“เ้าคือจิงโม่”
เว่ยซูหานมองไปที่ร่างที่ซ่อนอยู่หลังฉากกั้น ใช้น้ำเสียงที่หนักแน่น อยากจะเดินอ้อมฉากกั้นไปพบผู้ช่วยชีวิตของเขา แต่ถ้าเขาไปจิงโม่ก็ต้องหนีไปแน่ ดังนั้นจึงปล่อยมันก่อน
จิงโม่ยืนอยู่ด้านหลังฉากกั้นและถามด้วยเสียงแหบแห้ง “ฮูหยินน้อยมีคำแนะนำอะไรบ้างหรือไม่?”
เว่ยซูหาน “ไม่กล้าให้คำแนะนำเลย แค่อยากขอบคุณที่เ้าช่วยชีวิตข้าในครั้งนั้น”
จิงโม่เงียบไปครู่หนึ่ง
“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าแค่ทำตามข้อตกลงของคุณชายเท่านั้น คนของคุณชายข้าต้องปกป้อง ข้าจะต้องทำอย่างสุดความสามารถ ถ้าไม่มีอะไรอื่น เช่นนั้นข้าขอตัวลา หวังว่าฮูหยินน้อยจะไปถึงหนานฮั่นโดยเร็ว ลาก่อน”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เมื่อเว่ยซูหานพูดจบ ได้แค่ยินเสียงลมเท่านั้น จิงโม่ออกไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ เว่ยซูหานเดินไปที่หน้าต่างเพื่อดู เขาได้หายไปนานแล้ว แค่ปิดหน้าต่างอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจในใจ
จิงโม่นั้นแข็งแกร่งมาก เขาไม่สามารถค้นหาความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้ จริงๆ แล้วพวกเขาอาจมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน แต่จิงโม่นั้นเก่งเื่การลอบสังหาร เกรงว่าเขาสามารถเอาชนะได้โดยที่แม้แต่เขาเองก็ตรวจสอบไม่ได้ ความแข็งแกร่งของเขาต้องอยู่ในพรรคเจิ้นที่ดีที่สุด
หลังจากจิงโม่ออกไป ในตอนกลางคืน เว่ยซูหานสวมเสื้อคลุมที่มีหมวกแล้วออกจากโรงเตี๊ยม เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามเขามา จึงมุ่งหน้าไปในป่าที่เงียบสงบ ก่อนจะขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ลึกลงเข้าไปในป่า
เกือบเที่ยงคืนแล้ว ฝนก็ตกหนักขึ้น ใบไม้ก็เริ่มส่งเสียงดังจากฝนที่ตกกระทบ และหลังจากนั้นเกือบยามสองก็มีเสียงอื่นดังขึ้นท่ามกลางสายฝนจากที่ไกลๆ แต่ก็เหมือนอยู่ใกล้ๆ ไม่นานก็ชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมที่มีหมวกปรากฏตัวขึ้นใต้ต้นไม้
คนที่อยู่ใต้ต้นไม้ไม่ได้มองขึ้นไปบนต้นไม้ แต่หันหลังกลับให้ต้นไม้แล้วพูดว่า
“ท่านผู้มีเกียรติมาเยี่ยม บ่าวต้องขออภัยที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับ”
เสียงที่ไพเราะนั้นดูเ็า แต่มีเสน่ห์มากกว่าและเป็เอกลักษณ์มาก
เว่ยซูหานซึ่งอยู่บนต้นไม้ เอามือรองคอแล้วไอเบาๆ ก่อนจะเอ่ยค่อนข้างคลุมเครือว่า
“เ้าเปลี่ยนไปมาก แม่นางซือซือ ดูเหมือนว่า่นี้เ้าจะมีชีวิตที่ดีในหอเยียนจือ”
ซือซือเอ่ยเสียงต่ำ “ขอบคุณท่านที่ชม”
เว่ยซูหาน “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอให้เ้าสมหวังในเร็ววัน”
ซือซือ “ขอบคุณเ้าค่ะ บ้านของบ่าวไม่เคยลืมบุญคุณของท่าน”
เว่ยซูหาน “อืม ที่ข้ามาหาเ้าครั้งนี้ เพราะอยากถามเื่ที่ข้าให้เ้าไปสืบเป็อย่างไรบ้าง?”
ซือซือครุ่นคิดแล้วเอ่ย
“ทุกอย่างในเมืองหลวงสงบสุข ส่วนในวังตอนนี้ก็ยังสงบอยู่ หลังจากที่ผู้ดูแลหวังจากโลกไป หยางเหิงก็เข้ารับตำแหน่งและกลายเป็ผู้ดูแลวังหลวง ส่วนคนอื่นๆ บ่าวเพิ่งจะมาถึง หอเยียนจือลึกล้ำยากจะหยั่งถึง ดังนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ของที่มีประโยชน์อะไร”
เว่ยซูหาน
“อือ เ้าสืบเื่พวกนี้ได้ก็ดีแล้ว ข้าแค่ขอให้เ้าให้ใส่ใจกับมันให้มากๆ เท่านั้น แม้ว่าจะไม่มีใครสอบสวนเื่ของเยว่ฉาน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครสนใจ เ้าควรระวังตัวให้มาก ที่ข้าถามไม่ใช่เื่นี้ แต่เป็เื่อื่น เ้าสืบเจอหรือไม่?”
“รู้แล้ว” ซือซือตอบ แล้วเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“ภารกิจที่ได้รับจากพรรคคือความลับภายในไม่สามารถส่งต่อได้ บ่าวจึงไม่อาจให้คำตอบได้ ภารกิจสำเร็จ ล้มเหลว หรือถูกยกเลิก มีเพียงผู้รับภารกิจและผู้นำเท่านั้นที่รู้ หากตรวจสอบภารกิจภายในพรรคโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษตายสถานเดียว”
ไม่อนุญาตให้ตรวจสอบนักฆ่าที่รับภารกิจและนายจ้างที่มอบหมายงานนี้ หากฝ่าฝืนถือเป็ความผิดร้ายแรงไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
เว่ยซูหานกล่าว “เช่นนั้นก็ช่างเถอะ ขอบคุณนะ”
ซือซือเอ่ย “แต่บ่าวตรวจสอบแล้ว ในพรรคเจิ้นไม่มีจิงโม่คนที่ท่านว่ามา”
“...ไม่มีจิงโม่?” น้ำเสียงของเว่ยซูหานเคร่งขรึมขึ้น “แน่ใจหรือ?”
เหยียนชิงเองบอกว่าจิงโม่เป็คนของเจิ้น จะไม่มีได้อย่างไร?
ซือซือพยักหน้า
“บ่าวแน่ใจว่าไม่มีจิงโม่ผู้นี้ แต่ก็ไม่ได้ตัดคนที่อาจจะชื่อจิงโม่อีก แต่เื่นี้ก็ไม่ง่ายที่จะสืบหา ถ้าหัวหน้ารู้ว่าข้ากำลังสืบสถานการณ์ของพรรคเป็การส่วนตัว บทลงโทษนั้นต้องตายสถานเดียว”
ท้ายที่สุดแล้วสำหรับนักฆ่า ชื่อเป็แค่คำเรียก สิ่งที่บอกกับโลกภายนอกจะบอกอย่างไรก็ได้ ตราบใดที่ไม่มีผลกระทบต่อพรรค หัวหน้าจะเมินเฉยต่อสิ่งที่สมาชิกกำลังทำอยู่ภายนอก เช่นเดียวกับที่นางทำงานนอกในหอเยียนจือ หากไม่มีคำสั่งภารกิจ หัวหน้าก็จะไม่สนใจ
เว่ยซูหาน ... หากเป็เช่นนี้ ก็ยากจริงๆ ที่จะตรวจสอบ เขาไม่รู้เพศหรือส่วนสูงโดยประมาณของจิงโม่เลย เขาเห็นความสูงของอีกฝ่ายแค่ผ่านเงาของฉากกั้น และเสียงแหบแห้งของเขาน่าจะเป็ความตั้งใจของเขา จึงไม่อาจสืบหลักฐานอะไรได้
ซือซือรออยู่นาน เมื่อไม่ได้ยินอีกฝ่ายตอบจึงพูดว่า
“อาจมีความเป็ไปได้ว่ามีคนปลอมตัวเป็คนพรรคเจิ้น”
“อือ...” เว่ยซูหานใจสั่นสะท้าน แล้วตอนไปว่า “... ข้ารู้แล้ว”
ในเมื่อสามารถถอนตัวจากภารกิจได้ จิงโม่ก็น่าจะเป็นักฆ่าของเจิ้น แต่ถ้าจิงโม่ไม่ใช่คนของเจิ้น เช่นนั้นคนที่มาฆ่าก็ไม่ใช่นักฆ่าของเจิ้น แต่เหยียนชิงเคยเห็นสัญญา เป็พรรคเจิ้นไม่ผิด และในเจิ้นก็มีคนที่ใช้ชื่อจิงโม่เพื่อรับหน้าที่เป็องครักษ์ลับของเหยียนชิง
ซือซือพูดถึงเื่ในเมืองเทียนซูอีกมาก และหลังจากนั้นก็ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและจากไปอย่างเงียบๆ ส่วนเว่ยซูหานหลังจากแน่ใจว่านางไปไกลแล้วก็ออกไปในทิศทางตรงกันข้าม
เมื่อเว่ยซูหานกลับไปที่โรงเตี๊ยมก็ใกล้จะเช้าตรู่ เขานั่งสมาธิปรับลมปราณโรงเตี๊ยมจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็ออกจากโรงเตี๊ยม ต่อต้านความอยากจะกลับบ้านไปหาเหยียนชิง ส่งจดหมายถึงเขาให้เขารีบไปทางใต้ เมื่อเื่นี้จบลง ก็พาเหยียนลั่วชายเสเพลคนนั้นกลับด้วย หลังจากนี้เขาและเหยียนชิงอาจต้องใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น เพื่อชดเชย
เหยียนชิงได้รับจดหมายจากอิ้งหลีและเว่ยซูหานในวันเดียวกัน อิ้งหลีบอกว่าเขามาถึงที่ปักหลักในเมืองหลวงแล้ว ทำให้เขาโล่งใจ เว่ยซูหานบอกว่าเขาจะไปที่เมืองหนานฮั่นทันที และบอกว่ารวมตัวกับหลินชวนแล้ว
ในที่สุดเหยียนชิงก็รู้สึกโล่งใจและดูแลกิจการของบ้านกับฮูหยินเหยียน
การเจรจาสู่ขอของเหยียนิฮ่วนตระกูลเหยียนนั้น อย่างน้อยฮูหยินถังและเหยียนเม่ารวมถึงเถ้าแก่ม่อก็ยิ้มแย้มแจ่มใส พวกเขาทั้งหมดหวังว่าจะกำหนดวันมงคลของพวกเขาโดยเร็วที่สุด อีกอย่างก็นับกันเป็ญาติแล้ว
เหยียนิฮ่วนคุณชายเสเพลก็เอาใจเก่ง พยายามเต็มที่ในการเอาใจม่อเสียวเสี่ยว ทุก ๆ สามถึงห้าวันจะให้คนส่งของไปที่ตระกูลม่อเพื่อเอาใจคนสวย เป็ฝ่ายเชิญม่อเสียวเสี่ยวออกไปเดินเล่น แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ม่อเสียวเสี่ยวไม่เคยยอมรับคำเชิญของเหยียนิฮ่วนเลย ทุกครั้งมักจะอ้างด้วยเหตุผลหลายประการ
วันนี้ ผู้าุโทั้งสองจวนอยู่พร้อมหน้า หลังจากเลือกวันมงคลแล้ว ทั้งสองครอบครัวก็ได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำร่วมกันในภัตตาคารของตระกูลม่อ และพวกเขาได้พูดคุยกันถึงเื่ใหญ่ของงานแต่งงานอย่างมีความสุข แต่หลังจากงานเลี้ยงจบลง ม่อเสียวเสี่ยวก็ปฏิเสธคำเชิญของเหยียนิฮ่วนอีกครั้ง และขังตัวเองไว้ในห้องหลังจากกลับมาถึงบ้าน และไม่นานก็มีเสียงสิ่งของตกพื้น
“ปัง”
“เพล้ง...”
“โครม”
“……”
ไม่ว่าทองคำที่เหยียนิฮ่วนส่งมาจะมีราคาแพงและประณีตแค่ไหน มันก็ถูกโยนลงบนพื้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรก หลังจากการปฏิเสธการแต่งงานของนางล้มเหลว มันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ห้องนอนที่เดิมทีหรูหราเป็ระเบียบ ก็สะเปะสะปะขึ้นทุกวัน
