ตอนที่ 143 มาดูว่าตายหรือยัง
ความรักและความเชื่อใจจากครอบครัวทำให้อวิ๋นเจียวรู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก เดิมทีนางคิดว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ชายเชื่อในสิ่งที่นางพูด แต่กลับกลายเป็ว่าไม่ว่านางจะพูดอะไร พวกเขาก็เชื่อไปเสียหมด
นางอดไม่ได้ที่จะขอบคุณยุคสมัยที่ไม่ได้ยึดติดกับวัตถุนิยมนี้อีกครั้ง และขอบคุณฮ่องเต้องค์นั้นที่ได้รับยาวิเศษจากนักพรตบนูเาหลงหู่จนรอดชีวิตมาได้ ด้วยเหตุนี้คำโกหกที่น่าเหลือเชื่อของนางจึงมีหลักฐานยืนยัน
ใจจริงนางก็ไม่อยากโกหกคนในครอบครัว แต่ความลับในตัวนางช่างน่าใเกินไป นางไม่ได้กลัวว่าคนในครอบครัวจะเผยความลับนี้ออกไป เพียงแต่นางคิดว่าความลับเช่นนี้ให้นางแบกรับไว้เพียงคนเดียวก็พอ นางไม่อยากให้คนที่นางรักและเป็ห่วงต้องพลอยเสี่ยงภัยไปด้วย
ตกดึก อวิ๋นเจียวก็หลอกล่ออวิ๋นฉี่ซานเพื่อฉีดยาให้เขาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ อวิ๋นเจียวก็เบาใจลง นางนอนอยู่บนเตียงพลางเปิดเถาเป่า คิดจะเลือกซื้อของขวัญให้กับฉู่อี้
อวิ๋นเจียวนึกถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของชาเขียวที่ได้กลิ่นตอนอยู่ใกล้ฉู่อี้ นางก็รู้ทันทีว่าของที่นางมอบให้อาจารย์ตั่งนั้น ท่านอาจารย์คงแบ่งให้ฉู่อี้ไปส่วนหนึ่ง
นางรู้สึกถูกใจสาวใช้ที่ชื่อโม่ซ่านมาก จึงอยากมอบของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณ ทันทีที่เปิดเถาเป่านางก็พบว่าคะแนนมีการเปลี่ยนแปลง มันเพิ่มขึ้นมาห้าคะแนน!
อวิ๋นเจียวพลันนึกถึงเงินห้าสิบตำลึงที่นางบริจาคไปในวันนี้ เป็แบบที่นางคิดจริงๆ ด้วย เมื่อใดที่นางนำเงินที่ได้จากการขายของในเถาเป่าไปตอบแทนสังคม เถาเป่าก็จะมอบคะแนนให้กับนาง!
เื่นี้ทำให้อวิ๋นเจียวรู้สึกดีใจและตื่นเต้นอย่างมาก เพราะหลังจากที่นางใช้คะแนนไปก่อนหน้านี้ คะแนนของนางก็แทบไม่เหลือแล้ว ตอนนี้ค้นพบวิธีเพิ่มคะแนนอีกทางหนึ่งแล้ว นับว่าเป็เื่ดีจริงๆ ด้วยความดีใจอวิ๋นเจียวจึงเลือกซื้อของเพิ่มอีกเล็กน้อย
นางเลือกซื้อชุดแชมพูและสบู่อาบน้ำแบบเหลวกลิ่นป๋อเหอหนึ่งชุด กลิ่นไม้จันทน์หอมหนึ่งชุด แล้วครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเลือกซื้อกลิ่นหอมสดชื่นจากสมุนไพรอีกหนึ่งชุด
ส่วนผลิตภัณฑ์บำรุงผิว อวิ๋นเจียวเลือกซื้อเจลว่านหางจระเข้ซึ่งให้ความรู้สึกสดชื่นและมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและต้านการอักเสบ เหมาะสำหรับเด็กหนุ่มวัยรุ่น ช่วยป้องกันการเกิดสิวได้ในระดับหนึ่ง
สุดท้ายนี้นางก็เลือกซื้อสบู่หอมระเหยกลิ่นซวิ่นอีเฉ่า สูตรใบชา และสูตรว่านหางจระเข้ อย่างละสองก้อน รวมถึงโลชั่นกันยุงอีกสองขวด ฤดูใบไม้ผลิยุงในชนบทมีมากมาย โลชั่นกันยุงจึงเป็สิ่งจำเป็
อวิ๋นเจียวเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของสิ่งของเหล่านี้ทั้งหมด แล้วเขียนวิธีใช้แต่ละอย่างลงไปอย่างละเอียดด้วยดินสอเขียนคิ้ว จากนั้นจึงนำสิ่งของทั้งหมดใส่ลงในกล่องไม้สีแดง เตรียมที่จะให้โม่จู๋นำไปมอบให้กับฉู่อี้ในวันพรุ่งนี้
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วอวิ๋นเจียวก็นอนหลับไป ตลอดทั้งคืนนางนอนหลับสนิท
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นสองพี่น้องฉี่เสียงพร้อมด้วยอวิ๋นหลานเอ๋อร์ก็มาที่บ้านของอวิ๋นเจียว พวกเขามาเยี่ยมอวิ๋นฉี่ซานก่อน เมื่อเห็นว่าอาการของเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เบาใจ จากนั้นจึงยืมเกวียนวัวแล้วพากันไปตั้งร้านขายเม่าไช่ในตำบล
ส่วนอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ก็มาที่นี่เช่นกัน เมื่อเห็นว่าอวิ๋นเจียวยังไม่ตื่น นางจึงนำงานปักไปทำที่ห้องโถง ตั้งใจว่ารอแดดออกแล้วค่อยออกไปทำที่ลานบ้าน
เนื่องจากต้องฉีดยาให้อวิ๋นฉี่ซาน อวิ๋นเจียวจึงไม่กล้านอนตื่นสาย หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้วนางก็กำลังจะเรียกโม่ซ่านให้ไปตามโม่จู๋เพื่อนำของขวัญไปมอบให้ฉู่อี้ ทันใดนั้นก็มีรถม้าคันหนึ่งแล่นมาจอดอยู่หน้าบ้าน
หมอต้วนก้าวลงมาจากรถม้า เด็กรับใช้ที่ติดตามเขามาแบกกล่องยา เดินตามหลังเข้ามาในลานบ้าน อวิ๋นโส่วจงออกจากบ้านไปั้แ่เช้า ส่วนอวิ๋นฉี่เยว่ก็ไปที่บ้านของอาจารย์หม่าั้แ่เช้าตรู่แล้ว
“ท่านหมอต้วนเชิญเข้ามาข้างในก่อนเ้าค่ะ ชุนเหมยรีบไปชงชาปี้หลัวชุนให้ท่านหมอต้วนเร็วเข้า” ฟางซื่อและอวิ๋นเจียวยิ้มแย้มต้อนรับ
หมอต้วนมองแม่ลูกคู่นี้ด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องของอวิ๋นฉี่ซาน
“ข้าจะไปดูว่าเ้าเด็กนั่นถูกพวกเ้าทรมานจนตายหรือยัง!” กล่าวจบ หมอต้วนก็เดินเข้าไปในห้องของอวิ๋นฉี่ซาน อวิ๋นฉี่ซานไม่รู้ว่าเขาเป็ใครเพราะตอนที่หมอต้วนรักษาอาการาเ็ให้เขา เขายังไม่ได้สติ
“ฉี่ซาน ท่านหมอต้วนเป็ท่านหมอที่จวนโหวส่งมารักษาเ้า ตอนที่เ้าหมดสติโชคดีที่ได้ท่านหมอต้วนช่วยรักษาเอาไว้” ฟางซื่อและอวิ๋นเจียวเดินตามเข้าไปในห้องพลางเอ่ยแนะนำ
อวิ๋นฉี่ซานรีบลุกขึ้นยืนเพื่อคำนับหมอต้วน แต่หมอต้วนรีบกดไหล่ของเขาให้นั่งลง “เ้ายังาเ็อยู่ อย่าขยับร่างกาย” กล่าวจบก็วางนิ้วมือลงบนข้อมือของอวิ๋นฉี่ซานแล้วเริ่มตรวจชีพจร
“ไข้ลดลงแล้ว ชีพจรก็มั่นคงปกติดี เพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแออยู่บ้าง” ความเร็วในการฟื้นตัวของเ้าเด็กนี่รวดเร็วอย่างน่าใ นี่เป็เพราะคำอธิษฐานจริงๆ หรือ?
หมอต้วนไม่เชื่อหรอก หากพิธีกรรมงมงายของเด็กน้อยสามารถรักษาโรคภัยได้จริง ใครป่วยก็เพียงแค่ให้คนมาระบำขอพร [1] ก็หายแล้วสิ ยังต้องให้หมอทำอะไรอีกเล่า?
“ข้าฝึกวรยุทธ์มาั้แ่เด็ก ร่างกายแข็งแรง บวกกับยาของท่านหมอดี หากข้ายังไม่ฟื้นขึ้นมาอีกก็คงเป็การดูถูกฝีมือของท่านหมอแล้วกระมังขอรับ” อวิ๋นโส่วจงเคยกำชับเขาไว้แล้ว เขาย่อมรู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด แน่นอนว่าเขาจะไม่บอกว่าตนเองหายดีได้เพราะน้องสาวเด็ดขาด
หมอต้วนพอใจกับคำพูดนี้มาก คิดในใจว่าในที่สุดบ้านนี้ก็มีคนที่เข้าใจเหตุผลและพูดจารู้เื่เสียที
“อืม ข้าจะสั่งยาบำรุงร่างกายให้เ้าอีกชุด แล้วก็จะตรวจดูแผลที่ขาให้” หมอต้วนเป็หมอที่มีความรู้ความสามารถจริง ก่อนหน้านี้ยาที่เขาสั่งให้อวิ๋นฉี่ซานนั้น อวิ๋นเจียวแอบถ่ายรูปแล้วส่งไปให้หมอบนเถาเป่าช่วยดู
หมอบอกว่ายานั้นไม่มีผลข้างเคียงกับยาแผนปัจจุบันที่เขากำลังกินอยู่ ทั้งยังช่วยเสริมซึ่งกันและกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าอวิ๋นฉี่ซานจะกินยาแผนปัจจุบัน แต่ยาจีนก็ไม่ควรหยุดกิน
ตอนนี้หมอต้วนบอกว่าจะตรวจดูแผล อวิ๋นเจียวกลัวว่าเขาจะดูออกจึงรีบปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงอุ่นข้างๆ อวิ๋นฉี่ซานพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมขาไว้ “ดูไม่ได้เ้าค่ะ ข้าเขียนยันต์ไว้ หากท่านหมอดูยันต์จะเสื่อม”
หมอต้วนโกรธจนหนวดกระตุก “นี่มันเื่อะไรกัน? เด็กน้อยเช่นเ้าไม่กลัวว่าขาพี่ชายของเ้าจะพิการหรืออย่างไร?”
อวิ๋นฉี่ซานเอ่ยขึ้น “ท่านหมอช่วยสั่งยาให้ข้าเถิดขอรับ ขาของข้าไม่เป็ไร”
หมอต้วนได้ยินเช่นนั้นก็ชี้หน้าอวิ๋นฉี่ซานด้วยความโมโห พูดไม่ออก เพิ่งจะชมในใจว่าเ้าเด็กนี่เป็คนมีเหตุผล แต่ครู่เดียวก็ทำเื่ไร้สาระเช่นนี้ ครอบครัวนี้ช่างไร้เหตุผลเสียจริง!
ถ้าไม่ติดว่าเป็คำสั่งของท่านโหวเขาก็คงไม่มาที่นี่หรอก!
ฟางซื่อรีบไกล่เกลี่ย “ท่านหมอต้วนเชิญสั่งยาก่อนเถิดเ้าค่ะ”
หมอต้วนอดทนแล้วอดทนอีก สุดท้ายก็ยอมจรดพู่กันเขียนเทียบยาให้ จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปด้วยความไม่พอใจ
“พี่หญิงใหญ่ ท่านยายให้ข้ามาตามท่าน ท่านกลับบ้านเร็วเข้า”
พอได้ยินเสียงดังมาจากนอกประตู อวิ๋นฉี่ซานจึงเอ่ยขึ้น “มีคนมาหาขอรับ”
ฟางซื่อเดินออกไปดู ส่วนอวิ๋นเจียวก็ฉีดยาให้อวิ๋นฉี่ซานในห้อง หลังจากฉีดยาเสร็จแล้วนางก็เดินออกไป ก็เห็นหญิงสาววัยสิบสี่สิบห้าปีคนหนึ่งที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับเจียงต้าไห่ยืนคุยกับอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์อยู่ที่ลานบ้าน
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์เอ่ยถาม “ท่านย่ามีธุระอันใดหรือ?”
เจียงหลิ่วจือพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ข้าเป็แค่คนมาส่งข่าว ท่านอยากรู้ว่าเื่อะไร ท่านก็กลับไปถามท่านยายเองสิ”
ถึงอย่างไรเถาซื่อก็เป็ย่าแท้ๆ ของอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ หากมีธุระนางก็ไม่อาจปฏิเสธได้ “ป้าสะใภ้รอง เจียวเอ๋อร์ ข้าขอกลับไปดูก่อนนะเ้าคะว่าท่านย่ามีธุระอันใด”
ฟางซื่อพยักหน้า “ตกลง เ้ากลับไปดูก่อนเถิด หากท่านย่าหาเื่เ้า ก็ไม่ต้องไปสนใจ ให้กลับมาที่นี่เลย อย่างไรเสียก็มีท่านพ่อกับลุงรองของเ้าอยู่ทั้งคน”
ฟางซื่อไม่ได้ปิดบังอะไร เอ่ยกำชับอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ไปตรงๆ ต่อหน้าเจียงหลิ่วจือ คำพูดนี้ของนางเป็การบอกให้เจียงหลิ่วจือรู้ว่านางกำลังหนุนหลังอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์อยู่ เด็กสาวคนนี้อ่อนโยนกว่าหลานเอ๋อร์มากนัก
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์รู้ดีว่าฟางซื่อหวังดีกับนางจึงเอ่ยตอบ “วางใจได้เ้าค่ะ ป้าสะใภ้รอง ข้าแค่จะไปดูว่าท่านย่ามีธุระอันใด”
เชิงอรรถ
[1] ระบำขอพร (跳大神) เป็พิธีกรรมอย่างหนึ่งของลัทธิเต๋า เป็การติดต่อกับเทพเ้าเพื่อขอพร ขอฝน หรือรักษาโรคภัยไข้เจ็บ