หลังกินอาหารเย็นเสร็จ นางเซี่ยกับเมิ่งอู่ก็ช่วยกันจัดเก็บข้าวของที่ซื้อมาวันนี้ ก่อนตักน้ำมาชำระร่างกาย
ในเรือน นางเซี่ยมักอาบน้ำก่อนเสมอ เพราะนางเข้านอนเร็ว
วันนี้ซวี่เฉินฟางเพิ่งเดินทางมาถึง เขาเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกล ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ หลังนางเซี่ยอาบน้ำเสร็จก็เรียกเขาไปอาบน้ำต่อ
เรือนหลังใหม่มีห้องว่าง ดังนั้นการจัดห้องแยกต่างหากให้ซวี่เฉินฟางหนึ่งห้องจึงไม่ใช่ปัญหาเลย
ระหว่างที่ซวี่เฉินฟางอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ นางเซี่ยก็คัดแยกฟูกให้เมิ่งอู่ไปปูไว้ในห้องที่ซวี่เฉินฟางจะนอนพักผ่อน
เมิ่งอู่ถือตะเกียงเทียนเข้าไป แสงสีเหลืองสลัวส่องให้ห้องสว่าง
นางปูฟูกผืนใหม่ลงบนเตียงไม้เรียบง่าย และลูบให้เรียบ หมอนและผ้าห่มผืนบางก็เป็ของใหม่เช่นกัน
หลังเมิ่งอู่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย นางยืดตัวขึ้นและหันหลังกลับ แต่ไม่ทันสังเกตว่ามีคนยืนอยู่ด้านหลัง นางเกือบชนเข้ากับคนผู้นั้นเต็มๆ โชคยังดีที่นางว่องไว ถอยหลบได้ทันเวลา
ซวี่เฉินฟางที่ยืนอยู่ตรงหน้านางสวมเสื้อผ้าบางๆ ผูกสายรัดเอวไว้ลวกๆ ด้วยเพิ่งอาบน้ำล้างหน้า ร่างกายสดชื่นและชุ่มชื้น เรือนผมดำขลับบนบ่ายุ่งเหยิงเล็กน้อยหลังจากเขาเช็ดเบาๆ สองสามครั้ง ปลายผมยังมีหยดน้ำใสเกาะพราว
พลันนั้นกลิ่นหอมเย็นจางมากของชะมดเชียงก็โจมตีจมูกของเมิ่งอู่
ซวี่เฉินฟางก้มมองนาง ก่อนหยักปากแย้มยิ้มทันควัน แม้แต่แสงเทียนทั่วห้องก็ยังมิอาจเทียบเคียงรอยยิ้มเจิดจ้าเต็มดวงหน้าของเขาได้ เมิ่งอู่เงยหน้ามองโดยไม่รู้ตัว เมื่อมองในระยะประชิดเช่นนี้คล้ายนางจะเห็นไฝน้ำตาจางๆ ใต้หางตาของเขา
แม้ยิ้มแย้มแต่หางตากลับอ้างว้างอยู่บ้าง
ซวี่เฉินฟางกล่าว “ยามอยู่ในเรือนของตนเอง เ้าก็ประมาทเช่นนี้หรือ?”
เมิ่งอู่กล่าว “เ้าต่างหากที่เดินไม่มีเสียง”
ซวี่เฉินฟางมองเตียงไม้เรียบง่ายผาดหนึ่งโดยไม่รังเกียจแม้แต่น้อย กลับกล่าวด้วยความสนใจ “ขอบใจอาอู่มากที่ช่วยจัดเตียงให้”
เมิ่งอู่กล่าว “เตียงไม้นี้แข็งมาก หากเ้านอนแล้วไม่คุ้นชิน วันพรุ่งก็กลับไปนอนบนกองเครื่องประทินโฉมกองโตในเมืองเถิด”
ทว่าซวี่เฉินฟางกลับทิ้งตัวนอนหงายบนเตียงไม้ ก่อนพาดขาไขว่ห้างอย่างเคยชิน ก่อนยิ้มตาหยีแล้วเอ่ย “ข้าคิดว่าข้าคงคุ้นชินเร็วๆ นี้แหละ ข้ายังหนุ่มแน่น นอนที่นอนนุ่มเกินไปไม่ดีต่อเอว”
แค่นอนลงเช่นนี้ก็เหมือนถูกอาชาย่ำ ปีศาจชั่วร้ายเข้าสิง!
เมิ่งอู่หยิบผ้าแห้งผืนหนึ่งโยนใส่หน้าเขา ก่อนหันหลังเดินออกจากห้อง
ซวี่เฉินฟางยกมือขึ้นหยิบผ้าออกจากใบหน้า มองคานเรือนที่เรียบง่ายแต่แข็งแรงไปพลาง เช็ดผมเปียกๆ ไปพลาง
ยามเมิ่งอู่ออกมา อินเหิงอยู่ที่ลานเรือน เอี้ยวมองนางด้านข้างก่อนเอ่ย “น้ำร้อนอยู่ในห้องน้ำแล้ว เ้าเข้าไปอาบเถิด”
แสงสลัวรางส่องโครงร่างของเขาให้สว่างขึ้น ั์ตาคู่นั้นล้ำลึกไร้คลื่นอารมณ์
วันนี้จู่ๆ นางก็พาคนกลับเรือนโดยอธิบายไม่ได้ จนถึงเวลานี้เมิ่งอู่ยังรู้สึกผิดอยู่บ้าง นางจึงรับคำอย่างคลุมเครือ ก่อนหยิบเสื้อผ้าสะอาดแล้วเข้าห้องน้ำทันที
คราวนี้อินเหิงเป็ฝ่ายเฝ้าอยู่นอกประตูห้องน้ำ
หลังเมิ่งอู่อาบน้ำเสร็จ นางก็ใช้ผ้าขนหนูพันผมลวกๆ จากนั้นก็ไปตักน้ำร้อนให้อินเหิงอาบ
ยามอินเหิงออกจากห้องน้ำ เมิ่งอู่ก็ถือผ้าแห้งผืนหนึ่งด้วยสองมือ ยิ้มประจบก่อนกล่าว “อาเหิง ข้าเช็ดผมให้เ้านะ”
อินเหิงหมุนเก้าอี้เข็นกลับหลังเพื่อกลับห้อง เขาไม่ได้จุดตะเกียงในห้อง ภายในห้องจึงมืดสลัว
ทันทีที่เขาบังคับเก้าอี้เข็นเข้าประตู เมิ่งอู่ก็รีบเดินตามเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉง
นางใช้มือประคองเรือนผมของอินเหิงอย่างอ่อนโยน ช่วยเขาซับน้ำและเช็ดผมให้อย่างพิถีพิถันและถี่ถ้วน
อินเหิงไม่กล่าวคำใด เพียงยกมือขึ้นคลายผ้าขนหนูที่พันรอบศีรษะของนางออก จากนั้นก็ช่วยเช็ดผมให้นางเช่นกัน
เมิ่งอู่นิ่งงันประเดี๋ยวหนึ่ง ความอบอุ่นในใจแผ่ซ่านจนอธิบายกับตนเองไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร นิ้วของเขาอ่อนโยนนุ่มนวล สางเส้นผมของนางแ่เบา ปลายนิ้วลูบหนังศีรษะของนาง ทุกััชวนให้นางรู้สึกสบายยิ่งนัก
เมิ่งอู่กล่าวเบาๆ “อาเหิง ข้าเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในเมืองวันนี้ให้เ้าฟังดีหรือไม่?”
อินเหิง “อืม”
นางเล่าเื่ที่ซวี่เฉินฟางถูกขับไล่ออกจากเรือน เื่ที่เขาจับตาดูนาง เื่ที่เขาเอาชนะใจลุงหลิวได้สำเร็จ และสุดท้ายเื่ที่เขาตามนางมาที่นี่ให้อินเหิงฟังอย่างละเอียด
อินเหิงเช็ดผมให้นางไปพลาง กล่าวริมหูนางไปพลาง “เขาไม่ได้เพิ่งจับตามองเ้าวันนี้หรอก อาอู่” เขาเรียกชื่อของนางเบาๆ ด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ทำให้คนฟังเสพติด “เ้ายั่วยุเขาหรือ?”
เมื่อเมิ่งอู่ได้ยินดังนั้น นางก็รีบเงยหน้า แต่ทั้งสองคนอยู่ใกล้ชิดกันมาก กลีบปากของนางจึงสำรวจและลูบไล้เรียวปากของเขา
อินเหิงชะงักไปครู่หนึ่ง
เมิ่งอู่อดเลียริมฝีปากไม่ได้ก่อนกล่าว “ไม่มีๆ ไม่มีแน่นอน ข้าไม่เคยแม้แต่จะมองเขา ข้าสาบาน!”
เช่นนั้นก็เป็ซวี่เฉินฟางที่ตั้งใจยั่วยุเมิ่งอู่แล้ว
เมิ่งอู่เห็นอินเหิงเงียบไปจึงกล่าว “อาเหิง เ้าไม่เชื่อข้าหรือ?”
อินเหิงตอบ “เชื่อ”
“เช่นนั้นเ้าโกรธข้าหรือไม่?” นางซักต่อ
อินเหิงก้มหน้ามองนาง แม้จะมองไม่ชัดในความมืด แต่ยังคงเห็นแสงในตาของอีกฝ่ายได้รางๆ
เขากล่าวกับนางเสียงแ่เบา “หากยามนี้ข้าโกรธเ้า ไม่เท่ากับผลักเ้าไปหาผู้อื่นหรือ?”
เมิ่งอู่โล่งใจ กล่าวว่า “ต่อให้เ้าโกรธข้า ข้าก็จะรับผิดชอบง้อเ้าเอง”
อินเหิงลากหางเสียง เกือบเป็กระซิบริมหูของนาง ลมหายใจอุ่นๆ รดใบหูพาให้นางรู้สึกปั่นป่วนเกินบรรยาย “เ้าจะง้อข้าอย่างไร?”
เมิ่งอู่ตอบ “ให้ข้ากอดเ้าดีกว่า”
อินเหิงเลิกคิ้ว “เ้าอยากทำอะไรเพื่อง้อข้า หรืออยากตอบสนองความ้าของตนเองกันแน่?”
ทว่าหลังกล่าวจบ เขาก็เอื้อมมือไปโอบเอวของเมิ่งอู่ เมิ่งอู่จ้องมองนิดๆ แขนที่พาดอยู่ที่เอวกระชับแน่นรอบตัวนาง แล้วรั้งนางเข้าสู่วงแขน
ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกเขากอดมาก่อน แต่ที่ผ่านมาล้วนมีเหตุผล คราวนี้อินเหิงกลับกอดนางกะทันหันโดยไม่ทันให้ตั้งตัว ทำให้นางรู้สึกว่าไม่ค่อยสมจริง
แต่นี่เป็เื่จริงอย่างแท้จริง
ลมหายใจของเขารินรดอยู่ข้างหู ความอบอุ่นจากกายของเขาส่งผ่านมาทางเสื้อผ้าบางๆ กลิ่นจากกายบุรุษโอบล้อมนางไว้จนร้อนผะผ่าวอยู่บ้าง
ใบหน้าเมิ่งอู่แนบชิดอกเขา ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้น ดวงตากลมโตเบิกกว้าง จังหวะการเต้นของหัวใจของนางอดเต้นตามจังหวะของเขาไม่ได้
แม้อ้อมกอดนี้ไม่ได้เกิดจากความเ็ปชนิดที่เขาทนไม่ไหวเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังคงกอดนางไว้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งวงแขนของเขาทั้งแผงอกของเขาแข็งแรงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
ทุกตำแหน่งที่ัักับร่างกายของเขาล้วนถูกอาบย้อมไปด้วยกลิ่นอายของเขาที่ร้อนผะผ่าว
ทั้งเสื้อผ้าและเส้นผมไร้กลิ่นหอมพิเศษที่โดดเด่น แต่กลับบริสุทธิ์ดุจแสงจันทร์และอ่อนโยนชุ่มฉ่ำดั่งหยาดน้ำค้าง
เมิ่งอู่เหม่อลอยเนิ่นนาน
อินเหิงกระซิบ “ไม่ใช่บอกว่าจะกอดข้าหรือ เหตุใดจึงเป็ข้าที่กอดเ้าอยู่ฝ่ายเดียวเล่า”
เมิ่งอู่ได้สติกลับคืนมา กล่าวว่า “อ้อ ข้าเพลินไปหน่อย ลืมไปเลย”
กล่าวเยี่ยงนั้นแล้ว นางก็เอื้อมมือออกไปโอบเอวเขาไว้ จากนั้นค่อยรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงเอ่ยถาม “ไม่ใช่ข้าที่เอาเปรียบเ้าหรือ ไฉนเ้าถึงเอาเปรียบข้าด้วย?”
อินเหิงกล่าวอย่างจริงจัง “แบบนี้เ้าถึงจะง้อข้าได้ แท้จริงแล้วข้าโกรธอยู่บ้าง”
วันรุ่งขึ้น ชีวิตในหมู่บ้านที่แสนเรียบง่ายและน่าสนใจของซวี่เฉินฟางก็เริ่มต้นขึ้น
นางเซี่ยให้เมิ่งอู่พาเขาไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในหมู่บ้าน ไปยังสถานที่น้อยใหญ่ในหมู่บ้าน พอเดินครบหนึ่งรอบ คนทั้งหมู่บ้านก็รู้ว่าเมิ่งอู่มีญาติผู้พี่ห่างๆ คนหนึ่งโผล่ออกมาจากอากาศ
ชาวบ้านตริตรองอย่างถี่ถ้วน เหมือนว่าในปีนั้นที่ผู้าุโเซี่ยพานางเซี่ยย้ายมาลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านนี้ ผู้าุโเซี่ยอยู่เพียงลำพัง ไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยถึงญาติคนอื่นๆ เลยสักคำ
ถึงขนาดมีชาวบ้านบางคนเคยถามผู้าุโเซี่ยว่า มารดาของนางเซี่ยอยู่ที่ใด ผู้าุโเซี่ยเพียงตอบสั้นๆ ว่า “นางป่วยตายแล้ว”
บัดนี้ญาติที่จากกันมานานหลายปีของผู้าุโเซี่ยเดินทางมาถึงที่นี่ ย่อมเป็เื่ที่เข้าใจได้
ไม่นานซวี่เฉินฟางก็กลายเป็บุรุษที่ได้รับความนิยมจากบรรดาเด็กสาวมากที่สุดในหมู่บ้าน เขาสามารถหันเหความสนใจของสตรีที่มีต่ออินเหิงมาอยู่ที่ตนเองได้สำเร็จ
ดูคล้ายว่าไม่ว่าเขาจะไปที่ใด ขอเพียงอยู่ท่ามกลางกลุ่มสตรี เขาจะเป็ดั่งปลาได้น้ำ ยิ่งกว่านั้น ยังทำให้พวกสตรีในหมู่บ้านหลงใหลเขาด้วย
แม้แต่เมิ่งเจียนเจียที่เคยกล่าวว่า ไม่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก แท้จริงแล้วก็ยังหาโอกาสมาพบซวี่เฉินฟางโดยบังเอิญ บนคันนาที่แสงตะวันสดใสสาดส่อง นางลูบจอนผมตนเองอย่างเขินอายนิดๆ ก่อนหัวเราะพูดคุยกับเขาไม่กี่ประโยค
แม้นางชมชอบบุรุษที่ไม่แยแสและเหนือโลกีย์อย่างอินเหิงมากกว่า แต่บุรุษรูปงามที่สวมชุดสีแดงผู้นี้ ก็ยังทำให้หัวใจของผู้คนเต้นแรง ที่สำคัญขาของเขาใช้การได้ ทุกอิริยาบถล้วนสง่างาม
มีสตรีในหมู่บ้านคนใดบ้างที่ไม่รู้สึกอิจฉาตาร้อน เหตุใดเมิ่งอู่ถึงโชคดีเยี่ยงนี้ บุรุษรูปงามที่สุดทั้งสองคนล้วนอยู่ที่เรือนของนาง!
เมิ่งอู่ไม่มีเวลาพาซวี่เฉินฟางเดินเตร่อยู่ในหมู่บ้านทั้งวัน นางเพียงพาเขาออกจากเรือน แล้วปล่อยให้เขาเที่ยวเล่นในหมู่บ้าน คิดในใจว่าให้เขาเล่นจนลืมทางกลับเรือนไปเลยก็ดี
แต่ในความเป็จริงนางเซี่ยกลับจดจำได้ พอตกเย็นก็มักจะให้เมิ่งอู่ไปตามซวี่เฉินฟางกลับมากินอาหาร
เมิ่งอู่เดินตามหาครึ่งหมู่บ้าน เดินข้ามคันนาหลายแปลง จึงเห็นซวี่เฉินฟางกำลังเดินตรงมาอย่างเชื่องช้า
เขาอยู่เพียงลำพัง ไม่มีสตรีในหมู่บ้านคนใดตามหลังมาด้วย ท่ามกลางสายัณห์ตะวันรอนเขากำลังเดินอยู่บนทางในหมู่บ้านอย่างเดียวดาย
สองข้างทางเล็กๆ เต็มไปด้วยทุ่งข้าวฟ่างเขียวชอุ่ม รวงข้าวฟ่างที่อวบอิ่มสุกงอมโน้มยอดลง
ปกติเมิ่งอู่มักรู้สึกว่าต้นข้าวฟ่างในหมู่บ้านค่อนข้างสูง แต่เมื่อเห็นซวี่เฉินฟางเดินผ่าน รวงข้าวฟ่างเ่าั้พากันโน้มยอดต่ำลงมาอย่างพร้อมเพรียง
เขาเงยหน้าก็เห็นเมิ่งอู่ แม้จะมีระยะห่างพอสมควร แต่เมิ่งอู่ก็ยังคงมองเห็นว่าั์ตาเขาเจือยิ้มรางๆ ในปากคาบหญ้าสีเขียว แสงตะวันยามเย็นที่ขอบฟ้าอาบทั่วตัวเขา สายลมยามเย็นพัดเรือนผมเส้นละเอียดดุจหมึกของเขาปลิวไสว
สายรัดสีอ่อนที่ใช้รวบผมลวกๆ ด้านหลังศีรษะพลิ้วไปตามสายลม
ชุดสีแดงหรูหราราวกับเป็สีที่เร่าร้อนและโดดเด่นที่สุดในหล้า