อู่เซวียนตี้อยู่ระหว่างพักฟื้นจากอาการประชวร เฟิงอ๋องเป็ผู้สำเร็จราชการ องค์ชายเจ็ดดูแลหน่วยองครักษ์พิทักษ์เมืองหลวง อำนาจของฮองเฮาย่อมจะเพิ่มขึ้นดังเรือที่สูงขึ้นตามน้ำ
แต่ไรมาเฟิงอ๋องทรงมีอุปนิสัยอ่อนโยนและนิ่งขรึม ก็ยังถูกสายตาริษยามากมายจดจ้องจนรู้สึกประหม่าอยู่บ้างเหมือนกัน
วันนี้ กว่าจะผ่าน่เวลาแสนอึดอัดจนเลิกประชุม สลัดเหล่าขุนนางที่เข้ามาห้อมล้อมราวกับฝูงผึ้งให้พ้นไปได้ไม่ง่ายเลยสักนิด ยังต้องเร่งฝีเท้าเดินตามหวงผู่เหลียนเซวียนซึ่งตั้งท่าจะแวบหนีหลังเลิกประชุมในท้องพระโรง
"น้องเจ็ด เ้าจะเดินเร็วไปไหน" เฟิงอ๋องต้องวิ่งถึงจะตามเขาทัน
"พี่ใหญ่ มีธุระหรือ?" เหลียนเซวียนยั้งเท้ารอเขา
เขาสวมชุดหมั่งเผาสีชาดพอดีตัว คาดเข็มขัดหยกรัดเอว ยืนรออย่างสงบนิ่งอยู่ที่บันไดหินอ่อน ท่วงท่าทะนงองอาจมีสง่าราศีอย่างบอกไม่ถูก
เฟิงอ๋องนึกชื่นชมในใจ "น้องเจ็ด เสด็จพ่อจะกลับมาว่าราชการอีกครั้งได้เมื่อไร"
ทุกคราที่เขานั่งข้างบัลลังก์ัในฐานะผู้สำเร็จราชการ ไม่ว่าจะนั่งหรือจะยืนล้วนไม่สบายนัก
"เมื่อวานพี่ใหญ่ก็เห็นเสด็จพ่อแล้วมิใช่หรือ ท่านว่าด้วยสภาพของพระองค์ยามนี้มีแรงขึ้นว่าราชการหรือไม่เล่า" เหลียนเซวียนกล่าวเรียบๆ
เฟิงอ๋องถึงกับสะอึก เมื่อวานอู่เซวียนตี้มีพระบัญชาเรียกเหล่าองค์ชายไปอบรม ทุกคนถึงพบว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสามวัน อู่เซวียนตี้ทรงผ่ายผอมไปมาก แม้แต่พระฉวีก็ยังผุดรอยคล้ำจางๆ
ทำเอาทุกคนใจนแข็งทื่อไปเลย ต่อมาหลี่กงกงก็อธิบายให้ฟังว่านี่คือผลข้างเคียงจากการถอนพิษ แม้อู่เซวียนตี้จะผอมลงมาก แต่พระสติยังนับว่าดีอยู่
ยามนั้นเหล่าองค์ชายต่างมีความคิดที่ต่างกันออกไป
"พิษจากโอสถลูกกลอนร้ายแรงเพียงนี้เชียวหรือ" หัวคิ้วของเฟิงอ๋องขมวดเป็เกลียว
เื่ที่อู่เซวียนตี้หลงใหลในการเสพโอสถลูกกลอนเพิ่มพลังหยางหาได้เป็สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเพียงแค่วันสองวัน เฟิงอ๋องเคยเกลี้ยกล่อมแบบอ้อมๆ หลายประโยค แต่ก็ถูกอู่เซวียนตี้ดุด่าแล้วไล่ออกมาจากห้องทรงพระอักษร
"พิษเข้าสู่กระดูก ช่วยชีวิตกลับมาได้ก็นับว่าดวงแข็งแล้ว" เหลียนเซวียนเอามือไพล่หลังเงยหน้ามองนภา ยามนี้ฟ้าโปร่งอากาศแจ่มใส
หากช่วยชีวิตอู่เซวียนตี้กลับมาไม่ได้ ภายใต้ท้องฟ้าแจ่มใสผืนนี้ โลหิตคงเจิ่งนองกลายเป็แม่น้ำ
เฟิงอ๋องย่อมเข้าใจความสัมพันธ์ดีร้ายของสิ่งเหล่านี้ "ต้องขอบคุณที่เ้าพาชิงหลันกลับมาเมืองหลวง"
หากไม่ใช่เพราะผูหยางชิงหลันกลับมาเมืองหลวงพอดี ยามพิษของอู่เซวียนตี้กำเริบ หมอหลวงทั้งสำนักก็ไม่แน่ว่าจะช่วยชีวิตพระองค์กลับมาได้ สถานการณ์ย่อมจะไม่คลี่คลายเช่นเวลานี้
"ก็แค่ความบังเอิญ" เหลียนเซวียนก็ไม่นึกว่าพระพลานามัยของอู่เซวียนตี้จะทรุดโทรมเร็วเพียงนี้เช่นกัน
เฟิงอ๋องรั้งเขาไว้คุยเล่นต่ออีกสองสามประโยค อารมณ์กดดันค่อยดีขึ้นมาบ้าง "อาหญิงส่งป้ายขอเข้าเฝ้า เสด็จพ่อทรงอนุญาตแล้ว พวกเราไปตำหนักยงหนิงด้วยกันเถอะ อีกไม่กี่วันก็จะเป็วันเกิดของหย่งเจีย ถึงเวลา เ้าต้องเจียดเวลาไปให้ได้เล่า"
ในฐานะพระขนิษฐาร่วมอุทรของอู่เซวียนตี้ องค์หญิงคังเต๋อจึงได้รับความสำคัญมาโดยตลอด พระนางกับเซวียนผิงโหวจ้าวจวิน มีธิดาเพียงคนเดียวก็คือจ้าวหย่งเจีย
จะถึงงานวันเกิดของหย่งเจีย? เหลียนเซวียนนึกได้แล้วก็พยักหน้า
ทั้งสองเดินไปทางตำหนักยงหนิง
"วกกลับมาเื่ของเ้าบ้าง เื่งานแต่งเ้ามีตัวเลือกที่ใคร่ครวญอยู่บ้างหรือยัง เ้าโตขนาดนี้แล้ว ควรจะมีชายาเอกมาช่วยดูแลจัดการเื่ต่างๆ ในเรือนชั้นในได้แล้ว"
เฟิงอ๋องทำสีหน้าวิตกกังวลราวกับบิดาชรา น้องเจ็ดของเขามักทำสีหน้าเ็าปานน้ำแข็งทุกวัน แล้วจะไปหาภรรยาได้จากที่ไหน หากพึ่งคนจากตำหนักถิงหวาก็ไม่รู้ว่าจะเล่นลูกไม้อะไรอีกบ้าง
"หากเ้าไม่มีใครในใจ ข้าจะให้พี่สะใภ้ใหญ่ของเ้าช่วยเฟ้นหาตัวเลือกที่เหมาะสมให้สักสองสามคน เอาไว้วันหน้าจัดงานเลี้ยงชมบุปผา เชิญเหล่าคุณหนูแต่ละตระกูลมาสังสรรค์ชมมวลผกา เ้าก็มาร่วมสนุกด้วยสิ"
ั้แ่เล็กเหลียนเซวียนสุขภาพไม่แข็งแรง ล้มป่วยหนักบ้างเบาบ้างไม่เคยหยุดหย่อน ทั้งยังประสบอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง ไม่หัวโขกต้นเสาก็พลัดตกบันได ใบหน้ามีแต่รอยช้ำเขียวบ้างม่วงบ้าง
ไม่ล้มแขนหักก็ขาหัก
บางครั้งแผลเก่ายังไม่หายดี ก็มีแผลใหม่มาเพิ่ม ตอนนั้นเสียนเฟยยังเอ่ยล้อเล่นว่าเขาคงดวงชงกับตำหนักถิงหวา
อู่เซวียนตี้ไม่รู้คิดอย่างไร ทุกครั้งที่เหลียนเซวียนได้รับาเ็ก็จะส่งเขาไปรักษาที่ตำหนักของฮองเฮา
หลังจากหายดีแล้วถึงส่งกลับไปตำหนักถิงหวาของหวงกุ้ยเฟย เป็เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผลลัพธ์ก็คือในแต่ละปีก่อนที่เหลียนเซวียนจะอายุครบแปดขวบเป็ต้องมาอยู่ในตำหนักจิ่งหวาของหวังฮองเฮาเสียครึ่งปี
ตอนเหลียนเซวียนอายุแปดขวบเกิดป่วยหนัก หมอเทวดาเผยเข้าวังถวายการรักษา ไม่รู้อย่างไรถึงเอ่ยปากว่าจะรับเขาเป็ศิษย์ อู่เซวียนตี้ก็ทรงอนุญาต
หลังจากนั้น เหลียนเซวียนก็ตามหมอเทวดาเผยออกจากวัง ปีหรือสองปีจะกลับมาเมืองหลวงสักครั้ง
เฟิงอ๋องกับเหลียนเซวียนสนิทสนมกันั้แ่พวกเขายังเป็เด็ก ความสัมพันธ์จึงแน่นแฟ้นและล้ำลึกยิ่งกว่าองค์ชายพระองค์อื่นๆ
ผู้อื่นไม่รู้ว่าเหลียนเซวียนได้รับความยากลำบากจากตำหนักถิงหวาเพียงใด แต่หวังฮองเฮากับเฟิงอ๋องย่อมกระจ่างใจดียิ่ง
ยามอยู่ในตำหนักจิ่งหวาก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจนตัวอวบขาว แต่พอกลับไปตำหนักถิงหวาไม่นาน เหลียนเซวียนก็เกิดเื่อีกแล้ว
ทุกคราที่เขาเกิดเื่ หวงกุ้ยเฟยก็จะบีบน้ำตา แสร้งตำหนิตนเองว่าดูแลบุตรไม่ดี อู่เซวียนตี้ก็จะปวดร้าวใจ แล้วโยนคนมายังตำหนักจิ่งหวา
แม้แต่เฟิงอ๋องผู้มีอุปนิสัยอ่อนโยนเพียงนี้ ยังรังเกียจพฤติกรรมของหวงกุ้ยเฟยจนแทบไม่ไหว
ตอนเหลียนเซวียนยังเด็กมาก ตามแขนมักมีรอยแดงเป็จุดๆ หมัวมัวผู้มีประสบการณ์มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็าแจากการถูกเข็มทิ่มแทง
ตอนนั้นหวังฮองเฮากริ้วจัด อุ้มเหลียนเซวียนไปฟ้องอู่เซวียนตี้ แต่ผลลัพธ์ก็คือนางกำนัลข้างกายของหวงกุ้ยเฟยยอมรับความผิดไว้เสียเอง หวงกุ้ยเฟยมิเพียงไม่ถูกตำหนิ ยังร้องไห้ปานว่าโศกเศร้าเสียเหลือเกิน จนอู่เซวียนตี้ทนปวดใจไม่ได้อุ้มกลับตำหนักหวาถิงด้วยองค์เอง
นับจากนั้นเป็ต้นมา หวังฮองเฮาก็รู้ว่าเป็ไปไม่ได้ที่จะใช้เหลียนเซวียนไปสั่นคลอนความสำคัญของสตรีผู้นั้นในหัวใจของอู่เซวียนตี้
เคราะห์ดีที่ต่อมาจุดแดงตามตัวของเหลียนเซวียนก็ไม่เกิดขึ้นอีก แต่กลายมาเป็แผลฟกช้ำเขียวบ้างม่วงบ้าง เหตุผลของตำหนักถิงหวาคือองค์ชายเจ็ดซุกซน วิ่งชนหรือล้มกระแทกเอง
ตอนนั้นเฟิงอ๋องอายุยังน้อย ด้วยความเป็ห่วงน้องชายวัยเยาว์ จึงไปหาอู่เซวียนตี้ แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็การถูกตำหนิ
ดังนั้นเหลียนเซวียนจึงมีสีหน้าดื้อดึงและเ็าั้แ่อายุยังน้อยมาก
เคราะห์ดีปีที่อายุแปดขวบ เหลียนเซวียนก็โชคดีเป็ที่ต้องตาของหมอเทวดาเผย และกลายมาเป็ศิษย์น้องของผูหยางชิงหลัน จึงหลุดพ้นจากการควบคุมของสตรีผู้นั้นั้แ่นั้นเป็ต้นมา
กลับวังมาครานี้ เหลียนเซวียนหาใช่เด็กอ่อนแอไร้ที่พึ่ง ทำได้แค่อดทนเงียบๆ เหมือนเมื่อก่อน
เขาในยามนี้เป็ยิ่งกว่ากระบี่ที่ชักออกจากฝัก คมกริบและเย็นเยียบดุจน้ำแข็งเหมันต์ เพียงแค่นั่งวางแผนในกระโจมก็สามารถเอาชนะข้าศึกที่อยู่ไกลนับพันลี้
ไม่ว่าใครก็มิอาจรังแกเขาได้อีก
เฟิงอ๋องตบบ่าที่สูงกว่าตนเองอย่างมีความสุข
เหลียนเซวียนเหลือบมองสีหน้าอิ่มเอมของเฟิงอ๋อง พลันรู้สึกลนลาน
"พี่ใหญ่ เื่นี้ชะลอไว้ก่อน เอาไว้ค่อยว่ากันทีหลังเถอะ รอวันนั้นมาถึงเมื่อไร คงต้องรบกวนให้พี่สะใภ้ใหญ่ให้ความช่วยเหลือ"
"เฮ่ย ไม่รบกวน ไม่รบกวน พี่สะใภ้ใหญ่ของเ้าจะดีใจมากเสียไม่ว่า" พอเฟิงอ๋องได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งดีใจจนออกนอกหน้า
"แฮ่ม พี่สะใภ้ใหญ่ก็จะไปงานเลี้ยงวันเกิดของหย่งเจียใช่หรือไม่" เหลียนเซวียนหลุบตาเล็กน้อย หย่งเจียเกิดวันที่ยี่สิบ ยังมีเวลาอีกสี่วัน ให้เสี่ยวหรั่นออกไปเปิดตัวก่อน เื่หลังจากนั้นค่อยเป็ค่อยไปทีละก้าว
"ต้องไปอยู่แล้ว พูดถึงเื่ของหย่งเจียเ้าจะช่วยจัดการหรือไม่" เฟิงอ๋องมุ่นคิ้วขมวด เริ่มวิตกเื่งานแต่งของหย่งเจีย
