เสียงหัวเราะแ่เบาดังจากพิริยะแทนคำตอบ เขาโน้มตัวมากระซิบกับนิชา และเธอก็ลุกขึ้นจากตักเขาอย่างอ้อยอิ่ง มารตีจึงรู้ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้แค่นั่งบนตักเปลือยของชายหนุ่มเท่านั้น แต่มีบางอย่างเชื่อมประสานร่างทั้งสองอยู่
“คืนนี้มี นัดพิเศษ จ้ะ” นิชายิ้มตาหยี ขณะก้มลงจูบที่หน้าผากมารตีเบาๆ “แต่ต้องให้ถึงค่ำก่อนนะ ถึงจะพาไปได้”
“อะไรอยู่ในป่าเหรอ?” สมาทถามเสียงขำๆ เหมือนจะรู้อะไรๆ ดีอยู่แล้ว
“ไม่ใช่ ‘อะไร’ หรอกค่ะ...” นิชาตอบพลางปรายตามองไปทางมารตีอย่างมีความหมาย “แต่เป็ ‘ใคร’ ต่างหาก”
มารตีขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็นมากกว่ากังวล มันไม่ใช่แค่เื่ของร่างกาย…แต่มันเป็เื่ของการเปิดรับทั้งโลกใบใหม่ และความรู้สึกบางอย่างที่ตัวเองยังไม่เคยเข้าใจ
สุจิตราเดินเข้ามา เสียงฝีเท้าแ่เบา เธอมีผ้าคลุมไหล่บางๆ สีแดงเืหมู กับสายตาที่เหมือนรู้ทันทุกอย่าง “คืนนี้จะมีโคมไฟจุดนำทางไปที่ลำธารกลางป่า” เธอพูด “มีเพียงสมาชิกที่ได้รับเชิญเท่านั้นที่จะเข้าไปได้”
“เราได้รับเชิญด้วยไหมครับ?” ปพนต์เดินเข้ามาขณะที่มารตีกำลังขึ้นจากน้ำมาสวมชุดคลุมที่ถอดกองไว้ เขาจึงเข้าไปโอบไหล่เธอจากด้านหลัง น้ำหยดจากผมของหญิงสาวเปียกแขนเขาจนชุ่ม
สุจิตราหันมามองเขาแล้วพยักหน้า “พวกคุณ...ได้รับเชิญทั้งหมดค่ะ”
พยนต์ว่ายน้ำเข้ามาเกาะขอบสระ ใกล้มารตี พลางจ้องมองเธออย่างหลงใหล เขาไม่เคยพบผู้หญิงที่ทั้งสวยงามไปทุกสัดส่วน ร้อนแรง และเปิดกว้างแบบเธอมาก่อนเลย เขาหวังว่าคืนนี้จะมีโอกาสอีกสักครั้ง
“เธอจะชอบลำธารนั่นแน่ ๆ มันเย็น…ใส…และลึกพอให้จมหายไปด้วยกัน” เสียงของพยนต์นุ่ม แต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่กดไว้
มารตีหันมาสบตาเขา ความรู้สึกที่มีส่วนหนึ่งของพยนต์อยู่ในกายเธอยังติดตราตรึงในใจเธอเหมือนกับได้กินของหวานที่โปรดปราน และอยากจะได้กินอีก
ชายหนุ่มร่างใหญ่ขยับตัวสูงขึ้น มารตีจึงมองเห็นรางๆ ว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ลึกๆ ในน้ำ และลึกยิ่งกว่านั้นในใจของเธอ ใช่ขนาดของเขาไม่ธรรมดาเลยสำหรับหล่อน...นิชาช่างโชคดีจริงๆ
“แล้วต้องใส่ชุดอะไรไปคะ?” มารตีหันไปถามนิชาเบาๆ
นิชายิ้ม ขณะที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปลดผ้าคลุมออกจากตัว เหลือเพียงเรือนกายเปลือยเปล่า ท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มแรงขึ้น เธอหันกลับมาแล้วพูดเพียงคำเดียว...
“หัวใจ”
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว...เสียงใบไม้กรอบแกรบใต้ฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่ แสงไฟจากโคมไฟเล็ก ๆ ที่แขวนอยู่ตามต้นไม้ ทำให้การเดินทางผ่านป่าสดชื่นและลึกลับยิ่งขึ้น มารตีเดินตามกลุ่มคนที่เดินตามกันเป็แถวยาวไปในความมืด อารมณ์เต็มไปด้วยความคาดหวังที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้ ขณะที่ปพนต์แยกออกไปอีกกลุ่มหนึ่ง
สมาทเดินมาข้างๆ เธอ ข้อเท้าของเขาขยับเบาๆ ตามจังหวะการเดิน มารตีหันไปกระซิบถามเบาๆ “มากันทั้งหมดกี่คนคะ ดูเยอะจัง”
“น่าจะเกือบๆ 30 คู่ได้ครับ แต่ดูเหมือนผู้ชายจะเยอะกว่าผู้หญิง”พิริยะที่เดินตามหลังมายื่นหน้ามากระซิบข้างหูมารตี
ขณะที่สมาทหยุดเดินแล้วหันมามองหน้ามารตี ก่อนจะเอียงมากระซิบเบา ๆ ที่ริมหูของเธออีกด้าน “หลังจากคืนนี้… จะไม่มีทางกลับไปเป็เหมือนเดิม อีกแล้ว” เสียงที่เขาพูดนั้นน่าขนลุก แต่มารตีรู้ว่าเขากำลังบอกให้รู้ว่า กำลังจะมีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้น
ทุกคนเดินต่อไปจนถึงพื้นที่ที่โล่งกว้างขวาง มีพนักงานของรีสอร์ตทั้งหญิงและชายที่มีเพียงผ้าบางๆ ผืนเล็กๆ ปิดบังส่วนสำคัญยืนประจำจุดต่างๆ อยู่สิบกว่าคน แสงสว่างริบหรี่ของโคมไฟทำให้คนเ่าั้ดูงดงามราวกับ เทพบุตรและเทพธิดาแห่งพงไพร
แต่แทบจะไม่มีใครสนใจเลย ทุกคนต่างมองไปที่ลำธารเล็กๆ ซึ่งไหลผ่านกลางป่า ที่ซึ่งเสียงน้ำกระทบหินทำให้รู้สึกสงบอย่างประหลาด แต่แล้ว...แสงไฟจากโคมไฟรอบๆ ก็เริ่มสะท้อนส่องไปทั่วพื้นที่ มันช่างสร้างบรรยากาศที่ทั้งลึกลับและเย้ายวนไปพร้อมกัน
นิชาดันหลังมารตีเบาๆ ให้เดินไปข้างหน้า ขณะที่เธอยืนนิ่งมองไปรอบๆ “ที่นี่แหละค่ะ…ที่เราอยากให้คุณได้ัั”
เสียงหัวเราะเบาๆ และการเคลื่อนไหวของน้ำที่กระเพื่อมขึ้นเป็ละลอกแ่เบา ทุกคนยืนอยู่ในห้วงแห่งความมืดที่แทรกตัวไปด้วยแสงดาวที่อยู่ห่างไกลบนท้องฟ้าเหนือศีรษะ ทุกอย่างเงียบสงัดเกินคาด จนกระทั่งเสียงจูบดังขึ้นในความมืด
พิริยะกระตุกมือมารตีอย่างรุนแรงพอสมควร พลางส่งเสียงอย่างตื่นเต้น “จะบอกอะไรให้นะ…ทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากนี้มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว”
น้ำเย็นจากลำธารััผิวกายอย่างนุ่มนวล มารตีถอดเสื้อคลุมตัวเดียวที่สวมมาเพียงตัวเดียว ออกอย่างเงียบๆ แล้วเดินลงไปในน้ำ เมื่อร่างเปลือยััน้ำนั้นทั้งสดชื่นและเร้าใจในเวลาเดียวกัน สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่า...หลังจากคืนนี้จะไม่มีการกลับไปเป็เหมือนเดิมอีกแล้ว
สมาทตามเข้ามาใกล้ๆ เขาหันมาสบตามารตีในความมืด พูดเสียงโทนต่ำและแ่เบา “คืนนี้...พวกเราและเธอ จะกลืนหายไปในความมืดนี้ด้วยกัน”
ขณะที่นิชาก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ เธอปลดเสื้อผ้าออกจากร่าง ก่อนจะก้าวลงไปในน้ำเช่นกัน ใบหน้าของเธอเผยแววแห่งความตื่นเต้น น้ำกระเพื่อมขึ้นลงในทุกจังหวะการเคลื่อนไหว
พิริยะเข้ามาจากด้านหลังของมารตี ปากเขาแตะที่ซอกคออย่างเบาๆ ก่อนที่มือของเขาจะััที่เอว แล้วเลื่อนต่ำลงไปช้าๆ สู่จุดที่ไวต่อการััของเธอ การเคลื่อนขยับมือเริ่มเร่งขึ้น ความตื่นเต้นและความรู้สึกที่ไม่อาจควบคุมได้กำลังทำให้ทุกอย่างร้อนแรงขึ้น
พวกเขาเคลื่อนไหวร่วมกันในลำธารที่น้ำเย็นเยียบ แต่หัวใจของแต่ละคนกลับร้อนแรงไม่แพ้กัน
สมาทเข้ามาจับมือมารตี แล้วลากตัวเธอออกไป...ออกไปให้ห่างจากกลุ่มคนที่ออกันอยู่
“มาหาเราสิ... มาให้เราควบคุมมัน”
พิริยะ พยนต์ นิชาและสมาท คนกลุ่มเดิม ขยับเข้ามาแนบชิดมารตี นิชาเป็คนแรกที่เริ่มจูบเธอเบาๆ ที่มุมปากพลางดึงตัวเธอให้เอนไปด้านหน้า
ทันใดนั้นมารตีก็รู้สึกได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ร่างเธออย่างช้าๆ จากทางด้านหลัง...หญิงสาวปล่อยกายให้เป็ไปตามธรรมชาติโดยไม่ขัดขืน เธอขยับตัวโยกย้ายไปตามแรง ขับดันจากทางเื้ั ที่แรงบ้าง หนักบ้าง เร็วบ้าง ช้าบ้าง สลับกันไป จนรู้สึกถึงความร้อนวูบวาบที่พุ่งอย่างรุนแรงเข้ามาในตัวเธอก่อนการเคลื่อนไหวจะหยุดนิ่ง
แล้วก็ถอยออกไป เมื่อคนหนึ่งขยับออกไป อีกคนก็เข้ามาแทนที่ มารตีรู้ว่าไม่ได้มีแค่คนเดียว เพราะทุกครั้งที่เข้ามาใหม่จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เธอทั้งตื่นเต้น และเร้าใจ ระคนสุขสันต์
การกระทำของพวกเขาทุกคนดูเหมือนเป็การตอบสนองต่อแรงปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ น้ำกระเพื่อมขึ้นลงในจังหวะเดียวกับที่เสียงหายใจของแต่ละคนแรงขึ้น และร้อนขึ้น ไม่มีใครพูดอะไรอีกต่อไป
แต่รู้สึกได้ว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นมันเหมือนเป็การปลดปล่อยทั้งร่างกายและจิตใจ ในความมืด มีแสงเดียวที่นำทางให้พวกเขาไปสู่ความสุข...ในความเร่าร้อนที่ไม่อาจอธิบายเป็คำพูดได้
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน...นานแค่ไหน มารตีไม่อาจนับได้...ความรู้สึกของเธอถูกเติมเต็มแล้ว..เติมเต็มอีก...เติมเต็มจนอิ่ม จนล้นอย่างที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะดีอย่างนี้
หญิงสาวดื่มด่ำกับความสุขที่โลดแล่นจนถึงที่สุดครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอก็ยังอยากจะได้อีก เมื่อคนหนึ่งถอยออกไปเธอก็เฝ้ารอคนต่อไป...
แต่แล้วเธอก็รู้สึกว่าคนสุดท้ายถอยห่างออกไปนานแล้ว...แต่ยังไม่มีใครเข้ามาอีก...หญิงสาวก็เข้าใจได้ว่า...เวลาแห่งความร้อนแรงคงผ่านไปแล้ว แม้จะยังรู้สึกเสียดายนิดๆ แต่เธอก็ยอมรับว่าวันนี้เธออิ่มเอมสุดๆ แล้ว
ทุกคนพากันขยับตัวขึ้นจากน้ำ มารตีรู้สึกอ่อนเปลี้ยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนขาทั้งสองแทบไร้เรี่ยวแรง เธอคงล้มไปั้แ่ผ่านไปสามคนแรกแล้ว ถ้านิชาไม่คอยช่วยพยุงไว้...
มารตีหันไปมองหาสามีเมื่อตะเกียกตะกายขึ้นมาบนฝั่งได้แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเขา