บนอัฒจันทร์หลัก องค์าาจ้าวเผยสีหน้าปลื้มปีติ เมื่อคืนวานเย่เฟิงให้คำมั่นสัญญาว่าตนจะเป็ผู้ชนะในศึกตัดสินวันนี้
วันนี้เย่เฟิงทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว เขาเอาชนะซือคงเสวียนอัจฉริยะชั้นยอดแห่งสำนักชิงอวิ๋นต่อหน้าสาธารณชน และกลายเป็ราชบุตรเขยแห่งอาณาจักรจ้าวอย่างสมน้ำสมเนื้อ
จ้าวซินอี๋ลุกขึ้นจากที่นั่งช้า ๆ พร้อมกับร่างเปล่งแสงเป็ประกายดุจดั่งเทพธิดา ใบหน้าอันงดงามของนางยังเปื้อนรอยยิ้มสดใส ซึ่งรอยยิ้มนี้ราวกับทำให้ทุกสรรพสิ่งในโลกสูญสิ้นสีสัน สวยจนแทบหยุดหายใจ
เย่เฟิงชนะแล้ว เขาเอาชนะซือคงเสวียน ั้แ่วันนี้เป็ต้นไปเย่เฟิงก็คือราชบุตรเขยแห่งอาณาจักรจ้าว ไม่มีสิ่งใดจะมาหยุดยั้งได้
นาทีนี้ผู้คนต่างอารมณ์เดือดพล่าน ผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรจ้าวหลาย ๆ คนต่างส่งเสียงแสดงความยินดีกับเย่เฟิง ชายชาวอาณาจักรจ้าวผู้นี้สร้างปาฏิหาริย์ของเขาเอง ด้วยการเอาชนะซือคงเสวียนที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดด้วยตบะขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 คว้าชัยชนะในศึกตัดสินของการประลองยุทธ์เลือกคู่ และนับจากนี้ไป หัวหน้าสี่อัจฉริยบุรุษแห่งแดนชิงอวิ๋นจะเปลี่ยนมือ เย่เฟิงก้าวขึ้นเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแดนชิงอวิ๋นในหมู่รุ่นเยาว์ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี
บนเวทีประลอง เย่เฟิงเช็ดเืที่มุมปากของตนเอง ก่อนจะหันไปมองซือคงเสวียนที่นอนกองบนพื้นไม่ไกลออกไปด้วยหน้าขาวซีด “นี่น่ะหรือพลังอันแกร่งกล้าที่เ้าซือคงเสวียนภูมิใจนักภูมิใจหนา? แต่กลับแพ้ข้าที่มีตบะต่ำกว่าหกขั้น เ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?”
ซือคงเสวียนเผยสีหน้าบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด เขามองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาตแค้น “ข้าแพ้แล้วก็จริง แต่เมื่อใดที่ข้าบรรลุขั้นยุทธ์เทวะ เมื่อนั้นข้าก็จะสังหารเ้าได้อย่างง่ายดาย!”
ผู้คนได้ยินเช่นนั้นก็ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย แม้ครั้งนี้ซือคงเสวียนจะพ่ายแพ้เย่เฟิง แต่ก็ไม่มีผู้ใดปฏิเสธความเก่งกาจของเขา บัดนี้ตบะของซือคงเสวียนบรรลุขั้นยุทธ์แท้สูงสุด เหลืออีกเพียงก้าวก็จะบรรลุขั้นยุทธ์เทวะ ซึ่งเขายังอายุไม่ถึง 23 ปี การที่สามารถมีตบะขั้นนี้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ก็ถือว่าเป็สัตว์ประหลาดแล้ว
เมื่อซือคงเสวียนบรรลุขั้นยุทธ์เทวะ เช่นนั้นก็จะกลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะที่มากฝีมือที่มีอายุเพียงแค่ 20 กว่าปี เวลานั้นเย่เฟิงในขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 นับเป็สิ่งใดกัน? ต่อให้เย่เฟิงมีพร์ที่ฝืนชะตาฟ้าลิขิต แต่จะเป็คู่ต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะได้อย่างไร
“เข้าขั้นยุทธ์แท้สูงสุด ซึ่งสูงกว่าข้าถึงหกขั้น แต่พอแพ้ข้ากลับพูดจาน่าขันเช่นนี้ ข้ารู้สึกเศร้าใจกับเ้าจริง ๆ !” เย่เฟิงยิ้มหยัน เมื่อกล่าวจบ เย่เฟิงก็ไม่สนใจอีกฝ่าย จากนั้นเดินไปที่ข้างเวทีประลอง
“บัดซบ!” ผู้ฝึกยุทธ์สำนักชิงอวิ๋นที่มากับซือคงเสวียนต่างเผยหน้าเขียว เย่เฟิงชนะซือคงเสวียน ทั้งยังเป็การเอาชนะข้ามระดับถึงหกขั้น นี่เท่ากับเป็การตบหน้าพวกเขาสำนักชิงอวิ๋น แล้วพวกเขาจะดีใจได้อย่างไรกัน
สีหน้าของผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรเว่ยก็ดูไม่ได้เช่นกัน ก่อนหน้านี้องค์ชายเว่ยฉีเทียนมาสู่ขอถึงอาณาจักรจ้าว แต่ด้วยการกดดันจากราชวงศ์เว่ย องค์าาจ้าวถึงขั้นจัดพิธีสมรส แต่เพราะเย่เฟิงผู้นี้ได้ทำลายแผนการของอาณาจักรเว่ยจนพังไม่เป็ท่า
เมื่อวานเอาชนะเว่ยเจิ้นเทียนซึ่งเป็องค์ชายแห่งอาณาจักรเว่ย ทั้งยังมอบความอัปยศอดสูให้กับอาณาจักรเว่ย มาบัดนี้ยังเอาชนะซือคงเสวียนได้อีก จนแย่งชิงตำแหน่งราชบุตรเขยไปจากมือของอาณาจักรเว่ย บัญชีนี้เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาอาฆาตแค้นจนฉีกกระชากร่างเย่เฟิงเป็หมื่น ๆ ชิ้น แน่นอนว่าย่อมเป็เื่ยากที่จะขจัดความเกลียดชังออกจากใจของพวกเขา
บนอัฒจันทร์หลัก องค์าาจ้าวลุกขึ้นจากที่นั่งช้า ๆ พร้อมกับมองเย่เฟิงด้วยสายตาชื่นชม จากนั้นกล่าวกับทุกคนว่า “ผลแพ้ชนะปรากฏแล้ว เย่เฟิงก็คือผู้ชนะ ดังนั้นข้าขอประกาศให้ทราบว่า เย่เฟิงได้กลายเป็ว่าที่ราชบุตรเขยของอาณาจักรจ้าวข้าและจะแต่งกับซินอี๋ ทุกท่านเดินทางมาไกล ข้ารู้สึกขอบคุณเป็อย่างมาก หลังจากนี้ทางราชวงศ์จ้าวจะเตรียมสุราอาหารไว้ที่ตำหนักเทียนอี้ เชิญทุกท่านไปลิ้มลองก่อนออกเดินทางได้ตามสบาย”
ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ดวงตาสั่นไหวไปครู่หนึ่ง บัดนี้เย่เฟิงเอาชนะซือคงเสวียนและกลายเป็ราชบุตรเขย มันเป็โชคชะตาที่์ลิขิตไว้แล้ว ไม่มีผู้ใดกล้ากังขา แต่กองกำลังเ่าั้ที่มีความแค้นกับเย่เฟิงเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก หลังจากเป็ราชบุตรเขย พวกเขาก็จะจัดการเย่เฟิงไม่ได้ง่าย ๆ แล้ว ซึ่งในกองกำลังเหล่านี้รวมถึงตระกูลตู๋กู ตระกูลโจว ตระกูลเฉิน และนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่
นอกจากนี้ องค์ชายใหญ่จ้าวหยางและเซิ่งอ๋องยังเผยสีหน้าอึมครึม นี่เป็สิ่งที่พวกเขาไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุด เมื่อเย่เฟิงกลายเป็ราชบุตรเขย แน่นอนว่าต้องได้รับความคุ้มครองจากองค์าาจ้าว ผนวกกับตำแหน่งโหว พวกเขาก็แทบหาโอกาสจัดการเย่เฟิงไม่ได้
“สวะนี่ได้เป็ราชบุตรเขย ต่อไปพวกเราอยากฆ่าเขาอีก เกรงว่าคงไม่ง่ายเช่นนั้นแล้ว!” เซิ่งอ๋องสื่อสารผ่านจิตกับจ้าวหยาง พร้อมดวงตาเผยประกายเย็นเยือก
“ตราบใดที่เขายังไม่ได้แต่งกับซินอี๋ พวกเรายังมีโอกาสลงมืออยู่ เื่นี้ต้องวางแผนให้รอบคอบ” องค์ชายใหญ่จ้าวหยางตอบกลับเซิ่งอ๋องผ่านจิตเช่นกัน ซึ่งเย่เฟิงกลายเป็ศัตรูอันดับหนึ่งของพวกเขาสองคนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“องค์าา พวกเราผู้ฝึกยุทธ์ต้าเว่ยไม่รบกวนแล้ว ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!”
ทางฝั่งอาณาจักรเว่ย ผู้ฝึกยุทธ์วัยกลางคนผู้หนึ่งลุกขึ้นจากที่นั่ง ก่อนจะกล่าวเช่นนั้นพร้อมคำนับองค์าาจ้าว คนผู้นี้ก็คือชินหวังท่านหนึ่งของอาณาจักรเว่ยและมีอำนาจในอาณาจักรเว่ย
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ งั้นข้าจะไม่บังคับทุกท่านให้รั้งอยู่ต่อ เชิญทุกท่านตามสบาย!” องค์าากล่าวกับชินหวังอาณาจักรเว่ย โดยไม่รู้สึกโกรธเคือง
“เมืองลอยฟ้าทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!”
“สำนักชิงอวิ๋นทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!”
“อาณาจักรเหลียงทูลลาพ่ะย่ะค่ะ!”
..........
หลังจากองค์าาจ้าวประกาศสิ้นสุดการประลองยุทธ์เลือกคู่ ผู้ฝึกยุทธ์จากกองกำลังต่าง ๆ ก็ทยอยกันขอตัวลา อย่างเช่นอาณาจักรเว่ย เมืองลอยฟ้า อาณาจักรเหลียง หรือแม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์สำนักชิงอวิ๋นที่มากับซือคงเสวียน พวกเขาไม่มีหน้าให้อยู่ต่ออีกแล้ว
พวกเขามาเยือนอาณาจักรจ้าวอย่างองอาจและผ่าเผย คิดว่าตนเองสูงส่ง ไม่มีผู้ใดในแดนชิงอวิ๋นทัดเทียมพวกเขาได้ และยิ่งไม่สนใจสถานที่เล็ก ๆ อย่างอาณาจักรจ้าว แต่ในระหว่างการประลองยุทธ์เลือกคู่ พวกเขากลับถูกเย่เฟิงเหยียดหยามจนอับอายขายหน้า ขืนอยู่ต่อไปก็รังแต่จะเพิ่มปัญหา
ถึงอย่างนั้นองค์าาจ้าวก็คาดคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเื่เช่นนี้ เขาจึงน้อมส่งด้วยท่าทีปกติ
ผ่านไปไม่นาน ผู้ฝึกยุทธ์จากกองกำลังต่าง ๆ ก็แยกย้ายกลับไปกันเกือบหมด เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ต่อ พวกเขาเตรียมตัวที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงที่ทางราชวงศ์จ้าวจัดขึ้นก่อนจะเดินทางกลับ
เวลาได้ล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยง งานเลี้ยงราชวงศ์ก็จัดขึ้นอย่างเป็ทางการ ซึ่งงานนี้มีการต้อนรับแขกเป็อย่างดีและมีมาตรฐานสูงสุดจากราชวงศ์ ในงานเลี้ยงอุดมไปด้วยสุราและอาหารชั้นเลิศ ทั้งยังมีอาหารหลายประเภทที่มีสรรพคุณมหาศาล ทำให้ใครก็ตามที่รับประทานมีพลังกายแกร่งและเพิ่มพูนตบะ
เย่เฟิงและจ้าวซินอี๋กลายเป็ตัวละครหลักของวันนี้ แน่นอนว่าเมื่อมาถึงงานเลี้ยงก็ถูกจัดให้นั่งในที่หนึ่ง ซึ่งพวกเขาสองคนดูสนิทสนมกันอย่างเห็นได้ชัด
บุรุษหล่อเหลา สตรีงดงาม เข้ากันราวกับกิ่งทองใบหยก ทำผู้คนในที่แห่งนั้นต่างพากันอิจฉาตาร้อน
งานเลี้ยงมีองค์าาจ้าวเป็เ้าภาพ ข้าราชบริพารที่มียศถาบรรดาศักดิ์ในอาณาจักรจ้าวและขุนนางบุ๋นบู๊ต่างทยอยมาถึงงาน พาบรรยากาศครึกครื้น แต่หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง องค์าาก็เรียกเย่เฟิงและจ้าวซินอี๋เข้าไปพบทันที
“เย่เฟิง ั้แ่วันนี้เป็ต้นไปเ้าก็คือราชบุตรเขยแห่งอาณาจักรจ้าว ข้าอยากรู้ว่าเ้าจะแต่งกับซินอี๋เมื่อไหร่?” องค์าาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ัเอ่ยถามเย่เฟิง นี่ทำให้จ้าวซินอี๋ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เย่เฟิงรู้สึกหน้าร้อนผ่าว
หลังจากผ่านเื่มามากมาย ในที่สุดนางและเย่เฟิงก็ได้ลงเอยกันเสียที และการที่ได้อยู่กับชายอันเป็ที่รัก แน่นอนว่าจ้าวซินอี๋ย่อมมีความสุข
“ผู้น้อยคิดว่าฝ่ายชายควรมั่นคงก่อนแล้วค่อยพูดเื่แต่งงาน อีกอย่างข้าและซินอี๋ยังอายุน้อยทั้งคู่ ตอนนี้ข้ายังไม่สามารถปกป้องซินอี๋ได้ ถือว่ายังไม่มีคุณสมบัติที่จะแต่งกับนาง ดังนั้นเื่แต่งงานจักต้องวางแผนกันยาว ๆ” เย่เฟิงกล่าวพร้อมคำนับองค์าา ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากแต่งกับจ้าวซินอี๋ แต่ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่สงบ เย่เฟิงก็ยังมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ
บัดนี้ศัตรูของเย่เฟิงมีมากเกินไป คนที่อยากฆ่าเขาก็มีมากราวกับขนวัวเสียอีก นี่คือปัจจัยที่ทำให้เย่เฟิงไม่อาจจะเอาตัวเองอยู่เหนือปัญหาได้ ดังนั้นเขาจำเป็ต้องพิจารณาถึงคนรอบกาย ถึงอย่างไรเขาในตอนนี้ก็ไม่สามารถคาดคะเนถึงอนาคตของตน จึงยิ่งไม่อยากให้จ้าวซินอี๋ต้องมาเจอเื่ร้าย ๆ เพราะเขา
จ้าวซินอี๋ได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็หน้านิ่งไปเล็กน้อยและอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ แต่เมื่อนางไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ก็เข้าใจเย่เฟิง รู้ว่าเย่เฟิงหวังดีต่อนาง นางเชื่อว่าความรู้สึกของทั้งสองคนจะไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้
องค์าาขมวดคิ้วเล็กน้อย คำพูดของเย่เฟิงใกล้เคียงกับการปฏิเสธเขา นี่ช่างใจกล้ายิ่งนัก แต่องค์าาก็เข้าใจเย่เฟิงได้ จึงข่มอารมณ์ไว้ในใจ ก่อนจะเอ่ยถามเย่เฟิงว่า “ในเมื่อเ้ายังไม่อยากแต่งกับซินอี๋ เช่นนั้นเ้าก็ต้องกำหนดเวลา”
“3 ปี ภายใน 3 ปีเมื่อข้าเย่เฟิงบรรลุขั้นยุทธ์เทวะ เมื่อนั้นข้าจะมาสู่ขอซินอี๋ ถึงตอนนั้นข้าจะทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วทั้งแดนชิงอวิ๋นมาร่วมแสดงความยินดี จัดพิธีสมรถอันทรงเกียรติและยิ่งใหญ่ให้ซินอี๋!” เย่เฟิงกล่าวด้วยความมั่นใจ นาทีนี้ความมุ่งมั่นเฉิดฉายอยู่บนตัวชายหนุ่มที่อายุไม่ถึง 17 ปี
เขาบอกว่า ตนจะบรรลุขั้นยุทธ์เทวะภายใน 3 ปี ทั้งยังจะให้ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วทั้งแดนชิงอวิ๋นมาร่วมแสดงความยินดีในพิธีสมรสของเขาและจ้าวซินอี๋
ถ้อยคำเช่นนี้ออกมาจากปากของชายหนุ่มที่อายุไม่ถึง 17 ปี ฟังดูแล้วช่างน่าภูมิใจ อีกอย่างในถ้อยคำนี้ไม่เพียงแต่แฝงความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่น แต่ยังเป็การถามว่าในแดนชิงอวิ๋นมีชายใดบ้างที่กล้าเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้?
องค์าาจ้าวและจ้าวซินอี๋ได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน ทั้งยังมองเย่เฟิงด้วยสายตาประหลาดใจ แม้พวกเขาจะเชื่อมั่นในตัวเย่เฟิงและรู้ดีว่าพร์ของเย่เฟิงเป็อย่างไร แต่หลังจากได้ฟังเย่เฟิง ในใจลึก ๆ ก็สั่นไหวขึ้นมา
“เ้าแน่ใจหรือว่าจะบรรลุขั้นยุทธ์เทวะได้ภายใน 3 ปี?” องค์าาจ้าวเอ่ยถามเย่เฟิงด้วยน้ำเสียงแฝงความผันผวนเล็กน้อย
“ข้ามั่นใจ” เย่เฟิงพยักหน้า
“งั้นก็ดี ข้าจะเฝ้ารอวันนั้นที่เ้าจะทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้”
องค์าาเห็นเย่เฟิงยืนกรานเช่นนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเพียงหวังว่าบุตรสาวของตนจะเป็ดังที่เย่เฟิงกล่าวไว้เช่นนั้น สามารถแต่งงานได้อย่างเชิดหน้าชูตา
“ข้าแต่งตั้งเ้าเป็คังผิงโหว มอบศักดินาที่ดินไท่โจวถึงโยวโจวเก้าเขต วันรุ่งขึ้นเ้าก็จงไปรับตำแหน่งอย่างเป็ทางการ!” องค์าากล่าว
“ผู้น้อยรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!” เย่เฟิงกล่าวพร้อมโค้งคำนับองค์าา
เขานั้นค้นหาพลังเพื่อ้าฟื้นฟูตระกูลเย่ในภายภาคหน้ามาตลอด ซึ่งเขามาที่เมืองหลวงได้เกือบสองปีแล้ว ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เขาจะกลับไปเยือนเมืองโยวโจว
หลังจากออกจากวังหลวง เย่เฟิงก็กลับไปยังสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แจ้งเื่ที่ตนเตรียมตัวไปรับตำแหน่งที่ไท่โจวถึงโยวโจวเก้าเขตให้ฉินเจิ้นถิงทราบ ซึ่งฉินเจิ้นถิงไม่คัดค้านเื่นี้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามกองกำลังฝ่ายองค์ชายใหญ่จ้าวหยางเคลื่อนไหวก่อการร้ายกับสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมาตลอด กองกำลังอย่างสำนักชิงอวิ๋น อาณาจักรเว่ย อาณาจักรเหลียง และเมืองลอยฟ้าต่างก็หมายหัวเย่เฟิง อาจกล่าวได้ว่าอาณาจักรจ้าวตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวาย ไม่มีผู้ใดคาดการณ์ได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ดังนั้นสิ่งที่เย่เฟิงต้องทำภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็คือเพิ่มพูนพลังของตัวเองให้ได้มากที่สุด
ตราบใดที่แข็งแกร่งขึ้น เช่นนั้นจึงจะสามารถรับมือกับเื่ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้
