บทที่ 9 ปรมาจารย์เทพชะตาผู้ยิ่งใหญ่หวนคืน…
ซูิเสวี่ย หรือ ปรมาจารย์เทพชะตาผู้ยิ่งใหญ่จื่อหลิง ยังคงนั่งนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง ดวงตาของนางยังคงว่างเปล่า แต่ภายในห้วงความคิด ความทรงจำมากมายกำลังหลั่งไหลกลับมาอย่างไม่หยุดยั้ง
นางผู้เคยเหยียบเมฆา ท่องไปในสี่ทะเลแปดทิศมีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้จักนาง บัดนี้กลับต้องนั่งมองความอับจนของครอบครัวตัวเองผ่านหน้าต่างไม้ผุๆ นี่ไม่ใช่โชคชะตาที่นางเคยลิขิตไว้ นางผู้ที่เคยยืนอยู่เหนือสรรพสิ่ง บัดนี้กลับต้องจมอยู่กับความสิ้นหวังและความอัปยศ ใบหน้าของนางยังคงเรียบเฉย แต่มือที่วางอยู่บนตักเริ่มกำแน่นอย่างช้าๆ พลังที่ถูกผนึกไว้มานานหลายปีเริ่มปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง!
นางค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม ราวกับราชินีที่กำลังจะเสด็จออกจากบัลลังก์ ดวงตาที่เคยว่างเปล่าบัดนี้กลับเต็มไปด้วยแววตาที่ลึกล้ำราวกับห้วงดวงดาวที่ไร้จุดสิ้นสุด นางเดินตรงไปยังประตูไม้ที่ผุพัง แล้วค่อยๆ เปิดมันออกอย่างช้าๆ
สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาปะทะกับร่างของนางอย่างรุนแรง เสื้อผ้าที่เก่าและขาดรุ่งริ่งของนางปลิวไสวตามแรงลม ราวกับกำลังจะฉีกขาดออกเป็ชิ้นๆ แต่แล้ว... พลังปราณที่มองไม่เห็น ก็พลันแผ่ออกมาจากร่างของนางอย่างช้าๆ พลังนั้นแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่จนสามารถกดข่มสายลมที่บ้าคลั่งให้สงบลงได้!
ซูิเสวี่ยยกมือขึ้นไพล่หลังชายเสื้อขาดๆ ของนางปลิวไสวด้วยพลังลมปราณที่แข็งแกร่ง ดวงตากวาดมองไปทั่วกระท่อมที่ทรุดโทรมและสภาพความยากจนรอบตัวอย่างแ่เบา แต่แววตาของนางกลับฉายแววความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว นางจะไม่มีวันยอมให้เื่นี้เกิดขึ้นอีกเป็ครั้งที่สอง!
นางจำเื่ราวในอดีตได้แล้ว นางคือ จื่อหลิง ปรมาจารย์หญิงผู้ครองคัมภีร์หมื่นดวงดาว! นางคือผู้ที่มีพลังในการทำนายดวงชะตาและเป็หนึ่งในสามยอดเซียนหญิงแห่งยุทธภพ! นางผู้ที่เพียงแค่ใช้นิ้วชี้ก็สามารถย้ายูเา เผากระท่อม ถล่มหุบเหวลงได้แล้ว ผู้ที่เพียงแค่เหลือบตามองก็สามารถเห็นอนาคตและชะตาชีวิตของสรรพสิ่งได้!
แต่นางผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ กลับต้องมาจมอยู่กับ ความทรงจำที่น่าอัปยศที่สุดในชีวิต!
ภาพของ มู่เฉิงเฟิง ในวัยหนุ่มผู้ซึ่งได้ช่วยนางไว้ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยและจริงใจ และอย่างหนึ่งที่นางไม่อาจจะปฏิเสธได้นั้นคือ ความหล่อเหลาราวกับหยกสลัก และความหน้าหนา ของเขา
ภาพความทรงจำก็ตัดไปที่คืนที่เขามึนเมา! มู่เฉิงเฟิงในคืนนั้นดื่มเหล้าย้อมใจจนไร้สติ ดูเหมือนว่าเขาจะวางแผนการเอาไว้หลายวันแล้ว เขานั่งมองนางด้วยดวงตาที่พร่ามัว แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความหลงใหลและกล้าหาญและหน้าด้านอย่างน่าประหลาด
“เ้า… เ้างามเหลือเกิน… งามกว่านางฟ้านางเซียนเสียอีก!”
แน่นอนว่าผู้ชายทุกคนเมื่อ้าสิ่งใด…สิ่งใดก็สามารถพูดออกมาได้หมด!! เขาพึมพำเสียงแ่ พลางค่อยๆ คลานเข้ามาหานางด้วยท่าทางที่ดูน่าขบขัน แต่นางที่ความจำเสื่อม อ่อนแอ ไม่สู้คน และไม่รู้จักโลกภายนอก ก็ได้แต่มองดูเขาอย่างงุนงง ด้วยความคิดที่ว่าเขานั้นทั้งหล่อเหลาและแสนดีและตอนนี้เขายังชมนางว่างามหนักอีก ดูเหมือนว่าในตอนนั้นตัวนางบิดจนเกือบหักเป็สองท่อนด้วยความเขินอาย…
บัดซบจริงๆเลย!!นางผู้เป็ปรมาจารย์อันดับหนึ่งจะเขินอายเพราะคำพูดบ้าๆ เช่นนั้นได้อย่างไร…ในสามคนที่ว่าเทพนั้น นางนี่แหละที่หน้าด้านที่สุด!!
“เ้าเป็ของข้าได้หรือไม่… ได้โปรด…เ้างามเหลือเกินจนข้าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากว่าปราศจากเ้า”
น้ำเสียงที่แหบพร่าและท่าทางที่ดูน่าสงสารทำให้หัวใจของนางอ่อนยวบลงชั่วขณะ นางที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อยในตอนนั้นย่อมไม่อาจที่จะปฏิเสธบุรุษที่ดูน่าสงสารตรงหน้าได้ และแล้วในคืนนั้น... นางจึงยอมตกเป็ของเขาแต่โดยดี!
ภาพความทรงจำสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว ซูิเสวี่ยรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะหัวเราะหรือร้องไห้ก็ไม่อาจจะรู้ได้ นางผู้ซึ่งเป็ปรมาจารย์เทพชะตาผู้ยิ่งใหญ่ กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับบุรุษที่ไร้ค่าผู้หนึ่ง... นี่มันคือความผิดพลาดที่นางจะไม่มีวันให้อภัย!
'เ้าลูกเต่าน้อย! เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้ากำลังได้ใครอยู่!?'
ซูิเสวี่ยกรีดร้องในใจด้วยความโมโหเ้าบ้าคนนี้! ชายผู้ซึ่งมีวรยุทธ์ต่ำต้อยราวกับมดปลวก! เป็เพียงหมอหลวงกระจอกๆผู้หนึ่ง ชายผู้ซึ่งไม่เคยรู้จักพลังิญญา! กลับกล้าที่จะมาแตะต้องนางผู้ยิ่งใหญ่ได้ถึงเพียงนี้! นางคิดถึงข้อเสียมากมายของเขาและกำหมัดแน่นขึ้น
แล้วภาพความทรงจำก็ไหลต่อไป ภาพที่เขาถูกใส่ร้ายจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาจากเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรือง! ภาพที่เขาจมอยู่กับความสิ้นหวังและความอัปยศที่กัดกินจิตใจ!และหันหน้าเข้าหาสุรา
'ฮึ่ม! นี่หรือบุรุษที่กล้ามาแตะต้องข้า! ช่างน่าขันอะไรเช่นนี้! แม้เป็หมอหลวงกระจอกๆ ก็ยังถูกผู้อื่นรังแก พวกครอบครัวหนีกระเซิงกระเซิงทำให้ทุกคนลำบากไปด้วย อ่อนแอเสียยิ่งกว่ามด ข้อดีเพียงอย่างเดียวที่ข้าจะไว้ชีวิตเ้าคือ เ้าไม่เ้าชู้มากรัก หาไม่แล้วละก็ เ้าตายแน่!! '
นางมองไปที่บิดาของบุตรทั้งสามของนางที่กำลัง นั่งเหมอลอยจิบสุราบางๆอยู่ ใบหน้าของเขาดูไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อย แต่ซูิเสวี่ยก็อดที่จะกัดฟันด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
'ถ้าเ้าไม่ช่วยข้าจากการาเ็และถูกพิษ ข้าคงจะเสกเ้าให้กลายเป็หินไปแล้ว! หากผู้คนรู้ความจริงเข้า ข้าจะหน้าไปไว้ที่ใด!? หื้ย!! ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ'
แล้วความคิดหนึ่งก็พลันผุดขึ้นมาในหัวของซูิเสวี่ย จะว่าไปจะโทษเ้าลูกเต่าตัวนี่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ ใครใช้ให้นางถูกศิษย์ทรยศทั้งวางยาและทำร้ายจนเกือบตายเหล่า แต่อย่างไรก็ตาม นางจะต้องจัดการเ้าลูกเต่าผู้นี้ ใบหน้าของซูิเสวี่ยบัดนี้แดงก่ำด้วยความโกรธและความคิดที่หลากหลายวิธีที่จะจัดการกับเขา โดยที่ไม่ให้ลูกๆรู้และเสียใจ
ในขณะเดียวกัน ในอีกมุมหนึ่งของกระท่อม มู่เฉิงเฟิง ที่กำลังจิบสุราที่ซื้อมาด้วยเงินที่ไถ่มาจากน้องสาวที่หามาด้วยความลำบาก เขากำลังนั่งอย่างโดดเดี่ยวในเงามืด มือที่ถือไหสุราสั่นระริกด้วยความอยาก
ทันใดนั้นเอง... เขาก็พลันรู้สึก เย็นแปล็บที่ท้ายทอย! ราวกับว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างรุนแรง... ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและความคิดบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นไปถึงสันหลัง!
มู่เฉิงเฟิง หันกลับไปมองรอบๆ กระท่อมที่เงียบสงัดด้วยความสงสัย เขาเหลือบไปมองภรรยาคนงามผู้ที่ความจำเสื่อมของเขา พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ นางช่างงดงามเสียจริง แม้ว่าจะอยู่ในสภาพเสื้อผ้าเก่าขาดก็ยังคงงดงามจนใจเขาสั่นได้เสมอ...
เมื่อเห็นว่าภรรยาคนงามยังคงนั่งนิ่งอย่างสงบ เขาก็หันไปมองรอบๆ เพื่อดูว่าสิ่งใดกันที่ทำให้เขาเย็นที่ท้ายทอยแวบๆ แต่ก็ไม่มีใคร! เขาส่ายหน้าเบาๆ พยายามสลัดความคิดประหลาดนี้ออกไป
"คงเป็เพราะสุราเป็เหตุสินะ ถึงทำให้เย็นวาบ เย็นวาบเช่นนี้ ..." เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกที่ขบขันเล็กน้อย ก่อนจะยกไหสุราจิบเบาๆ อีกครั้งพลางหลับตาลงอย่างไม่สบายใจ โดยไม่รู้เลยว่าเขากำลังตกอยู่ในสายตาของ ปรมาจารย์ ที่กำลังจะกลับมาทวงความยุติธรรมคืนในไม่ช้า!
เขาส่ายหน้าเบาๆ พยายามสลัดความคิดประหลาดนี้ออกไป ก่อนจะยกไหสุราจิบเบาๆ อีกครั้งพลางหลับตาและคิดถึงความผิดพลาดของตนและโทษตัวเองที่ทำให้ทุกคนลำบากต่อไป
----
ตัดเข้ามาภายในห้องนอนของมู่ชิงเหยียน
นางกำลังต่อรองอยู่กับน้องชาย
ใบหน้าเล็กๆ ของมู่เจ๋ออวี่ซีดเผือดลงทันที เมื่อได้ยินคำถามของพี่สาว เขารับรู้ได้ถึงความจริงจังที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น เขาไม่เคยเห็นพี่ใหญ่มีแววตาเช่นนี้มาก่อน
“ข้า…ข้าไม่เข้าใจ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงสั่น มู่ชิงเหยียนย่อตัวลงตรงหน้าเขา ค่อยๆ หยิบ ซาลาเปาไส้หมู ลูกอวบอ้วนออกมาจากถุงผ้าที่ถืออยู่ มันเป็ซาลาเปาที่มาจากมิติของนาง
“เ้ารู้หรือไม่ ว่าซาลาเปาลูกนี้มาจากที่ใด?” นางถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มู่เจ๋ออวี่ส่ายหน้าช้าๆ
“มาๆนั่งก่อน พี่ใหญ่จะเล่าให้เ้าฟัง" จากนั้นก็ถึงน้องชายไปที่เตียงจับเขานั่งและเริ่มสร้างเื่ราวทันที
"ตอนที่พี่ใหญ่ไม่สบายและหลับไปหลายวัน มีเซียนหนวดขาวผู้วิเศษปรากฏตัวขึ้นในความฝันของข้า” นางเริ่มโกหก
“ท่านเซียนเห็นว่าครอบครัวของเรายากลำบากจึงมอบของวิเศษให้ข้า”
มู่เจ๋ออวี่เบิกตากว้าง
“ของวิเศษหรือขอรับ!”
แววตาของเด็กน้อยที่เคยเต็มไปด้วยความกลัวบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น ราวกับได้ฟังนิทานที่น่าอัศจรรย์
“ใช่แล้ว” มู่ชิงเหยียนพยักหน้า
“นี่คือมิติโอสถิญญา เป็สถานที่วิเศษที่เต็มไปด้วยของวิเศษมากมายที่จะทำให้ครอบครัวของเราไม่อดยากอีกแล้ว ”
นางยื่นซาลาเปาให้น้องชาย
“แต่เ้าจะต้องไม่บอกใครเื่นี้เด็ดขาด”
มู่เจ๋ออวี่รับซาลาเปามาอย่างว่าง่าย เขามองซาลาเปาลูกนั้นด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจ 'ท่านเซียนถึงกับให้ซาลาเปาไส้เนื้อกับพี่ใหญ่มาเลยหรือนี่ ..ดีเหลือเกิน หอมเหลือเกิน ' เขาคิดพลางดมกลิ่นและกลืนน้ำลายลงไป แต่แล้วใบหน้าเล็กๆผอมของเ้าเล็กก็ค่อยปรากฎขึ้นในหัวของเขา.. เขาก็รีบยัดมันกลับเข้าไปในถุงผ้าของพี่สาวแล้วส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไม่ขอรับพี่ใหญ่! ซาลาเปานี้เราเก็บไว้ให้ท่านแม่และหร่วนเอ๋อร์เถิด น้องเล็กหิวตลอดเวลา นางต้องอยากกินซาลาเปานี่แน่”
คำพูดของเด็กน้อยทำให้หัวใจของมู่ชิงเหยียนบีบรัดอย่างรุนแรง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้เออคลอออกมาอย่างไม่อาจยับยั้ง ความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความสงสาร ความรัก และความภูมิใจในตัวน้องชายคนนี้
“เ้า... เ้ารู้หรือไม่ ว่าพี่มีของพวกนี้อีกมากมาย?”
มู่เจ๋ออวี่ส่ายหน้า “แต่ท่านแม่กับน้องสาวหิวโหยมาหลายวันแล้วขอรับ”
มู่ชิงเหยียนยิ้ม นางจ้องมองน้องชายด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น
“อวี่เอ๋อร์ จงจำเอาไว้ว่าของวิเศษนี้เป็ความลับของเราสองคน และไม่มีใครในโลกนี้ที่จะรู้ความลับนี้ได้นอกจากเราสองคน จนกว่าพี่ใหญ่จะแน่ใจแล้วพวกเราค่อยบอกคนในครอบครัว ดีหรือไม่?”
“ข้าจะเก็บเป็ความลับขอรับพี่ใหญ่” เขากล่าวเสียงดังฟังชัด
“ข้าสัญญา! ข้าจะไม่บอกเื่นี้กับใครทั้งนั้น!” ”
มู่เจ๋ออวี่ตอบเสียงดังฟังชัด ราวกับให้คำมั่นสัญญาต่อ์ รอยยิ้มแห่งความโล่งใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมู่ชิงเหยียน นางรู้สึกดีใจที่น้องชายของนางนั้นเฉลียวฉลาดและเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นางกอดน้องชายเข้าสู่อ้อมกอดอย่างอบอุ่น
“ดีมาก อวี่เอ๋อร์…” นางพึมพำเสียงแ่ “จงจำไว้ว่าเื่นี้เป็ความลับของพวกเราสองคน และความลับนี้… จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของพวกเราทุกคนในบ้านไปตลอดกาล”
****ท่านพ่อ...ลูกเต่าน้อยโดนแน่ !! ****
***คุณรีดที่รัก ชอบแบบมีภาพประกอบหรือไม่เ้าคะ ?? ****
***อย่าลืม กดหัวใจ เพิ่มเข้าชั้น และคอมเมนต์มากดดันให้ไรท์ลงวันละ 10 ตอนนะเ้าคะ 555 ****
