จางหวาเฟิงมาพบหลี่เสวี่ยหรู
เพราะคืนก่อนจู่ๆ ก็มีคนแถวนั้นโผล่เข้ามาขัดจังหวะ ทำให้จางหวาเฟิงไม่ทันได้ลงมือกับหลี่เสวี่ยหรูเพราะเหตุนี้เขาจึงนอนไม่หลับทั้งคืน ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากเท่านั้น ตอนที่หลี่เสวี่ยหรูยังเป็ยุวปัญญาชนอยู่ เขาไม่ควรใจอ่อนกับท่าทางอ่อนโยนและน่าสงสารของเธอเลย ต่อมาเขาถึงขั้นหลงเชื่อคำพูดหลอกลวงของเธอที่บอกว่า‘จะต้องแต่งงานกันก่อน ถึงจะร่วมเตียงกันได้นะ’
ยิ่งไปกว่านั้น พอเขานึกถึงััเนียนนุ่มและบอบบางของเธอที่เขาได้ััมันเองกับมือในคืนนั้น ทั่วทั้งร่างของเขาก็เหมือนมีไฟราคะลุกโชนขึ้นมาและนั่นยิ่งทำให้เขานอนไม่หลับไปกันใหญ่
ดังนั้นวันถัดมา เขาจึงตรงไปที่บ้านของหลี่เสวี่ยหรูทันที
“จางหวาเฟิง?”
ซย่านีะโเรียกเขา
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตน จางหวาเฟิงจึงหันกลับไปมองตามเสียงเรียก จากนั้นเขาก็ดูมีสีหน้าสับสนเล็กน้อย “เธอเป็ใคร?”
ซย่านียิ้มอย่างเ็า ชาติที่แล้วเธอไม่มีทางลืมใบหน้าของจางหวาเฟิงได้ชั่วชีวิต ทว่าผลสุดท้ายเล่าชายผู้นี้กลับจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็ใคร!
“โอ้ๆๆ ...ฉันจำเธอได้แล้ว!” จางหวาเฟิงกล่าว “เธอคือผีผู้หญิงเมื่อคืนก่อนนี่นา! ไอ้หย๋า ถ้าเธอไม่ทาปากแดงเหมือนวันนั้นมันก็ไม่ได้ดูน่ากลัวนี่หว่า”
ซย่านียิ้มอย่างโกรธเคือง “ส่วนนายก็เป็ไอ้คนอุบาทว์ที่ตาเท่าเมล็ดถั่วเขียว จมูกก็แบน ยังกล้ามาหัวเราะเยาะคนอื่นอีกงั้นหรือ? น้ำหน้าอย่างนายมาหาว่าฉันขี้เหร่เนี่ยนะไม่ดูสารรูปตัวเองบ้างเล่า”
“มารดามันเถอะ นี่เธอพูดบ้าอะไรฮะ?!” จางหวาเฟิงกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
ซย่านียังพูดเย้ยหยันอีกฝ่ายต่อ “นายมาที่นี่เพื่อมาหาหลี่เสวี่ยหรูล่ะสิท่า ฉันจะบอกนายให้นะ ครอบครัวของเขาไม่มีทางยอมรับเื่ของนายด้วยซ้ำ! สภาพแบบนี้คิดจะไปเป็ลูกเขยของรองหัวหน้าโรงงานอีกหรือ? น้ำหน้าอย่างนายน่ะ ฝันไปเถอะ! โอ้ จริงสิ ฉันพูดผิดๆ ว่ากันว่ารองหัวหน้าโรงงานแซ่หลี่คนนั้นกำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็ถึงหัวหน้าโรงงานแล้วต่างหาก จางหวาเฟิงเอ๋ย นายก็ช่างไม่ดูสารรูปตัวเองเลยนะว่านายน่ะ คู่ควรกับเธอหรือเปล่า!”
หลังจากที่ซย่านีพูดจบก็รีบขึ้นรถจักรยานและปั่นออกไปทันที ทิ้งให้จางหวาเฟิงที่กำลังยืนโกรธเป็ฟืนเป็ไฟไว้ด้านหลัง
จางหวาเฟิงโกรธมากจนโทสะพุ่งสูงเสียดฟ้า เขายังคงไม่เชื่อคำบอกเล่าของซย่านี เขาได้ััและพรมจูบไปทั่วร่างกายของหลี่เสวี่ยหรูแล้ว อีกแค่นิดเดียวทั้งเขาและเธอก็จะได้รวมเป็อันหนึ่งอันเดียวกัน แบบนี้จะไม่นับว่าเธอเป็คนของเขาได้ยังไงกัน ถ้าเธอไม่คู่ควรกับเขาแล้วจะให้ไปคู่ควรกับใครได้อีก?
หาว่าเขาไม่คู่ควรงั้นหรือ? ถ้างั้นผู้ชายหน้าไหนมันคู่ควรกันฮะ?!
หลี่เสวี่ยหรูเดินออกมาทิ้งขยะนอกบ้าน เธอเพิ่งจะโยนขยะลงถังได้ไม่นาน ตัวของเธอยังไม่ทันได้หันหลังกลับก็ถูกใครบางคนสวมกอดไว้จากด้านหลังแล้ว
หญิงสาวตื่นตระหนกเป็อย่างยิ่ง เธอพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนนั้น ทว่าเธอกลับได้ยินเสียงของจางหวาเฟิงดังขึ้นที่ข้างหู “อย่าร้องนะๆ เสวี่ยหรู นี่ฉันเอง”
ลมหายใจร้อนๆ จากปากของจางหวาเฟิงเป่าโดนใบหูของหลี่เสวี่ยหรู เธอขนลุกขึ้นฉับพลัน หญิงสาวในอ้อมกอดกลัวจะเรียกความสนใจจากเพื่อนบ้านเหมือนครั้งก่อนจึงไม่กล้าส่งเสียงร้องออกไป
มือของจางหวาเฟิงเริ่มไม่อยู่นิ่ง เขาลูบไล้ััไปตามร่างกายของหลี่เสวี่ยหรูเบาๆ
คนในอ้อมแขนพยายามดิ้นรนอย่างหนักพร้อมกับลดเสียงพูดให้เบาลง “นายจะทำอะไร? รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ! กลางวันแสกๆ แบบนี้นายไม่กลัวถูกคนอื่นเห็นเข้าหรือไง!”
เรี่ยวแรงของเธอมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจึงไม่อาจสลัดตัวให้หลุดออกจากผู้ชายที่มีแรงเยอะอย่างจางหวาเฟิงได้
จางหวาเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ทำไมฉันต้องกลัวด้วยเล่า? ฉันััผู้หญิงของฉันยังจะต้องกลัวอะไรอีก? ใครอยากมองก็ปล่อยมันมองไปสิ!”
หลี่เสวี่ยหรูคิดในใจ ‘ถ้าแกมั่นใจขนาดนี้แล้วละก็ เื่คืนก่อนตอนมีคนโผล่มา ทำไมแกถึงใกลัวจนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนขนาดนั้นด้วยเล่า?’
จางหวาเฟิงหรี่ตามองคนตรงหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้นน้ำเสียงของเขาก็เริ่มฟังดูอันตรายขึ้น “หลี่เสวี่ยหรู เธอคงไม่คิดจะลืมบุญคุณกันสินะ เธอไม่ยอมรับว่าฉันก็เป็ผู้ชายของเธอใช่ไหม? ฉันได้ยินมาว่ามีคนพยายามแนะนำผู้ชายให้เธออยู่บ่อยๆ! ทำไมฮึ เจอคนดีๆ ก็เลยดูถูกคนบ้านนอกแบบฉันใช่ไหมล่ะ? ลองคิดดูนะ หากไอ้ผู้ชายพวกนั้นรู้ว่าเธอถูกฉันััไปทั่วทั้งร่างแล้วล่ะก็ ไอ้หน้าไหนมันจะยัง้าเธออีก?”
แค่ได้ฟังจางหวาเฟิงพูดร่างของหลี่เสวี่ยหรูสั่นเทิ้มขึ้นมา พอคิดถึงความเป็ไปได้ข้อนี้เธอก็รู้สึกเหมือนหัวจะะเิ
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นก็กล่าวขึ้น “นายอย่าคิดมากสิ ฉันเปล่า...”
จางหวาเฟิงหัวเราะเ็าหนึ่งที “เธอเปล่างั้นหรือ? ถ้าเธอไม่มีใครจริงๆ ทำไมตลอดหลายปีมานี้เธอไม่เคยติดต่อฉันมาเลยล่ะ? อีกทั้งเธอยังบอกที่อยู่ผิดๆ ให้ฉันอีก ปล่อยให้ฉันต้องตามหาเธออยู่ตั้งนาน!” จางหวาเฟิงปล่อยตัวหลี่เสวี่ยหรูพร้อมกับจับตัวเธอให้หันมาเผชิญหน้า จากนั้นก็ยกฝ่ามือขึ้นหมายจะตบลงไปบนใบหน้าของหญิงสาวอย่างแรง “นังสารเลว!”
ใจเย็น! ใจเย็นๆ เข้าไว้!
หลี่เสวี่ยหรูพยายามบอกตัวเองในใจ
หลังจากนั้นเธอก็เลือกใช้ทักษะการแสดงที่ดีที่สุดของตนทันที เพียงเสี้ยววินาทีดวงตาของหลี่เสวี่ยหรูแดงก่ำ น้ำตาก็ค่อยๆ ไหลลงมา เธอเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนคนที่ไม่ได้รับความเป็ธรรม “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกนายจริงๆ นะ พ่อกับแม่ของฉันไม่ยอมให้ฉันไปเจอนายเลย ฉันกลัวว่าถ้าฉันเขียนจดหมายหานายแล้วหากถูกทางบ้านจับได้ล่ะก็ พวกเขาคงตีฉันจนตายแน่ๆ”
“จริง...จริงหรือ?” จางหวาเฟิงถามกลับ
หลี่เสวี่ยหรูมองแว็บเดียวก็รู้ว่าได้ผล! เธอพยักหน้ารัวๆ พลางกล่าวว่า “จริงแท้แน่นอน! ถ้านายไม่เชื่อลองไปถามครอบครัวที่ฉันให้ที่อยู่กับนายสิ ว่าฉันไปตามจดหมายนั่นกี่ครั้งแล้ว! หวาเฟิงนายได้เขียนจดหมายถึงฉันบ้างไหม?”
จางหวาเฟิงดูเหมือนจะเริ่มเชื่อหลี่เสวี่ยหรูแล้ว เขาพาลโกรธเพราะความอายขึ้นมา “เธอก็รู้ไม่ใช่หรือไงว่าฉันคนนี้ไม่รู้หนังสือน่ะ!”
หลี่เสวี่ยหรูนึกในใจ ‘แน่นอนว่าฉันต้องรู้น่ะสิ! ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่พูดแบบนี้หรอก!’
จางหวาเฟิงถามหลี่เสวี่ยหรูกลับ “ฉันไม่ได้เขียนจดหมายถึงเธอ แล้วเธอไม่คิดจะเขียนจดหมายถึงฉันบ้างงั้นหรือ?”
หลี่เสวี่ยหรูแสดงสีหน้าลำบากใจ “ครอบครัวของฉันเข้มงวดมาก ฉันเองก็ไม่มีเงินซื้ออากรแสตมป์หรอกนะ แต่ว่าหวาเฟิง...นายจะอยู่ที่นี่กี่วันหรือ?”
จางหวาเฟิงตะคอกใส่หลี่เสวี่ยหรูอีกครั้ง “ทำไม คิดจะไล่ฉันไปอีกงั้นหรือ?”
“ไม่ใช่นะๆ” หลี่เสวี่ยหรูส่ายหัวราวกับเป็กลองป๋องแป๋ง “ฉันไม่ได้จะไล่นายนะ ฉันก็แค่ถามดูเฉยๆ...นายดูสิ ไม่ง่ายเลยกว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกครั้ง ฉันหวังว่าจะได้อยู่กับนายให้นานขึ้นอีกหน่อยเท่านั้นเอง”
ไม่ว่าสิ่งที่หลี่เสวี่ยหรูพูดนั้นจะเป็ความจริงหรือไม่ แต่จางหวาเฟิงกลับรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก้มหน้าลงแล้วกัดริมฝีปากของหลี่เสวี่ยหรูไปหนึ่งที “ฉันชอบฟังเธอพูดแบบนี้จัง เสวี่ยหรูวางใจเถอะนะ ฉันกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ก็เพื่อมาสู่ขอเธอ พ่อของฉันไม่ชอบที่ฉันไม่ทำงานทำการและไม่ยอมหาเมียสักที เขาถึงได้ไล่ฉันออกจากบ้าน ฉันคิดดีแล้วต่อไปนี้ฉันจะอยู่กับเธอที่ปักกิ่งและจะไม่กลับไปเหยียบชนบทอีก!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้