ฉีเฉิงมีอายุไม่เกินสี่สิบปี ร่างกายกำยำ ดูไปแล้วก็ธรรมดา หยางหนิงพูดเรียบๆ ว่า “พ่อบ้านฉีหูของท่านช่างดีนัก คำพูดของข้า เ้าอยู่ข้างนอกนั้นยังได้ยินเลย”
ฉีเฉิงพูดด้วยความนอบน้อม “ข้าน้อยดูแลเื่น้อยใหญ่ในจวนเก่า ข้าน้อยจะปิดหูปิดตามิได้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ข้าน้อยรับผิดชอบไม่ไหว มันจะผิดต่อจิ่นอีโหวขอรับ”
“ลุกขึ้นมาเถอะ” หยางหนิงเก็บมีดที่จี้คอจ้าวยวนอยู่ รอฉีเฉิงลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า“เ้าบอกว่าข้าเข้าใจผิด ผิดเื่อะไรหรือ?”
ฉีเฉิงมองไปที่หยางหนิง แล้วพูดว่า “ซื่อจื่อท่านบอกว่าท่านจ้าวตรวจบัญชีไม่มีข้อผิดพลาด ดังนั้นจึงสงสัยว่าที่ฮูหยินสามหายตัวไปอาจเกี่ยวข้องกับท่านจ้าว ก็ต้องผิดอยู่แล้วขอรับ”
“หูของเ้ามันดีจริงๆ เลยนะ ดูมีสติไม่เบาเลย” หยางหนิงพูดต่ออีกว่า “แล้วมันไม่ใช่ปัญหาอย่างไรหรือ?”
“มันไม่ใช่ปัญหาแน่นอนขอรับ” ฉีเฉิงพูดด้วยความจริงจังว่า “ตอนที่รับท่านจ้าวเข้ามาทำงาน ก็เพราะเขาเป็คนละเอียดรอบคอบ สามารถตรวจสอบบัญชีได้อย่างละเอียดชัดเจน บัญชีตระกูลฉีถึงจะมีมากดองเท่าูเา แต่ทว่าท่านจ้าวมีการเตรียมตัวมาแต่เนิ่นๆ ั้แ่รายการรับข้าวของแต่ละหมู่บ้านในแต่ละปี การรับเข้าจ่ายออกของผลผลิตที่นา ก็ทำอย่างชัดเจนั้แ่เริ่มต้น เมื่อนำบัญชีแต่ละส่วนมารวมกัน ขอเพียงระวังให้ดี ก็จะไม่มีข้อผิดพลาด ก็เหมือนกับการสร้างบ้าน เมื่อมีฐานที่มั่นคง การสร้างก็ไม่มีช่องโหว่อะไรใช่หรือไม่ขอรับ”
หยางหนิงเห็นเขาวาทศิลป์ดียิ่งนัก ตรงกันข้ามกับรูปร่างหน้าตาของเขา ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าเป็เช่นนั้น ท่านจ้าวคนนี้ก็เป็อัจฉริยะอย่างนั้นใช่หรือไม่?”
“อย่างน้อยในเื่บัญชีของจวนเก่าก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถเขา” ฉีเฉิงพูดด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง “ในหลายปีมานี้ท่านจ้าวทำงานช่วยเหลือข้าน้อยในการจัดการเื่ต่างๆ ในจวนเก่ามาโดยตลอด ต่อให้ไม่มีคุณงามความดีอะไรมากนัก แต่ก็ตั้งใจทำงานอย่างหนัก ซื่อจื่อทำกับเขาเช่นนี้ มันทำให้คนอื่นท้อใจได้นะขอรับ”
หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “พ่อบ้านฉี ที่ท่านบอกว่าตั้งใจทำงานอย่างหนักนั้น มันหมายถึงตัวท่านกระมัง?”
ฉีเฉิงพูดด้วยท่าทีนิ่งเฉย “ข้าน้อยรู้ว่าซื่อจื่อมีบางอย่างที่ยังสงสัยอยู่ แต่ว่าข้าน้อยคิดว่า สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการตามหาฮูหยินสาม”
“ท่านรู้หรือว่าข้ามีข้อสงสัยอะไร” หยางหนิงจ้องไปที่ฉีเฉิง “แล้วท่านคิดว่าข้าสงสัยสิ่งใดอยู่เล่า?”
“ซื่อจื่อกับฮูหยินสามกลับมาที่นี่โดยไม่แจ้งมาก่อน แถมยังมาพร้อมกับผู้ติดตามอีกหลายคน นั่นก็แสดงว่าตัดสินใจมาอย่างกะทันหันเช่นนี้” ฉีเฉิงพูดอีกว่า “เหตุที่ฮูหยินสามกับซื่อจื่อต้องรีบเดินทางมาที่นี่ได้ นั่นก็แสดงว่าที่นี่จะต้องทำอะไรผิดพลาดไป ตอนนี้ซื่อจื่อท่านสงสัยเื่ของบัญชี แถมยังสงสัยว่าการหายตัวไปของฮูหยินสามเกี่ยวข้องกับท่านจ้าว หากข้าน้อยเดาไม่ผิด ซื่อจื่อก็น่าจะสงสัยในตัวข้าน้อยแน่นอน”
หยางหนิงรู้สึกว่าฉีเฉิงผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
“ข้าน้อยไม่ได้กลับมาเมื่อคืน เป็เพราะว่าเห็นท่านพ่อสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในใจรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก จึงอยู่ดูแลท่านพ่ออีกคืน เพื่อแสดงความกตัญญู หากรู้ว่าซื่อจื่อมา ข้าน้อยจะไม่ให้เสียเวลาเลยขอรับ” น้ำเสียงของฉีเฉิงยังคงนอบน้อม “ข้าน้อยไม่รู้ว่าฮูหยินสามกับซื่อจื่อมาที่นี่เพื่อตรวจสอบบัญชี และไม่รู้ว่าซื่อจื่อสงสัยในตัวข้าน้อย ภายหลังข้าน้อยจะค่อยๆ อธิบายข้อสงสัยของซื่อจื่อให้กระจ่าง แต่ว่าตอนนี้ฮูหยินสามสำคัญที่สุด ไม่ทราบว่าซื่อจื่อเห็นว่าอย่างไรขอรับ?”
หยางหนิงย้อนถามกลับไปว่า “แล้วเ้าคิดว่าจะหาฮูหยินสามเจอได้อย่างไรเล่า?”
“ในระยะสิบลี้นี้ มีบ้านคนไม่มากนัก แต่ว่าทั้งหมดเป็สายของทางตระกูลฉีชาวบ้านรอบๆ มีสายของข้าน้อยอยู่แทบทั้งหมด” ฉีเฉิงมองไปที่หยางหนิง “หากซื่อจื่อยินยอม ข้าน้อยจะส่งคนออกตามหาในระยะยี่สิบลี้ หากมีคนจับตัวฮูหยินสามไปจริง ขอเพียงมีคนพบเห็น ข้าน้อยเพียงถามไม่กี่ความก็จะได้เื่ทันทีขอรับ”
หยางหนิงคิดว่าวิธีของฉีเฉิง ก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล เขารู้ว่าเื่นี้จะช้าไม่ได้ ยังไม่ต้องไปสนใจว่าบัญชีเป็ของจริงหรือของปลอม ตามหากู้ชิงฮั่นเป็เื่ที่สำคัญที่สุด เขาจึงพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ตอนนี้ท่านส่งคนแยกกันไปตามหาตามหมู่บ้านต่างๆ หากมีผู้ใดพบเห็นร่องรอยของฮูหยินสาม ก็ให้รางวัลกับพวกเขาไป”
ฉีเฉิงเองก็ทำอะไรรวดเร็วดี เขารีบสั่งให้บ่าวไพร่ผู้ชายในจวน ขี่ม้าไปแจ้งข่าวตามหมู่บ้านใกล้ๆ จากนั้นก็ให้สาวใช้ในบ้านไปตามหาในจวนและนอกจวนอย่างละเอียดอีกรอบ
คนไม่พอ องครักษ์กับคนติดตามของจ้าวยวนก็ออกไปตามหาด้วย
ฉีเฉิงเห็นหยางหนิงนิ่งไป จึงพูดขึ้นว่า “ซื่อจื่อ ตามความเห็นของข้าน้อย ฮูหยินสามเพิ่งกลับมาที่จวนเก่าเมื่อคืน ยังไม่ทันจะครบวันก็หายตัวไป มีความเป็ไปได้ว่าระหว่างทางพวกท่านไปพบเจอใครเข้าหรือไม่ขอรับ”
“หา?” หยางหนิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ท่านหมายความว่ามีคนติดตามพวกข้ามาถึงที่จวนเก่าอย่างนั้นหรือ? แล้วพวกเขาจะมาจับฮูหยินสามไปทำไมกัน?”
“การจับตัวฮูหยินสามไปอาจจะไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกมันก็ได้ขอรับ” ฉีเฉิงคิดไปครู่แล้วพูดต่ออีกว่า “หรือว่าเป้าหมายของพวกมันคือท่านซื่อจื่อขอรับ?” จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ซื่อจื่อกับฮูหยินสามแต่งตัวธรรมดา แม้แต่คนที่จวนยังไม่รู้ ก็ไม่น่าจะมีคนรู้นะขอรับ”
หยางหนิงคิดว่าหากมีคนตามมาจริง ตัวเขาก็น่าจะรู้ตัวมาก่อน ยังต้องให้เ้ามาบอกอีกหรือ แต่ก็คิดอีกทีว่าไม่ควรตัดสินเช่นนั้น เพราะขนาดเ้าคนอัปลักษณ์ตามมา เขาเองก็ยังไม่รู้เลย
เห็นฉีเฉิงก็มีสีหน้าหนักใจ สายตาดูเหมือนจะกังวลเื่ของกู้ชิงฮั่นไม่น้อย แอบคิดในใจว่าหรือว่าตัวเขานั้นคิดผิด ฉีเฉิงอาจจะจงรักภักดีต่อตระกูลฉีจริงๆ ก็ได้ หรือว่าเขาเข้าใจตัวของฉีเฉิงผิดไปจริงๆ?
“ท่านคิดว่าพวกมันพุ่งเป้ามาที่ข้าหรือ?” หยางหนิงเอ่ยถาม
ฉีเฉิงพูดว่า “ฮูหยินสามเป็หญิง อีกฝ่ายจับตัวฮูหยินสามไป มันเพื่ออะไรกันเล่าขอรับ? ข้าน้อยคิดว่า คนพวกนั้นอาจจะไม่พบซื่อจื่อในจวน จึงจับตัวฮูหยินสามไปแทน เป้าหมายจริงๆ ก็น่าจะเป็ตัวซื่อจื่อ หากข้าน้อยไม่ได้เดาผิด อีกไม่นานนักพวกเขาจะต้องติดต่อมาแน่ๆ ขอรับ”
“พวกเขาจะจับตัวข้าไปทำไมกัน?” หยางหนิงถามต่ออีกว่า “เพื่อเงินอย่างนั้นหรือ?”
ฉีเฉิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “อันนี้ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบได้ขอรับ” เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ความเคลื่อนไหวของซื่อจื่อเปิดเผยออกมาแล้ว อีกทั้งองครักษ์ที่ติดตามมาก็มีน้อย ข้าน้อยเกรงว่าท่านจะไม่ปลอดภัย ให้ข้าน้อยนำกำลังมาที่นี่หรือไม่ขอรับ?”
“ท่านคิดว่าพวกมันจะทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ?” หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “หรือว่าที่จวนเก่าแห่งนี้จะมีศัตรูอย่างนั้นหรือ?”
ฉีเฉิงลังเลแล้วตอบกลับไปว่า “ข้าน้อยมิได้กังวลว่าที่นี่จะมีศัตรูแต่อย่างใด แต่กังวลว่า...อาจจะมีศัตรูตามมาจากเมืองหลวงขอรับ”
หยางหนิงขมวดคิ้ว
คำพูดของฉีเฉิงเตือนสติเขาขึ้นมา ตอนนี้จวนจิ่นอีโหวกำลังอยู่ใน่ขาลง ในเมืองหลวงมีศัตรูอยู่ไม่น้อย อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ก่อนเขามาเจียงหลิง ก็เพิ่งจะมีปัญหากับตระกูลโต้ว หรือว่าจะเป็จริงอย่างที่ฉีเฉิงว่ามา การที่ตัวเขาออกจากเมืองหลวงมา มันเป็ที่จับตามองขนาดนั้นเชียวหรือ?
เมื่อตกเย็น ก็เห็นเหวยต้งวิ่งเข้ามา เห็นหยางหนิงก็รีบพูดว่า “ซื่อจื่อ นี่...มีจดหมายฉบับหนึ่งขอรับ” เขายื่นจดหมายออกไป หยางหนิงรีบรับมา เห็นหน้าซองจดหมายไม่มีอักษรอะไรเขียนไว้
“ซื่อจื่อ จดหมายฉบับนี้...ข้าน้อยไปเจอมาที่ประตูหลังขอรับ” เหวยต้งพูดอีกว่า “จดหมายนี้ถูกทิ้งไว้ที่นอกประตูหลัง ไม่รู้ว่าผู้ใดมาวางเอาไว้ขอรับ”
หยางหนิงฉีกจดหมายออก กวาดตาอ่านไป แล้วถามฉีเฉิงว่า “ูเาเสียซานอยู่ที่ใดหรือ?”
“ูเาเสียซานหรือขอรับ?” ฉีเฉิงรีบตอบกลับไปว่า “ไปตามทางด้านทิศตะวันตกไม่เกินยี่สิบลี้ก็จะเป็หุบเขาเสียซาน หุบเขาแห่งนี้ไม่ใหญ่นัก ตรงตีนเขามีแม่น้ำแห่งหนึ่ง ที่ตรงนั้นมีที่นาของตระกูลพวกเราอยู่ประมาณหลายร้อยไร่ เหตุใดจู่ๆ ซื่อจื่อถึงได้ถามถึงูเาเสียซานเล่าขอรับ?”
“แม่น้ำแห่งนั้นชื่อว่าแม่น้ำหงซาใช่หรือไม่?” หยางหนิงยื่นจดหมายไปให้ฉีเฉิง
ฉีเฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ขอรับ” จากนั้นก็รับจดหมายมา เห็นมีตัวหนังสือสั่นๆสองบรรทัด
“คนของเ้าอยู่ที่คลังข้างๆ แม่น้ำหงซา จงมาเพียงคนเดียว คนของเ้าจะปลอดภัย”
ฉีเฉิงพูดเสียงเข้มๆ ว่า “พวกเราไปเดี๋ยวนี้เลยขอรับ”
หยางหนิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ในจดหมายนั่นพูดว่าไปเพียงคนเดียว จดหมายฉบับนี้มันพุ่งเป้ามาที่ข้า หากพวกท่านตามไปด้วย เกรงว่าฮูหยินสามอาจจะไม่ปลอดภัย” จากนั้นก็ถามว่า “คลังที่เขียนในจดหมายมันคืออะไรหรือ?”
“ใน่ฤดูใบไม้ร่วง หลังจากผ่าน่ฝนตกหนักไป เพื่อป้องกันฝนตก จึงสร้างบ้านหินที่ริมแม่น้ำขึ้นมาเพื่อเก็บผลผลิตเอาไว้” ฉีเฉิงพูดต่อไปว่า “ตอนนี้เลย่เก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงไปแล้ว ตอนนี้ที่นั่นไม่มีของอะไรอยู่เลย ไม่อย่างนั้นจะมีคนเฝ้าอยู่ที่นั่น ซื่อจื่อ ในจดหมายบอกว่าฮูหยินสามอยู่ที่นั่น จะเป็กับดักหรือไม่ขอรับ?”
“กับดักอย่างนั้นหรือ?”
“ในจดหมายบอกให้ไปคนเดียว ไม่ให้ท่านซื่อจื่อพาผู้ใดไปด้วย นี่...นี่มันอันตรายเกินไปนะขอรับ” ฉีเฉิงขมวดคิ้วแล้วพูดอีกว่า “ซื่อจื่อท่านเป็คนสำคัญ จะไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ? ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ซื่อจื่อท่านก็ไม่ควรไปนะขอรับ”
“หากข้าไม่ไป ฮูหยินสามจะเป็อย่างไร?” หยางหนิงพูดต่ออีกว่า “ฮูหยินสามอยู่ในมือของพวกมันแน่ๆ ข้าจะห่วงแต่ความปลอดภัยของตัวเองไม่ได้”
ฉีเฉิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ดูท่าแล้ว เป้าหมายของพวกเขาคือซื่อจื่อจริงๆ ไม่ใช่ฮูหยินสาม หากซื่อจื่อ้าจะไปคนเดียว ก็จะเป็ไปตามแผนของพวกมัน” หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อไปว่า “ซื่อจื่อ ข้าจะพาคนแอบตามไป เมื่อได้โอกาส จะช่วยฮูหยินสามออกมา ท่าน...!”
“แล้วหากไม่มีโอกาสนั้นเล่า?” หยางหนิงพูดขัดขึ้นมาว่า “ข้าจะต้องมั่นใจว่าฮูหยินสามปลอดภัย หากไม่ทำตามที่อีกฝ่ายว่ามา ฮูหยินสามจะเป็อันตราย” จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองฉีเฉิง แล้วพูดว่า “เ้าไปเตรียมม้าให้ข้าที ข้าจะรีบเดินทางไปถึงที่นั่นก่อนฟ้ามืด”
ฉีเฉิงยังอยากจะห้ามอีก หยางหนิงก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ต้องพูดมากความแล้ว เ้ารีบไปเตรียมม้าเร็ว”
ฉีเฉิงรู้สึกจนปัญญา ทำได้เพียงออกไปเตรียมม้า หยางหนิงก็ไม่ให้เสียเวลา เดินออกไปรอที่หน้าประตู จากนั้นฉีเฉิงก็ขี่ม้ามา และยังรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อยจึงพูดขึ้นมาว่า “ซื่อจื่อ ข้าจะรีบเดินทางไปยังจวนนายอำเภอ ไปขอกำลังจากที่นั่นมา...!”
“หากไม่มีคำสั่งจากข้า พวกเ้าห้ามไปไหนทั้งนั้น รอข้าอยู่ในจวนเก่าเท่านั้น” หยางหนิงพูดต่ออีกว่า “ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็ใคร หากมันรู้ว่ายากลำบากแล้วยอมถอย ข้าอาจจะให้โอกาสมัน ไม่อย่างนั้น...!” เขาพูดด้วยท่าทีที่น่าเกรงขามว่า “ไม่อย่างนั้นมันก็รนหาที่ตายเอง” จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรมากอีก กระตุกเชือกม้า แล้วก็ไปยังทิศตะวันตก