บทที่ 57 บทสนทนาคนละฟากฝั่ง, ผลลัพธ์อันน่าสะพรึงกลัวของน้ำนมแห่งชีพจรั
หนึ่งเค่อต่อมา เจียงชูหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น กำลังถือถ้วยที่แตกบิ่น เลียก้นถ้วยอย่างเอร็ดอร่อยราวกับลูกแมว ใบหน้าอันสกปรกของนางในที่สุดก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย โจ๊กเนื้อป่ารสเลิศ ทำให้ร่างกายที่ชาชินของนางอบอุ่นขึ้น แม้แต่ความเ็ปที่หน้าอกก็พลันหายไป
นางแอบเงยหน้าขึ้น ใช้หางตามองเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกาย เด็กหนุ่มกำลังเท้าคาง ทอดสายตาไปยังทิศูเาชิงเยวียน สีหน้าดูเป็กังวลเล็กน้อย เขากลัวว่ายัยก้อนน้ำแข็งจะวางยาพิษในอาหารของตนเอง
ราวกับััได้ถึงสายตาของนาง เด็กหนุ่มก็หันกลับมา นางรีบก้มหน้าลงราวกับถูกไฟช็อต ก้มใบหน้าลงมองถ้วยอย่างเงียบๆ
“ข้า...ข้ากิน...กินเสร็จแล้ว”
“หากไม่พอ ข้าจะทำเพิ่มให้”
เมื่อมองเจียงชูหลงที่ถูกผ้าปิดตา หลี่โม่ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก นางในตอนนี้สภาพย่ำแย่ ทว่าเมื่อหนึ่งปีก่อน นางยังเป็องค์หญิงน้อยแห่งราชวงศ์อวี้ ที่เพียงแค่เสด็จมายังแคว้นจื่อหยาง เมืองทั้งเมืองก็ต้องประดับประดาด้วยโคมไฟ และประมุขทั้งสามสำนักใหญ่ก็ต้องออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
องค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ประดุจนางบนสรวง์ ยากจะประมาณค่าได้
“ไม่...ไม่ต้องแล้ว...”
“ข้าว...ข้าว...”
เจียงชูหลงรีบส่ายหน้าไปมาราวกับลูกตุ้ม
“เ้าจะเก็บข้าวไว้กินภายหลังหรือ?”
“อืม”
เมื่อเห็นเจียงชูหลงเก็บข้าวสารหนึ่งถุงไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า หลี่โม่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็มิได้ติดใจอันใด
“ที่จวนมู่หรงมีโรงทาน เ้าสามารถไปรับข้าวต้มและข้าวสารได้ใน่นี้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงชูหลงก็เงยหน้าขึ้น แม้จะมีผ้าปิดตาอยู่ ทว่าดวงตาของนางก็ยังคงสว่างวาบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้าอย่างนั้น...เก็บไว้จนถึงฤดูหนาว...”
“เ้าตั้งใจจะเก็บไว้จนถึงปีใหม่เชียวรึ?”
สหายหลี่น้อยยิ้มอย่างขมขื่นด้วยความจนใจ
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบตั๋วเงินสองใบที่มีมูลค่าไม่มากออกมา
“นี่คือ...อะไร?”
ใบหน้าสกปรกของเจียงชูหลงเต็มไปด้วยความสงสัย นางไม่รู้จักตั๋วเงิน
ระบบเองก็เงียบกริบ
เมื่อเมิ่งช่านกินอิ่มแล้ว เขาก็เอามือลูบท้องน้อยด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข แล้วกล่าวว่า
“พี่สาวพูดติดอ่าง นั่นคือเงินขอรับ สามารถนำไปซื้ออาหาร ซื้อไก่ย่าง และซื้อลูกอมเสียบไม้ได้ ใช้ง่ายยิ่งนักขอรับ”
ขอทานน้อยหยิบตั๋วเงินมามองอย่างละเอียด ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นทันที
“หนึ่ง...หนึ่งร้อยตำลึง!”
“หนึ่งร้อยตำลึง...เท่ากับเท่าใด?”
“เงินหนึ่งตำลึงสามารถซื้อข้าวสารได้ถึงหนึ่งร้อยสี่สิบชั่ง!”
เจียงชูหลง “!”
นางงอปลายนิ้วน้อยๆ ที่สกปรกนับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งนิ้วมือสั่นเทา และทั้งร่างก็แข็งค้างไปในที่สุด องค์หญิงน้อยตกตะลึงจนนิ่งงัน
“มาก...มากเกินไปแล้ว...”
“พวกเรา...เพิ่ง...”
เจียงชูหลงเม้มริมฝีปาก มิกล้าแม้แต่จะมองตั๋วเงินที่ส่องประกายวาววับ
“เ้าอยากจะบอกว่าพวกเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จึงไม่สามารถรับเงินจำนวนมากขนาดนี้ได้ ใช่หรือไม่?”
สหายหลี่น้อยพูดแทนอีกครั้ง
เมิ่งช่านมองเขาอย่างประหลาดใจ ท่านพี่หลี่รู้ได้อย่างไรว่าพี่สาวพูดติดอ่าง้าจะพูดอะไร?
“อืม”
เจียงชูหลงพยักหน้า ใบหน้าเคร่งเครียด
อีกฝ่ายเปิดโรงทานช่วยเหลือผู้ยากไร้ ทว่าแม้จะมีจิตใจเมตตาเพียงใด ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องให้เงินก้อนใหญ่แก่นางเช่นนี้ ท่านแม่เคยบอกว่า โลกนี้อาจมีความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นได้โดยไร้สาเหตุ แต่ความดีงามนั้นมักมีที่มาเสมอ ฟ้าจะไม่มีวันประทานสิ่งใดมาฟรีๆ โดยปราศจากเจตนาแอบแฝง...
ขณะที่นางเริ่มระแวดระวังในใจ หลี่โม่ก็กล่าวต่อไปว่า
“ประการแรก หนึ่งร้อยตำลึงสำหรับข้า มิได้ถือว่ามากอันใด ไม่ต่างจากข้าวหนึ่งถุง หรือหนึ่งเม็ดเลย”
“ว้าว...”
เด็กน้อยทั้งหลายต่างแสดงแววตาเลื่อมใส โดยเฉพาะเมิ่งช่าน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า
เจียงชูหลงตะลึงงัน ราวกับถูกความใจป๋าของสหายหลี่น้อยสะกดไว้ เขากล่าวต่อไปว่า
“ประการที่สอง ข้าได้รับมอบหมายจากผู้อื่น และสัญญากับนางว่าจะดูแลเ้า”
“ได้รับมอบหมาย…จากผู้อื่นรึ?”
เจียงชูหลงพึมพำเสียงเบา มือเล็กพลันมีเรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว คว้าชายเสื้อแน่น
“นาง...นางยังมีชีวิตอยู่รึ?”
คนเดียวในโลกที่ยังห่วงใยนางอยู่ ก็คือน้าเหมย น้าเหมยเคยเป็องครักษ์กระบี่ของท่านแม่ และเป็คนที่ดูแลนางราวกับลูกสาวแท้ๆ มาตลอดนับั้แ่ท่านแม่เสียชีวิต เพื่อช่วยนาง ท่านน้าเหมยได้ล่อหน่วยลาดตระเวน์จำนวนมากออกไป ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เป็ตายร้ายดีอย่างไร หรือว่าสหายหลี่น้อย...ได้รับมอบหมายจากน้าเหมยให้มาดูแลนางเช่นนั้นรึ?
“อืม ตอนนี้นางพ้นจากอันตรายแล้ว”
หลี่โม่พยักหน้าอย่างมั่นใจ สภาพของยัยก้อนน้ำแข็งน่ากลัวจริงๆ ทุกคืนเขาราวกับอยู่ข้างตู้เย็นตลอดเวลา ทว่าแม้จะเป็เช่นนั้น ก็มิอาจกล่าวได้ว่าอันตราย
“เช่นนั้นก็ดี...เช่นนั้นก็ดี...”
ใต้ผ้าที่ปิดตา น้ำใสไหลรินออกมาเป็สองสาย บริเวณที่น้ำตาไหลผ่าน เผยให้เห็นผิวขาวบริสุทธิ์และเปล่งประกายราวกับหยกงามที่ถูกเช็ดฝุ่นออก นางรีบเช็ดหน้าอย่างลวกๆ เพื่อให้ใบหน้ากลับมาสกปรกดังเดิม
“ขอบ...ขอบคุณท่าน”
“แต่เงินนี้...ก็ยัง...มากเกินไป”
“ถ้าอย่างนั้นเราทำเช่นนี้ดีกว่า”
หลี่โม่ครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า
“เ้าลองตามข้าไปที่สำนักชิงเยวียน ถึงครานั้นเ้าก็จะได้พบนางเอง และไม่ต้องกังวลเื่ความลำบากในการใช้ชีวิตอีกต่อไป”
ยัยก้อนน้ำแข็งบอกให้เขาดูแลเื่กินอยู่ของเจียงชูหลงอยู่แล้ว เช่นนั้นเหตุใดไม่พาไปที่ศาลาชิวสุ่ยเสียเลยเล่า? นี่แหละคือการแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุด! ยิ่งกว่านั้น ยังสามารถให้เจียงชูหลงอยู่ในรายการลงทุนประจำวันของเขาได้ด้วย ช่างเป็เื่ที่น่ายินดีเสียจริง!
“พี่สาวพูดติดอ่าง...พี่สาวจะไปแล้วรึ?”
เด็กน้อยทั้งหลายมองหน้ากัน แล้วเบะปาก เด็กหญิงสองคนพลันน้ำตาคลอเบ้า แสดงให้เห็นชัดเจนว่าใกล้จะร้องไห้ออกมา
ต้าจู้ซึ่งมีอายุมากกว่าเล็กน้อยรีบกล่าวเสียงดังว่า
“ญาติของพี่สาวมาตามหาแล้ว พวกเราย่อมต้องดีใจนะ”
คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ผล เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์ เช่นไรดี
“ข้า...ข้าไม่...ไม่ไป”
เจียงชูหลงส่ายหน้าช้าๆ
“ข้าสามารถให้คนดูแลพวกเขาได้” หลี่โม่กล่าวเบาๆ
“ไม่...ข้าไม่้า...ให้นางตกอยู่ในอันตราย”
เมื่อเห็นนางค่อยๆ อ้าปาก หลี่โม่ก็นึกขึ้นได้ ตอนนี้เจียงชูหลงยังคงถูกหน่วยลาดตระเวน์ตามล่าอยู่ นี่มิใช่ระดับเดียวกับชุยเผิง หน่วยลาดตระเวน์ คือกองกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของราชวงศ์ต้าอวี้ และเป็กำลังสำคัญ ที่ทำให้ราชวงศ์สามารถสั่นะเืไปทั่วเก้าฟ้าสิบพิภพ
นางไม่้าที่จะลากเพื่อนพ้องมาลำบากเช่นนั้นรึ?
“งั้นก็เอาล่ะ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ข้าขอกลับก่อน”
จวนมู่หรง
นางคือลิขิตฟ้าสีทอง และยังแบกรับกรรมอันยิ่งใหญ่ไว้กับตัว
หลี่โม่พยักหน้า ตัดสินใจที่จะวางแผนระยะยาว เพราะสถานการณ์ปัจจุบันของเจียงชูหลงไม่เหมาะที่จะพาติดตัวไปด้วยอย่างแน่นอน และนางเองก็คงไม่เต็มใจด้วยเช่นกัน แล้วเขาจะลงทุนกับนางได้อย่างไรเล่า?
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ก็มีสาวใช้ผู้หนึ่งเดินเข้ามา
“คุณชายหลี่ น้ำร้อนพร้อมแล้ว ขอเชิญท่านอาบน้ำเ้าค่ะ”
“ได้” หลี่โม่ตอบรับ
“บ่าวต้องรับใช้ปรนนิบัติข้างๆ ท่านหรือไม่เ้าคะ?”
“ไม่ต้อง ขอบใจ”
สาวใช้เดินจากไปอย่างผิดหวัง ส่วนสหายหลี่น้อยก็นอนอยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ แล้วรับรางวัลที่ค้างไว้อยู่
น้ำนมแห่งชีพจรั “แก่นพลังแห่งชีพจรัที่สะสมมานับพันปีจึงจะสามารถรวมตัวกันเป็หนึ่งหยดได้ เป็ของวิเศษในการหล่อหลอมปราณโลหิต ทว่าสรรพคุณที่แข็งแกร่งที่สุดของมันคือการยืดอายุขัย!”
“การยืดอายุขัยข้าคงไม่จำเป็ต้องใช้”
“ใช้มันเพื่อหล่อหลอมปราณโลหิตดีกว่า”
น้ำนมแห่งชีพจรัเต็มขวด สหายหลี่น้อยเปิดออก แล้วเทลงในถังอาบน้ำเพียงสองหยด หากผู้าุโเซวี่ยจิงอยู่ที่นี่ คงต้องกรีดร้องเสียงแหลมออกมาเป็แน่! ของสิ่งนี้เป็ของวิเศษที่ใช้ในการปรุงยาอายุวัฒนะเชียวนะ! เ้าหนูนี่กลับนำมาอาบน้ำเช่นนั้นรึ? ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการยืดอายุขัย ย่อมกลายเป็ของล้ำค่าอย่างยิ่ง เพราะในโลกนี้ไม่เคยขาดแคลนผู้ที่กำลังจะตาย
ติ๋งๆ—
เมื่อน้ำนมแห่งชีพจรัสองหยดไหลลงกระทบน้ำ ก็ทำให้ผืนน้ำเปล่งประกายระยิบระยับขึ้นมา สหายหลี่น้อยลงมือใช้จิตเพลิงก่อบัวในทันที
ครืน—
เพียงชั่วพริบตา เขาก็รวมเป็หนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ครั้งนี้เนื่องจากใช้น้ำนมแห่งชีพจรั เสียงก้องกังวานของฟ้าดินจึงดังขึ้นหลายเท่าตัว จนผู้คนทั่วทั้งจวนมู่หรงสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน