ชีเหนียงแสร้งทำเป็ไม่เห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดของลั่วจิ่งเฉิน พอมองเห็นท่าทางดื้อรั้นพร้อมกับหน้าตาขึงขังแล้ว นางได้แต่แอบถอนหายใจอยู่เงียบๆ
ก็จริง ไยตนจึงต้องโมโหเด็กหนุ่มที่ชอบวางมาด หากเปลี่ยนเป็ตนเองในวัยเดียวกันนี้ ไม่แน่ว่าจะสามารถทลายปมในใจออกมาได้เร็วเพียงนี้เหมือนกับลั่วจิ่งเฉิน
นางยกมือขึ้นเกี่ยวเส้นผมไปทัดหลังหู จากนั้นเอ่ย “เื่ในวันนี้ เราสองคนมีจุดยืนต่างกัน มาตรฐานย่อมต่าง การมีความขัดแย้งเป็เื่ปกติยิ่งนัก” นางมองดูแววตาที่สั่นไหวเล็กน้อยของเด็กหนุ่ม โดยไม่มองข้ามความใในแววตาของเขา
“แม่ลูกทะเลาะกันเดิมทีเป็เื่ปกติของครอบครัว สิ่งที่เ้าขอมา แม่สามารถตอบรับได้” นางพูดด้วยอารมณ์ที่สุขุมและพูดถึงเื่ราวในตอนเช้าแบบผ่านๆ “ทว่า เื่นี้ไม่ได้รีบร้อน วันนี้สายมากแล้ว ข้าเองไม่คิดจะไปตั้งแผง ออกมากินข้าวก่อนเถอะ”
นางไม่ได้บอกเื่ที่ว่าขาของเขามีความหวังในการรักษาออกไปโดยตรง ในเื่นี้นางเองก็หวังให้อาการาเ็ของลั่วจิ่งเฉินดีขึ้น เพียงแต่การรักษาขานั้นเป็สิ่งที่ง่ายกว่าการสยบอุปสรรคทางใจ ดังนั้น การยอมรับการรักษาจึงจำต้องมาจากการที่ลั่วจิ่งเฉินตอบรับเองจึงจะดี
อีกทั้งลั่วจิ่งเฉินเป็คนหลักแหลม พอออกไปดูและฟังย่อมสามารถคาดเดาได้เอง
ภายในใจของลั่วจิ่งเฉินเองก็แอบใเล็กน้อย เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่านางจะมาขอสงบศึกเอง กระทั่งยกเื่ต่างจุดยืนต่างมาตรฐานมาพูด เื่ในวันนี้เดิมทีเกิดจากความจงใจของเขา อันที่จริงเขาสามารถใช้วิธีที่ดีกว่าได้ แต่เขาใจแคบเอง…
......
รอจนลั่วจิ่งเฉินออกจากห้อง ่เวลาทานข้าว เขาก็ได้รับความกระจ่างของเื่ราวคร่าวๆ
“เ้าหนุ่ม ถอดกางเกงออกสิ ข้าจะดูว่าแผลของเ้าเป็เช่นไร?”
หลิงชางไห่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะรักษาลั่วจิ่งเฉินให้หาย เขาพอคำนวณออกว่า สถานะของลั่วจิ่งเฉินในสกุลลั่วค่อนข้างสำคัญ หากสามารถช่วยรักษาเขาให้หายดี การที่ตนจะขออยู่กินอาศัยที่บ้านสกุลลั่ว จำต้องสำเร็จแน่ แต่ตอนนี้สิ่งที่ยากที่สุดคือตัวคนไข้เอง
หากว่าคนไข้ไม่ยอมและไม่ให้ความร่วมมือ แม้เขาจะเป็เทพเซียน ก็กลัวเพียงแม้มีใจแต่ไร้ซึ่งกำลัง [1]
การเร่งเร้าของหลิงชางไห่กับความวาดหวังของลั่วจิ่งซีทำให้ลั่วจิ่งเฉินหม่นหมองลงไปหลายระดับ
เขาลุกขึ้นและเดินกะเผลกมาที่ลานบ้าน มองดูข้าวของใหม่ที่เพิ่มมาในบ้าน ความลังเลใจในเดิมทีกลับค่อยๆ หายไปทีละน้อย
ใช่แล้ว ถึงอย่างไรตนเองก็พิการมาหลายปี แม้ว่าจะรักษาไม่หายแล้วอย่างไร เหมือนดั่งที่นางบอก คนเรามีมาตรฐานต่างกัน ในอดีตตนเองมักจะนำผู้มีการศึกษามาเป็เกณฑ์วัดตนเอง หวังว่าตนเองจะสามารถกลายเป็แบบอย่างในใต้หล้า สามารถมีจุดยืนในราชสำนัก เพียงพอให้อยู่โดดเด่นเหนือผู้คน
หรือว่านอกจากเล่าเรียน ตัวเขาจะไม่สามารถเดินทางอื่นได้แล้วหรือ? ก็เหมือนกับนางที่อ่านสันดานของจี้ฉงเหวินออกและพลิกโอกาสกลับตัวกลับใจใช้ชีวิตใหม่มิใช่หรืออย่างไร? คนทั่วโลกบอกว่าหญิงออกเรือนไม่สามารถทำอะไรออกหน้าออกตา แต่นางก็กำลังต่อต้านพันธะของสัจธรรมโลกมิใช่หรือ ความพยายามที่จะทำให้ครอบครัวนี้ดีขึ้นและขยันหมั่นเพียร เช่นนั้นเขาที่เป็บุรุษ เหตุใดจึงไม่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคจากสายตาคนทั้งโลก เหตุใดจึงต้องจำกัดอยู่ในโลกของตนเอง?
ลั่วจิ่งเฉินที่คิดได้กระจ่าง จู่ๆ ก็รู้สึกร่างกายแ่เบา เขายืนอยู่ในลานบ้านและแหงนหน้าขึ้นหัวเราะ
“ฮ่าๆ…อะฮ่าๆๆ…”
คนทั้งหมดมองลั่วจิ่งเฉินอย่างไม่งงงวย แต่พวกเขารับรู้ถึงกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปจากตัวลั่วจิ่งเฉินได้ ไม่มีความมืดมนและหดหู่เหมือนก่อนหน้านี้ กลับกันคือมีความเบาสบาย มีเพียงชีเหนียงที่มองเขาแล้วยกยิ้มน้อยๆ
เด็กคนนี้เหมือนจะคิดได้แล้วจริงๆ
......
เมื่อได้รับการตอบตกลงจากลั่วจิ่งเฉิน หลิงชางไห่ก็เริ่มกระบวนการรักษาเขาทันที
ขณะที่ััจุดที่กระดูกหักและร้าว ดวงตาคู่นั้นเผยความซับซ้อนออกมา
“ขาของเ้าถูกคนตีจนหักหรือ? คนประเภทใดกันที่จิตใจเหี้ยมโหดเพียงนี้?”
จากระดับการสมานของาแนี้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาถึงห้าหกปี เวลานั้นลั่วจิ่งเฉินยังเป็เพียงเด็กอายุราวสิบหนาว ใครกันกล้าลงมือเหี้ยมโหดเช่นนี้
ใบหน้าของลั่วจิ่งเฉินซีดขาวทันใด สองมือเต็มไปด้วยเส้นเอ็นที่ปูดโปนขึ้นมา
กลับกันคือลั่วจิ่งเฉินที่สุขุมเยือกเย็น เพียงแต่เอ่ยอย่างเรียบเฉย “เพียงแค่ราคาของความไม่รู้ในวัยเด็กก็เท่านั้น”
เมื่อฟังออกว่าพวกเขาไม่ยินดีจะเอ่ยถึง หลิงชางไห่เองก็ไม่ใช่คนไม่รู้กาลเทศะ ดังนั้นจึงไม่ถามต่อ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เขาบิดี้เีหนึ่งที “รักษาได้ เพียงแต่ระหว่างนั้นอาจจะทรมานอยู่บ้าง คงใช้เวลาสักหน่อย เ้าต้องเตรียมใจให้ดี”
“จริงหรือ?” ลั่วจิ่งซีเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น ดวงตาคู่นั้นถึงกับแดงก่ำ
หลิงชางไห่มองดูท่าทางตื่นเต้นของลั่วจิ่งซีและขมวดคิ้ว “แน่นอน! หากพวกเ้าเจอข้าเร็วกว่านี้ ขาข้างนี้คงหายดีนานแล้ว ทว่าพวกเ้าอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป ขั้นตอนการรักษา หากเริ่มต้นขึ้นแล้วห้ามหยุด นอกจากนี้ สมุนไพรที่จำเป็ต้องใช้ราคาก็ไม่ธรรมดา ครอบครัวพวกเ้าแบกรับไหวหรือ?”
คำพูดนี้แฝงด้วยแรงกดดันหนักอึ้ง เื่แรกยังพูดง่าย ขอเพียงหลิงชางไห่ไม่ถอดใจกลางคัน จากนิสัยแน่วแน่เด็ดเดี่ยวของลั่วจิ่งเฉินย่อมไม่เป็ปัญหาเช่นกัน เพียงแต่เื่เงินทองต่างหากคืออุปสรรคใหญ่แท้จริงในตอนนี้
“กลัวอะไร!” ชีเหนียงเปล่งเสียงทรงพลังดังขึ้นจากด้านหลัง “ตอนนี้ครอบครัวเรามีความก้าวหน้า เื่เงินค่าสมุนไพรมิใช่ปัญหา นอกจากนี้ ใช่ว่าจะต้องใช้ยาที่มูลค่าสูงลิ่วั้แ่แรก ่ระหว่างนี้เพียงพอให้เตรียมเก็บเงินแล้ว”
“ถูกต้อง ก่อนอื่น่แรกต้องใช้การนวดเป็หลักควบคู่กับการแช่น้ำสมุนไพร กล้ามเนื้อไม่ได้ขยับเป็เวลานานส่งผลให้หดตัว จำต้องฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้แข็งแรงก่อน แล้วค่อยเริ่มขั้นตอนการรักษาถัดไป”
หลิงชางไห่ลูบเครา สายตาที่มองลั่วชีเหนียงยิ่งมีความประหลาดใจไม่น้อย เดิมทีเขาคิดจะชี้ทางให้พวกเขายืมเงินกับตน ตนจะได้มีความมั่นใจอยู่ที่นี่ คิดไม่ถึงว่าลั่วชีเหนียง หญิงสาวตัวเล็กกลับมีความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ ทำให้เขาเกิดความเลื่อมใสเพิ่มขึ้นมา!
คำพูดของชีเหนียงทำให้ทุกคนโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศรอบข้างก็เริ่มผ่อนคลายช้าๆ
ความหมายโดยนัยจากคำพูดของหลิงชางไห่ก็คือ การจะเดินทางมาเช้าเย็นเพื่อรักษาลั่วจิ่งเฉินนั้นไม่สะดวก แต่ชีเหนียงกลับไม่ยอมเอ่ยปากสักที
“ท่านหลิง นี่คงไม่เหมาะสมจริงๆ ข้าเป็เพียงหญิงม่ายคนหนึ่ง ไม่เหมาะที่จะใกล้ชิดกับบุรุษภายนอกมากเกินไป”
“ข้าเคยบอกแต่แรกแล้วมิใช่หรือ ให้เ้าคำนับข้าเป็พ่อบุญธรรมก็ใช้การได้ ข้าคือพ่อเ้า ใครยังกล้าเอาไปพูดไร้สาระ”
หลายวันมานี้ เขาสืบรู้มาชัดเจน ลั่วชีเหนียงไร้ซึ่งบิดามารดาและถูกสกุลลั่วในหมู่บ้านชิงเหอเก็บมาเลี้ยงดู ส่วนตนเองก็ไม่มีลูกคอยเลี้ยงดูยามแก่เฒ่าและจัดงานศพให้ ลั่วชีเหนียงไม่เพียงเป็เลิศด้านการทำอาหาร นิสัยเด็ดเดี่ยวมองโลกในแง่ดีก็หาได้ยาก อีกทั้งเป็คนอ่านออกยาก ก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่อยากได้ลาภปาก แต่ตอนนี้กลับ้ายอมรับนางเป็ลูกจริงๆ
“ข้าเองมิได้ทำเช่นนี้กับผู้ใดก็ตามที่พบเห็น เพียงแต่รู้สึกมีวาสนากับเ้าและโดยเฉพาะกับเด็กๆ ทั้งหลายอย่างจิ่งเฉิน จิ่งซีและไหลไหลน้อย ชั่วชีวิตของข้าไม่มีลูก เลื่อมใสครอบครัวผู้อื่นที่มีลูกหลานสมบูรณ์เพียบพร้อมเป็ที่สุด”
เขาพูดพร้อมกับถอนหายใจ มีความโศกเศร้าแผ่ออกมาจากตัว “คงเพราะข้าไร้ซึ่งวาสนา…สมควรอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายไปชั่วชีวิต…”
ดูจากสภาพเขาเช่นนี้ ในฐานะที่ลั่วชีเหนียงก็เคยเป็คนอายุร่วมร้อยในอดีตชาติที่แล้ว จึงสามารถเข้าใจความทุกข์ในใจของเขา ถึงอย่างไรการมีพ่อก็มิใช่เื่เลวร้าย ในบ้านมีผู้าุโอยู่สักคน เื่ราวมากมายก็จัดการได้ง่ายขึ้น
“ข้าขอไตร่ตรองก่อน!”
-----
[1] แม้มีใจแต่ไร้ซึ่งกำลัง หมายถึง ถึงอยากทำแต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือก็ยากที่จะทำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้