ลำแสงเขียวเข้มพุ่งออกมาจากดวงตาของอูิโยว เส้นเืปูดขึ้นมาั้แ่ข้างลำคอไปจนถึงขมับ ทันทีที่เสียงคำรามดังขึ้น รากไม้มากมายนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขา พุ่งกระจายออกไปทุกทิศทาง สัตว์ร้ายทั้งหลายทั้งถูกรัดและทิ่มแทง เืไหลรดบนรากไม้เขียวเข้มก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็แดงฉาน
ดวงตาสีเขียวเข้มของอูิโยวค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีแดง รัศมีสีดำล้อมรอบตัวเขา พร้อมจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง เหล่าสัตว์ร้ายที่ยังไม่โดนเล่นงานเมื่อเห็นภาพนี้ก็รีบหันหลังวิ่งหนี
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อสูดหายใจอีกครั้งทุกอย่างก็สงบลง
อูิโยวยืนอยู่ใจกลางเถาวัลย์มากมาย ใต้ฝ่าเท้ามีรากไม้ขนาดใหญ่ ดูราวกับงูหลามั์นับไม่ถ้วน ซึ่งกำลังบิดตัวและลิ้มรสโลหิตรอบกาย
ซากศพของสัตว์ร้ายกระจัดกระจาย อูิโยวมองไปยังหลิ่วไป๋เจ๋อที่อยู่ไม่ไกล สีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก อีกฝ่ายยังคงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับหันหน้ามาทางเขา แล้วไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวใดๆ อีก
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอูิโยวไม่ได้ทำให้หลิ่วไป๋เจ๋อประหลาดใจสักนิด ทว่าในเวลานี้เขาสงบนิ่งจนเกินไปจึงทำให้อูิโยวรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งใจ
ทันใดนั้นรากไม้ที่อยู่ใต้เท้าของอูิโยวก็พุ่งไปทางหลิ่วไป๋เจ๋อ อีกฝ่ายไม่ได้หลบ ปล่อยให้เถาวัลย์แทงเข้าไปในกาย ความเ็ปลามไปทั้งร่างแต่ยังคงนิ่งเฉย ไม่คิดต่อต้าน เืไหลชุ่มโชกทั่วชุดสีขาว ราวกับมีดอกบัวสีแดงฉานผุดขึ้นมาทีละดอก จากนั้นก็มีเถาวัลย์อีกเส้นพุ่งเฉียดใบหูของหลิ่วไป๋เจ๋อไปแทงทะลุต้นหลิวโบราณที่อยู่ด้านหลัง ผ้าผูกผมสีฟ้าขาดสะบั้น เืไหลอาบแก้ม ผมสีเงินปลิวไสว หลิ่วไป๋เจ๋อค่อยๆ วางขลุ่ยดินเผาจรดริมฝีปากอีกครั้ง ทำนองทุ้มต่ำพลันแว่วผ่านหูของอูิโยว
ประกายสีแดงในดวงตาของเขาพลันจางลง สีหน้าบิดเบี้ยว ร่างกายก็พยายามดิ้นรน ราวกับกำลังต่อต้านบางสิ่งในตัว
“โอ๊ย!”
จู่ๆ ในศีรษะก็เ็ปอย่างรุนแรงจนอูิโยวต้องยกมือขึ้นกุมและส่งเสียงกรีดร้องออกมา หลิ่วไป๋เจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่หยุดเป่าขลุ่ยดินเผา พยายามอดกลั้นต่อความเ็ปแสนสาหัส ปล่อยให้รากไม้เจาะเข้าไปในร่างกายและก้าวเข้าไปหาอูิโยวทีละก้าว
“ิโยว ตื่นสิ…ตื่น…”
อูิโยวได้ยินเสียงคนเรียก สุ้มเสียงคลุมเครือเหมือนอยู่ห่างไกลแต่ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก เขาลืมตาขึ้นช้าๆ ทว่ามองไม่เห็นสิ่งใด รอบกายรายล้อมไปด้วยความมืดมิด
“ิโยว...”
“ใครเรียกข้า” เขาอยากเห็นให้ชัดขึ้น แต่กลับถูกม่านหมอกทะมึนบดบัง
หลิ่วไป๋เจ๋อเดินมาถึงตรงหน้าอีกฝ่าย ยังคงบรรเลงขลุ่ยดินเผาแม้จะมีมีเืไหลรินจากมุมปาก ใน่สุดท้ายเสียงขลุ่ยทั้งแหลมคมและหนักหน่วง อูิโยวส่งเสียงคำรามอีกครั้ง รากไม้มากมายเปล่งแสงสีเขียวแล้วจางหายไป เรือนร่างที่กำลังจะร่วงหล่นถูกหลิ่วไป๋เจ๋อยื่นมือมาประคองไว้
ร่างกายหลิ่วไป๋เจ๋อเต็มไปด้วยาแ อูิโยวก็สูญเรี่ยวแรง ทั้งคู่จึงล้มพับ หมดสติไปพร้อมกัน
เพียงครู่เดียวผ้าสีขาวบนข้อมือซ้ายของอูิโยวก็ส่องแสงเรืองรองออกมาล้อมรอบร่างของคนทั้งสอง กินเวลาราวครึ่งเค่อก่อนจะคืนสภาพเดิม
ม่านหมอกสีดำจางหายไป อูิโยวลืมตาขึ้น รู้สึกปวดหัวราวกับมันจะะเิออกเป็เสี่ยง นอกจากนี้ก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างทับอยู่บนร่างจนหายใจไม่ออก
“ไป๋เจ๋อหรือ ไป๋เจ๋อ!”
เมื่อตระหนักว่าสิ่งที่อยู่บนร่างของตนคือหลิ่วไป๋เจ๋อ อูิโยวก็รีบลุกขึ้นประคองอีกฝ่ายให้ลุกตาม
ทั่วทั้งร่างของหลิ่วไป๋เจ๋อเต็มไปด้วยคราบเื ใบหน้าซีดเซียวไร้สีสัน ลักษณะการหายใจเข้าออกอย่างแรงทำให้อาการดูไม่สู้ดี อูิโยวไม่สนใจสิ่งใด ยกมือเรียวขึ้นมารวบรวมพลังในทันที แล้ววางฝ่ามือบนแผลที่หน้าท้องของหลิ่วไป๋เจ๋อเพื่อหยุดเืและทำการรักษา
เมื่ออาการาเ็บรรเทาลง ลมหายใจจึงสงบลงเช่นกัน อูิโยวหยิบขวดยาจากแขนเสื้อออกมาเทแล้วป้อนให้อีกฝ่ายหนึ่งเม็ด ยกมือเช็ดเหงื่อชื้นบนหน้าผาก หลังจากนั้นจึงหันไปสำรวจสิ่งที่อยู่รอบกาย
ซากศพเหล่าสัตว์ร้ายกองกระจัดกระจายอยู่โดยรอบ เขาพลันตกตะลึง สัตว์ร้ายเหล่านี้ถูกไป๋เจ๋อสังหารอย่างนั้นหรือ แต่ก็เหมือนว่าจะไม่ได้เป็เช่นนั้น
อูิโยวจ้องมองซากศพเ่าั้พร้อมกับก่นด่า “พวกสัตว์เดรัจฉาน สมควรตาย!”
ในขณะที่เขาแสดงท่าทีไม่พอใจ ก็แอบสาปแช่งตัวเองอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะมาช้าเกินไป ทำให้หลิ่วไป๋เจ๋อต้องตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง เกือบจะได้เดินทางไปยังปรโลกแล้วไหมล่ะ
ครึ่งชั่วยามต่อมาหลิ่วไป๋เจ๋อก็ฟื้นขึ้น
“ิโยว!” ทันทีที่ลืมตาก็ะโเรียกอูิโยวพร้อมกับมองไปรอบกาย
“ข้าไม่เป็ไร” เมื่อเห็นหลิ่วไป๋เจ๋อฟื้นขึ้นมาเขาก็ถอนหายใจโล่งอก แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ข้าปิดหน้าเอาไว้จนเหลือแค่ดวงตาสองข้างก็ยังมองออกหรือ เ้านี่เก่งจริงๆ”
หลิ่วไป๋เจ๋อกล่าว “ข้าไม่ได้ใช้สายตาแยกแยะสิ่งต่างๆ ไม่ใช่ว่าเ้าไม่รู้”
อูิโยวก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองเขาให้ลุกขึ้นจากพื้น แล้วเอ่ยอย่างโกรธเคือง “เหตุใดเ้าถึงได้าเ็สาหัสเช่นนี้”
หลิ่วไป๋เจ๋อตะลึง ิโยวจำเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่ได้หรือ! ทว่าจำไม่ได้ก็ดีแล้ว
“ข้าแค่ไม่ทันระวังจึงถูกสัตว์ร้ายตัวน้อยที่เล่นซุกซนแทงเข้า”
อูิโยวหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “เ้านี่จริงๆ เลย สัตว์ร้ายพวกนี้ล้วนน่าขยะแขยง ก็ยังเรียกมันว่าสัตว์ร้ายตัวน้อยเล่นซุกซนอย่างนั้นหรือ ขอข้าดูศีรษะของเ้าหน่อยว่าได้รับาเ็หรือไม่”
หลิ่วไป๋เจ๋อปัดมือของอูิโยวออก แต่เมื่อรับรู้ว่าลมหายใจของอีกฝ่ายสงบลง ไม่ได้สับสนวุ่นวายอีก จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าในเวลานั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วรีบลุกขึ้นวิ่งไปยังต้นหลิวโบราณที่อยู่ไม่ไกล
“เ้าทำอะไร เืเพิ่งจะหยุดไหลนะ”
อูิโยวห้ามอีกฝ่ายไม่ทัน ก่อนจะเห็นหลิ่วไป๋เจ๋อะโขึ้นไปบนต้นหลิวโบราณ ครู่ต่อมาก็ะโลงมาพร้อมกับอุ้มร่างของคนผู้หนึ่งเอาไว้ในอ้อมแขน
“ท่านพี่หญิง!”
อูิโยวตกตะลึง มิน่าล่ะหลิ่วไป๋เจ๋อถึงได้คอยปกป้องต้นหลิวโบราณไว้ไม่ยอมห่าง เขายอมเผชิญหน้าต่อสู้กับฝูงสัตว์ร้าย ไม่หนีไปไหนแม้จะได้รับาเ็สาหัส
“ท่านพี่หญิง!” อูิโยวก้าวเข้าไปช่วยประคองทั้งคู่ หลิ่วไป๋เจ๋อยังคงเจ็บหนัก อูิโยวจึงดึงอูิหลิงออกจากอ้อมแขนเขา หาพื้นที่สะอาดข้างต้นหลิวโบราณก่อนจะวางนางลง
เนื้อตัวของอูิหลิงยังคงสะอาดสะอ้าน ไม่พบอาการาเ็ใดๆ ราวกับนางแค่กำลังหลับอยู่อย่างไรอย่างนั้น เมื่ออูิโยวตรวจสอบเรียบร้อยแล้วก็พบว่า นอกจากอาการเหนื่อยล้าเพียงนิดหน่อย พี่สาวของเขาก็ไม่ได้รับาเ็ที่ใด จึงหันไปมองยังหลิ่วไป๋เจ๋อพร้อมกับเอ่ยถาม
“ท่านพี่หญิงเป็อะไร เหตุใดถึงไม่ตื่น”
หลิ่วไป๋เจ๋อไอติดต่อกันสองครั้ง แล้วฝืนกลืนเืในปากกลับลงลำคอ
“นางไม่ได้าเ็สาหัสอะไร แค่ถูกข้าทำให้หมดสติ”
อูิโยวรู้จักวิชาของหลิ่วไป๋เจ๋อเป็อย่างดี และอีกฝ่ายจะไม่ทำร้ายท่านพี่หญิงของเขาแน่นอน เช่นนั้นคงมีเหตุผลอะไรบางอย่าง
อูิโยวไม่ได้เอ่ยถามอีก เมื่อมองดูร่างกายของหลิ่วไป๋เจ๋อที่เต็มไปด้วยคราบเืก็รู้สึกทุกข์ใจอย่างยิ่ง
“เ้าเป็อย่างไรบ้าง”
“ไม่สาหัส”
ทันใดนั้นหลิ่วไป๋เจ๋อก็จับข้อมือของอูิโยว ััอันเย็นะเืทำให้อูิโยวตัวสั่น
หลังจากยืนยันอีกครั้งว่าลมหายใจของอูิโยวคงที่แล้ว หลิ่วไป๋เจ๋อก็รู้สึกโล่งใจ เขาไม่รู้เลยว่าการกระทำของตนทำให้อูิโยวเกิดความสงสัย
อีกฝ่ายคว้าแขนของหลิ่วไป๋เจ๋อไว้ คิ้วขมวดเข้าหากันจนแน่น
“บอกข้า เ้าสังหารสัตว์ร้ายพวกนี้ได้อย่างไร”
หลิ่วไป๋เจ๋อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งประหลาดใจเล็กน้อยที่อูิโยวเป็ฝ่ายให้ความสนใจกับเื่เช่นนี้ขึ้นมาเอง “ข้ามีวิธีของข้า!”
“โกหก! เ้าไม่ได้ฆ่าสัตว์ร้ายเหล่านี้ใช่หรือไม่” อูิโยวปล่อยหลิ่วไป๋เจ๋อ ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในแววตา เขาก้มศีรษะลงมองไปยังมือทั้งสองข้าง คาดเดาบางอย่างด้วยความไม่มั่นใจ
“เ้า…อาการาเ็ของเ้าก็ไม่ได้เกิดจากสัตว์ร้ายใช่ไหม”
หลิ่วไป๋เจ๋อไม่เห็นสีหน้าของอูิโยว แต่เสียงที่สั่นเครือทำให้รู้ว่าเขากำลังหวาดกลัว จึงเอื้อมมือออกไปตบศีรษะของอีกฝ่าย
“เ้าคนโง่เขลา อย่าคิดไร้สาระ!”
อูิโยวขบขันท่าทีราวกับปลอบโยนเด็กน้อยของหลิ่วไป๋เจ๋อ จากนั้นก็เอ่ยถาม “จริงหรือ ข้าคิดมากไปอย่างนั้นหรือ”
“เ้าไม่เชื่อข้าหรือ”
“เชื่อสิ!” อูิโยวตอบโดยไม่ลังเล บนโลกใบนี้เขาเชื่อสิ่งที่คนตรงหน้าบอกมากที่สุด
“ประคองข้าขึ้นที พวกเราควรไปได้แล้ว”
หากหลิ่วไป๋เจ๋อไม่เตือน อูิโยวคงจะลืมไปแล้วจริงๆ การรุกรานของเหล่าสัตว์ร้ายอีกระลอกหนึ่งกำลังจะมา เสียเวลาอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว หากไม่รีบออกจากป่าใต้พิภพก็อาจถูกปิดล้อมอีกครั้ง ถึงตอนนั้นก็คงไม่ใช่เื่ง่ายที่คนสามคนที่ได้รับาเ็จะฝ่าออกไปจากวงล้อม แต่อูิโยวยังคงเป็กังวลเกี่ยวกับอาการาเ็ของหลิ่วไป๋เจ๋อ
“แต่ร่างกายของเ้า...”
ทันใดนั้นหลิ่วไป๋เจ๋อก็ยื่นมือมาทางเขา อูิโยวใ แต่ไม่นานก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร จึงหยิบขวดยาออกมาจากแขนเสื้อ เทเม็ดยาสีแดงออกมา แล้วยื่นไปป้อนเข้าปากอีกฝ่าย
“เ้าเชื่อใจข้าขนาดนั้นเชียว ไม่กลัวหรือว่าข้าจะใช้ความเป็หมอทำร้ายเ้า”
หลิ่วไป๋เจ๋อกลืนยาเม็ดนั้นแล้วเอ่ย “ท่านหมอ ข้าเชื่อเพียงเ้า”
ได้ยินดังนี้อูิโยวก็รู้สึกอบอุ่นในใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็ชี้ไปยังอูิหลิง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างจงใจ “แล้วท่านพี่หญิงล่ะ”
หลิ่วไป๋เจ๋อตอบโดยไม่ลังเล “ในใจข้าิหลิงไม่ใช่หมอ แต่นางเป็ว่าที่ฟูเหรินของข้า”
อูิโยวใจนพูดอะไรไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่งจึงหัวเราะ “ข้าไม่เคยคิดว่ายามเอ่ยเื่ความรักเ้าจะน้ำเน่าเช่นนี้ ทว่าข้าชอบนะ และเชื่อว่าท่านพี่หญิงของข้าจะชอบมันยิ่งกว่า”
หลังจากได้กินยา หลิ่วไป๋เจ๋อก็จัดระเบียบลมปราณอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ทั้งคู่จะพาอูิหลิงเดินออกจากหุบเขา ระหว่างทางอูิโยวอยากจะปลุกอูิหลิง แต่หลิ่วไป๋เจ๋อห้ามเอาไว้
“คราวนี้เ้าแอบออกมาอีกแล้วใช่ไหม หากท่านพี่หญิงของเ้าตื่นขึ้นมาเห็นเ้าอยู่ที่นี่ คิดว่านางจะทำอย่างไร”
หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ อูิโยวก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป หลิ่วไป๋เจ๋อยกมือขึ้นแตะแก้มของอูิโยวแล้วก็ดึงมือกลับทันที
“หลังออกไปแล้วอย่าถอดผ้าปิดหน้าออก จงซ่อนตัวในความมืด ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน”
อูิโยวไม่ได้ถามอะไรให้มากความ เพียงทำตามที่หลิ่วไป๋เจ๋อเอ่ย ใน่หลายปีที่ผ่านมา ทั้งคู่ต่างก็เข้าใจการกระทำของอีกฝ่ายจนกลายเป็ความคุ้นชิน
เมื่อออกมาถึงปากทางเข้า จู่ๆ หลิ่วไป๋เจ๋อก็ชะงักหยุด หันกลับไปมองหุบเขาลึกด้วยความเ็ป
“มีอะไรหรือ”
“ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ!”
หลิ่วไป๋เจ๋อส่ายหัวแล้วหันกลับมาก้าวเดิน ไม่มองไปทางด้านหลังอีก ไม่ช้าก็เร็วคงจะได้กลับมาที่นี่ เพราะสถานที่นี้คือที่ซึ่งมู่ซิงจู๋ผู้เป็มารดาของเขาเคยอาศัยอยู่ เขาต้องตรวจหาสาเหตุของการทำลายล้างตระกูลมู่ให้ได้
ตอนนี้ยังมีอีกสิ่งที่ทำให้หลิ่วไป๋เจ๋อเป็กังวล นั่นก็คืออวิ๋นจวา คุณชายรองของคฤหาสน์อวิ๋นหลานซาน หากไม่ได้จัดการอีกฝ่าย เขาคงไม่อาจกำจัดเพลิงแค้นในใจได้ ถ้าไม่ใช่เพราะคนผู้นี้ เขาและิหลิงก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นก่อนหน้า ทั้งยังทำให้อูิโยวต้องเข้ามาเกี่ยวข้องจนเกือบจะ... หลิ่วไป๋เจ๋อไม่กล้าคิดต่อ เื่ที่เกิดขึ้นในหุบเขานี้เขาจะไม่ยอมให้ทั้งคู่ได้รับรู้เด็ดขาด โดยเฉพาะอูิโยว
หลิ่วไป๋เจ๋อกำหมัดแน่น ปลายเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ก่อนที่หยดเืจะไหลออกมา
——————————————
