ตกกลางคืน อวี้ฉู่จาวให้หลินหร่านนอนค้างที่ตำหนัก
หลินหร่านเริ่มง่วงนอนในเวลาอันรวดเร็ว เพราะั้แ่ได้เจอกับอวี้ฉู่จาว เขามักจะนอนกลางวันจนเคยชิน
เช้าวันนี้ เขาถูกอวี้ฉู่จาวไปรับตัวมาจึงตื่นตาตื่นใจทั้งวัน ่เช้าพาเดินชมตำหนัก ตกบ่ายช่วยกันเขียนตุ้ยเหลียน1 ทำโคมแดง เป็เหตุให้ยังไม่ได้นอนกลางวัน
ด้านนอกท้องฟ้ามืดสนิท แต่ในตำหนักยังคงสว่างไสว
หลินหร่านกับอวี้ฉู่จาวนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ด้านข้างมีติงหร่วนกับลุงตงที่คอยอยู่รับใช้
หลังจากหลินหร่านรับประทานมื้อเย็นที่อวี้ฉู่จาวให้คนจัดเตรียมให้เป็พิเศษเสร็จก็เริ่มง่วงนอน กระทั่งเขาหลับคอพับคออ่อน
อวี้ฉู่จาวโอบกอดหลินหร่านไว้ในอ้อมแขน ให้อีกคนได้นอนหลับสักหน่อย หลังถูกทำให้ตื่นหลินหร่านก็ดันตัวเองออกเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขากลับไม่เคยเอาชนะถ้อยคำอันแสนหวานและจริงจังของอวี้ฉู่จาวได้จนผล็อยหลับไปอีกครา
ที่นั่งประจำตัวของอวี้ฉู่จาวใหญ่มากจนหลินหร่านสามารถนอนยืดขาได้สบาย อวี้ฉู่จาวโอบหลินหร่านแล้วคอยตบหลังเบาๆ เป็ระยะราวกับกำลังกล่อมนอน
ลุงตงไปนำผ้าห่มมาก่อนจะยื่นให้ท่านอ๋องนำมาคลุมร่างของคุณชายน้อย
่แรกที่หลินหร่านถูกติงหร่วนและคนอื่นๆ ดูแลเขาเป็อย่างดี เขาแอบรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
แต่มาถึงตอนนี้ ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราเสียแล้ว ความทรงจำเขาหยุดลงที่ประโยคหนึ่งซึ่งเขาได้ยินอวี้ฉู่จาวพูดกับใครสักคน “จุดกองไฟสักหน่อยเถิด”
เมื่อหลินหร่านตื่นขึ้นมาก็เข้าสู่วันปีใหม่ อวี้ฉู่จาวเขย่าตัวเขาแ่เบา
ท้องฟ้าด้านนอกสว่างวาบพร้อมกับเสียงจุดดอกไม้ไฟที่ดังสนั่นไปทั่ว
หลินหร่านลืมตาขึ้น พบกับอวี้ฉู่จาวที่กำลังจ้องมอง รอคอยให้เขาตื่นขึ้นมาถึงกล่าว “อวิ๋นซี”
“อื้อ”
“สุขสันต์วันปีใหม่” อวี้ฉู่จาวระบายยิ้มอ่อนโยน ประทับรอยจูบบนมุมปากของหลินหร่าน
ตอนนี้หลินหร่านมีสติเต็มที่ กำลังจะขวยเขินแต่ก็เห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว
“สุขสันต์วันปีใหม่พ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านรีบตอบกลับ
“ไปจุดดอกไม้ไฟกัน”
อวี้ฉู่จาวคุกเข่าลง ใส่รองเท้าบูทให้หลินหร่านด้วยตัวเอง
อวี้ฉู่จาวดึงแขนอีกคนออกมาจากห้องโถง ก้าวผ่านทางเดินที่มีหลังคาทอดยาว
“พวกเราจะไปไหนกันหรือพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง” หลินหร่านถามด้วยความแปลกใจ
“พาเ้าไปดูงานเฉลิมฉลอง จำเอาไว้นะ นี่คือปีแรกที่เราสองคนมาด้วยกัน”
หลังจากนั้นพวกเขาได้มาที่หอคอยสูง ทั้งคู่ขึ้นมายืนอยู่ชั้นบนสุดของหอคอย
หอคอยสูงทำให้มองเห็นทิวทัศน์จากมุมกว้าง ชมเมืองอวี้อันได้เกือบครึ่ง ชาวเมืองหลายคนที่อยู่ห่างออกไปเริ่มทำการจุดดอกไม้ไฟ แสงไฟหลากสีสันกระจายเต็มท้องนภา ก่อนจะถูกความมืดกลืนหายไป
อากาศบนหอคอยสูงหนาวจนแทบทนไม่ไหว ลมหนาวคือสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยที่สุดซึ่งพัดมาปะทะใบหน้า ทำให้ผิวบอบบางของหลินหร่านเป็สีแดงระเรื่อ
อวี้ฉู่จาวคลุมร่างหลินหร่านไว้ด้วยผ้าพันคอขนจิ้งจอกสีขาวที่เขาสั่งทำให้หลินหร่านโดยเฉพาะ พร้อมกับปรับให้ผ้าพันคอกระชับขึ้นเพื่อกันความหนาวให้อีกคน
“หนาวไหม”
“ไม่หนาวพ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านพูดแต่ปากสั่นจนฟันกระทบกัน ไม่เหมือนกับที่เอ่ยออกมาสักนิด
ในใจของเขาขอแค่ได้อยู่กับท่านอ๋อง ต่อให้ลมหนาวพัดมาแรงเพียงไหนก็อบอุ่นราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
อวี้ฉู่จาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เขายกมือโอบหลินหร่านแน่น
“เ้าดูสิ”
อวี้ฉู่จาวเอ่ยจบ เสียงปุ้งก็ดังขึ้น มีดอกไม้ไฟจำนวนมากลอยลิ่วอยู่บนท้องฟ้า
ทันใดนั้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสนิทก็พร่างพราวเหมือนกับตอนกลางวัน ช่างดูสวยงาม
ขณะนี้ ทั่วทั้งเมืองอวี้อันได้กลายเป็ทะเลดอกไม้ไฟอันสวยงามไปแล้ว
“ว้าว~” หลินหร่านถูกดอกไม้ไฟแสนสวยดึงดูดจนไม่อยากกะพริบตาสักครั้ง
เพราะได้ยืนมองจากทำเลดีที่สุด ทำให้หลินหร่านมองเห็นดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองอย่างตระการตา
ปฏิกิริยาของหลินหร่านทำให้อวี้ฉู่จาวพึงพอใจเป็อย่างมาก
อวี้ฉู่จาวเกิดมาถึงสองชาติภพ แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เขาทำเื่เช่นนี้ เพื่อให้อวิ๋นซีของเขามีความสุข อีกทั้งยังทำให้อวิ๋นซีรู้ว่าความรู้สึกที่เขามีให้จริงจังขนาดไหน
เขาหวังจะให้หลินหร่านมั่นใจในตัวเขามากขึ้น
อวี้ฉู่จาวสวมกอดหลินหร่านจากด้านหลัง
“อวิ๋นซี เ้าชอบหรือไม่”
ในดวงตาของหลินหร่านเต็มไปด้วยดอกไม้ไฟแสนงดงาม แววตาของเขาฉายชัดถึงความสุข
“ชอบพ่ะย่ะค่ะ...ขอบพระคุณท่านอ๋อง”
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก มันเป็ของเ้า”
หลินหร่านไม่เคยนึกเคยฝันถึงมัน ชะตากรรมที่ตกต่ำของเขาทั้งสองชาติ เวลานี้เปลี่ยนจนไม่น่าเชื่อ
เพราะคนผู้นี้ และยังเป็คนที่เขาหลงรักจนหมดหัวใจอีกด้วย
หลินหร่านมองด้วยดวงตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา เขาไม่อาจกลั้นความรู้สึกที่เขามีต่อท่านอ๋องได้อีกต่อไป กระทั่งมันเอ่อล้นออกมาจากหัวใจดวงน้อย
อวี้ฉู่จาวที่ยังคงโอบกอดหลินหร่าน ทำให้หลินหร่านรู้สึกตื้นตันใจ จึงค่อยๆ เอนศีรษะซบไปกับไหล่กว้าง ถึงอย่างนั้นเขากลับรู้สึกว่ายังไม่พอ เลยดึงมือของท่านอ๋องที่โอบกอดเอวของตนเองออกพลางหมุนตัวเข้าไปหา
อวี้ฉู่จาวเห็นหลินหร่านมีน้ำตาไหลรินจากหางตาก็รีบถาม “เหตุใดเ้าถึงร้องไห้”
หลินหร่านไม่ตอบ ส่ายหน้าไปมาแล้วเขย่งเท้าขึ้น จูบที่ริมฝีปากของอวี้ฉู่จาว
คำพูดอันแสนอ่อนโยนกลั่นกรองออกมาจากหัวใจ “ท่านอ๋อง ข้ารักท่าน”
อวี้ฉู่จาวััได้ถึงความรู้สึกอันเปี่ยมล้น เขาเปลี่ยนแปลงหลินหร่านจากผู้เป็ฝ่ายรับความรู้สึกให้กลายเป็ฝ่ายรุกและแสดงความรู้สึกขึ้นมาได้ในเวลาอันสั้น
ตำหนักของเทพเ้าแห่งาที่งดงามเจิดจรัส มีหอคอยสูงตั้งตระหง่านอยู่กึ่งกลางตำหนัก และดอกไม้ไฟที่ถูกจุดสว่างไสวไปทั่วเมืองอวี้อัน
อวี้ฉู่จาวกับหลินหร่านโอบกอดกันแน่นพร้อมมอบจูบแสนอ่อนหวานให้แก่กันอีกครา
การแสดงดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองกินเวลาไปครึ่งยามเฉิน ชาวเมืองอวี้อันต่างพากันจุดดอกไม้ไฟทุกครัวเรือน แล้วถึงยืนชมดอกไม้ไฟเหมือนกำลังระลึกถึงวัยเด็ก
ทุกคนต่างรับรู้ว่าดอกไม้ไฟนั้นถูกจุดมาจากถนนจูเชวี่ย ส่วนจะเป็ครอบครัวทหารครอบครัวไหนหรือว่ามาจากวังหลวงก็ไม่อาจทราบแน่ชัด
ซึ่งในความเป็จริงนั้น นอกเหนือจากตำหนักของเทพเ้าแห่งาแล้ว ตำหนักอื่นรอบวังหลวงในถนนจูเชวี่ยต่างก็ชมดอกไม้ไฟได้ทั้งสิ้น ผู้คนที่อยู่ใกล้ชิดล้วนรู้ดีว่าดอกไม้ไฟมาจากตำหนักของท่านอ๋อง
และในไม่ช้า ดอกไม้ไฟก็กระจายไปจนทั่วเมืองอวี้อัน ทว่าก็ไม่อาจมีใครทราบได้ว่าเหตุใดท่านอ๋องผู้นี้ถึงจุดดอกไม้ไฟมากมายเช่นนี้
การแสดงดอกไม้ไฟจบลงแล้ว การเฉลิมฉลองพลันสิ้นสุด
หลังจากหลินหร่านกับอวี้ฉู่จาวอาบน้ำเสร็จถึงได้ก้าวเข้าไปนอนที่ห้องหอก่อนถึงวันเข้าหอจริง
ตอนที่หลินหร่านลงมาจากหอคอยสูง ใบหน้าเขาแดงระเรื่อ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ดูผิดรูปผิดร่างเพราะดูปกปิดจนแน่นผิดปกติ
ภายหลังนอนลงบนเตียงพร้อมกับอวี้ฉู่จาว เขาซุกเข้าไปในอ้อมกอดของท่านอ๋อง ฉับพลันกลับรู้สึกเขินอายขึ้นมาแปลกๆ
“รีบนอนเถิด พรุ่งนี้ตื่นมาข้าจะให้เงินปีใหม่เ้า”
เห็นได้ว่าหลินหร่านยังไม่ง่วง อวี้ฉู่จาวจึงได้พยายามเกลี้ยกล่อม
“อื้อ” หลังจากตอบรับหลินหร่านรีบหลับตาลง มือทั้งสองโอบกอดเอวของอวี้ฉู่จาวแน่น กลบเกลื่อนความเขินอาย
การแสดงออกของหลินหร่านทำให้อวี้ฉู่จาวรู้สึกดี เขาจุมพิตบนหน้าผากมน มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
คืนนี้ทั้งคู่ต่างพากันหลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม
.........
วันต่อมา หลินหร่านตื่นสายกว่าปกตินิดหน่อย
เมื่อลืมตาขึ้นมา อวี้ฉู่จาวก็ไม่ได้อยู่บนเตียงแล้ว
แต่ว่าข้างหมอนมีซองแดงซองใหญ่วางอยู่ นั่นก็คือซองอั่งเปาในสมัยปัจจุบัน
หลินหร่านไม่ได้รีบเปิดมันออก แต่เขารีบสวมรองเท้าลงจากเตียงเดินวนไปมาอยู่ในห้องนอน กลับไม่เห็นคนที่กำลังคิดถึงอยู่
“คุณชายน้อย ตื่นแล้วหรือขอรับ” เพราะคิดว่าเวลานี้คงได้เวลาที่หลินหร่านตื่นแล้ว ติงหร่วนจึงได้เข้ามาดู ถึงได้เห็นว่าคุณชายน้อยของตนกำลังมองหาใครบางคนอยู่
“ท่านอ๋องล่ะ” หลินหร่านเอ่ยถาม
“ท่านอ๋องเห็นว่าคุณชายน้อยยังไม่ตื่นจึงไม่ให้พวกเราเข้ามารบกวน ตอนนี้ท่านอ๋องออกไปจากตำหนักแล้วขอรับ”
“อ๋อ” หลินหร่านพยักหน้ารับ
-------------------------------
1 ตุ้ยเหลียน หมายถึง กลอนคู่หรือกลอนสองบาทที่เขียนตามแนวยาวบนกระดาษสีแดงสองแผ่น สำหรับติดในบ้านหรือที่ประตูบ้านใน่เทศกาลต่างๆ หรือวันขึ้นปีใหม่