"นักเวทเตรียมตัว...โยนม้วนคัมภีร์เวท" กัวหยากัวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และะโออกไป
ม้วนคัมภีร์กว่าสามร้อยม้วนถูกโยนออกไปในคราวเดียวกันราวกับดอกไม้ไฟที่เบ่งบานเต็มทั่วพื้นดินถ้ามองเหตุการณ์นี้คล้ายกับเกิดอยู่ในหม้อใส่น้ำในเวลานี้หม้อต้มใบนี้น้ำก็กำลังเดือดพอดีฟองอากาศลอยผุดขึ้นมาเป็ระยะจากด้านล่าง ก่อนที่จะแตกตัวออก
สีสันสดใสเหล่านี้ก็เปลี่ยนเป็มือของยมทูตที่พรากชีวิตจากเหล่ามอนสเตอร์ทั้งหลายตัวแล้วตัวเล่า หลังจากที่ดอกไม้ไฟดับลงมอนสเตอร์ที่บริเวณหน้าประตูเมืองก็ถูกจัดการออกไปและล้มลงเป็จำนวนมากจนปรากฏให้เห็นเป็ช่องโหว่
ปังง...
หางงูที่ทรงพลังฟาดเข้าใส่ด้านหน้าเมืองก้อนหินปลิวกระจายว่อน ทั้งที่เพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่แว่บเดียวดูเหมือนจะเป็อนาคอนดาเขาเดียวระดับหัวหน้าฝูงที่ไม่ได้ถูกทำลายด้วยเวทมนตร์ที่วิ่งออกไปสร้างความยุ่งยาก โดยที่อนาคอนดาเขาเดียวตัวนี้มีความยาวมากกว่าห้าสิบเมตรความหนาตันของมันไม่ต่างจากแทงก์น้ำ หลังจากที่โจมตีไปหนึ่งครั้งก็สะบัดหางกลับไปกลับมาการเคลื่อนไหวดังกล่าวนี้ไม่ต่างจากการทำใหู้เาสั่นะเื ท้องฟ้าแยกออกจากกันพลังที่รุนแรงยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถทานทนไหวนักรบจำนวนมากที่อยู่ด้านหน้าเมืองเตรียมพร้อมที่จะสู้ตาย ใน่เวลาคับขันนี้ลมกระจ่างจันทร์แรมจึงพุ่งตัวเข้ามา
"เ้าสัตว์ร้ายคอยดูพี่ชายคนนี้จะเป็คนลงมือจัดการแกเอง"
หลังจากที่ง้างสายธนูก็ได้ยินเสียงผึงสั่นไหวขึ้นเท่านั้นไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเขายิงลูกธนูออกไปได้อย่างไร หนึ่ง... สอง... สาม... สี่...ห้า... หก... เจ็ดดอก ลูกธนูทั้งเจ็ดดอกกลายเป็ดาวตกพุ่งแหวกอากาศออกไปดูเหมือนจะเป็ทักษะที่ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา ''ทักษะการยิงธนูต่อเนื่อง''
ฟุบบ...
สุ้มเสียงที่ออกมานั้นแ่เบาเป็อย่างยิ่งลูกธนูทั้งเจ็ดดอกพุ่งตรงไปยังอนาคอนดาเขาเดี่ยวอย่างแม่นยำเรียงเป็เส้นตรงราวกับถูกขีดเส้นเอาไว้ ลูกธนูดอกแรกตรงเข้าที่กลางแสกหน้าพอดีเรียงต่อกันมาจนถึงดอกสุดท้ายก็แทงทะลุเข้าไปถึงเจ็ดชุ่นทั้งหมดแทงจนทะลุเข้าไปในร่างกาย เหลือให้เห็นเฉพาะปลายขนนกบริเวณลูกธนูเท่านั้นเวลาดูเหมือนจะหยุดลงไปชั่วขณะหางของอนาคอนดาเขาเดียวที่ยกชูสูงขึ้นเมื่อครู่นั้นดูราวกับไร้เรี่ยวแรงและฟาดลงกับพื้นฝุ่นฟุ้งกระจาย เมื่อมองไปยังอนาคอนดาเขาเดียว ก็ปรากฏว่ามันตายไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่ถึงเสี้ยววินาทีซากของอนาคอนดาเขาเดียวก็ถูกพวกเดียวกันที่ตามหลังมาเหยียบย่ำจนไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไป
"ฉันจะป้องกันประตูเอง"ลมกระจ่างจันทร์แรมะโออกไปในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นที่กำลังไหลอยู่เต็มหน้าผาก
"นายแน่ใจหรือ?"กัวหยากัวถึงกับถามขึ้นด้วยความลังเล
"เออน่า..."ลมกระจ่างจันทร์แรมเหลือบมองไปยังระลอกคลื่นที่บ้าคลั่งนั่นเหงื่อเริ่มแตกมากยิ่งขึ้น จึงไม่กล้าให้คำมั่นแต่อย่างใด
"จันทร์แรม"ฉินโจ้วเอ่ยต่อไปว่า "นายไปช่วยน้องมู่โถวจัดการกับลิงกอริลลาระดับสูงตัวนั้นที่นี่ปล่อยให้ฉันจัดการเอง"
"ได้เลย...ถ้าหัวหน้าลงมือเอง เื่ประตูเมืองก็หายห่วง"ลมกระจ่างจันทร์แรมถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะยิ้มและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่พูดจบนักบวชจำนวนสามสิบคนได้ก้าวออกมาข้างหน้า
"พวกคุณสิบห้าคนทำหน้าที่เพิ่มพลังชีวิตให้ดีที่สุดส่วนอีกสิบห้าคนที่เหลือรับผิดชอบในเื่ของพลังจิต อย่างอื่นไม่ต้อง ทำได้ไหม ? ฉินโจ้วเริ่มมอบหมายงานขึ้น
ช่างง่ายดายยิ่งนักทั้งสามสิบคนต่างพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง แต่มีบางสิ่งที่พวกเขานั้นยังไม่ค่อยเข้าใจมันมีความจำเป็ที่จะต้องใช้คนถึงสามสิบคนเพื่อเพิ่มพลังให้กับคนเพียงแค่คนเดียวด้วยหรือคิดว่าพลังชีวิตของตนเองนั้นมีมากเท่ากับมอนสเตอร์ประเภทบอสเลยหรืออย่างไรกัน? พวกเขาทำได้เพียงแค่เก็บงำความสงสัยเอาไว้ในใจ ไม่กล้าเปิดเผยออกมา
ฉินโจ้วเองก็ไม่้าจะอธิบายก่อนจะหันหลังกลับจ้องมองไปยังคลื่นของมอนสเตอร์ที่กำลังโหมกระหน่ำมาจากนั้นจึงร่ายทักษะอัญเชิญขึ้น
"ผู้ใช้เวทแห่งความตายผู้ยิ่งใหญ่ได้โปรดรับฟังคำร้องขอ ผม้าความช่วยเหลือจากท่าน อัศวินโลหิตจงปรากฏกาย!"
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เกิดรอยแยกขึ้นมาร่างสีแดงราวโลหิตพุ่งลงมาจากรอยแตกนั้น ก่อนจะปรากฏกายอยู่เบื้องล่างทีละตัวๆเพียงแค่พริบตาเดียว บนผืนดินก็มีร่างสีเืทั้งห้ายืนนิ่งอยู่เมื่อแหงนหน้ามองไปยังรอยแตกบนท้องฟ้า ก็กลับกลายเป็ว่ามันหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว
ดูเหมือนจะเป็ทหารม้าห้าตนคล้ายกับทหารม้าโครงกระดูกอยู่บ้าง แต่ก็มีบางส่วนที่แตกต่างกันออกไปด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ราวสามเมตร ลำตัวยาวถึงสี่เมตรครึ่งทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยสีแดงราวกับโลหิต ไม่มีสีอื่นเจือปนให้ด่างพร้อย หมอกสีแดงเวียนวนอยู่รอบกายซึ่งปลดปล่อยความแข็งแกร่งและกลิ่นคาวเืออกมามากล้นอย่างไม่มีสิ่งใดเปรียบผู้ที่ได้กลิ่นต่างอาเจียนออกมากันใหญ่ ในมือถือดาบโลหิตเล่มใหญ่ทอแสงสีแดงประกายวาววับออกมา
เมื่อแรกที่ผู้คนต่างได้เห็นก็รู้สึกได้ทันทีถึงความยิ่งใหญ่และทรงพลัง
อัศวินโลหิต: เป็ทหารระดับสูงประเภทหนึ่งในกลุ่มอันเดดสามารถดูดเืและเปลี่ยนพลังชีวิตของศัตรูให้มาเป็ของตนเองได้ทำให้ยิ่งต่อสู้มากเท่าไร ความแข็งแกร่งก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเงื่อนไขการอัญเชิญ : ใช้พลังชีวิต 1,000 หน่วย หรือพลังจิตต่อวินาที
ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นจากสร้อยคอหยดน้ำตาแห่งดาร์คเอลฟ์ซึ่งช่วยลดการใช้พลังจิตลงอีก 30% ทำให้เหลือการใช้พลังเพียง 670 หน่วยต่อวินาทีเมื่ออัญเชิญออกมาห้าตน รวมแล้วก็ต้องสูญเสียพลังไปราว 3,350 หน่วยต่อวินาทีซึ่งตอนนี้พลังชีวิตรวมกับพลังจิตของฉินโจ้วมีอยู่ 129,810 หน่วยซึ่งก็จะอยู่ได้ราว 38 วินาที แต่เมื่อมีนักบวชอีก 30 คนความกังวลในเื่ของเวลาก็ดูจะไม่เป็ปัญหาอีกต่อไป
"โจมตี"ฉินโจ้วออกคำสั่ง
ทันทีที่สิ้นเสียงคำสั่งของฉินโจ้วแสงสีแดงสดจากดาบก็เริ่มส่องประกายดุจเปลวไฟที่โหมปะทุกระพือไหม้ก่อนจะพุ่งทะยานไปในทันที โลหิตสาดกระเซ็นร่างของมอนสเตอร์ทั้งห้าตัวถูกแหวกออกเป็สองส่วน ก่อนจะร่วงหล่นลงพื้น เครื่องในอวัยวะหล่นเกลื่อนกระจัดกระจาย
ที่ด้านหน้าเมืองดวงตาของนักบวชต่างได้แต่เบิกโพลง พวกเขาไม่เห็นแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของอัศวินโลหิตเสียด้วยซ้ำมองเห็นเพียงแค่ประกายแสงจากดาบที่พุ่งวาบออกมาเท่านั้นมอนสเตอร์ก็หย่อนกายร่วงหล่นไปทีละตัว ไม่มีร่างใดที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เลยด้วยซ็ำทั้งหมดล้วนถูกแบ่งออกมาเป็สอง... สาม... ไม่ก็สี่ส่วน
อัศวินโลหิตยืนเรียงเป็แถวหน้ากระดานกั้นขวางทางไปสู่ประตูเมืองเอาไว้อย่างหนาแน่นแม้ว่ามอนสเตอร์จะบุกจู่โจมมามากเพียงใด พวกมันล้วนแต่นิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อนกายใบดาบทั้งห้าม้วนควงตวัดไปมาไม่ต่างจากเครื่องบดเนื้อชิ้นส่วนของเืเนื้อพุ่งกระจายไม่ต่างจากดอกไม้ไฟ
ฟุ่บ...
โลหิตสีแดงพุ่งกระเซ็นออกมาตามมาด้วยตะขาบเกราะโลหะที่กำลังวิ่งหนีด้วยความตื่นกลัวดูเหมือนว่าปลายหางของมันเกือบจะถูกตัดขาดออกไปเหลือไว้เพียงเกราะโลหะที่เชื่อมต่อกันเท่านั้น เมื่อผู้เล่นมองดูจากระยะไกลในใจได้แต่รู้สึกหนาวเหน็บ ด้วยพลังป้องกันที่สูงของตะขาบเกราะโลหะยังไม่สามารถหยุดยั้งการโจมตีของมีดดังกล่าวได้ดูไปแล้วอัศวินโลหิตนี้ช่างน่าหวาดกลัวเสียจริง
ฮูมมม...
ลิงกอริลลากำหมัดประสานก่อนหวดฟาดเข้าใส่อัศวินโลหิตอย่างหนักหน่วงตัวเลขค่าความเสียหายลอยขึ้นทันที -5,000 ทำให้ร่างของอัศวินโลหิตสั่นไหวเล็กน้อยแม้แต่เท้าของม้ายังไม่ขยับเขยื้อนจากจุดเดิมเลยอัศวินโลหิตหมุนตัวกลับมาพร้อมกับเสียง ''ฉัวะ...ฉัวะ... ฉัวะ...'' เพียงแค่สามดาบร่างของกอริลลาั์ก็ถูกแยกส่วนออกจากกันทันที แสงสีแดงเข้มพุ่งวาบส่งผ่านคมมีดที่อาบโลหิตกลับไปยังอัศวินโลหิตผู้หิวกระหายนั่นคือเืของลิงกอริลลาซึ่งสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตของมันได้ด้วยการดูดกลืนกลับไป
การถ่ายเทพลังชีวิตของศัตรูเป็ความลับของอัศวินสีเืที่ทำให้มันแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ปังง...!
อัศวินโลหิตถึงกับผงะซวนเซถอยหลังไปถึงสามก้าวก่อนที่วัวัแห่งดินแดนรกร้างจะถูกแรงต้านอย่างหนึ่งหยุดยั้งเอาไว้มันสะบัดหัวไปมาไม่ต่างจากวัวกระทิง ด้วยความรู้สึกมึนงงกระดูกของอัศวินโลหิตดูจะแข็งแกร่งทนทานอยู่ไม่น้อย อัศวินโลหิตจึงโต้กลับทันทีมีดดาบในมือส่องแสงสว่างวาบ ก่อนจะสะบัดเข้าใส่วัวัแห่งดินแดนรกร้าง
เคร้ง...เคร้ง... เคร้ง...
วัวัแห่งดินแดนรกร้างก็ไม่ใช่ว่าจะอ่อนแอนักมันก้มหัวลงต่ำและส่ายเขาคู่นั้นไปมาเพื่อป้องกันการโจมตีจากอัศวินโลหิตเขาของมันดูเหมาะจะเป็วัตถุดิบในการทำอาวุธชั้นดี เพราะมีความแข็งแกร่งมากดาบโลหิตที่คมกริบเมื่อตวัดผ่านไปยังทำได้แค่ทิ้งร่องรอยเอาไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อัศวินโลหิตที่อยู่ถัดไปเห็นว่าวัวัแห่งดินแดนรกร้างนั้นยากจะรับมือจึงควบม้าแล่นทะยานเข้าใส่ เสียงตวัดดาบสามครั้งดังขึ้นก่อนจะบุกโจมตีเข้าใส่ขาหลังของวัวัแห่งดินแดนร้างทันทีซึ่งมันเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะโดนรุมโจมตีเช่นนี้ อัศวินโลหิตนั้นช่างไร้ยางอายยิ่งนักมันจึงได้เอี้ยวตัวหันกลับมา สะบัดหัวเข้าใส่อย่างรวดเร็วซึ่งการต่อสู้กันในระดับผู้เชี่ยวชาญนั้นไม่อนุญาตให้กระทำการผิดพลาดได้คมดาบส่องประกายวาบ โลหิตพุ่งกระฉูดสาดกระเซ็นหัววัวขนาดใหญ่ก็ปลิดปลิวออกไปในทันที
หลังจากที่อัศวินโลหิตได้ลงมือช่วยเหลือและเห็นว่าจัดการวัวัแห่งดินแดนรกร้างได้เรียบร้อยแล้วก็กลับไปประจำที่ดังเดิมทันทีก่อนจะรอจังหวะแอบโจมตีเข้าใส่ชะมดั์ตาฟ้าทั้งสองตัวจนกลายเป็ซากศพนับว่าเป็การทำหน้าที่อย่างทุ่มเทเต็มที่ที่สุด
เวลานี้ประตูเมืองดูเหมือนจะปลอดภัยได้สักระยะหนึ่งแต่ภายในเมืองสถานการณ์ดูแย่กว่ามาก
สาเหตุหลักก็คงจะเป็มอนสเตอร์ระดับสูงทั้งสองตัวนั้นรับมือได้ยากมันออกอาละวาดและไล่สังหารผู้คนไปทั่ว แม้แต่ดาบวงพระจันทร์เองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน ซ้ำยังเกือบถูกฆ่าเสียอีกด้วยโชคยังดีที่จอมยุทธ์ย่ำเท้าไปสุดขอบฟ้ารุดมาได้ทันเวลา ช่วยกันโจมตีได้ทันท่วงทีจึงช่วยชีวิตเขาไว้ได้ จากนั้น ''ดาบวงพระจันทร์'' ''จอมยุทธ์'' และ ''หายไปกับสายลม''ทั้งสามคนได้ร่วมมือกัน จึงสามารถผลักดันอนาคอนดาเขาเดียวกลับไปได้
อย่างไรก็ดีเมื่อขาดการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญทั้งสามทำให้มอนสเตอร์ที่เหลือต่างก็หลั่งไหลเข้าไปในตัวเมืองซึ่งเหลือแต่ผู้เล่นธรรมดาเท่านั้นที่เป็คู่ต่อสู้ ในขณะที่กำลังถอยหนีก็มีผู้ที่ได้รับาเ็ล้มตายเป็จำนวนมาก โดยเฉพาะเมื่อมอนสเตอร์ระดับสูงทั้งหลายบุกเข้ามาก็ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมอีกผู้ใช้เวทจำนวนมากถูกสังหารจนทำให้ไม่สามารถจู่โจมมอนสเตอร์ที่อยู่ด้านนอกเมืองได้อีกต่อไป
อีกด้านหนึ่งลิงกอริลลาก็กำลังคลั่งแค้น ไล่ทุบ เตะต่อย จนทำให้ผู้เล่นนับสิบถูกฆ่าตายภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียวแต่ยังดีที่ชายคนที่กำลังะโเคลื่อนไหวอยู่นั้นมีความสามารถเป็อย่างยิ่งภายใต้การสั่งการของกัวหยากัวหลายต่อหลายครั้งเป็เพราะพลังป้องกันของเขานั้นสูงมาก ทำให้การบุกโจมตีนั้นล้มเหลวแต่ทว่าลูกศรดาวตกต่อเนื่องเจ็ดดอกของลมกระจ่างจันทร์แรมก็ยังไม่สามารถสังหารมันได้เลยแต่กลับยั่วยุให้มันเกิดไฟแห่งความโกรธมากยิ่งขึ้นไปอีกมันทุบทำลายกำแพงเมืองจนกลายเป็รูโหว่หลายต่อหลายแห่ง
ยังเป็โชคดีที่เตี้ยวสื่อกุ่ยนั้นยังอยู่ชายผู้ที่ได้รับการสืบทอดทักษะที่แปลกประหลาดมาจากที่ใดไม่มีใครทราบได้เมื่อปรากฏดวงไฟขึ้นบนท้องฟ้า ก็จะส่งผลโดยตรงกับจิติญญาของมอนสเตอร์เมื่อิญญาถูกทำลาย มอนสเตอร์ก็จะตายลงโดยปราศจากความเสียหายภายนอก คล้ายกับทักษะ''กระชากิญญา’ ของฉินโจ้ว แต่ความรุนแรงนั้นสูงล้ำยิ่งกว่าฉินโจ้วมากนัก
เมื่อเตี้ยวสื่อกุ่ยได้จุดดวงไฟไว้เหนือหัวลิงกอริลลาแต่ดูเหมือนว่าลิงกอริลลาตัวนี้ระดับจะสูงมาก และยังมีพละกำลังไม่น้อยทำให้เป็เื่ยากที่จะจุดดวงไฟขึ้นได้ง่ายๆในขณะที่ลิงกอริลลาวิ่งไล่ล่าเตี้ยวสื่อกุ่ยออกจากกำแพงมาหลายร้อยเมตรแล้วแต่ก็ยังดูเหมือนว่าไม่สามารถจุดดวงไฟขึ้นได้ถึงอย่างนั้นก็ถือได้ว่าเตี้ยวสื่อกุ่ยมีบทบาทสำคัญในการช่วยยื้อเวลาใน่วิกฤตินี้ไว้ได้หลายสิบวินาทีทำให้ช่วยชีวิตผู้เล่นไปได้เป็จำนวนไม่น้อย
สถานการณ์ภายในก็ยังคงดูแย่อยู่บ้างหลังจากที่มอนสเตอร์จำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ด้านในเมืองพวกมันไม่เพียงแต่จะสังหารผู้คนเท่านั้น แต่ยังเริ่มทำลายสิ่งปลูกสร้างอีกด้วยไม่รู้ว่าไปร่ำเรียนสิ่งเหล่านี้มาจากที่ใดกัน พวกมันคล้ายกับเป็ลูกหลานของปีศาจอีกทั้งพวกมันยังมีเนื้อหนังที่หนา และแถมยังทรงพลังมากอีกด้วยเมื่อมันทำลายบ้านเรือนก็ล้วนพังราบเป็หน้ากลองโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวที่น่ารังเกียจมากที่สุดอย่างไก่เกราะโลหะที่ทำให้เกิดไฟไหม้ไปทั่วทุกที่ ควันสีดำม้วนตลบฟุ้งผู้เล่นที่โดนไล่สังหารล้วนแต่ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยกันทั้งสิ้น
แต่ถึงอย่างนั้นเื่เหล่านี้ล้วนเป็เื่รองที่เป็ปัญหาสำคัญมากที่สุดตอนนี้สำหรับหงยี่และคนที่เหลือก็คงจะเป็มอนสเตอร์ระดับหัวหน้าฝูงวัวัแห่งดินแดนรกร้างที่บุกตะลุยเข้าใส่ราวกับไดโนเสาร์วิ่งเข้าหาฝูงแกะไล่เหยียบกระทืบผู้เล่นจนร่างบี้แบนแหลกเหลว เพียงไม่ถึงนาทีก็มีผู้เล่นที่าเ็ล้มตายไปไม่น้อยกว่าหกพันคนแล้ว หงยี่พยายามใช้ทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นักธนูกับคันธนูิญญา เหล่านักเวท กับดัก และยังอื่นๆ อีกมากมายบวกกับทักษะคลื่นมวลชนก็แล้ว พยายามถ่วงเวลาให้มันช้าลงพยายามไม่ให้มันวิ่งตรงไปยังห้องโถงสำนักงานใหญ่ได้ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงไม่มีหน้าไปพบกับฉินโจ้วได้อีก
แต่ความสูญเสียที่ใหญ่หลวงที่สุดก็คงจะเป็กลุ่มของน้องชายมีดที่มี''มีดเล่มหนึ่ง'' เป็ผู้นำเพราะพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูโดยตรงวัวัแห่งดินแดนรกร้างเองก็มีพละกำลังที่สูงและยังโจมตีได้อย่างรุนแรงถ้าไม่เป็เพราะน้องชายมีดเสียสละตัวเองกลุ่มของน้องชายมีดทั้งหมดคงต้องย่อยยับเป็แน่
"เสี่ยวจินนายก็ออกมาด้วย" ในระหว่างานั้นไม่ว่าใครจะมีความแข็งแกร่งมากน้อยเพียงใดก็ล้วนสำคัญยิ่งฉินโจ้วจึงได้นึกถึงผึ้งสีทองเพชฌฆาต เพราะเนื่องจากพวกมันมีจำนวนมากนั่นเอง
หลังจากแสงสีทองสว่างวาบขึ้นผึ้งสีทองเพชฌฆาตขนาดเท่าลูกสุนัขก็ได้ปรากฏกายขึ้น เมื่อเทียบกับคราวก่อนดูเหมือนว่ามันจะตัวใหญ่ขึ้นมาก เมื่อได้ยินเสียงฉินโจ้วทักทายเสี่ยวจินก็รู้สึกตื่นเต้นเป็อย่างมาก ก่อนจะบินวนไปมารอบตัวของฉินโจ้วในขณะที่ก้นของมันก็ยังคงขยับส่ายไปมาจากนั้นผึ้งเพชฌฆาตขนาดเล็กก็เริ่มปรากฏออกมาให้เห็นดูแล้วมันจะฟักไข่ได้เร็วกว่าแต่ก่อนอยู่พอสมควรเพียงแค่พริบตาเดียวผึ้งเพชฌฆาตนับพันก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจเมฆที่ส่งเสียงหึ่งๆ ก็บินตรงเข้าไปสู่สนามรบ่เวลาถัดมาเสียงหวีดร้องของมอนสเตอร์มากมายก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็ระลอกถ้าดูจากความรุนแรงในการโจมตีแล้ว ผึ้งเพชฌฆาตอาจทำได้ไม่ดีนักแต่ในเื่ของการทรมานแล้วนั้น พิษของผึ้งเพชฌฆาตก็ถือได้ว่าอยู่ระดับต้นๆหลังจากที่ถูกต่อยไปแล้ว ต่อให้เป็มอนสเตอร์ระดับสูงก็ต้องมีสะดุ้งโหยงกันบ้าง
ในความเป็จริงนั้นยิ่งมอนสเตอร์มีระดับสูงมากขึ้นเท่าใด ฝ่ายตรงข้ามก็จะยิ่งโชคไม่ดีตามไปด้วยเพราะพวกมันมีจุดอ่อนที่น้อยลง ในเมื่อจุดอ่อนที่น้อยลงก็กลับกลายเป็ว่าความรุนแรงก็จะสูงมากขึ้นไปด้วย เช่น ดวงตา จมูก หูหรือแม้แต่ก้นของพวกมัน ซึ่งผึ้งเพชฌฆาตเองก็ไม่ได้โง่พวกมันรู้ดีว่าควรจะเข้าไปโจมตีตรงบริเวณใดและที่เ่าั้ล้วนเป็ที่ค่อนข้างไวต่อความรู้สึกมาก เมื่อถูกเหล็กในต่อย ความเ็ปย่อมรุนแรงอย่างแสนสาหัสจนเกินจะทนรับไหว
ในกองทัพของมอนสเตอร์บางครั้งก็จะมองเห็นมอนสเตอร์ที่จู่ๆ ก็สะดุ้งโดดขึ้นมาก่อนจะวิ่งหนีไปอย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมาหรือแม้แต่โจมตีพวกเดียวกันเอง ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นเป็ระลอก
แต่ถึงอย่างนั้นมอนสเตอร์ระดับสูงก็ยังคงความยิ่งใหญ่ที่มอนสเตอร์ระดับสูงควรมีเอาไว้เมื่ออนาคอนดาเขาเดียวสาดพิษพ่นกระจายไปบนท้องฟ้าผึ้งเพชฌฆาตหลายร้อยตัวก็ถูกจัดการ ดูเหมือนจะเป็วิธีที่ง่ายและรวดเร็ว
เปลวเพลิงจากไก่เกราะโลหะยังคงสร้างความเสียหายให้กับผึ้งเพชฌฆาตเป็อย่างมากพวกมันถูกเผาไหม้จนกลายเป็ถ่านก่อนจะร่วงลงสู่พื้นดินทันทีที่พวกมันถูกเหยียบย่ำลงไปพวกเขาก็ไม่สามารถบอกได้แล้วว่าเดิมทีนั้นพวกมันเคยเป็สิ่งใดมาก่อน
ผึ้งสีทองเพชฌฆาตดูราวกับไร้หัวจิตหัวใจแม้ลูกหลานของมันจะล้มตายลงไปเป็จำนวนมากแต่มันก็ยังคงกัดแทะผลึกเวทที่ฉินโจ้วมอบให้อย่างมีความสุขในขณะที่ก้นของมันก็ยังคงขยับส่ายไปมา เพื่อฟักไข่ผึ้งเพชฌฆาตอย่างต่อเนื่องเนื่องจากภารกิจของมันคือ ฟักไข่ และออกคำสั่งให้ไปโจมตีหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วเพราะถึงแม้ว่าพวกมันทั้งหมดจะตายลง ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายขึ้นแต่อย่างใดเพราะอย่างไรพวกมันก็ไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อยู่แล้ว
ผึ้งเพชฌฆาตยังคงฟักตัวออกมาอย่างต่อเนื่องกะคร่าวๆ จากที่เห็นบินอยู่ในตอนนี้คงราวสองหมื่นตัวเห็นจะได้และยังคงออกมาเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อน
ยังเหลือเวลาอยู่อีกราวสองนาทีหลังจากที่มอนสเตอร์ที่ออกมาจากหลุมดำอย่างหนาแน่นนั้น จู่ๆความเร็วในการปล่อยมอนสเตอร์ก็เริ่มช้าลง ฉินโจ้วก็เริ่มขมวดคิ้วนี่ดูเหมือนจะเป็ลางบอกเหตุที่ไม่ดีเอาเสียเลย
เป็ไปตามที่คาดการณ์ไว้ในเวลาต่อมา ก็มีเงาร่างสีดำพุ่งออกมาจากหลุมดำแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน แต่มันกลับบินตรงมาในอากาศแทน
มอนสเตอร์ที่บินได้กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้