เหนือยอดเขาแห่งหนึ่ง ในดินแดนแรกสาบสูญ
ชายหนุ่มชุดแดงทอดสายตามองไปทางทิศใต้ ท่าทางคล้ายยอดฝีมือ กลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้น น่ากลัวยิ่ง ั์ตาทอประกายเ็า
ชายชุดดำผู้หนึ่ง คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นตรงหน้าเขา และกล่าวด้วยท่าทีนอบน้อม "คุณชายเก้า ครานี้ คนจากด้านนอกนั้นโเี้นัก พวกมันทั้งเผา ทั้งฆ่าตลอดเส้นทางที่กรายผ่าน มีชาวพื้นเมืองบางส่วน ไปขวางคนเ่าั้ที่ทางเข้า แต่กลับถูกสังหารสิ้น
ไม่นานมานี้ ที่หุบเขาไร้โศกก็ถูกปล้นฆ่า แล้ววางเพลิงจนราบเช่นกัน ช่างโเี้อำมหิตนัก! ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด ล้วนเข่นฆ่า ปล้นชิง และเผาทำลายขอรับ!"
แสงเย็นะเืวาบประกาย จากั์ตาคุณชายเก้าในชุดสีแดง ขณะกล่าวว่า “คนนอกพวกนี้ ไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อยๆ... หึ! หากพวกเขาไม่้าจะข้องเกี่ยวกับคนนอกเ่าั้ ข้าจะเป็ผู้ลงมือแทนเองก็แล้วกัน
ในไม่ช้า ข้าจะออกจากเกาะเทียนหยวนแล้ว ถึงแม้พวกเขา้าให้ข้ารับผิดชอบ แต่ก็ไม่อาจตามออกไปได้"
“คุณชายเก้าจะลงมือเองหรือขอรับ” ชายชุดดำถาม ดวงตาสว่างวาบอย่างกระตือรือร้น
“มีคนมากกว่าหนึ่งพันคน อาศัยอยู่ในหุบเขาไร้โศก ทว่าคนนอกเ่าั้ก็ยังสังหารพวกเขาเสียสิ้น
หึ! ถ้าเป็เช่นนั้น ก็บีบให้คนนอกทั้งหมดไปที่หุบเขาไร้โศก พวกเราก็จะทำการฆ่า ปล้น และเผามันให้ราบบ้าง ถึงคราที่คนนอกเ่าั้ต้องสิ้นหวังบ้างแล้ว!" คุณชายเก้ากล่าวอย่างเยือกเย็น
“หากคุณชายเก้าลงมือ พวกมันทุกคน ย่อมไม่มีทางรอดแน่ขอรับ!” ชายชุดดำกล่าวด้วยความตื่นเต้น
"แจ้งกลุ่มขลุ่ยขับไล่ปีศาจ ว่ามีคนนอกอยู่ทางเหนือ ให้พวกเขาต้อนคนเ่าั้ เข้าไปในหุบเขาไร้โศก!" คุณชายเก้ากล่าวเสียงเย็น
“ขอรับ!” ชายชุดดำขานรับ
...
ณ ป่าแห่งหนึ่ง ในดินแดนแรกสาบสูญ
หลังได้รับการรักษาแล้ว ซ่งฉิงซูก็อาการดีขึ้นมาก แม้ยังอ่อนแออยู่บ้าง แต่อย่างน้อย อาการาเ็บนร่างก็มลายหายสิ้น
ใกล้ๆ กันนั้น มีศิษย์สำนักซ่งเจี่ยอยู่เพียงไม่กี่คน เกือบทั้งหมดล้วนพิกลพิการ ส่วนที่เหลืออีกนับสิบๆ คนนั้น เป็เถ้าไปในการะเิก่อนหน้านี้แล้ว
ซ่งฉิงซูรู้สึกเศร้าใจนัก เมื่อมองดูศิษย์ที่เหลืออยู่ไม่กี่คน ซึ่งต่างก็อยู่ในสภาพพิกลพิการ บางส่วนในใจเขา ยังนึกย้อนเสียใจที่ไล่ตามสังหารกู่ไห่ แต่ความเกลียดชังที่มีต่ออีกฝ่ายนั้น กลับเพิ่มพูนยิ่งขึ้น
"ขอบคุณท่านหัวหน้าสังกัดเิไท่ที่ช่วยเหลือ!" ซ่งฉิงซูกล่าวขอบคุณ
มีคนกลุ่มหนึ่งอยู่เบื้องหน้าซ่งฉิงซู นั่นคือชายร่างสูงผู้มีเครา ซึ่งเป็หัวหน้าสังกัดปฐีนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีเหล่าสมุนจากหออี้ผินติดตามมาด้วย
"ช่างเถอะ! ซ่งฉิงซู บางทีในอนาคต เราอาจมีโอกาสได้ทำงานร่วมกันที่หออี้ผินก็เป็ได้ แล้วข้าจะทนเห็นเ้าประสบเคราะห์กรรมได้อย่างไร คิดไม่ถึงว่าหัวหน้าสังกัดวารี ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ผู้นี้ จะโเี้ถึงขนาดไม่ไว้ชีวิตลูกน้องในสังกัดตน!” เิไท่กล่าว พลางย่นหัวคิ้ว
ซ่งฉิงซูเอ่ย พร้อมั์ตาที่ขุ่นเคืองว่า "ใช่! ข้ายังไม่ทันได้ทำอะไรแท้ๆ แต่เขากลับวางกับดักทำร้ายข้า เกรงว่าแม้วันนี้ข้าจะโชคดีรอดชีวิตมาได้ ทว่าวันหน้าเขาต้องหาวิธีกำจัดข้าอีกแน่!"
"ซ่งฉิงซู เ้าจะทำอย่างไรต่อไป?" เิไท่ถาม
"ฆ่ากู่ไห่ หากเขายังมีชีวิตอยู่ ใจข้าคงไม่อาจสงบได้!" ซ่งฉิงซูพูดด้วยน้ำเสียงชิงชัง
เิไท่ยกยิ้มเล็กน้อย พลางกล่าว "หัวหน้าสังกัดวารีทำเกินไปจริงๆ!"
วีวี๊วีวี่!
ทันใดนั้น เสียงขลุ่ยก็ดังขึ้นในป่าที่อยู่ไกลออกไป
“เอ๊ะ?” เิไท่ขมวดคิ้ว
เหล่าสมุนก็รู้กันโดยไม่จำเป็ต้องเอ่ยสิ่งใด หนึ่งในนั้นรีบวิ่งไปยังทิศทางที่เสียงขลุ่ยดังขึ้น เพื่อสอดแนมทันที
"แย่แล้ว… ปีศาจ! ท่านหัวหน้า รีบหนีไปขอรับ!" จู่ๆ ชายที่ไปสอดแนมก็ร้องบอกด้วยความกลัว จากจุดที่ไกลออกไป
“อ๊าก!”
เสียงะเิดังสนั่น พร้อมเสียงร้องที่ดังขึ้น ก่อนที่ร่างชายผู้นั้นจะลอยกลับมาเหมือนะุปืนใหญ่
ปัง!
ไม่ไกลนัก มีร่างสัตว์ประหลาดั์ตัวหนึ่งทะยานเข้ามา และเหยียบลงบนร่างชายผู้นั้น
“ปีศาจหมาป่า?” สีหน้าของซ่งฉิงซูย่ำแย่ในบัดดล
หมาป่าั์ สูงเกือบหนึ่งจั้งตัวหนึ่ง หน้าตาดุร้าย กำลังเหยียบร่างคนผู้นั้น ดวงตาที่แดงเรื่อ กำลังมองผู้คนด้วยท่าทีดุดัน
"ท่านหัวหน้าสังกัด ช่วยข้าด้วย!" ลูกน้องผู้นั้นร้องขอความช่วยเหลือด้วยความกลัว
"เ้าสัตว์ประหลาด บังอาจนัก!" เิไท่จ้องมันเขม็ง พร้อมชักกระบี่ยาวฟันออกไปหนึ่งครั้ง พลังแห่งกระบี่ก็พุ่งตรงไปทันที
โฮก!
เพียงปีศาจหมาป่าคำราม ลูกไฟก็พุ่งออกปาก ไปปะทะพลังแห่งกระบี่
ตูม!
พลังแห่งกระบี่ปะทะเข้ากับลูกไฟจนะเิสนั่น เห็นได้ชัด ว่าพลังแห่งกระบี่นั้นยังห่างชั้นนัก
ชั่วพริบตา กลุ่มคนจากหออี้ผินก็ได้ทะยานไปเบื้องหน้า แล้วชักกระบี่และดาบ เตรียมจัดการเ้าปีศาจ และช่วยเพื่อนของตนที่อยู่ใต้กรงเล็บหมาป่าออกมา
"เ้าสัตว์ร้าย ถอยไปเสีย!" ทุกคนยกดาบและกระบี่ขึ้นมาฟาดฟัน
พลัน เงาใหญ่ก็พุ่งออกจากป่าทีละตัว พวกมันทั้งหมด มีลักษณะคล้ายเ้าหมาป่าั์
ปังๆๆ!
ทุกคนที่กำลังทำการโจมตีอยู่ ถูกจู่โจมจนลอยกระเด็น
"อะไรกัน?" สีหน้าซ่งฉิงซูบิดเบี้ยวไปทันตา
ปังๆๆ!
จำนวนของปีศาจหมาป่ายังคงมากขึ้นทุกที พริบตาก็มีถึงสามสิบตัวแล้ว และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปีศาจหมาป่าขยับตัว อ้าปากขึ้น และกัดร่างชายที่อยู่ใต้กรงเล็บของมันทันที
“อ๊าก! ท่านหัวหน้า ช่วยข้าด้วย!”
กร๊อบ!
คนผู้นั้นถูกกัดเข้าไปครึ่งร่าง ก่อนจะถูกปีศาจหมาป่ากลืนลงไป
วีวี่วี!
เมื่อเสียงขลุ่ยดัง จำนวนปีศาจหมาป่าก็ยิ่งเพิ่มขึ้น พริบตาก็มีถึงห้าสิบตัวแล้ว
บริวารที่มีเพียงไม่กี่สิบคน ล้อมรอบเิไท่เอาไว้ ด้วยจำนวนปีศาจหมาป่าที่เพิ่มขึ้นนี้ แม้แต่เิไท่ยังต้องชั่งใจ ประเมินผลได้ผลเสีย ก่อนทำการต่อสู้หักหาญ
"ไป... รีบไป!" เิไท่กล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
"อาจารย์ลุง ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย!" เหล่าศิษย์พิการของสำนักซ่งเจี่ย ซึ่งนอนอยู่กับพื้น ส่งเสียงร้องด้วยความกลัว
ซ่งฉิงซูมองดูฝูงหมาป่า รู้สึกกลัวจับใจ จึงหันกลับไป โดยไม่เหลียวแลศิษย์หลานเ่าั้ อีกทั้งยังหนีได้เร็วและไกลกว่าผู้ใด เพื่อรักษาชีวิต มนุษย์สามารถเรียกศักยภาพที่ซ่อนเร้นออกมาได้ อาการาเ็ก่อนหน้า ดูเหมือนจะไม่สลักสำคัญอันใด บัดนี้ในหัวมีเพียงความคิดเดียวนั่นคือ... หนี!
ฟิ้ว!
ทุกคนรีบหนีห่างออกมาไกลลิบทันที
"โฮก!" แต่ฝูงหมาป่ายังคงไล่ตามอย่างไม่ลดละ
"อาจารย์ลุง... ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย อ๊าก!" กลุ่มศิษย์พิการของสำนักซ่งเจี่ย ต่างส่งเสียงร้องด้วยความสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตาม บัดนี้กลับไม่มีผู้ใดช่วยได้ พวกเขาต่างถูกหมาป่ากระจายกำลังเข้าจู่โจม
ที่ด้านหลังฝูงหมาป่า มีหมาป่าั์สองตัว และบนหลังของพวกมัน มีชายชุดดำยืนอยู่ตัวละคน หนึ่งในนั้นกำลังเป่าขลุ่ยสั่งการฝูงหมาป่า
"คุณชายเก้าสั่งให้ล้อมเอาไว้ มิใช่สังหาร เราต้องต้อนพวกมันเข้าไปในหุบเขาไร้โศก ทำให้รู้สึกสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดแล้วค่อยฆ่า” ชายชุดดำอีกคนพูดขึ้น
"ข้ารู้แล้ว คนไม่กี่คนนี่ ใช้จูงใจฝูงหมาป่า และเพื่อให้พวกมันเพิ่มความเร็วในการหนี จะได้ค่อยๆ ไล่ต้อนคนนอกเ่าั้ได้!" ชายเป่าขลุ่ยตอบ
…
ณ หุบเขาไร้โศก
กู่ไห่ได้ขอคำชี้แนะจากไต้ซือเหลียนเซิง เกี่ยวกับเื่สามจิตเจ็ดิญญา ทัศนคติที่ภิกษุชรามีต่อชายหนุ่มค่อนข้างดี จึงบอกทุกอย่างที่ตนรู้แก่อีกฝ่าย
"อสรพิษน้อยผู้นี้ เคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนใช่หรือไม่? คิดว่าที่พวกท่านมา ก็คงเพราะสระิญญากระมัง?" ไต้ซือเหลียนเซิงถาม พร้อมยกยิ้ม
"เป็อย่างนั้นจริงๆ!" กู่ไห่พยักหน้ายอมรับ
"เช่นนั้นเราก็ไปที่สระิญญา และลงแช่ด้วยกันเถอะ สระนี้ค่อนข้างแปลก ดูเหมือนจะถูกผู้าุโกวนฉีจัดวางไว้!" ภิกษุชรากล่าว
"เอ๊ะ! สระิญญานี้ มิได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรอกหรือ?" เฉินเทียนซานโพล่งถาม ด้วยความประหลาดใจ
“ผู้าุโกวนฉีมีความสามารถในการโยกย้ายจัดวางมันได้!” ไต้ซือเหลียนเซิงอธิบาย
“โอ้?” เฉินเทียนซานอุทานอย่างงุนงง
"ไต้ซือ... เชิญ!" กู่ไห่เอ่ย พลางยิ้ม
ภิกษุชราพยักหน้า
ทุกคนค่อยๆ เดินตามหลังไต้ซือเหลียนเซิงเข้าไปในถ้ำที่ค่อนข้างลึก ไม่ช้าก็เข้ามาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ ซึ่งที่นั่นมีลักษณะคล้ายห้องโถง บนกำแพงโดยรอบฝังไข่มุกราตรีจำนวนมาก ทำให้บริเวณด้านในสว่างไสว
ถ้ำตันสนิท มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว
กลางโถง มีสระน้ำทรงกลมสามสระ ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนกรวด น้ำในสระเรืองแสงสีฟ้าจางๆ
เฉินเทียนซานแตะขอบสระเพื่อตรวจสอบ ก่อนที่ใบหน้าจะเปล่งประกายด้วยความดีใจ และร้องบอก "นี่คือสระิญญาจริงๆ!"
"ผู้มีพระคุณ สระนี้จะปรากฏแสงสีฟ้าแค่ปีละครั้ง และทุกครั้งหลังจากที่เ้าหุบเขาแช่ตัวเสร็จ แสงนั้นก็หายไปเ้าค่ะ!" เสี่ยวโหรวกล่าว
"นั่นเป็เพราะพลังชี่ได้เข้าสู่ร่างเขาแล้วอย่างไรล่ะ!" เฉินเทียนซานอธิบาย ร้อนใจอยากลงสระ จนแทบรอไม่ไหว
ไต้ซือเหลียนเซิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะมองที่สระนั้น
"แสงสีฟ้านี้คือพลังชี่วารี ปีละครั้งหรือ? ทุกการกระทำของผู้าุโกวนฉี ล้วนมีวัตถุประสงค์ แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ แต่น้ำนี่ต้องมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่เป็แน่!" ภิกษุชรากล่าว น้ำเสียงจริงจัง
"ท่านหัวหน้ากู่ มิสู้เชิญท่านลองก่อน?" ไต้ซือเหลียนเซิงเสนอพร้อมยิ้มให้อีกฝ่าย
กู่ไห่พยักหน้า ไม่ปฏิเสธ วางเสี่ยวโหรวลง และเดินลงหนึ่งในสระเ่าั้ ซึ่งปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้า
เขานั่งขัดสมาธิในสระ และเริ่มโคจรพลังชี่ โดยใช้เคล็ดัแรก์
วิ้ง!
พลัน ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงพลังชี่จำนวนมากในน้ำ ได้แทรกซึมเข้าสู่ร่างผ่านทางรูขุมขน ความเร็วในการดูดซับพลังชี่แบบนี้ เร็วกว่าที่ดูดซับจากอากาศมาก พลังทั้งหมดพุ่งตรงไปที่จุดตันเถียนทันที
"เอ๊ะ! เหตุใดจึงมีแสงสีม่วง ที่ผิวกายผู้มีพระคุณได้ล่ะเ้าคะ?" เสี่ยวโหรวร้องถาม ด้วยความประหลาดใจ
"นี่มิใช่พลังชี่วารีเช่นนั้นหรือ? เหตุใดแสงของมันถึงเป็สีม่วง?" เฉินเทียนซานถามอย่างแปลกใจเช่นกัน
ประกายแสงสีม่วงโอบล้อมรอบตัวกู่ไห่ ก่อนจะหายเข้าไปในร่าง ในขณะที่แสงสีฟ้าในสระน้ำ กลับเข้มขึ้นเรื่อยๆ
"หืม?" ไต้ซือเหลียนเซิงมองชายหนุ่มด้วยความพิศวง
“ไต้ซือ เป็อะไรไปหรือ?” กู่ไห่ถามอย่างกังขา
"แสงสีม่วง? นี่คือพลังชี่ต้นกำเนิดมิใช่หรือ?" ไต้ซือเหลียนเซิงเอ่ยด้วยความฉงน
"พลังชี่ต้นกำเนิดคือสิ่งใด?" ทุกคนมองภิกษุชราอย่างงุนงง
"พลังชี่ที่เก่าแก่ที่สุด เรียกว่าชี่ต้นกำเนิด หากพลังชี่ต้นกำเนิดส่วนหนึ่งผสมอยู่ในพลังวารี จะกลายเป็พลังชี่วารี ซึ่งชี่ต้นกำเนิดจะเจือจางลงหนึ่งในร้อยหรือหนึ่งในพันส่วน หรืออาจจะมากกว่านั้น
ถ้ามันผสมกับพลังปฐี ก็จะกลายเป็พลังชี่ปฐี ไม่ว่ามันจะผสมกับสิ่งใดก็ตาม มันก็จะเจือจางลง แต่เหตุใดท่านถึงได้ดูดซับเพียงชี่ต้นกำเนิด? ท่านฝึกฝนเคล็ดวิชาใดอยู่กระนั้นหรือ?” ไต้ซือเหลียนเซิงถามด้วยความตกตะลึง
กู่ไห่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าเกี่ยวกับวิธีการฝึกปรือของตนให้ไต้ซือฟังอย่างไม่ปิดบัง
"ฝึกวรยุทธ์? ไม่แปลกหรอก ที่ท่านจะดูดซับพลังชี่ได้เพียงหนึ่งในร้อยส่วน เมื่อเทียบกับผู้อื่น แค่การเลื่อนพลังสู่ระดับก่อ์ก่อนหน้านี้ ก็ต้องใช้หินิญญาไปเป็จำนวนมากแล้ว นั่นเป็เพราะร่างของท่าน สามารถดูดซับได้แค่พลังชี่ต้นกำเนิดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เพราะท่านฝึกกำลังภายใน ดังนั้นแหล่งกำเนิดพลังชี่ในร่าง ก็คือพลังชี่ต้นกำเนิดซึ่งบริสุทธิ์ที่สุด ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงดูดซับได้เพียงพลังชี่ต้นกำเนิดเท่านั้น!" ภิกษุชรามองอีกฝ่ายด้วยสายตาอิจฉา
"ไต้ซือ ร่างกายเช่นนี้ของข้า สรุปแล้วดีหรือไม่กันแน่?" ชายหนุ่มถามด้วยความอยากรู้
“มีทั้งดีและไม่ดี ไม่ดีเพราะมันยากที่จะฝึกฝน และก้าวหน้าได้ช้า ชี่ต้นกำเนิดนั้นหายากมาก จากพลังชี่ร้อยส่วน พบหนึ่งส่วนก็ถือว่ายากแล้ว ท่านจึงต้องฝึกปรืออย่างหนัก
ส่วนที่ดีก็คือ รากฐานของท่านจะแข็งแกร่งกว่าผู้อื่น ในที่สุด ตอนนี้อาตมาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดในอดีต เขาถึงได้ทำลายพลังฝึกปรือเดิม และเริ่มใหม่อีกครั้ง ด้วยการฝึกวรยุทธ์" ไต้ซือเหลียนเซิงทอดถอนใจ
"โอ้!... ผู้ใดหรือ?" กู่ไห่ถามอย่างสนใจ ยังมีผู้ใดที่เหมือนตนอีกอย่างนั้นหรือ
“บิดาของถังจู่แห่งหออี้ผินอย่างไรล่ะ” ไต้ซือเหลียนเซิ่งกล่าว สีหน้าเคร่งขรึม
“อา... บิดาของหลงหว่านชิง?” สีหน้ากู่ไห่เปลี่ยนไปทันที
"หลงหว่านชิง? นี่มันอะไรกัน? ถังจู่แห่งหออี้ มิใช่มารดาของนางหรอกหรือ? เป็ตาของนางต่างหาก ที่ฝึกกำลังภายใน เหตุใดหลงหว่านชิงถึงกลายเป็ถังจู่แห่งหออี้ผินไปได้ล่ะ?" ไต้ซือถามด้วยความแปลกใจ
“ดูเหมือนว่ามารดาของถังจู่จะจากโลกนี้ไปแล้ว พวกเรามาที่นี่เพื่อตามหาเว่ยเซิงเหริน ไม่ทราบว่าไต้ซือเคยได้ยินเื่ของเขาบ้างหรือไม่?” ชายหนุ่มถามขึ้นทันที
“หา?” ภิกษุชราขมวดคิ้วมุ่น
"อาตมารู้จักคนผู้นี้ แต่ไม่ทราบว่าเขาอยู่ในดินแดนแรกสาบสูญด้วย เขาอยู่ที่ใดนั้น อาตมาไม่ทราบ แต่ชายผู้นี้ อ่า... หากท่านได้พบ ก็จะเข้าใจเอง ชายผู้นี้ต่างจากคนธรรมดายิ่ง!" ไต้ซือเหลียนเซิงกล่าวกลางส่ายหน้า
“ได้!” กู่ไห่พยักหน้า
ภายในสระ ขณะที่ชายหนุ่มดูดซับพลังชี่ต้นกำเนิดอยู่นั้น รูเล็กๆ ที่นำไปสู่ธารน้ำใต้ดิน ดูเหมือนจะปรากฏที่ก้นสระ ตรงนั้นมีพลังพุ่งออกมาไม่ขาดสาย ขณะที่กู่ไห่ดูดซับพลังชี่ต้นกำเนิดเข้าไป ก็ยิ่งทำให้พลังชี่วารีในสระเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แสงสีฟ้าในสระก็ยิ่งเข้มขึ้นเช่นกัน
"หัวหน้ากู่ อาตมาจะลงไปในสระ เพื่อใช้จิตตรวจสอบดูที่ก้นสระสักครู่ หากอาตมายังไม่ลืมตาขึ้น ได้โปรดอย่าให้ใครรบกวน" ไต้ซือกล่าว
"ได้! ไต้ซือไม่ต้องกังวล" กู่ไห่รับคำ
ภิกษุชราพยักหน้า และพลิกฝ่ามือ ไม้ขักขระในมือก็หายไปทันที ไต้ซือค่อยๆ เดินลงไปในสระเล็กๆ สระหนึ่ง ฝ่ามือประนม นั่งลงในท่าขัดสมาธิ มีเพียงส่วนศีรษะเท่านั้นที่โผล่พ้นน้ำ หลังจากนั้นก็หลับตาลง และนิ่งไป
"เฉินเทียนซาน เกาเซียนจือ ทั้งสองคนก็ลงมาสิ เสี่ยวโหรวมาลงสระเดียวกับข้าจะดีกว่า จะได้ใช้พลังชี่รักษาอาการาเ็ด้วย" กู่ไห่สั่งการ
“ขอรับ! ท่านหัวหน้า” เฉินเทียนซานตอบ อยากลงสระแทบทนไม่ไหว
"เดี๋ยว!" กู่ไห่ร้องห้ามกะทันหัน
“เอ๋?”
"เฉินเทียนซาน เ้ากับเกาเซียนจือออกไป จัดการซ่อนทางเข้าถ้ำเอาไว้เสีย" กู่ไห่สั่ง
"จริงสิ! เกือบลืมไปเลย" เฉินเทียนซานยิ้มเผล่ออกมา
ทั้งสองเดินไปยังทางเข้าถ้ำอย่างรวดเร็ว จัดการลบรอยเท้าทั้งหมด ปิดทางเข้าถ้ำด้วยกิ่งไม้ที่ไหม้เกรียม และแห้งกรังจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ
นอกจากไต้ซือเหลียนเซิง ที่ลงสระทั้งจีวรแล้ว
กู่ไห่ เกาเซียนจือ และเฉินเทียนซาน ทุกคนล้วนถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ออกสิ้น เหลือเพียงกางเกงตัวใน ก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิแช่ตัวในสระ
ดูเหมือนเสี่ยวโหรวจะมีความสุขกับพลังชี่ที่อยู่ในน้ำมาก นางกำลังแหวกว่ายไปมาอยู่ข้างๆ กู่ไห่ พยายามดูดซับพลังชี่สีฟ้าอย่างสุดความสามารถ
บัดนี้ ทั้งถ้ำพลันเงียบสงบ ทุกคนต่างตั้งใจดูดซับพลังชี่ในสระิญญา
ขณะที่ด้านนอกถ้ำ ณ หุบเขาไร้โศก ก็ตกอยู่ในความเงียบเช่นกัน แต่ความสงบสุขนั้น กลับมิได้ยืนยาว
ราวสามชั่วยามต่อมา
"อ๊าก! ช่วยด้วย... สัตว์อสูรๆ ช่วยข้าด้วย ศิษย์พี่!"
"วิ่งเร็ว! วิ่ง! สัตว์อสูรกำลังไล่ตามมา… สัตว์อสูรมากมายนั่น!"
“เหตุใดสัตว์อสูรเหล่านี้ ถึงไม่ฆ่าพวกเรา แต่ดูเหมือนกำลังไล่ต้อนให้มาที่นี่ เหตุใดพวกมันถึง้าพาพวกเรามาที่นี่!”
"อ่า! หมดกัน… จบสิ้นแล้ว! นั่นคือหุบเขาลูกนั้นมิใช่หรือ?"
"พวกมันมาแก้แค้น... ช่วยด้วย! มันมาแก้แค้นเรา!"
ในหุบเขา เสียงร้องดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า สัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วน กำลังต้อนเหล่าคนนอก ไปยังทิศเหนือของดินแดนแรกสาบสูญ ท่ามกลางความหวาดกลัว คนนอกที่ได้สังหารกลุ่มผู้อาศัยในหุบเขาครานั้น ได้หวนกลับมาที่หุบเขานี้อีกครา
ความหวาดผวาปรากฏขึ้นในใจของทุกคน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้