เมื่อเข้านอนในคืนนั้น ซูอินครุ่นคิดถึงเื่ที่จะทำให้สองสามีภรรยาตระกูลหลิงได้มี่เวลาที่สุขสบาย
คำตอบคือใช่อย่างแน่นอน
ระยะนี้เมื่อได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น เห็นการกระทำต่างๆ ของพ่อแม่ผู้มีความสัมพันธ์ทางสายเื ไม่ว่าจะเป็การยัดเงินใส่มือให้เธอหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะยุ่งหรือเหนื่อยเพียงใดก็ไม่เคยให้เธอช่วยทำนาหรือทำงานบ้าน และยังคอยปกป้องลูกสาวจากคนในหมู่บ้านที่มานั่งพูดคุยที่บ้าน….ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีเงิน และไม่มีความสามารถมากมาย แต่ความรักและความจริงใจที่พวกเขามีให้กลับแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ในเมื่อตนเองมีความสามารถก็ควรช่วยให้พวกเขาได้มีชีวิตที่สุขสบายขึ้นสักหน่อย
ไม่ใช่ว่าซูอินไม่เป็กังวลในเื่นี้ หากหักเงินสองแสนหยวนที่เอาเข้ากองทุนการกุศล สิ่งที่อยู่ในมือเธอตอนนี้มีมูลค่าราวๆ ห้าแสนหยวน จำนวนเท่านี้ หากเป็ปัจจุบันห้องราคาไม่กี่หยวน เงินยังถือว่าสมเหตุสมผล สิ่งจูงใจมากมายที่สามารถจินตนาการภาพได้
แต่เธอเชื่อมั่นในการวิเคราะห์ของตนเอง เธอรู้ดีว่าสองสามีภรรยาตระกูลซูไม่ใช่คนแบบนั้น
ถึงแม้…ตัวเธอจะดูเหมือนพึ่งพาอะไรไม่ได้ แต่ผ่านไปแค่พริบตาเดียว วันนี้การสื่อสารของเธอพัฒนา มีโทรศัพท์มือถือ หากมีเื่อะไรก็สามารถติดต่อเพื่อน และโทรหาเ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ
เมื่อคาดการณ์สิ่งที่แย่ที่สุด เธอเชื่อมั่นว่าสามารถรับมือได้ จึงตัดสินใจ
ในตอนแรกเธอตั้งใจจะบอกเื่นี้กับตระกูลซูไปตรงๆ พูดตามความจริง แต่เมื่อมานึกดู เธอก็ล้มเลิกความคิดนั้น
เธอที่เป็เพียงเด็กธรรมดาเพิ่งเรียนจบมัธยมต้น จู่ๆ จะบอกว่าตนเองเป็เ้าของห้องถึงแปดห้องรวมราคาเกือบห้าแสนหยวนโดยที่ไม่มีหลักฐานไม่ได้ มันดูจินตนาการล้ำเลิศมากเกินไป
รอก่อนดีกว่า อย่างน้อยรอให้ได้โฉนดที่ดินมาอยู่ในมือก่อน
อย่างไรเสียก็คงใช้เวลาอีกแค่ไม่กี่วัน
หลังจากคิดเื่นี้อย่างชัดเจนแล้ว พัดลมที่อยู่บนหัวเตียงของเธอก็หมุนพัดเอาความเย็นมา ทำให้เธอผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
นอนหลับสบายโดยไม่ฝันตลอดทั้งคืน วันต่อมาตื่นแต่เช้าตรู่ ท้องฟ้ามีฝนตกปรอยๆ
“อากาศวันนี้ดีมาก เข้าเมืองไปก็คงเย็นสบาย”
ซูอินยืนอยู่หน้าประตู สูดหายใจก็ได้กลิ่นไอเย็นสดชื่น เธอบิดเอวด้วยหัวใจที่มีความสุข
เมิ่งเถียนเฟินกำลังยกเกี๊ยวนึ่งออกมาจากห้องครัวฝั่งตะวันออก ซึ่งเธอได้ยินประโยคนี้พอดี ตอนแรกเธอเป็กังวลว่าหากฝนตกจะทำให้เดินทางเข้าเมืองไม่สะดวก แต่เมื่อมาคิดดูในเมืองล้วนเต็มไปด้วยถนนลาดยางแข็งๆ ไม่เหมือนถนนลูกรังในชนบทที่เดินไปไหนก็มีแต่โคลนเต็มเท้า
ฝนตกเล็กน้อยไม่ใช่เื่แย่
“รีบมากินตอนที่มันยังร้อนๆ ดีกว่า อีกเดี๋ยวจะนั่งรถไปแล้ว”
เกี๊ยวนึ่งนี้เมิ่งเถียนเฟินตื่นมาทำั้แ่เช้า ครอบครัวชาวนาทำแป้งกันเอง ปราศจากสารปรุงแต่ง ดูแล้วสีอาจจะคล้ำไปสักหน่อย แต่รสชาติอร่อยมาก ฝีมือทำอาหารของเมิ่งเถียนเฟินไม่เลว เนื้อด้านในใส่ผักเล็กน้อย ปรุงรสเค็มกำลังดี กลิ่นหอม ด้านนอกห่อด้วยแผ่นเกี๊ยว เพิ่งถูกยกออกมาจากหม้อนึ่งร้อนๆ ซูอินกินเกี๊ยวอย่างเอร็ดอร่อย
เด็กชายตัวน้อยเห็นพี่สาวกินอย่างเอร็ดอร่อยก็ใช้ช้อนตักเข้าปากจนรอบปากเป็คราบมัน
หลังจากที่สองพี่น้องกินอย่างเอร็ดอร่อย รถตู้ที่จะมารับทั้งคู่ก็มาจอดรอหน้าบ้าน
“ทำไมขับมาที่นี่ล่ะ”
เมิ่งเถียนเฟินถามด้วยความสงสัย หลายหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ใช้บริการรถตู้คันนี้ โดยปกติพวกเขาต้องเดินทางไปยังบ้านของคนขับรถ หรือรอที่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน
รถตู้คันนี้นี่แหละ ไม่ผิดแน่
เธอสงสัย แต่ก็เดินไปหาเสื้อคลุมบางๆ มาให้บุตรชายตัวน้อยเพื่อกันหนาว จากนั้นเปิดประตูบ้าน เดินไปตามอิฐตัวหนอนที่ปูอยู่บนลานเพื่อออกไปยังหน้าประตูใหญ่
“อาลิ่ว ทำไมมาเช้าจัง”
“ซู” เป็แซ่ที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านตงผิง คนทั้งหมู่บ้านครึ่งหนึ่งใช้แซ่นี้ คนขับรถตู้ก็แซ่ซู อายุรุ่นราวคราวเดียวกับซูเจี้ยนจวิน แต่ถ้านับตามรุ่น เขาถือเป็อาของซูเจี้ยนจวิน เมื่อซูอินกลับมาอยู่ที่นี่จึงเรียกเขาว่าคุณปู่ลิ่ว
คุณอาซูลิ่วเปิดประตูสู่ “ตำแหน่งทองคำ” ซึ่งก็คือที่นั่งข้างคนขับ ใบหน้าเรียบง่ายและซื่อสัตย์ของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฝนตก ถนนไม่ค่อยดี เดินจากบ้านของพวกเธอถนนมีแต่ดินโคลน แต่เหยียบคันเร่งหน่อยก็ออกได้แล้ว มาอินอิน อันอัน ขึ้นรถเถอะ”
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับการ “เหยียบคันเร่ง” มารอรับถึงหน้าบ้านแบบนี้ ข้อแรกซูอินเป็นักเรียนที่สอบได้คะแนนสูงเป็อันดับหนึ่ง มีสถานะสูงส่ง ข้อสองเธอเป็คนพูดจาไพเราะ ในตอนที่คุณอาซูลิ่วมาพูดคุยที่บ้านของพวกเธอ ถูกเธอเรียกเสียงหวานว่า “คุณปู่ลิ่ว” แค่นั้นเขาก็ดีใจแล้ว
สวย เรียนเก่ง มีเหตุผล เด็กแบบนี้ใครกันจะไม่เอ็นดู
ถึงแม้จะไม่รู้สึกไว้วางใจเท่ากับบุตรหลานในครอบครัวของตนเอง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอึดอัด การช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่พวกเขาด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อยนี้เป็สิ่งที่เขาเต็มใจทำ
“เมื่อกี้หนูคิดว่าจะไปเปลี่ยนรองเท้ากันฝนอยู่พอดี แต่คุณปู่ลิ่วมารับแบบนี้ทำให้ลดความยุ่งยากไปได้เยอะเลยค่ะ”
ซูอินเผยรอยยิ้มหวาน เธอพาเด็กชายตัวน้อยขึ้นรถ ที่นั่งข้างคนขับกว้างขวาง อีกทั้งสองคนพี่น้องตัวไม่ใหญ่ นั่งข้างกันได้พอดี
ถึงแม้ฝนเพิ่งจะตกไป ถนนในหมู่บ้านไม่สะดวกต่อการเดินทาง แต่เมื่อขึ้นรถซูอินกลับดีใจมากที่เท้าของตนเองไม่เลอะโคลน
ความสนิทสนมและคำพูดตื้นตัน ทำให้คุณปู่ลิ่วที่ได้ฟังรู้สึกสบายใจมาก เขาพูดคุยกับเมิ่งเถียนเฟินผ่านหน้าต่างอีกสองสามประโยคก่อนจะรับปากว่าจะไปส่งสองพี่น้องให้ถึงที่หมาย
รถตู้ขับผ่านหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่งเพื่อรับคนอื่นๆ กว่ารถตู้จะเดินทางเข้าเมืองก็ใช้เวลาราวๆ หนึ่งชั่วโมง
ฝนที่ตกโปรยปรายหยุดแล้ว มองเห็นชั้นความชื้นบนถนน อากาศช่างสดชื่น
รถตู้จอดอยู่หน้าประตูโรงเรียนทดลอง เธอพาเด็กชายตัวน้อยลงจากรถ ซูอินรับรู้ถึงสายตาที่มองมาด้วยความคลุมเครือ
เมื่อมองดูดีๆ ถึงแม้จะออกมาแต่เช้า แต่ก็เสียเวลาไปกับการเดินทางอยู่นาน ทำให้ตอนนี้ในโรงเรียนมีคนมาไม่น้อยแล้ว ซึ่งล้วนแต่มารับเอกสารสมัครเรียน ดูไปแล้วก็น่าจะไม่มีคนแปลกๆ ที่นี่
ในตอนที่ซูอินกำลังครุ่นคิดก็มีคนเดินเข้ามาตบไหล่
“มีรถพร้อมไปรับไม่ชอบ ชอบจ่ายเงินเอง”
น้ำเสียงเย่อหยิ่งดังขึ้น ซูอินหันไปมองก็พบใบหน้าของคุณหนูอวี๋ที่อยู่ใกล้กับใบหน้าของเธอมาก
“ใหมดเลย”
เธอถอนหายใจยาวก่อนจะรีบอธิบาย “วันนี้สภาพอากาศที่หมู่บ้านไม่ค่อยดี ถ้าขับรถเข้าไปก็มีแต่จะเปื้อนโคลน กลับมาต้องล้างรถยุ่งยากอีก ถึงอย่างไรในหมู่บ้านก็มีคนขับรถตู้รับจ้าง สะดวกดี เลยมาพร้อมกับรถตู้”
“ยุ่งยากอะไรล่ะ” คุณหนูใหญ่มุ่ยปาก “อันอันก็มาด้วยหรือ มาให้พี่ฉิงฉิงบีบหน่อย”
เธอเอ่ยก่อนจะก้มลงและยื่นมือไปบีบแก้มของเด็กชายตัวน้อย
เด็กชายตัวน้อยมีปฏิกริยาตอบกลับรวดเร็ว เขารีบปล่อยมือเล็กที่จับนิ้วก้อยของซูอิน ก่อนจะยกมือสองข้างปิดแก้มของตนเอง
แต่มือของเขาเล็กเกินไป จึงปิดไม่มิด สุดท้ายก็ถูกอวี๋ฉิงบีบแก้ม
เมื่อได้บีบแก้มนิ่มๆ ของเด็กชายตัวน้อย คุณหนูอวี๋ก็สบายใจ ความไม่พอใจเพื่อนสนิทหายไปทันที
เด็กชายตัวน้อยที่ถูกจูงมือมีท่าทีเขินอาย ซูอินพูดคุยกับอวี๋ฉิงถึงสถานที่หมายที่จะพาน้องชายของเธอไปเที่ยวในวันนี้
“เที่ยวเหรอ เื่นี้ถามฉันได้เลย”
ครอบครัวของคุณหนูใหญ่มีเงิน บิดามารดาก็เป็มิตร ไม่เรียกร้องให้เธอเรียนเสริมทักษะหรือเรียนหนังสืออย่างหักโหม ั้แ่เล็กจนโตได้เล่นอย่างมีความสุข สถานที่ท่องเที่ยวทั่วเมืองผิงไม่มีที่ไหนที่เธอไม่รู้จัก
เธอเสนอความคิดเห็นต่างๆ เพื่อให้สองพี่น้องเลือก
เด็กสาวสองคนและเด็กชายตัวน้อยอีกหนึ่งคนกำลังยืนคุยกันอย่างออกรสชาติ ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้เขียวขจีข้างๆ บนเบาะหลังของรถ BMW หลิงเมิ่งกำลังนั่งอยู่บนนั้นด้วยความไม่พอใจ
เมื่อรู้ว่าวันนี้ซูอินจะมารับเอกสารสมัครเรียน เธอก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อตามมาที่นี่โดยเฉพาะ และได้ติดต่อคนเอาไว้แล้ว แต่ตอนนี้มีอวี๋ฉิงอยู่ข้างกาย เห็นได้ชัดว่ายังไม่เหมาะจะลงมือ
ซูอินที่กำลังพูดคุยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาแปลกๆ กำลังจ้องมาที่เธอ
“ถ้างั้นไปสวนสัตว์กันไหม”
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว คุณหนูอวี๋ก็ยกมือขึ้นตบหน้าผาก “ตายจริง ฉันนึกขึ้นได้ วันนี้ยังมีอีกเื่ที่ต้องทำ”