหัวพาคนสองสามคนเข้าไปในห้องหนังสือ ตอนนั้นด้วยกลัวว่าจะทำให้การงานของเขาเสียหาย จึงได้ระงับลมหายใจและแอบซ่อนตัวตนไว้ ในตอนนั้นเอง นางได้ยินโอวหยางเทียนหัวพูดว่า เตรียมการเรียบร้อยแล้วหรือยัง? จะให้ใครรู้เื่นี้ไม่ได้ หากจับเขาได้เมื่อไรก็ให้ฆ่าทิ้งเสีย
ตอนนั้นเหมือนพวกเขากำลังถกเถียงกันเื่ความเป็ความตายของใครสักคน ซึ่งหนึ่งในคนเ่าั้ก็มีบุรุษที่ถูกตรึงอยู่เบื้องหน้านี้อยู่ด้วย ถึงกระนั้นในตอนหลังนางก็ได้ส่งคนไปสืบความ และพบว่าคนผู้นี้นับเป็คนสนิทของโอวหยางเทียนหัว เขาย่อมต้องล่วงรู้เื่ราวของผู้เป็นายมาไม่น้อย
ตอนนั้นนางไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก อย่างไรเสียคนผู้นั้นก็เป็สามีของตน
“เป็อย่างไร? ได้ความอะไรบ้างหรือไม่? ” จวินเหยียนก้าวเข้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าวพลางมองบุรุษสวมชุดดำที่ยืนอยู่อีกด้าน
ชายคนนั้นแค่นเสียงเ็า ก่อนจะชี้นิ้วไปยังคนที่ถูกมัดไว้ “เ้านี่ปากแข็งยิ่งนัก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมบอกว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการมาเยือนสถานที่แห่งนี้คืออะไร”
อวิ๋นซีเข้าไปดูาแบนร่างของชายผู้เคราะห์ร้าย จากนั้นก็ยิ้มออกมา “เขาเป็นักรบเดนตาย ต่อให้เ้าจะเชือดไปบนร่างเขาอีกสักกี่แผล เขาก็ไม่มีทางบอกเื่ที่เ้าอยากรู้หรอก”
“เ้าเป็ใครกัน สตรีเยี่ยงเ้าจะไปรู้อะไร คนเป็สตรีก็ควรกลับบ้านไปทำหน้าที่ให้กำเนิดบุตร เลี้ยงดูบุตร และอุ่นเตียงให้สามี” ชายชุดดำมองอวิ๋นซีที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น และทันทีที่ได้ยินนางพูดคำเ่าั้ เขาก็ได้แต่แค่นเสียงเ็าด้วยความไม่พอใจออกมาเสียงหนึ่ง
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็หันกายไปมองชายชุดดำ “ดูเหมือนเ้าจะมีอคติต่อสตรีเป็อย่างยิ่ง? ”
ชายชุดดำลูบๆ จมูก จากนั้นก็เชิดศีรษะอย่างคนโอหัง และไม่คิดส่งเสียงอันใดตอบกลับแม้เพียงนิด
สำหรับบุรุษที่ยโสโอหังเช่นนี้ อวิ๋นซีเคยพบเจอมาเยอะจนไม่แปลกใจแล้ว นางยิ้มเ็า “ให้กำเนิดบุตร เลี้ยงดูบุตร และอุ่นเตียงให้บุรุษหรือ คาดว่าหน้าที่เ่าั้คงจะเหมาะให้มารดาของเ้าทำมากกว่ากระมัง เพราะความหวังสูงสุด หรือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตข้า ก็คือการจับบุรุษยโสที่ชมชอบการดูถูกสตรีดังเช่นพวกเ้ามาจัดการเสีย ให้คนต้องถึงขั้นหมอบคลานไปกับพื้นแล้วพูดเสียงดังๆ ว่า ท่านย่าข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรจะมีตางอกอยู่บนหัว [1] ”
ด้วยเื่นี้เองที่จู่ๆ นางก็ค้นพบความแตกต่างที่ไม่เหมือนใครของจวินเหยียนอีกครั้ง นับั้แ่ครั้งแรกที่พบ เขาก็ไม่เคยแม้แต่จะมีความคิดดูถูกนางเลยสักครั้ง
ชายชุดดำคิดไม่ถึงว่านางจะตอกกลับมาเช่นนี้ เขาจึงรีบหันมองไปทางจวินเหยียนที่ยืนอยู่อีกด้านโดยไม่พูดอะไรสักคำ และเอาแต่มองอวิ๋นซีด้วยสายตารักใคร่ ชายชุดดำไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงดึงสายตาตนกลับ เพื่อมาจดจ่อที่นวลหน้าของอวิ๋นซีอีกครั้ง ในใจรู้สึกเคลือบแคลงในตัวสตรีที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงผู้นี้ยิ่งนัก “อยากให้ข้าเรียกเ้าว่าท่านย่าหรือ? ฝันไปเถอะ”
อวิ๋นซีกลับไปให้ความสนใจกับชายที่ถูกมัดไว้อีกครั้ง จู่ๆ นางก็ยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น “ไม่ ไม่ยากเลยสักนิด” นางชี้ไปยังชายที่ถูกมัดอยู่แล้วกล่าวเสริม “หากว่าข้าสามารถหาคำตอบในเื่ที่พวกเ้าอยากรู้ได้ละก็ เช่นนั้นเ้าก็จงลงไปหมอบบนพื้นแล้วเรียกข้าว่าท่านย่า อีกทั้งวันหน้าหากมีข้าอยู่ เ้าจักต้องเชื่อฟังข้า ความคิดนี้ของข้า เ้าว่าเป็อย่างไร? ”
นางพอจะดูออกว่าชายตรงหน้านี้ไม่ธรรมดา เขาจักต้องเป็ยอดฝีมือด้านวรยุทธ์อันดับต้นๆ ดังนั้น หากสามารถเปลี่ยนคนผู้นี้มาเป็ของตนได้ก็ย่อมดี และแน่นอนว่า หากเปลี่ยนไม่ได้ อย่างน้อยในวันหน้าเขาก็ต้องเชื่อฟังตน เพียงแค่นี้ก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน
“ได้” ชายชุดดำไม่แม้แต่จะคิดก็ตอบตกลงทันที เขาไม่เชื่อว่า ข่าวที่เขาเสียเวลาไปเปล่าจากเ้าคนที่สมควรตายคนนี้จะเป็สตรีที่แขนขาบางร่างเล็กตรงหน้าที่สามารถรีดเอาความในออกมาได้
จวินเหยียนมองชายชุดดำไปทีหนึ่ง แล้วก็หันกลับมามองอวิ๋นซี จากนั้นจึงพูดเสียงขรึม “อวิ๋นหวน พูดได้ทำได้ หากว่าอีกเดี๋ยวเ้าแพ้ ในวันหน้าเมื่อได้พบนาง เ้าจำต้องเชื่อฟังนางแล้วนะ”
อวิ๋นหวนผู้นี้นับแต่เล็กจนโตก็หลบเลี่ยงสตรีราวกับหลบเลี่ยงงูพิษมาโดยตลอด ในสายตาของเขา สตรีก็ทำได้แค่ช่วยเหลือสามี เลี้ยงดูบุตรอยู่ที่บ้าน นอกนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว จวินเหยียนมองอวิ๋นซีผู้มั่นใจเต็มเปี่ยมแล้วลอบคิดในใจ หากนางสามารถทำได้อย่างว่าจริงๆ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้อวิ๋นหวนเลิกดูถูกดูแคลนในสตรีก็เป็ได้
ในโลกใบนี้ผู้ที่ไม่อาจมองดูเพียงผิวเผินได้ก็คือสตรี ในจุดนี้เขาเข้าใจดีเป็อย่างยิ่ง เพราะตนเคยประสบพบเจอกับตัวมาแล้ว ในตอนนั้นหากมิใช่เพราะหลงอุบายของสตรี เขาก็คงไม่ถูกเนรเทศมายังหานโจวแห่งนี้
อวิ๋นซีมองอวิ๋นหวน ในใจคิดว่ามีคนแซ่อวิ๋นมาอีกคนแล้ว
“ให้เชื่อฟังนางก็เชื่อฟังนางสิ หากว่านางทำได้จริงๆ ต่อให้ข้าจะต้องเชื่อฟังแล้วจะอย่างไร” อวิ๋นหวนพยักหน้า สำหรับเื่ที่พูดออกไปแล้วเขาไม่เคยเสียใจในภายหลัง หากว่าอวิ๋นซีมีความสามารถจริงๆ จนทำให้ตนยินยอมรับฟังนางได้ เช่นนั้นก็เพียงต้องเชื่อฟังมิใช่หรือ? แล้วจะอย่างไรเล่า?
อวิ๋นซีเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าบุรุษที่ถูกมัดไว้ ก่อนจะจดจ้องเขาด้วยสายตาเ็า ปากที่เม้มแน่นค่อยๆ โค้งขึ้น จากนั้นก็หัวเราะเ็า “กับคนประเภทนี้ ต่อให้เ้าจะตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่มีทางเปิดปากพูดอะไรออกมาหรอก”
“เช่นนั้นเ้าก็ว่ามาว่าควรทำเช่นไร? ” อวิ๋นหวนก้าวมายืนเสมอนาง มองนาง ก่อนจะหลุดปากถามออกไป
อวิ๋นซีไม่แม้แต่จะคิดก็กล่าวตอบ “ให้คนปิดตา และอุดปากเขาไว้”
เมื่ออวิ๋นหวนได้ยินก็เกือบจะเต้นแล้ว “นี่มันแผนการแย่ๆ อันใดของเ้า จะปิดตาอุดปากเพื่ออันใด? ข้าว่าเราควรซ้อมเขาให้หนัก ซ้อมจนหนังชั้นแรกเป็ต้องหลุดออกมา เมื่อถึงตอนนั้นข้าไม่เชื่อว่าเขาจะยังไม่ยอมพูด”
นางหมุนกายไปมองคนตรงหน้าแล้วถามเสียงเ็า “เ้าทรมานเขามานานเพียงใดแล้ว แล้วได้เห็นเขาปริปากพูดจาสักคำบ้างหรือยัง? ” ช่างโง่เขลาเสียจริง ไม่รู้จักพลิกแพลง
จวินเหยียนมองออกว่าอวิ๋นซีกำลังจะโกรธแล้ว จึงรีบพูดขึ้น “ยังไม่รีบทำตามที่นางบอกอีก”
เมื่ออวิ๋นหวนได้ยิน เขาก็จ้องจวินเหยียนด้วยสายตาไม่พอใจ “พี่ใหญ่ ตัวข้าต่างหากที่เป็พี่น้องของท่าน ตกลงท่านจะเข้าข้างใครกันแน่”
“แน่นอนว่า ข้าต้องเข้าข้างพี่สะใภ้ใหญ่ของเ้า” มุมปากเขาแฝงรอยยิ้มขณะมองไปทางอวิ๋นซี แรกเริ่มเดิมทีอวิ๋นหวนเป็คนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา ทำให้ในหลายๆ เื่มักมองอย่างแคบๆ ไม่ทะลุปรุโปร่ง และเพราะเหตุนี้จวินเหยียนจึงได้มอบหมายหน้าที่สอบสวนคนผิดให้อีกฝ่าย ส่วนการออกไปปฏิบัติภารกิจด้านนอกนั้น หากคนผู้นี้ต้องเจอเข้ากับสตรีที่เฉลียวฉลาดสักหน่อย มากอุบายสักนิดละก็ อาจไม่ต้องคาดเดาเลยว่าคนคนนี้ย่อมถูกกินเข้าไปทั้งเนื้อทั้งกระดูกแน่
การดูถูกสตรี ไม่แน่ว่าในอนาคตข้างหน้าอาจต้องตายภายใต้เงื้อมมือสตรีโดยที่ตนเองยังไม่รู้ตัวก็เป็ได้
อวิ๋นซีใช้สองมือกอดอกพร้อมเผยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มขณะมองไปยังอวิ๋นหวนที่มีสีหน้าแปลกประหลาดและไม่อยากเชื่อ ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังหญิงสาวแปลกหน้าแล้วเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ ท่านบอกว่านาง นางเป็พี่สะใภ้ใหญ่หรือ? ”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ตางอกอยู่บนหัว(眼睛长在头顶上)หมายถึง คนที่ยโสโอหัง ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้