เมื่อจบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองซวนเหอวันต่อมาขบวนนักโทษจึงออกเดินทางอีกครั้ง แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหลังจากพวกเขาไปแล้วเริ่มเป็ที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง เื่ที่มีสตรีฟื้นจากความตายพร้อมพรวิเศษเพื่อจัดการคนชั่ว เริ่มแพร่กระจายออกไปตามพื้นที่ต่าง ๆ อย่างรวดเร็วและมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ
แต่สำหรับฟู่หลงเหยียนเขาเชื่ออย่างสนิทใจกับเื่นี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาอยากรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรกับอวี้จิ่น ถึงทำให้นางต้องตายและเหตุผลที่นางได้ฟื้นขึ้นมาจากความตายคืออะไร หรือจะเกี่ยวกับเื่ที่นางไม่ได้รับความยุติธรรมจากฝีมือบ้านสายรอง ฟู่หลงเหยียนแม้จะอยากรู้รายละเอียดมากเพียงใดก็ไม่คิดจะถามเพราะนั่นเป็ความลับของนาง
การเดินทางยังคงเป็ไปอย่างราบรื่นเช่นที่ผ่านมาหลายหัวเมือง ซึ่งพวกเขาใกล้จะถึงเขตของเมืองเหลียนโจวที่นี่มีเจียงหยวนกับหลี่อี้ ที่เดินทางมาถึงได้สองวันและกำลังพักให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง แต่คนเป็พี่ชายที่จะได้เจอน้องสาวที่ไม่เคยเห็นหน้ากำลังตื่นเต้น จนชักชวนหลี่อี้ไปเดินหาซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับไว้รอน้องสาว
“หลี่อี้เ้าว่าน้องสาวนางจะเหมาะกับเสื้อผ้าสีอะไร ข้ายังนึกไม่ออกว่านางจะเหมือนท่านพ่อหรือท่านแม่มากกว่ากัน” เจียงหยวนเลือกไปก็ถามคนสนิทไป
“โธ่ คุณชายขอรับบ่าวก็ยังไม่เห็นคุณหนูเช่นกันนะขอรับ แล้วบ่าวจะเลือกสีที่เหมาะกับคุณหนูได้อย่างไรเล่าขอรับคุณชาย” หลี่อี้จนปัญญากับอาการตื่นเต้นของเ้านายเหลือเกิน
“ก็จริงของเ้าพวกเราต่างไม่เคยเจอนางั้แ่เล็ก และไม่เห็นการเจริญเติบโตของนางว่าเป็อย่างไร เื่เสื้อผ้าค่อยพานางมาเลือกซื้อด้วยตนเองก็แล้วกัน” เจียงหยวนนึกขึ้นได้ตามที่คนสนิทพูดมาจึงออกจากร้านผ้าไป
ฟาหยางที่ได้รับการจ้างวานมาจากคนข้างกายเสนาบดีจิน ที่ติดตามมาทันเจียงหยวนเมื่อถึงเมืองเหลียนโจว ระหว่างทางฟาหยางกับลูกน้องไม่อาจตามเป้าหมายได้ทัน ด้วยระยะทางที่เจียงหยวนออกเดินทางก่อนพวกเขาไปหลายวัน
“หัวหน้าท่านว่าเ้าคุณชายเจียงนี่จะเดินเข้าออกร้านผ้ากับร้านเครื่องประดับทำไมนักหนารึ เท่าที่พวกเราแอบตามดูไม่เห็นจะซื้ออะไรเป็ชิ้นเป็อัน ข้าเริ่มจะเมื่อยขาแล้วนะหัวหน้าวันนี้คงลงมือไม่ได้อีกตามเคย” หรงซิ่งเบื่อที่จะเดินตามเจียงหยวนเต็มที
“หากคนที่จ้างพวกเราส่งข่าวมาเร็วกว่านี้มีหรือมันจะยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ยิ่งเข้ามาในเมืองผู้คนมากมายพวกเรายิ่งลงมือไม่สะดวก ให้คนคอยเฝ้าจับตาดูไปก่อนก็แล้วกันวันไหนที่เห็นเจียงหยวนออกนอกเมือง ย่อมเป็วันที่พวกเราจะได้ลงมือสังหารตามคำจ้างวานเสียที จากนั้นก็กลับไปนอนใช้เงินกับเหล่าสาวงามทั้งหลาย”ฟาหยางก็เริ่มเบื่อเช่นกัน
“หัวหน้าช่างพูดได้ถูกใจข้ายิ่งนักคราวนี้ได้เงินมาก้อนโต คงเล่นกับสาวงามขึ้นชื่อได้หลายคนแน่ ๆ หัวหน้า ฮ่า ๆ ๆ” จื้อโหยวลูกน้องคนสนิทอีกคนของฟาหยางชื่นชอบคำพูดของเขาเช่นกัน
“อย่าลืมกำชับคนเหลืออย่าทำให้เจียงหยวนรู้ตัวเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแผนการของพวกเราจะล่มเอาได้และคนที่ตายจะเป็พวกเราเข้าใจไหม” ฟาหยางไม่้าให้เจียงหยวนรู้ตัวเพราะฝีมือการต่อสู้ของพวกเขา หากสู้สามต่อหนึ่งก็ยังไม่อาจเอาชนะได้จึงต้องหาโอกาสที่เหมาะสม เนื่องจากยามนี้ฟาหยางพาลูกน้องมาเกือบยี่สิบคน
“ทราบแล้วขอรับหัวหน้า”
ด้านเจียงหยวนที่ชักชวนหลี่อี้กลับไปพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมเช่นเดิม มีความคิดว่าอีกสองวันจะออกจากเมืองเหลียนโจว เพื่อไปรอสหายในเมืองที่ใกล้กว่านี้หรืออาจจะบังเอิญพบเจอระหว่างทาง
และก็เป็อย่างที่เจียงหยวนคิดเอาไว้เมื่อเขาออกเดินทางในอีกสองวันต่อมา เขาได้พบกับขบวนนักโทษของสหายอย่างฟู่หลงเหยียน ห่างจากเมืองเหลียนโจวเพียงแปดสิบลี้เท่านั้น แต่กลุ่มของฟาหยางที่คอยจับตาดูเขาอยู่ตลอดเวลาหลังจากเห็นเจียงหยวนเตรียมออกจากเมือง พวกเขาก็เตรียมตัวตามติดเจียงหยวนไปในระยะห่างที่ไม่ให้จับสังเกตได้
“เอ๊ะ!! คุณชายขอรับกลุ่มคนด้านหน้านั่นใช่คุณชายฟู่หรือไม่ขอรับ” หลี่อี้ที่ขี่ม้าตีคู่มากับเ้านายคอยสังเกตดูผู้คน เมื่อเห็นบุรุษลักษณะคล้ายกับสหายของเ้านายจึงลองถามเพื่อความแน่ใจ
“หืม ใช่แล้วหลี่อี้!! นั่นอาเหยียนจริง ๆ ด้วย ในที่สุดข้าก็จะได้เจอกับน้องสาวแล้วหลี่อี้ ย๊า!!” เจียงหยวนที่ดีใจมากในยามนี้เร่งความเร็วของม้าตนเองเพิ่มขึ้นทันที
“อ้าว คุณชายรอบ่าวด้วยสิขอรับ ย๊า!!”
ฟู่หลงเหยียนเห็นบุรุษที่ขี่ม้าตรงมายังกลุ่มของตนก็มิได้ใ เนื่องจากเขาจำท่าทางและม้าของเจียงหยวนได้อย่างแม่นยำ จึงได้ยกมือให้สัญญาณกับทุกคนหยุดขบวนเอาไว้ก่อน อวี้จิ่นที่รู้สึกว่ารถม้าหยุดอยู่กับที่ก็อยากรู้ว่าฟู่หลงเหยียนหยุดขบวนไว้ทำไม นางโผล่หน้าออกมาดูด้านนอกว่ามีใครมาขวางทางไม่ยอมให้เดินทางต่อหรือไม่ แต่นางไม่คิดว่าจะได้เจอกับพี่ชายของนางเร็วเช่นนี้
“ยู๊วววว!! อาเหยียน..” เจียงหยวนเรียกชื่อสหายเพียงแค่นั้นไม่คิดถามอันใดต่อ เมื่อเขาหันไปเห็นใบหน้าเรียวที่ไร้เครื่องประทินโฉม แต่กลับน่ามองอยู่บนรถม้าและนั่นทำให้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน ว่านางคือเจียงเฟิงเยี่ยนน้องสาวของเขาอย่างแน่นอน ด้วยใบหน้าที่ผสมผสานระหว่างบิดาและมารดาไว้ได้อย่างลงตัว
“ว่าอย่างไรรองแม่ทัพเจียงเ้าเรียกชื่อของข้าแต่ไม่พูดอะไร แล้วข้าจะรู้ถึงจุดประสงค์การมาของเ้าหรือไม่เล่า” ฟู่หลงเหยียนทำหน้านิ่งขรึมมองสหายของตน ที่ยามนี้เอาแต่มองไปทางรถม้าของอวี้จิ่น
“อาเหยียน! นะ นะ นาง ๆ ๆ คือน้องสาวของข้าใช่หรือไม่” กว่าเจียงหยวนจะหาเสียงของตนเองเจอก็ผ่านไปสองสามลมหายใจแล้ว
“หึ เ้าจ้องมองนางถึงเพียงนั้นยังจะถามข้าด้วยเหตุใด แต่ในเมื่อเ้าถามข้าย่อมตอบว่านางคือน้องสาวของเ้าอย่างแน่นอน เอาเป็ว่าหาจุดพักที่เหมาะสมก่อนเถิดอาหยวน จากนั้นค่อยทำความรู้จักน้องสาวของเ้าก็ไม่ยังสายมิใช่รึ” เพราะยามนี้ขบวนเดินทางขนาดย่อมอยู่บนเส้นทางหลัก หากมีชาวบ้านผ่านมาจะเป็การสร้างความเดือดร้อน
ให้พวกเขาได้
“อ้อ ใช่ ๆ ๆ เ้าพาขบวนไปหยุดตรงชายป่าด้านหน้าเถิด ข้าเพิ่งผ่านมาคิดว่าที่นั่นคงเหมาะสำหรับหยุดพักในวันนี้”
“คารวะคุณชายฟู่ขอรับ ท่านตามบ่าวมาเถิดตรงชายป่านั่นกว้างขวางพอสมควร สามารถตั้งกระโจมพักผ่อนได้อย่างสบายขอรับ” หลี่อี้ที่ตามมาทันเ้านายและได้ยินคำพูดของเจียงหยวนจึงอาสานำทางให้กับฟู่หลงเหยียน
“อืม ขอบใจมากหลี่อี้เช่นนั้นเ้านำทางไปได้เลย”
เมื่อฟู่หลงเหยียนเห็นด้วยหลี่อี้จึงขี่ม้านำทางขบวนไป แต่ในมุมหนึ่งกลุ่มของฟาหยางที่หยุดมองอยู่ไกล ๆ ก็ต้องอารมณ์เสียหลังจากเห็นเจียงหยวนเข้าไปรวมกับขบวนเดินทางนั่น ตอนนี้กลายเป็ว่าแผนการของเขานั้นยิ่งยากขึ้นไปอีก ฟาหยางจึงต้องหลบซ่อนตัวไว้ก่อนและคิดวางแผนอีกครั้ง
“บัดซบ!! ที่แท้เ้าเจียงหยวนก็เดินทางมาเพื่อรับขบวนนักโทษงั้นรึ แผนการลอบสังหารคงต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้เสียแล้ว”
“หัวหน้าเท่าที่ข้าสังเกตทหารที่ติดตามมาดูจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าใดนัก คนของเราน่าจะสังหารได้สบายมากยกเว้นบุรุษสามสี่คนนั่น”
“ใช่หัวหน้าข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับจื้อโหยวว่าบุรุษสามสี่คนนั่น ต้องมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดาเป็แน่แต่หัวหน้าสังเกตหรือไม่ ว่าในรถม้านั่นมีสตรีติดตามมาด้วยหากพวกเราใช้นางให้เป็ประโยชน์เล่าขอรับ” หรงซิ่งที่ทันได้เห็นอวี้จิ่นผลุบหัวเข้าไปในรถม้าก็นึกแผนการชั่วร้ายออกมา
“อืม เป็ความคิดที่ไม่เลวเลยเอาเป็ว่าพวกเราค่อยลงมือยามจื่อคืนนี้ หรงซิ่งเ้าคอยหาโอกาสเข้าไปจับตัวหญิงสาวผู้นั้นให้ได้ เื่หลังจากนั้นจะได้จัดการง่ายขึ้นดูท่านางจะสำคัญไม่น้อย หึ ๆ ๆ”
“ขอรับหัวหน้า”
หลังจากมาถึงจุดพักกันแล้วเฉินอิ่นและสหายอีกสองคน ได้เข้ามาทักทายทำความเคารพเจียงหยวนก่อนจะขอตัวไปทำหน้าที่ต่อ อวี้จิ่นที่ลงจากรถม้าก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ฟู่หลงเหยียน นางจ้องมองบุรุษที่มาใหม่ตาไม่กระพริบเพราะนางรู้สึกว่า ดวงตาของเจียงหยวนกับดวงตาของนางเหมือนกันมากและเขายังหน้าตาหล่อเหลา แต่เป็คนละแบบ
กับฟู่หลงเหยียนผู้เงียบขรึมเ็า ขณะที่ทุกคนยังอยู่ในความเงียบไม่มีใครพูดอะไรอวี้จิ่นจึงพูดขึ้นเอง
“ท่านก็คือพี่ชายของข้าใช่หรือไม่เ้าคะ?” อวี้จิ่นถามคำถามที่จะช่วยยืนยันคำพูดของฟู่หลงเหยียนที่ว่า ครอบครัวตระกูลเจียงยินดีต้อนรับนางกลับเข้าตระกูลจริง ๆ
“อื้ม ใช่แล้วเยี่ยนเอ๋อร์ข้าก็คือพี่ชายของเ้า เหตุใดถึงได้ซูบผอมถึงเพียงนี้เล่ามีใครกลั่นแกล้งรังแกเ้าหรือไม่” เจียงหยวนได้ยินเสียงใสราวกระดิ่งต้องสายลม ก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจเสียเหลือเกินถึงร่างกายนางจะซูบผอม แต่เสียงที่เอ่ยถามออกมากลับไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ
“อึก แหมะ! ๆ ฮึก ๆ แง๊!” ได้ยินเสียงยืนยันอย่างหนักแน่นของเจียงหยวน อวี้จิ่นไม่พูดอันใดแต่นางกลับร้องห้องไห้เสียอย่างนั้น ทำเอาบุรุษทั้งสองใว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่
“จิ่นเอ๋อร์!!”
“เยี่ยนเอ๋อร์!!”
“จิ่นเอ๋อร์ร้องไห้ด้วยเหตุใดบอกพี่มาเร็วเข้าเ้าเ็ปที่ใดหรือไม่” ฟู่หลงเหยียนที่อยู่ใกล้กว่าเอ่ยถามอย่างเป็ห่วง
“น้องข้า ๆ เ้าเป็อะไรอย่าร้อง ๆ ประเดี๋ยวพี่ใหญ่ก็ร้องตามเ้าอีกคนหรอก ไม่ร้องนะถ้ามีใครรังแกเ้ารีบบอกพี่ใหญ่ได้เลยพี่ใหญ่จะไปจัดการพวกมันให้เ้าเอง หมับ!!” เจียงหยวนที่ก้าวเข้าไปปลอบอวี้จิ่นอีกคนพอพูดจบเขาก็เอื้อมมือไปจับมือบางไว้
เมื่ออวี้จิ่นได้ัักับมือของพี่ชายที่เพิ่งพบหน้า นางจึงหยุดร้องไห้และเงียบเสียงไปจนทั้งสองคนเริ่มใจคอไม่ดี ที่นางหยุดร้องไห้เพราะภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ของเจียงหยวน มันกำลังวิ่งไปมาให้นางเห็นเื่ราวในชีวิตมากมาย แม้แต่การเดินหาซื้อของฝากให้นางเมื่อไม่กี่วันก่อน อวี้จิ่นเห็นกลุ่มของฟาหยางที่สะกดรอยตามพี่ชายมาตลอดทาง
“ฮึก พี่ใหญ่เ้าคะ”
“หืม ว่าอย่างไรเยี่ยนเอ๋อร์อยากจะบอกอันใดกับพี่งั้นหรือ” เจียงหยวนคิดว่าน้องสาวจะบอกถึงคนที่รังแกทำร้ายนางแต่มันกลับไม่ใช่
“พี่ใหญ่ท่านไม่รู้ตัวเลยหรือเ้าคะว่ามีคนแอบติดตามท่านมาตลอดทาง และข้าคิดว่าตอนนี้คนพวกนั้นคงซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพื่อรอเวลาลงมือสังหารท่านก็เป็ได้นะเ้าคะ”
“ห๊า!! เยี่ยนเอ๋อร์เ้าพูดล้อเล่นอันใดกันั้แ่ออกจากเมืองหลวง พี่ก็เดินทางมากับหลี่อี้แค่สองคนเท่านั้นไม่ว่าจะแวะพักที่ใด ก็ไม่รู้สึกถึงคนที่เ้าว่ามาเลยนะว่าแต่ที่เ้าพูดมาฟังดูแปลก ๆ นะ” เจียงหยวนงุนงงว่าเหตุใดน้องสาวของเขาถึงพูดจาคล้ายพวกหมอดูพเนจรนัก
“จิ่นเอ๋อร์ที่เ้าพูดมาเมื่อกี้เห็นชัดหรือไม่ว่าพวกมันมากันกี่คน และสิ่งที่พวกมันพูดออกมาคือการสังหารพี่ชายของเ้าแน่นอนใช่ไหม” ฟู่หลงเหยียนที่เชื่อสิ่งที่นางพูดจึงรีบถามเพื่อความแน่ใจ เพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือกับคนกลุ่มนั้นได้ทันท่วงที
“แน่ใจเ้าค่ะพี่ชายฟู่มีคนจ้างพวกเขามาสังหารพี่ใหญ่ ส่วนคนที่สะกดรอยตามมีเพียงสามคนแต่ว่าข้าได้ยินสามคนนี้พูดว่า ‘คนของเรา’ น่าจะหมายถึงจำนวนหลายคนกระมังเ้าคะ” อวี้จิ่นบอกตามที่นางเห็นในนิมิตเท่านั้น
“อาเหยียนนี่น้องสาวของข้ากำลังพูดถึงเื่อะไรอยู่งั้นหรือ” เจียงหยวนหันไปถามสหายเมื่อเขาไม่เข้าใจเื่ที่นางพูดมา
“ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรมากเลยอาหยวน สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนคือเตรียมรับมือกับพวกนักฆ่าก่อนเถิด ส่วนเื่ที่ว่าจิ่นเอ๋อร์รู้ได้อย่างไรเกี่ยวกับคนที่แอบสะกดรอยตามเ้า ไว้จัดการเื่นี้จบแล้วเ้าค่อยถามกับนางด้วยตนเองก็ย่อมได้” ฟู่หลงเหยียนเข้าใจสิ่งที่สหายอยากรู้แต่ยามนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องรู้
“ได้ หลังจัดการเ้าพวกนักฆ่าพวกนั้นจบค่อยมานั่งคุยกัน หากเ้ารู้สิ่งใดมาต้องเล่าให้ข้าฟังทั้งหมดอย่างละเอียด หลี่อี้!”
“ขอรับคุณชาย”
“เ้าช่วยไปตามพวกเฉินอิ่นมาพบอาเหยียนหน่อย พวกเรามีเื่ด่วนต้องรีบวางแผนรับมือกับคนบางกลุ่ม”
“ขอรับ”
คล้อยหลังหลี่อี้ที่เดินออกไปไกลอวี้จิ่นจึงถามทั้งสองคน หากพวกเขาต้องจัดการเื่นักฆ่านั่นแล้วนางต้องทำอย่างไร
“เอ่อ แล้วข้าต้องทำอะไรบ้างเ้าคะ”
“ขวับ!!/ขวับ!!”
‘หันมามองพร้อมกันทำไม?’
“ไม่ต้องทำสิ่งใด!!/ไม่ต้องทำสิ่งใด!!”
‘เอ๊า พูดเหมือนกันไปอี๊ก’
“อะ อ่อ ไม่ทำก็ไม่ทำเ้าค่ะ ฮึ” อวี้จิ่นไม่รู้จะพูดอะไรต่อเมื่อเจอคำตอบที่ได้รับนั้น บ่งบอกว่าอย่าได้ทำตัวไม่เชื่อพวกเขาเป็อันขาด
“ยะ ตกลงว่าเ้าอยากให้พี่กับพี่ชายของเ้าเรียกชื่อไหนรึ พวกเราจะได้เรียกเหมือนกันไม่เช่นนั้นจะทำเ้าสับสนได้” ฟู่หลงเหยียนเกือบจะเรียกชื่อของนางตามสหายดีที่นึกเื่นี้ขึ้นมาได้เสียก่อน
“อ้อ เช่นนี้นะเ้าคะเื่ชื่อเรียกข้าขอให้เรียกชื่ออวี้จิ่น ถือเสียว่าข้าได้เกิดใหม่ในชื่อนี้เมื่อชื่อเดิมถูกคนคิดสังหารให้ตาย พี่ใหญ่ก็เรียกข้าว่าจิ่นเอ๋อร์อย่างที่พี่ชายฟู่เรียกก็ได้เ้าค่ะ” เพราะนางได้เกิดใหม่ในร่างนี้ภายใต้ชื่ออวี้จิ่นจึงอยากใช้ชื่อนี้มากกว่า
“ได้สิพี่ใหญ่ย่อมแล้วแต่การตัดสินใจของเ้า ไว้พี่จะช่วยอธิบายเื่ชื่อให้ท่านพ่อกับท่านแม่เข้าใจเอง” ไม่ว่าอวี้จิ่น้าอะไรยามนี้เจียงหยวนล้วนตามใจนาง
“อืม เอาล่ะมาพูดเื่ของเ้านะจิ่นเอ๋อร์พี่คิดว่านักฆ่าพวกนั้น ต้องลงมือกลางดึกตอนที่พวกเรานอนหลับไปแล้ว คืนนี้เ้าต้องอยู่บนรถม้าอย่าได้ออกมาด้านนอกเด็ดขาด พี่จะให้ตงลู่คอยอารักขาเ้าเผื่อมีนักฆ่าหลุดรอดไปที่นั่น รออยู่ข้างในจนกว่าพี่หรืออาหยวนจะเป็คนเรียกเ้า รวมถึงพวกเฉินอิ่นที่จะเรียกเ้าให้ออกมาได้ แต่นอกเหนือจากนี้อย่าได้เชื่อจงเงียบเอาไว้เข้าใจหรือไม่” ฟู่หลงเหยียนไม่อยากให้นักฆ่าใช้นางเป็ข้อต่อรอง
“จิ่นเอ๋อร์ทำตามที่อาเหยียนพูดนั้นถูกต้องแล้วนะ พวกพี่จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังยามต่อสู้อย่างไรเล่า” เจียงหยวนเห็นด้วยกับสิ่งที่สหายบอกกับน้องสาว
“รับทราบเ้าค่ะข้าจะอยู่ในรถม้าเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียงรบกวนสมาธิพวกท่านแน่นอน แต่พวกท่านจะต้องจับเป็หัวหน้านักฆ่าไว้นะเ้าคะ ข้าอยากรู้ว่าใครที่บังอาจส่งนักฆ่าพวกนี้มาสังหารพี่ใหญ่เ้าค่ะ” นอกจากมีคนคิดร้ายกับเ้าของร่างนี้แล้ว คนในครอบครัวก็ยังมีคนปองร้าย้าสังหารให้ตายอีก
“อืม/ได้”
แน่นอนว่าทั้งพี่ชายและบุรุษที่ถูกอวี้จิ่นตกหัวใจไปได้ พวกเขาย่อมทำตามที่นาง้าอย่างไม่ต้องสงสัย และฟาหยางผู้เป็หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าที่แม้จะพอมีฝีมือการต่อสู้นั้น เขาจะต้องเจ็บตัวจนถูกเจียงหยวนจับเป็ให้กับอวี้จิ่นได้ใช้ความสามารถพิเศษค้นหาผู้จ้างวาน และเมื่อได้ยินชื่อคนผู้นั้นจากปากของอวี้จิ่นพวกเขาก็รู้ได้ทันที ว่าคนที่้าให้เจียงหยวนตายอยู่กลางป่าคือผู้ใด
