เด็กหญิงคนนั้นดูไปแล้วน่าจะอายุราวๆ 8-9 ขวบ เธอสวมเสื้อผ้าสีขาว เส้นผมบนหัวของเธอถูกรวบไว้สองข้างเป็ทรงแกะ ใบหน้าของเธอเองก็จิ้มลิ้มสมวัยเช่นกัน เย่เทียนเซี่ยแน่ใจว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นในตอนที่เขาเพิ่งปรากฏตัวออกมา ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องถูกเขาตรวจพบั้แ่แรกแล้ว เขาคิดว่าเธอน่าจะเพิ่งปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ญาญ่า
ระดับ : ???????
เลเวล : ???????
ไม่ทราบอายุ มีลักษณะนิสัยและร่างกายเหมือนเด็ก 8-9 ขวบ ไม่มีใครรู้ความเป็มาของเธอ ว่ากันว่าเธอปกป้องถ้ำหมาป่าน้ำแข็งมาเป็เวลาหลายปีแล้ว มีเพียงคนที่ผ่านการทดสอบของเธอเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปในถ้ำหมาป่าน้ำแข็งได้
ดวงตาัปีศาจของเย่เทียนเซี่ยเพิ่งจะได้รับข้อมูล เด็กหญิงคนนั้นก็ะโขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกังวานใสของเธอ “ข้าชื่อญาญ่า ยินดีต้อนรับพี่ชายสู่ดินแดนแห่งนี้ เส้นทางของที่นี่ลื่นมาก แต่ญาญ่าผู้น่ารักมีรองเท้าลุยหิมะเวทมนต์ สามารถทำให้คนเดินบนน้ำแข็งหรือบนหิมะได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะลื่น”
เย่เทียนเซี่ยเพิ่งจะเดินเข้าไปใกล้เด็กสาวที่อยู่ไกลๆก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่ตรงหน้าของเขาทันที............
รองเท้าลุยหิมะสีขาว : รองเท้าลุยหิมะสีขาว พื้นรองเท้าถูกเสริมไว้ด้วยเวทมนต์อย่างง่าย หลังจากสวมใส่แล้วจะไม่ต้องกังวลว่าจะลื่นลมเวลาเดินบนทางอย่างไม่ตั้งใจ
ราคา : 1,000 เหรียญทอง
รองเท้าลุยหิมะสีดำ : รองเท้าลุยหิมะสีดำ พื้นรองเท้าถูกเสริมไว้ด้วยเวทมนต์อย่างง่าย หลังจากสวมใส่แล้วจะไม่ต้องกังวลว่าจะลื่นลมเวลาเดินบนทางอย่างไม่ตั้งใจ
ราคา : 1,000 เหรียญทอง
รองเท้าลุยหิมะสีแดง : รองเท้าลุยหิมะสีแดง พื้นรองเท้าถูกเสริมไว้ด้วยเวทมนต์อย่างง่าย หลังจากสวมใส่แล้วจะไม่ต้องกังวลว่าจะลื่นลมเวลาเดินบนทางอย่างไม่ตั้งใจ
ราคา : 1,000 เหรียญทอง
รองเท้าลุยหิมะสีน้ำเงิน............
รองเท้าลุยหิมะสีชมพู..........
รองเท้าลุยหิมะสีเหลือง.............
…………
…………
“พี่ชาย ดูสิ รองเท้าสวยๆมีหลายสีเลยนะ ใช้แล้วๆ ถ้าไม่สวมรองเท้าสวยๆ เวลาเข้าไปในถ้ำหมาป่าหิมะจะลื่นล้มเอาได้ง่ายๆน้า...... เพื่อความปลอดภัย ญาญ่าผู้น่ารักจะไม่ให้พี่สาวพี่ชายหรือคุณลุงคุณป้าเข้าไปด้านในโดยไม่สวมรองเท้านี่นะ” ญาญ่ายิ้มแล้วเรียกแสงสว่างสีขาวออกมา แล้วแสงทั้งสองลูกนั้นก็ลอยวนเวียนอยู่บนผมแกะทั้งสองข้างของเธอ
เส้นเืของเย่เทียนเซี่ยผุดขึ้นมา รองเท้ากระจอกๆคู่นึงแต่ขายตั้ง 1,000 เหรียญทอง.......... ถ้าไม่ซื้อก็ไม่ให้เข้าไปในถ้ำหมาป่าน้ำแข็งอีก! นี้มันปล้นกันชัดๆ! ปล้นกันหน้าด้านๆ! เป็เด็กที่ใจดำจริงๆ โตขึ้นไปคงไปปล้นธนาคารแหง......... ถ้าโลกใบนี้มีธนาคารล่ะก็นะ
ต่อให้ในใจของเขาอยากจะจับเธอมาตีก้นให้เข็ดแค่ไหน แต่เย่เทียนเซี่ยก็จำเป็ต้องหยิบเงินหนึ่งพันเหรียญทองออกมาจนได้ เขายื่นมันออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “น้องสาว รองเท้าลุยหิมะสวยมาก งั้นฉันซื้อสีดำคู่นึงแล้วกัน”
ติ๊ง! การค้าขายสำเร็จ มือของเย่เทียนเซี่ยมีรองเท้าสีดำที่ไม่ว่าจะเป็รูปร่างหรือสไตล์ก็ล้วนไม่ต่างกับขยะปรากฏขึ้นมาหนึ่งคู่........... รองเท้าคู่นี้มีหน้าตาอย่างกับรองเท้าราคาสิบเหรียญตามถนนแถวบ้านนอกอย่างไรอย่างนั้น
ญาญ่ายิ้มออกมาอย่างมีความสุข “นี่! พี่ชาย! พี่ชายเป็คนดีมากเลย! เมื่อกี้มีพวกพี่ชายที่น่าเกลียดมากเลย แล้วยังมาถามอีกว่าลดราคาหน่อยได้ไหม......... ของที่ญาญ่าขายนี่ถูกสุดๆแล้วนะ พวกเขานี่ขี้งกจริงๆ........ ใช่แล้วล่ะ แล้วก็ยังมีพี่ชายพวกนึงถามว่าถ้าซื้อเป็กลุ่มแล้วจะลดราคาได้ไหม? ซื้อเป็กลุ่มนี่มันหมายความว่ายังไงเหรอ?”
“ซื้อเป็กลุ่มก็คือ............”
“ติ๊งๆๆๆ ตอนนี้เข้าสู่โหมดการทดสอบของญาญ่า พี่ชายคะ เตรียมตัวพร้อมหรือยัง? มีแค่ต้องผ่านการทดสอบของญาญ่าเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปในถ้ำหมาป่าน้ำแข็งได้นะ อ่าฮ๊า! ไม่ใช่ว่าญาญ่าจงใจทำแบบนี้หรอกนะ นี่คือภารกิจที่เทพธิดาผู้สร้างโลกที่แสนจะงดงามมอบให้กับญาญ่าน่ะ” ญาญ่าไม่ได้ให้โอกาสเย่เทียนเซี่ยในการอธิบายเลยว่า “การซื้อแบบกลุ่ม” ที่ว่าน่ะคืออะไร เห็นได้ชัดว่าเธอคงจะได้ยินมาเป็พันครั้งได้แล้วมั้ง ดังนั้นเขาจึงถูกเธอพูดใส่รัวเป็ปืนกลแทน
เย่เทียนเซี่ยถามออกไปตรงๆ “ไหนว่ามาสิ การทดสอบคืออะไร”
ด้วยพลังที่เขามีในตอนนี้เขาไม่กลัวสิ่งที่เรียกว่าการทดสอบอะไรทั้งสิ้น......... เพียงแค่ไม่ใช่การทดสอบจำพวกการเดินทางหาสิ่งของเหมือนในซากหมื่นกระดูกก็พอแล้ว
ญาญ่าหลับตาลงแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “ติ๊งๆๆๆๆ! ถ้าพี่เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว งั้นการทดสอบที่มาจากญาญ่าผู้น่ารักที่สุดในโลกจะมาแล้วน้า.....”
.........ต้องบอกเลยว่าระดับความหลงตัวเองของเธอและกั่วกัวนั้นไม่ต่างกันเลยสักนิด เย่เทียนเซี่ยคิดอย่างนั้น
“บททดสอบแรก..............” ญาญ่าชูมือขึ้นแล้วม้วนคัมภีร์สีขาวก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเธอ “เติมคำในบทกวี!”
เท้าของเย่เทียนเซี่ยชะงักไปจนหน้าแทบจะทิ่มลงไปบนหิมะ
“การเข้าไปในถ้ำหมาป่าหิมะก็เพื่อช่วยเหลือหมาป่าน้อยผู้น่าสงสาร ดังนั้นไม่เพียงต้องมีจิตใจที่อบอุ่น แต่ยังต้องฉลาดพอด้วยถึงจะเข้าไปได้ ดังนั้นจึงต้องผ่านการทดสอบความรู้ของญาญ่าให้ได้ก่อนถึงจะสามารถเข้าไปได้ วางใจเถอะค่ะ พี่ชายเป็คนดี ดังนั้นบททดสอบสิบข้อที่ญาญ่าจะให้จะเป็บททดสอบที่ง่ายที่สุด พี่ชายแค่ตอบคำถามให้ถูกห้าข้อก็เข้าไปข้างในได้แล้ว” ญาญ่าโบกม้วนคัมภีร์ไปมาแล้วยิ้มออกมาอย่างสดใสเหมือนดอกไม้แรกแย้มที่น่ารักเกินบรรยาย
เย่เทียนเซี่ยรับม้วนคัมภีร์อันนั้นมา........... เมื่อถูกอสรพิษกัด (กรุณาเติมคำในประโยคต่อไปนี้)
“..................” เย่เทียนเซี่ย
เขาหยิบปากกาเวทมนต์ที่ได้จากญาญ่าขึ้นมาก่อนที่เย่เทียนเซี่ยจะนิ่งไปเป็เวลานาน
“เอาล่ะน๊า! ญาญ่าจะเริ่มจับเวลาแล้วน๊า มีเวลาแค่สิบวิเท่านั้น สิบ........เก้า..........แปด.........เจ็ด...........”
มือของเย่เทียนเซี่ยสั่นขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็กัดฟันแน่นแล้วก็ใช้มือขีดๆเขียนๆไปบนกระดาษ เขาทำมันเสร็จภายในสามวินาทีแล้วยื่นส่งให้ญาญ่า
เมื่อถูกอสรพิษกัด (พลันยินเสียงนกร้อง)
ร่างของญาญ่าเอียงวูบจนแทบจะร่วงลงมาจากมนุษย์หิมะ
เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธเข้าให้แล้ว จากนั้นเธอก็ะโออกมาเสียงดัง “เมื่อถูกอสรพิษกัด กลัวไพรไปสิบไป! นี่เป็เื่ที่แม้แต่เด็กสามขวบก็รู้!! พี่ชาย ท่านจะโง่เกินไปแล้วนะ! โง่มาก!! โง่จริงๆ!! โง่เกินไปแล้ว!!! โง่ชิบเลย!!!”
“.............” เย่เทียนเซี่ย
จริงๆแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ แต่เขาไม่รู้จริงๆว่าประโยคต่อไปของกลอนบทนั้นคืออะไร
เย่เทียนเซี่ยไม่ได้เข้าเรียนในชั้นประถม มัธยมต้น หรือมัธยมปลาย......... สิ่งที่เขาเรียนรู้ทั้งหมดก็ล้วนมาจาก “เธอ” ทั้งนั้น หลังจากได้อยู่ด้วยกันเธอก็ทำให้เขามีบ้าน ดูแลเขาทุกอย่าง จากนั้นก็เป็ครูของเขา สอนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขา........
และในบรรดาวิชาทั้งหมดที่เย่เทียนเซี่ยได้เรียนรู้ วิชาที่เขาเกียดที่สุดก็คือภาษาต่างประเทศ รองลงมาก็คือกวียังไงล่ะ
ภาษาต่างประเทศ ตอนนี้เขาก็จำได้แค่ตัวอักษร 26 ตัวเท่านั้นแหละ ตอนที่เขาอยู่กับเธอ เธอก็ตามใจเขาทุกอย่าง ตอนที่เขาแสดงท่าทางอดรนทนไม่ไหวกับวิชาภาษาต่างประเทศและวิชาบทกวีเธอก็จะยอมให้เขาไม่ต้องจดจำสิ่งที่เขาไม่อยากจำด้วยท่าทีอ่อนโยน อีกทั้งหากเขาไม่เรียนก็ไม่มีผลกระทบอะไรอยู่แล้วนี่นา ดังนั้นเธอก็เลยสอนเฉพาะสิ่งที่เขาอยากเรียนและจำเป็ต้องเรียนแทน
และการที่เย่เทียนเซี่ยยอมเรียนมหาลัยในท้ายที่สุดก็เพราะเธอ เพราะเธอเคยบอกกับเขาว่าคนที่ไม่เคยผ่านชีวิตในโรงเรียนมาก่อนก็ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ เพราะความรู้สึกมากมาย สีสันแห่งชีวิตมากมายล้วนอยู่ในโรงเรียน ซึ่งสถานที่อื่นๆไม่อาจทำให้เราััหรือประสบกับมันได้ ดังนั้นด้วยความช่วยเหลือของจั้วพั่วจวินเขาถึงได้เข้าไปในมหาวิทยาลัยจิงหัวที่นักเรียนนับไม่ถ้วนใฝ่ฝันถึงได้อย่างง่ายดาย...........
แต่ทว่าชีวิตในโรงเรียนของเขาก็ดำเนินต่อไปได้ไม่ถึงสองเดือน การจากไปของเธอก็ทำให้ทุกอย่างผ่านไปราวกับเมฆหมอก
เมื่อเผชิญหน้ากับ “เมื่อถูกอสรพิษกัด” เย่เทียนเซี่ยจึงพยายามค้นหาจากทุกซอกทุกมุมของสมองและคำกลอนทั้งหมดที่เขาจำได้จนถึงตอนนี้............. แน่นอนว่ามันมีจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างน่าสงสาร จากนั้นเขาก็เลยเลือกคำกลอนที่มันค่อนข้างจะัักันเติมลงไป........... ดังนั้นมันจึงทำให้ญาญ่ารู้สึกอยากจะบ้าตายมากที่สุดั้แ่เธอเกิดมาเลย
เมื่อถูกอสรพิษกัด พลันยินเสียงนกร้อง!
“ไม่ต้องเกรงใจนะน้องสาวตัวน้อย เมื่อถูกอสรพิษกัด กลัวไพรไปสิบไปงั้นเหรอ คำถามง่ายมากฉันจะทำไม่ได้ได้ยังไง ฉันก็แค่อยากทำให้เธอดีใจแค่นั้นเอง ญาญ่าน่ารักขนาดนี้ ยิ่งยิ้มขึ้นมาก็ยิ่งน่ารัก” เย่เทียนเซี่ยยิ้มจนตาเป็ขีด แล้วพูดออกมาด้วยใบหน้าไร้สีแดงและจังหวะหัวใจไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิดเดียว! ญาญ่า การต่อกรกับเด็กตัวน้อยอย่างเธอน่ะมันไม่เหนือบ่ากว่าแรงหรอกน่า!
คำพูดของเย่เทียนเซี่ยในครั้งนี้สามารถทำให้คนธรรมดาขนลุกพรึบไปทั้งตัวได้ แต่สำหรับเด็กหญิงที่ยังมีพัฒนาการไม่สมบูรณ์แล้วผลของมันกลับดีเกินคาด ญาญ่าเลิกโกรธไปทันที เธอเอียงคอขบคิดน้อยๆแล้วะโออกมา “ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่จงใจ คำถามง่ายๆแบบนี้แม้แต่คนโง่ โง๊โง่ๆๆๆ ที่สุดในโลกก็ต้องตอบได้อยู่แล้ว พี่ชายจะตอบไม่ได้ได้ยังไงกันล่ะเนอะ ไม่อย่างนั้นคงแย่ยิ่งกว่าคนที่โง่โง๊โง่ที่สุดแล้วล่ะ”
“!@#¥%……” เย่เทียนเซี่ย
“เอาล่ะตอนนี้จะเริ่มการทดสอบถามตอบที่รวดเร็วที่สุด ตื่นเต้นที่สุด และตึงเครียดที่สุดแล้วนะ พี่ชาย พิสูจน์หน่อยสิว่าพี่เป็คนที่ฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง เพราะงั้นฟังดีๆล่ะ!!”
การทดสอบถามตอบ............... เย่เทียนเซี่ยอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงบนหน้าผาก
ญาญ่ากระพริบตาปริบๆ ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างแล้วะโออกมาด้วยความร่าเริง “คำถามที่สอง.......... แตงโมกับมะพร้าวเมื่อผ่าลูกมันออกอะไรจะเจ็บกว่ากัน?”
“คำถามนี้มีกุญแจสำคัญไม่ได้อยู่ที่แตงโมงหรือมะพร้าว แต่ต้องดูว่าอันไหนใหญ่กว่ากัน ถ้าแตงโมใหญ่กว่า แตงโมก็จะเจ็บมากกว่า ถ้ามะพร้าวใหญ่กว่ามะพร้าวก็จะเจ็บมากกว่า” เย่เทียนเซี่นครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วตอบออกไปด้วยใบหน้าจริงจัง หลังจากเขาตอบคำถามออกไปทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าคำตอบของตัวเองนั้นช่างไร้ที่ติซะจริงๆ เกรงว่าหากไอสไตล์ยังอยู่บนโลกก็คงจะหาคำตอบที่เพอร์เฟคไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“ผิดแล้ว! ที่เจ็บกว่าน่ะไม่ใช่แตงโมแล้วก็ไม่ใช่มะพร้าวด้วย แต่เป็ลูกต่างหากล่ะ! ลูกคือสิ่งที่จะเจ็บ แตงโมกับมะพร้าวจะไปเจ็บได้ยังไง! พี่ชาย พี่นี่โง่มาก!” ญาญ่าเงยหน้าขึ้นมาแล้วะโออกไปสุดเสียง
เย่เทียนเซี่ยตัวแข็งเป็หิน
“คำถามที่สาม............” ญาญ่าไม่ให้โอกาสเย่เทียนเซี่ได้พักเธอก็ถามเย่เทียนเซี่ยออกมาอีกเสียงดังฟังชัด “แมวเหมียวสีดำตัวหนึ่งและแมวเหมียวสีขาวตัวหนึ่งเป็เพื่อนที่ดีต่อกัน อยู่มาวันหนึ่งแมวเหมียวสีขาวตกลงไปในแม่น้ำสีดำ ร่างของมันจึงกลายเป็สีทำทั้งหมด เมื่อแมวเหมียวสีดำมาเห็นเข้าประโยคแรกที่มันจะพูดออกมาคืออะไร?”
เย่เทียนเซี่ยรีบจินตนาการตามอย่างรวดเร็ว เขาจินตนาการว่าตัวเองกลายเป็แมวเหมียวสีขาวตัวนั้น หลังจากขบคิดโดยเอาตัวเองไปใส่ในบทบาทนั้นอยู่สิบวินาทีเขาก็ตอบออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ “มันจะบอกว่า ไงเพื่อน! นายดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยนะ!”
“ผิด!” ญาญ่าะโออกมาแล้วโบกมือน้อยๆสีขาวนั่นไปมา
“แล้วมันจะพูดว่าอะไรล่ะ?”
“มันจะต้องพูดว่า ‘เหมียว~~~’ แน่นอนอยู่แล้วสิ เพราะแมวเหมียวมันพูดไม่ได้ยังไงเล่า!”
เย่เทียนเซี่ยน้ำตานองเต็มหน้า
“คำถามข้อที่4................มีอยู่วันหนึ่งเสี่ยวิที่น่ารักและเฉลียวฉลาดเดินไปบนถนนแล้วมองเห็นเหรียญทองบนพื้นเยอะแยะเต็มไปหมดกับกระดูกชิ้นหนึ่ง แต่เสี่ยวิกลับเดินไปหากระดูกไม่ได้เืเดินไปหาเหรียญทอง นั่นเป็เพราะอะไร?”
“เพราะเหรียญทองพวกนั้นเป็ของปลอม” เย่เทียนเซี่ยตอบกลับไปแข็งๆ
“ผิด!! เพราะเสี่ยวิเป็หมาต่างหาก!!”
“.............” เย่เทียนเซี่ย