..ลาฟาซเดินวนไปวนมา ในขณะที่เซลีนนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา แววตาของเธอดูเหมือนไม่ได้สนใจในหนังสือในมือเลยสักนิด
“ฝ่าาท่านกำลังทำให้หม่อมฉันตาลายนะคะ” เซลีนเอ่ยขึ้นเมื่อเขายังคงเดินไปเดินมา
“เ้าว่านาเซียดูเปลี่ยนไปหรือไม่” ลาฟาซอดสงสัยไม่ได้ เขาไม่เชื่อที่นาเซียจะตัดสินใจยอมปล่อยตำแหน่งองค์ราชินีในอนาคตไป เขามั่นใจว่าทุกอย่างที่นาเซียตั้งใจเรียนรู้ก็เพื่อตำแหน่งนั่น เซลีนถอนหายใจออกมาก่อนลุกเดินมาที่เขา
“หากนางเปลี่ยนไปก็ดีแล้วไม่ใช่หรือเพคะ” เซลีนโอบกอดแผ่นหลังของเขาราวปลอบโยน
“หากเป็เช่นนั้นจริง เสด็จแม่ก็คงให้ข้าแต่งงานกับองค์หญิงจากอาณาจักรอื่นอยู่ดี” ลาฟาซหันมามองเซลีนด้วยสีหน้ากังวล เขารู้ดีว่านิสัยมารดาเขาเป็เช่นไร
“หม่อมฉันไม่เป็ไรเพคะ ต่อให้ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้แล้ว หม่อมฉันก็ยังคงมีฝ่าาอยู่ในใจเสมอ”
“เซลีน...ข้า” ลาฟาซไม่รู้จะเอ่ยปลอบใจนางเช่นไร นางคือสตรีเพียงผู้เดียวที่เขาสมควรจะมอบความรักให้ เพราะนางคือคนที่ช่วยให้เขาชนะาได้ หากไม่ใช่พลังเยียวยาของนาง ชีวิตของเขาก็คงจบลงอยู่ในสนามรบ ลาฟาซโอบกอดไหล่บางที่อิงแนบอกของเขา พลางมองออกไปด้านนอกราวกับใช้ความคิด เขาคาดหวังว่าอานิชโตคงมาทันทีจะขัดขวางงานแต่งงานครั้งนี้ได้ทัน เพราะเขามั่นใจว่าอานิชโตต้องไม่ยินดีแน่
เป็ครั้งแรกที่นาเซียได้ลองขี่ม้าหลังจากที่อาการาเ็ของเธอดีขึ้น วิลเลี่ยมสอนให้เธอขี่ม้า ปลายจมูกเริ่มแดงขึ้นด้วยอากาศที่เย็นปะทะัั วิลเลี่ยมชะลอม้าให้วิ่งช้าลง ก่อนจะจูงมันมาผูกไว้ด้านข้างลานฝึกซ้อม
“ทำไมละคะ” นาเซียถามเมื่อวิลเลี่ยมมัดเชือกกับเสาไม้ด้านข้าง
“ผมว่าเลดี้ควรจะเข้าไปที่อบอุ่นกว่านี้จะดีกว่า” วิลเลี่ยมพูดพลางยกแขนอุ้มตัวเธอลงจากหลังม้าสูง นาเซียแก้มแดงขึ้นทันทีเมื่อใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ ใจของเธอเต้นแรง
นาเซียหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ประจำของเธอ แม้มันจะมาอยู่ท่ามกลางปราสาทกาบริเอลแล้วก็ตาม อันวิ่งปรี่มาพร้อมชุดน้ำชา
“ขอบคุณนะอัน” ริมฝีปากอิ่มเหยียดยิ้มให้ อันยิ้มตอบอย่างดีใจ แม้นางจะได้ยินเื่ความร้ายกาจของนาเซียมาบ้างแต่นางก็แทบจะไม่อยากเชื่อเลย ตลอดเวลาที่นางอยู่เคียงข้างรับใช้นาเซีย ไม่มีเวลาไหนที่นางไม่มีความสุข นาเซียมักจะแสดงท่าทีเป็ห่วงนางก่อนเสมอผิดวิสัยบุตรีขุนนางอื่น ๆ ที่อันเคยพบมา นาเซียรับแก้วชามาจิบ ก่อนมองใบหน้าวิลเลี่ยมที่ยังคงยืนนิ่ง
“เซอร์ไม่นั่งหรือคะ” เธอเอ่ยถามเมื่อยังคงเห็นวิลเลี่ยมยืนนิ่ง
“ขอบคุณเลดี้” ดูเหมือนวิลเลี่ยมจะรอให้เธอกล่าวเชิญเสียก่อนราวกับว่าเธอเป็เ้านายของเขา นาเซียย่นคิ้วมองอย่างไม่พอใจ
“คราวหน้าเซอร์อย่างทำเช่นนี้ ฉันอยากให้เซอร์ทำตัวตามสบายกับฉันมากกว่า”
“ไม่ได้หรอกครับ เลดี้เป็ถึงบุตรีของขุนนางชั้นสูง ผมไม่กล้าที่จะไปเทียบกับเลดี้ได้” วิลเลี่ยมก้มหน้าราวสุนัขตัวน้อยที่รอััอบอุ่นจากเ้านาย ‘อ่า...อยากลูบเส้นผมเขาจัง’ นาเซียนึก เธอมองเส้นผมสีเทาหม่นของเขาที่ดูลู่ลงมาปกคิ้วหนา
“เลดี้ อยากไปที่ไหนหรือไม่ ข้าสามารถพาเลดี้ไปได้ทุกที”
“......”
“เลดี้?”
“....”
“เลดี้ดาร์เรล!!”
“อ่ะ..ขอโทษค่ะเซอร์อาร์เซล ฉันนึกอะไรเพลินไปหน่อย” นาเซียรีบกล่าวขอโทษเมื่อละสายตาจากเส้นผมสีเทาหม่นของเขา
“เลดี้มีที่อยากไปอีกหรือไม่”
“สถานที่หรือคะ” นาเซียทำท่านึก เธอจะไปไหนได้ บรรยากาศในกาบริเอลล้วนแต่ถูกหิมะปกคลุมตลอดเกือบทั้งปี ทั่วทุกทิศดูขาวโพลนไปเสียหมด ไม่เหมือนอาณาเขตนิโกลาที่เป็เขตร้อนมีพื้นที่สีเขียวมากมายรวมทั้งสัตว์ป่าที่ไม่ดุร้ายเหมือนสัตว์ปีศาจเขตกาบริเอล
“ขอบคุณเซอร์ แต่ฉันไม่ค่อยชอบอากาศเช่นนี้นัก” นาเซียกล่าวขอบคุณพร้อมปฏิเสธคำเชื้อเชิญ
ตึก ตึก ตึก .....เสียงเหมือนรถม้าวิ่งอยู่ด้านนอกปราสาท ทำให้นาเซีย รีบวิ่งออกมาดู ดยุกกาบริเอลที่เพิ่งเดินออกมาพร้อมกับเฮนรี่ดูสีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก แต่พอเธอหันไปยังรถม้าที่วิ่งผ่านวงเวทเคลื่อนย้ายเธอก็เห็นบุรุษรูปร่างสูงโปร่งเส้นผมสีน้ำตาลยาวละลำคอ เขายกมือขยับแว่นตาเล็กน้อยก่อนหันมายิ้มให้กับเธอ
“ท่านพี่....” นาเซียหลุดเรียกเขาอย่างดีใจ มันคงเป็ความคุ้นชินของร่างนี้ เธอเร่งฝีเท้ามุ่งตรงไปยังอานิชโตก่อนจะะโกอดด้วยความดีใจ แต่พออานิชโตหันไปยังดยุกกาบริเอลแววตาเขากลับดูเปลี่ยนเป็เ็า
“ยินดีต้อนรับลอร์ดดาร์เรล ข้าจัดที่พักไว้ให้ท่านแล้ว” ดยุกกาบริเอลกล่าวเชิญอย่างรู้ดีว่าอานิชโตจะมา เพราะเขาเป็ผู้ส่งหนังสือเรียนเชิญพร้อมหินเวทเคลื่อนย้ายไปให้แก่เขา
“ข้ามีเื่ที่จะต้องคุยกับเซีย” อานิชโตหันมามองที่เธอก่อนจะคว้าแขน พร้อมกระซิบบอกให้เธอพามายังห้องพัก
นาเซียนำพาอานิชโตมายังห้องพักของเธอที่อยู่ตรงข้ามที่พักของเขา อานิชโตทำท่าสำรวจตรวจดูเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
“เซีย...นี่เ้ากำลังคิดอะไรอยู่กัน” อานิชโตหันมาถามเมื่อเธอเพิ่งจะหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟา
“ท่านพี่หมายถึงเื่อะไร”
“ก็เื่ที่เ้าจะแต่งงานกับดยุกกาบริเอลไง” สีหน้าของอานิชโตดูแดงโกรธขึ้นมาเมื่อกล่าวถึงดยุกกาบริเอล
“ข้าแค่เบื่อต้องเทียวตามองค์รัชทายาท” นาเซียบ่ายเบี่ยง ความจริงเธอแค่เพียงไม่อยากจะเข้าไปผูกพันกับตัวละครหลักอย่างพวกเขาอีกแล้วต่างหาก
“เ้าจำไม่ได้หรืออย่างไรกัน”
“จำ?”
“ใช่ เื่ไวเคาน์แรนิเยร์” อานิชโตเอ่ย เหมือนเธอจะเคยได้ยินชื่อนี้จากไหนกัน นาเซียขมวดคิ้วทำท่านึก มันเหมือนความทรงจำบางอย่างของเธอขาดหายไป ‘คงเพราะเลือกอ่านข้าม ๆ ไปยังงั้นละมั้งฉันถึงจำชื่อนี้ไม่ได้’ นาเซียนึกต่อว่าตนเอง ก็เพราะเนื้อหามันช่างมากมายนักเธอเลยเลือกที่จะอ่านแต่เื่ราวตัวละครหลัก
“ไวเคาน์แรนิเยร์ ทำไมกัน” เธอลากเสียงอย่างไม่แน่ใจ
“เ้าลืมไปซินะก็เพราะเ้า ไวเคาน์แรนิเยร์จึงถูกตัดศีรษะยังไงล่ะ” อานิชโตตวาดเสียงดัง เหมือนเธอจะนึกขึ้นได้ ตอนหนึ่งที่นาเซียหลอกนัดให้เซลีนไปพบ แต่กลับเป็เธอนัดเซลีนไปให้ไวเคาน์แรนิเยร์ชายแก่เ้าชู้บ้าตัณหา เซลีนเกือบตกเป็ของเขา หากดยุกกาบริเอลไม่มาช่วยเซลีนเสียก่อน เขาตัดศีรษะไวเคาน์แรนิเยร์ทันที และกล่าวว่าเพราะเขามายุ่งกับสตรีที่เขาหมายตาไว้ ทำให้นาเซียรู้ว่าดยุกกาบริเอลก็หลงรักเซลีนเช่นกัน ในตอนนั้นดยุกกาบริเอลยังกล่าวอีกว่าหากนาเซียลงมือทำร้ายเซลีนอีกเขาจะเป็ผู้ลงโทษเธอไม่ต่างกับไวเคาน์แรนิเยร์ นาเซียสะดุ้งเล็กน้อยไม่แปลกเลยที่เธอจะได้ยินคำห้ามปรามนั้นตอนที่เธอหมดสติไป คงเป็ห้วงความทรงจำของนาเซียคนเก่า
“แล้วข้าควรทำเช่นไรกัน” นาเซียเสียงเอื่อยหันมองอานิชโตด้วยสายตาอ้อนวอน เธอคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้ก็คงเพื่อปกป้องเซลีนอย่างแน่นอน เพราะเธอคิดที่จะวางยาให้กับเซลีน ‘อยากหายตัวได้จัง’ นาเซียรู้สึกทดท้อต่อชะตาตนเอง เธอคิดอยู่แล้วว่ามันแปลก แต่ไม่คิดว่าดยุกกาบริเอลจะใช้แผนการเช่นนี้ในการหยุดยั้งการทำร้ายของนาเซียที่มีต่อเซลีน เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าจะหลบหนีดยุกกาบริเอลได้อย่างไร ในเมื่อเธอตกปากรับคำเขาไปแล้ว ในตอนนี้เธอแทบอยากจะกรีดร้องะโออกไปว่าเธอไม่ใช่นาเซียนางร้ายผู้นั้น แต่ก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ เพราะตัวเธอเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อเลยเหมือนกัน ดูเหมือนเธอจะใช้ความคิดมากเสียจนศีรษะของเธอราวกับถูกบีบ นาเซียทิ้งตัวลงบนที่นอนหลังจากที่อานิชโตเดินออกไป ที่นอน คือที่ที่เดียวที่เธออยากจะติดอยู่แบบนี้ไม่อยากลุกไปไหน ไม่อยากพบผู้ใด ไม่อยากลืมตาขึ้นมาแล้วยังคงอยู่ที่นี่ ‘ใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันไม่อยากอยู่อีกแล้วโลกนิยาย’ นาเซียกล่าวร้องต่อว่าในความคิดตัวเองอย่างวุ่นวาย ใครกันคือผู้ที่พาเธอมาที่นี่ นาเซียอดคิดสงสัยไม่ได้ หญิงชราผู้นั้นนางเป็ใครกัน หากพบนางอีกครั้งเธอจะไม่ปล่อยให้นางหายไปแน่นาเซียนึก พลางยกแขนพาดหน้าผากตนเอง
“ตายแล้ว!! เลดี้ ท่านนอนท่าอะไรกันคะ” อันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับร้องะโใส่ ปลายเท้าที่เหยียดตรงแพร่กว้างกลางที่นอน ทั้งยังเอาแขนพาดหน้าผาก นาเซียหันมองอันอย่างไม่สนใจ
“รีบลุกเถอะค่ะ ลอร์ดอานิชโตกำลังโวยวายท่านดยุกใหญ่แล้ว” อันรีบพูด
“อะไรนะ...” นาเซียลุกพรวดด้วยความใ เขาเพิ่งออกจากห้องเธอไปไม่นานนี่เอง ‘นี่เขาคิดจะทำอะไรอีกอานิชโต’