การคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งมณฑลของการสอบเกาเข่าคือความสำเร็จอันควรค่าแก่การพูดถึงที่สุด ณ ตอนนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลาน
ทว่าคนเรามิอาจเอาแต่หลงละเลิงอยู่ในความสำเร็จที่ได้มาครอง ด้วย 616 คะแนน ฝ่ายรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหัวชิงแทบอดใจรอไม่ไหว ต่างจากเซี่ยเสี่ยวหลาน แม้ว่าหนังสือแจ้งตอบรับเข้าศึกษาของกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำจะทยอยได้รับก็ต่อเมื่อเข้าสู่่ปลายเดือนกรกฎาคม ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย
หลังการสัมภาษณ์ของสถานีมณฑลออกอากาศ ยังมีผู้้าสัมภาษณ์เซี่ยเสี่ยวหลานในเชิงลึกอีกด้วย ทว่าถูกเซี่ยเสี่ยวหลานปฏิเสธไปหมดแล้ว
สำหรับรางวัลที่สำนักงานศึกษาธิการมณฑล สำนักบริหารงานการศึกษาเมืองเฟิ่งเสียน สำนักบริหารงานการศึกษาเขตอันชิ่ง รวมถึงอันชิ่งเซี่ยนอีจงมอบให้ เซี่ยเสี่ยวหลานส่งหลิวเฟินไปรับแทนทุกรางวัล สถานการณ์ที่รับเงินแล้วต้องตอบแทนด้วยสุนทรพจน์ประเภทนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ค่อยจะสนใจนัก พวกคุณ้าฟังประสบการณ์เติบโตของอันดับหนึ่งมณฑลมิใช่รึ? สัมภาษณ์มารดาของอันดับหนึ่งมณฑลก็ได้เหมือนกันใช่ไหมเล่า
หลิวเฟินเรียบร้อยตรงไปตรงมา เหมาะสมกับภาพจำดั้งเดิมที่สาธารณชนมีต่อครอบครัวจ้วงหยวนแสนยากจนและสมถะมากกว่า
ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลาน หลังจากยืนยันแปลนตกแต่งบ้านของครอบครัวเธอแล้ว ก็จ่ายเงินล่วงหน้าสำหรับค่าจัดซื้อวัสดุส่วนหนึ่งให้กงหยาง และวานให้เขาช่วยเป็แรงหลักจัดการเื่การสร้างบ้านแก่เธอ
อย่างไรก็ตามกงหยางยังเป็เพียงนักศึกษามหาวิทยาลัย ร่างภาพออกแบบนั้นไม่มีปัญหา เขาสามารถทำได้ ทว่าพอถูกมอบหมายแกมบังคับให้รับผิดชอบั้แ่วาดรูปจนถึงควบคุมงานสร้างบ้านทั้งหมดอย่างกะทันหัน กงหยางไม่กล้าแบกรับงานนี้ไว้จริงๆ
“มีอะไรก็ไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเฉินนะ คนในหมู่บ้านจะช่วยงานกันทั้งนั้น เธอแค่รับผิดชอบดูงานโดยรวม คุมพวกเขาไม่ให้สร้างบ้านนอกแปลนก็พอแล้ว”
เซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟินจะสร้างบ้านหลังใหม่ เลือกเวลาหลังจากเธอได้รับตำแหน่งอันดับหนึ่งมณฑล ไม่ต้องพูดถึงเื่ค่าตอบแทนในการสร้างบ้าน ต่อให้ไม่จ่ายค่าแรง คนในหมู่บ้านก็ยินดีช่วยงาน อากาศร้อนไม่ใช่ปัญหา เดิมทีหัวใจของทุกคนนั้นเร่าร้อนโชติ่อยู่แล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานขอกงหยางเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือให้ทำงานเพียง่เช้า 6:00-10:00 นาฬิกา ่เย็น 16:00-20:00 นาฬิกา นอกจากสอง่เวลานี้ ไม่อนุญาตให้ทำงานในเวลาอื่น
เธอ้าให้สร้างบ้านก่อนรายงานตัวเข้ามหาวิทยาลัย แต่่เวลาเร่งงานจะละเลยสุขภาพร่างกายของคนในหมู่บ้านไม่ได้ ท่ามกลางอุณหภูมิสูงที่มักเกิน 30 องศาในตอนกลางวัน ถ้าเทียบกับการต้องทำงานกลางแจ้ง เซี่ยเสี่ยวหลานยินดีลดเวลาทำงานของทุกวันลงมากกว่า เวลาทำงานไม่พอ รวบรวมจำนวนคนเพิ่มเสีย อย่าตระหนี่ที่จะจ่ายกับเวลาดำเนินงานในราคาไม่กี่หยวนต่อวัน แค่จ้างคนเพิ่มก็หมดเื่แล้วไม่ใช่หรือ!
วันที่ 16 กรกฎาคมประกาศผลคะแนนเกาเข่า วันที่ 19 กรกฎาคม เซี่ยเสี่ยวหลานหิ้วแขนข้างหนึ่งที่เข้าเฝือกเดินทางไปสถานีรถไฟหยางเฉิงแล้ว
ไป๋เจินจูกำลังรอเธออยู่
เถ้าแก่ไป๋องอาจผ่าเผยดุจบุรุษยิ่งกว่าเดิม หากตอนนี้บอกว่าเธอคือหญิงสาวก็คงไม่มีใครเชื่อ ในพื้นที่ละแวกตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ดนั้นล้วนรู้ดีว่าเถ้าแก่ไป๋ใจเด็ดพอจะต่อสู้ อีกทั้งยังมีช่องทางทำมาหากินเยอะ มักหาสินค้าอันเป็ที่้าสูงได้อยู่เสมอ ไม่มีเื่ของเพศมากำหนดกฎเกณฑ์ต่อร่างกายเถ้าแก่ไป๋
“พี่ไป๋ พี่แอบมองฉันอยู่เรื่อยเลย ทำไมกัน?”
ทุกคนเป็สหายสนิทกันแล้ว มีเื่อะไรจะคุยกันอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้เชียวหรือ เหตุใดต้องแอบมองเช่นนี้
มิตรภาพเมื่อก่อนก็ส่วนหนึ่ง อย่างไรเสียก็ต้องร่วมมือกันทำธุรกิจเร็วๆ นี้ด้วยนี่นา
ไป๋เจินจูกลั้นใจอยู่นานกว่าจะพูดออกมา “เธอสอบเกาเข่าได้เป็ที่หนึ่งของอวี้หนาน ลุงหลิวหย่งบอกว่าเธอจะเรียนมหาวิทยาลัยหัวชิง ไม่รู้ว่าเธอจะยังคงทำธุรกิจกับพวกเราอยู่หรือเปล่า?”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ถ้าไม่ทำธุรกิจฉันจะรีบเร่งถ่อมาหยางเฉิงเพื่ออะไรเล่า แม้แต่หน้าร้านพี่ก็ได้มาแล้ว พี่ไป๋อย่าตลกไปหน่อยเลย”
ไป๋เจินจูรู้สึกโล่งใจจริงๆ !
ไม่ใช่ว่าเธอชอบครุ่นคิดมากเกินควร แต่ธุรกิจอิสระอยู่ในสถานะใด แม้แต่ลูกจ้างงานธรรมดายังดูแคลนพวกธุรกิจอิสระด้วยซ้ำ หากมีหน่วยงานเป็จริงเป็จัง ใครจะทิ้งชามข้าวเหล็กไปทำธุรกิจอิสระกัน? แม้ขนาดธุรกิจของเธอกับเซี่ยเสี่ยวหลานจะแตกต่างจากร้านค้าแผงลอยบางร้าน ทว่าเนื้อแท้ก็ยังคงเป็ธุรกิจอิสระอยู่ดี เมื่อก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางเลือก แต่ทุกวันนี้กลายเป็บัณฑิตเกาเข่าแล้ว เรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ไม่ต้องกังวลกับอนาคตหลังจบการศึกษา... ในความคิดของใครหลายคน ถ้าเด็กอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานยังทำธุรกิจอิสระก็ถือว่าละเลยหน้าที่ตนแล้ว
อาคารที่ตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ดสะพานเหรินหมินใหญ่เหลือเกิน หากเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ทำร่วมลงทุนธุรกิจใหม่กับเธออีก ไป๋เจินจูที่เหลือตัวคนเดียวคงทำอะไรไม่ไหวแน่
ส่วนคังเหว่ย พอไม่มีเซี่ยเสี่ยวหลานคอยสานสัมพันธ์อยู่ตรงกลาง ไป๋เจินจูกับองค์ชายจากปักกิ่งคนนี้ก็ย่อมสร้างสัมพันธ์ใกล้ชิดไม่สำเร็จ
ถ้าเป็เมื่อสองเดือนก่อน ไป๋เจินจูไม่มีทางคิดถึงสิ่งเหล่านี้อย่างแน่นอน การตั้งแผงในตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ดฝึกฝนประสบการณ์ได้ดีมาก ไป๋เจินจูทั้งแย่งชิงพื้นที่กับคนอื่น ทั้งหาต้นทางสินค้าด้วยตนเอง ได้กำไรไม่น้อย ระหว่างนั้นก็เคยถูกคนหลอกเหมือนกัน ทว่าเธอเติบโตว่องไวยิ่งนัก... หลังจากหายหน้าหายตากันไปไม่นาน เธอมีการพัฒนาขนานใหญ่เลยทีเดียว
เซี่ยเสี่ยวหลานััได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน ทว่าสิ่งต่างๆ ล้วนมีสองด้าน เธอไม่สามารถร้องขอให้พันธมิตรผู้ร่วมลงทุนทั้งรับผิดชอบทุกอย่างเองและทั้งซื่อตรงเอื้อเฟื้อในเวลาเดียวกันได้ คนเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน ตอนนี้ไป๋เจินจูก็เรียนรู้ที่จะคิดใคร่ครวญในการสนทนาซึ่งกันและกันแล้ว ไม่โผงผางเถรตรงเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป เซี่ยเสี่ยวหลานขอให้ฝ่ายนั้นแก้ไขกลับไปเป็ดั่งเดิมไม่ได้ ทำได้เพียงทำความคุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลงของเธอ
เมื่อได้ยินเซี่ยเสี่ยวหลานกล่าวอย่างหนักแน่นว่าทำธุรกิจต่อโดยไร้ข้อยกเว้น ไป๋เจินจูก็ดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“เอาหน้าร้านให้ลุงหลิวหย่งตกแต่งภายในได้หรือเปล่า? ฉันเคยไปดูงานตกแต่งของบ้านพักครั้งหนึ่ง สวยมากจริงๆ ”
ทั้งสองพบกัน ไม่มีใครพูดถึงมือที่ใส่เฝือกของเซี่ยเสี่ยวหลานเลยสักคำเดียว
นี่คือข้อห้าม เซี่ยเสี่ยวหลานสั่งให้เก่อเจี้ยนแก้เผ็ดพวกนักเลง อีกทั้งยังกดดันนักเลงนั่นให้ไปทำลายมือของเซี่ยฉางเจิง จากนั้นก็เร่งหลี่ต้งเหลียงกลับซางตู รายละเอียดต่างๆ นานาตรงกลางนี้ ไป๋เจินจูไม่เหมาะจะรับรู้ทั้งนั้น หากเธอรู้ ก็แปลว่าหลี่ต้งเหลียงและเก่อเจี้ยนไม่เหมาะสมกับการเป็คนคุ้มกันให้เซี่ยเสี่ยวหลานอีกแล้ว พวกเขารับเงินเดือนของเซี่ยเสี่ยวหลาน ถ้าดันแพร่งพรายเื่ลับสุดยอดที่สามารถทำให้เธอเข้าคุกได้ให้ไป๋เจินจูรู้เข้า... เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่จ้างสองคนนี้อีกแน่นอน
ปัจจุบันเธอกับไป๋เจินจูเป็หุ้นส่วนธุรกิจ เป็สหาย แต่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็อย่างไร เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ซื่อบื้อถึงขั้นยอมให้อีกฝ่ายรู้เื่ราวทุกอย่างของเธอ
เธอไม่ได้คิดในแง่ร้าย ทว่าไม่้าพิสูจน์ความเป็มนุษย์ของใคร
เมื่อไม่ยื่นมีดให้ผู้อื่นด้วยตนเอง โอกาสที่จะาเ็ก็น้อยลงมาก
ตอนนี้ลักษณะท่าทางของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เดินไปไหนก็มีคนคุ้มกันสองนาย เหมือนตอนเพิ่งมาหยางเฉิงปีก่อนเสียที่ไหน ครานั้นเธอแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างเด็กสาวชนบท ถึงกระนั้นเคออีสยฺงก็ยังถูกตาต้องใจเซี่ยเสี่ยวหลานที่มีสภาพอย่างเด็กสาวชนบทอยู่ดี เมื่อไม่ได้สมดั่งใจ ย่อมเฝ้าคิดถึงทุกเมื่อเชื่อวันเป็ธรรมดา ไป๋เจินจูถามไถ่เื่มือของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ แต่เคออีสยฺงก็ยังคงสังเกตเห็นเฝือกบนมือของเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ดี
ผู้ชายคนนั้นเก่งกาจเหลือร้ายไม่ใช่หรือ?
ทั้งที่ห้ามใครหน้าไหนเสน่หาเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่กลับทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานได้รับาเ็ไม่ต่างกัน
ดูท่าก็ไม่ได้เื่สักเท่าไรหรอก!
หากเซี่ยเสี่ยวหลานรับรู้ความคิดของเคออีสยฺง จะต้องแก้ต่างแทนโจวเฉิงให้ได้ เพราะจนถึง ณ ขณะนี้โจวเฉิงไม่ทราบเื่มือเธอาเ็ด้วยซ้ำ
ทำไมต้องปิดบัง? เซี่ยเสี่ยวหลานมีลางสังหรณ์บางอย่าง ถ้าโจวเฉิงรู้ว่ามือเธอได้รับาเ็ เขาจะคลั่งอย่างแน่นอน! โจวเฉิงห่วงใยเธอเกินไปหน่อยแล้ว ที่บ้านพักรับรองประจำเมืองครั้งนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานกลัวเหลือเกินว่าโจวเฉิงจะฆ่าฝานเจิ้นชวนทิ้งจริงๆ โจวเฉิงร้ายนิดๆ เ้าเล่ห์หน่อยๆ หลังจากทั้งสองคบหากันก็กลายเป็พวกตัวติดหนึบ ทว่าสิ่งเหล่านี้เป็แค่ส่วนที่โจวเฉิงแสดงออกต่อหน้าเธอเท่านั้น ยังมีส่วนที่ไม่ได้แสดงออกอยู่อีกนี่นา
ตราบใดที่ยังไม่ถอดเฝือก เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดที่จะเผชิญหน้ากับโจวเฉิง ต้องเตรียมพร้อมข้ออ้างเื่ธุรกิจในเผิงเฉิงไว้ หลังเกาเข่าสิ้นสุดเธอจึงไม่ไปปักกิ่งทันที แต่เดินทางลงใต้มาที่เขตพิเศษแทน
หลิวหย่งรอเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ตรงด่านเข้าเมืองของเขตพิเศษ คนที่อยู่กับเขาอีกคนคือเสี่ยวหวังสารถีของทังหงเอินนั่นเอง
แววตาที่เสี่ยวหวังมองเซี่ยเสี่ยวหลานเจือไปด้วยความเคารพมากยิ่งขึ้น
รัศมีของบัณฑิตเกาเข่าเปล่งประกายไม่ใช่ย่อย อย่างน้อยหลังจากหัวหน้าทราบข่าวเื่การสอบเกาเข่าแล้ว ก็หาเวลาว่างเพื่อจะพบเซี่ยเสี่ยวหลาน
“เ้านายเขาบอกว่า้าพบเธอเสียหน่อยน่ะ”
หลิวหย่งส่งสัญญาณทางสายตาอยู่ข้างๆ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับสงบนิ่ง “ได้สิ ฉันเองก็อย่างไปเยี่ยมคุณอาทังเหมือนกัน”
‘คุณอาทัง’ ผู้นี้เป็ข้าราชการบริหารบ้านเมืองแบบไหนกันแน่ หลิวหย่งพอจะรู้ แต่เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่รู้ และชัดเจนมากว่าครั้งนี้ทังหงเอิน้าแนะนำตนเองอย่างจริงจังแล้ว!