ดาวโลก? ถังชิงหรูรู้สึกงุนงง
หรือว่าบรรพบุรุษของเผ่าอิงกูจะเป็ชาวโลก?
นางเคยไปรักษาให้กับเ้าชายแห่งดาวโลกและอาศัยอยู่ที่นั่นระยะหนึ่ง ในศตวรรษที่สามสิบเอ็ด โลกได้กลายเป็ดวงดาวที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขั้นสูง ทว่าค่อนข้างขาดแคลนทรัพยากร ที่ดินและแหล่งน้ำก็มีน้อย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็ทะเลทรายและหุบเขารกร้าง ดังนั้นนางจึงมิได้รั้งอยู่ที่นั่นนานนัก
"ใช่" นางกล่าวตอบ
หลังจากที่นางตอบกลับไป โลงศพก็มีเสียงดังครืด ก่อนที่ฝาโลงจะเปิดเองอัตโนมัติ
ใช้ระบบการควบคุมด้วยเสียง?
ไม่ใช่เทคโนโลยีของสมัยนี้จริงๆ ด้วย
ผู้สร้างโลงศพใบนี้ขึ้นมาช่างเก่งอย่างร้ายกาจ
คนอื่นๆ ไม่ทราบว่าถังชิงหรูกำลังพูดอะไร ได้ยินนางเอ่ยว่าใช่แค่ประโยคเดียว โลงใบนั้นก็เปิดออกมาเอง
พวกเขามองไปในโลง เห็นหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีแดงคนหนึ่งนอนอยู่ด้านใน เปลือกตาปิดสนิท อาภรณ์สีแดงสดที่นางสวมใส่แลดูสะดุดตาและวิจิตรประณีต แม้ว่าจะหลับตาอยู่ แต่สามารถจินตนาการได้ว่าเมื่อก่อนเคยงดงามมากแค่ไหน แน่นอนว่าสิ่งเ่าั้หาได้ทำให้ถังชิงหรูตื่นตระหนก แต่สิ่งที่ทำให้นางตกตะลึงอยู่ตอนนี้ก็คือ...
คนผู้นี้...
คนผู้นี้...
"หม่าม้า..." ถังชิงหรูเบิกตากว้าง มองคนที่นอนอยู่ในโลงศพ
ไฉนคนผู้นี้ถึงหน้าตาคล้ายคลึงกับคุณแม่ในความทรงจำของเธอนักเล่า? ไม่! ไม่ใช่แค่คล้าย แต่น่าจะใช่มารดาที่หายสาบสูญไปั้แ่ตนเองยังเล็กจริงๆ
คุณแม่เป็นักรบของสมาพันธรัฐดวงดาว เธอจึงถูกส่งไปให้หุ่นยนต์พี่เลี้ยงเลี้ยงดูั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ แม่ของเธอห้าหกปีจะกลับมาบ้านสักหน แต่ไรมาก็อยู่บ้านไม่เกินสามวัน แต่ถังชิงหรูก็ยังจำหน้าตาได้อยู่ เพราะแม่ของเธอเป็ผู้บัญชาการทหารหญิงที่กล้าหาญชาญชัยที่สุดของสมาพันธรัฐดวงดาว
แต่ตอนที่เธออายุไม่กี่ขวบ ได้ข่าวว่ามารดาหายสาบสูญไประหว่างาครั้งหนึ่ง แม้แต่ศพก็หาไม่พบ ถังชิงหรูยังจำชั่ววินาทีที่ทราบข่าวได้ดี สมองของเธอขาวโพลนว่างเปล่า หัวใจเต็มไปด้วยความงุนงง จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานมาก ถึงเข้าใจว่าแม่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว
ถังชิงหรูเอื้อมมือไปลูบัับนใบหน้าของสตรีผู้นั้น ดวงหน้ายังอ่อนนุ่ม ราวกับมีชีวิตอยู่ แต่นางย่อมรู้ว่ามารดาจากไปนานแล้ว และมิอาจหวนคืนกลับมาได้อีก
"ชิงหรู เป็อะไรหรือเปล่า" อิงฉีมองนางด้วยความสงสัย
"คนผู้นี้... สวยมากจริงๆ" ถังชิงหรูปาดน้ำตาที่หางตา "อายุเพียงเท่านี้ก็ตายเสียแล้ว ช่างน่าเวทนานัก"
"นั่นสิ" อิงฉีพยักหน้าเห็นด้วย "มิน่าคนที่เผ่าอิงกูถึงหน้าตาดีนัก ที่แท้เพราะมีบรรพบุรุษรูปโฉมงดงามขนาดนี้นี่เอง"
ถังชิงหรูพบสมุดบันทึกเล่มหนึ่งข้างศพ จากสิ่งที่บันทึกในนั้น นางจึงแน่ใจแล้วว่าสตรีผู้นี้ก็คือมารดาที่หายสาบสูญไปของตนเอง
"ฉันคือหลินไฉ่เวยผู้บัญชาการกองทัพหญิงคนแรกของสมาพันธรัฐแห่งดวงดาว วันนี้คือวันที่หนึ่งร้อยที่ฉันมาถึงดาวดวงนี้ ฉันกลายมาเป็ทาสหญิงคนหนึ่ง เพื่อรักษาชีวิตรอด ฉันต้องทำงานหนักทั้งวันทั้งคืน ต้องอดทนอดกลั้นกับการคุกคามของนายทาสชาย หากร่างกายของฉันไม่าเ็สาหัส คงไม่ต้องทนกับความอัปยศอดสูเช่นนี้ แต่ฉันจะตายไม่ได้ ฉันต้องมีชีวิตต่อไป ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อลูกสาวของคนเดียวของฉัน ฉันต้องหาวิธีกลับไปให้ได้ ยานอวกาศของฉันหายไปบนดาวดวงนี้ ฉันต้องหามันให้เจอ หลังจากนั้นค่อยใช้มันกลับไปยังบ้านเกิดของตัวเอง"
"วันที่ร้อยห้าสิบ ฉันรักกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ไม่นึกว่าเขากลับเลือกแต่งงานกับหญิงอื่นเพื่ออำนาจ ฉันโกรธมาก โกรธ... แต่ไม่เคยลืมคำสัญญาของตัวเอง ฉันยังมีลูกสาวอีกคนที่ต้องกลับไปหา ผู้ชายถึงสำคัญอย่างไร ก็ไม่สำคัญไปกว่าลูกสาวของตัวเอง ยามที่ฉันจากมาเธอยังเล็กมาก หรูเอ๋อร์ของแม่... อย่าเศร้าใจไปเลย แม่ยังไม่ตาย แม่แค่มาอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่งเท่านั้น"
"วันที่สามร้อย ฉันบุกไปชิงตัวเขาในงานแต่งงาน ทำลายงานมงคลของเขาจนย่อยยับ เขาเสียใจมากแต่ก็ไม่ได้ตำหนิฉัน ทว่าฉันเองย่อมรู้ดีว่าต่อจากนี้ไประหว่างเราไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีก ฉันจากเขามา ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างเป็อิสระ"
"ฉันพาทาสร้อยกว่าคนก่อฏ ทุกคนต่างเป็มนุษย์เหมือนกัน ทำไมพวกเราต้องมาเป็ทาส การที่ฉันตัดสินใจเช่นนี้ใช่ว่าเพราะรู้สึกเสียหน้าที่พวกเขาทำให้ผู้บัญชาการทหารหญิงอย่างฉันต้องกลายเป็ทาส แต่เพราะว่าฉันไม่พอใจวิถีของโลกใบนี้"
"จากกองกำลังหน่วยย่อยเพียงร้อยกว่าคนค่อยๆ ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น บัดนี้กลายเป็กองทัพหมื่นกว่าคนแล้ว ฉันได้กลับมาเป็ผู้บัญชาการหญิงใหม่อีกครั้ง ตอนที่ฉันยืนอยู่ต่อหน้าคนที่เคยชอบ แววตาตื่นตระหนกของเขาทำให้ฉันสะใจเป็บ้า ฉันจ้องมองเขาด้วยสายตาทระนง กระบี่ในมือพาดอยู่ที่คอของเขา ยืนอยู่บนผืนดินที่เคยเป็ของพวกเรา นับจากบัดนั้นโลกก็กลับคืนสู่ความสงบ ไร้า แคว้นโจวรวมถึงอีกห้าแคว้นล้วนไม่มีใครกล้าแตะต้องประชาขนของฉัน ฉันไม่ได้ตั้งตนเป็จักรพรรดินี เพราะรังเกียจอำนาจการปกครองเยี่ยงกษัตริย์ ฉันตั้งชื่อให้กับพวกเขาว่า เผ่าอิงกู..."
"ฉันรู้ว่าคนเ่าั้กระเหี้ยนกระหือรืออยากทำลายล้างประชาชนของฉันให้หมดสิ้น แต่พวกเขาหวาดกลัวสิ่งของที่อยู่ในมือของฉัน ของเ่าั้สามารถช่วยให้เผ่าอิงกูยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งได้หลายร้อยปี เพียงแค่การมีอยู่ของพวกมันก็ทำให้คนเ่าั้ไม่กล้าทำสิ่งใดกับพวกเรา ทว่าฉันก็ยังคงวิตกกังวล ตอนนี้ฉันยังอยู่ พวกเขาย่อมไม่กล้าทำสิ่งใด แต่วันไหนที่ฉันไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าของเ่าั้ใช้อย่างไร เผ่าอิงกูจะต้านทานการโจมตีของแคว้นเ่าั้ได้อย่างไร"
"ร่างกายของฉันคงอยู่ได้อีกไม่นาน อย่างไรเสียฉันก็ไม่ใช่คนของยุคสมัยนี้ ร่างกายเริ่มอ่อนแอลงทุกวัน ฉันปรารถนาอยากจะพบหรูเอ๋อร์อีกสักครั้ง ทว่า...ฉันกำลังจะตาย คงไม่มีโอกาสกลับไปเจอลูกอีกแล้ว เธอคงเกลียดแม่อย่างฉันมากแน่ๆ "
"ฉันสร้างโลงศพให้กับตัวเอง เมื่อครั้งาโลก ฉันบังเอิญรู้เื่หนึ่งมาจากตำราโบราณ นั่นก็คือชาวโลกมีคุณสมบัติสามารถทะลุมิติข้ามกาลเวลาผ่านห้วงอวกาศไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ ฉันก็เลยคิดว่า ถ้ามีชาวโลกสักคนข้ามมิติมาที่นี่ คนคนนั้นจะพบของที่ฉันทิ้งเอาไว้หรือไม่ ถ้าเธอสามารถข้ามเวลากลับไปได้ ก็สามารถช่วยฉันส่งจดหมายไปถึงลูกสาวได้ ฉันอยากบอกเธอว่า แม่ไม่เคยทอดทิ้งลูก แต่แม่หาทางกลับไปไม่ได้จริงๆ แม่ขอโทษ อย่าโกรธเกลียดแม่เลยนะ"
ถังชิงหรูอ่านบันทึกเล่มนั้นจบ น้ำตาก็ไหลพราก
"เป็อะไรไป ในนั้นเขียนว่าอย่างไรหรือ ไฉนเ้าถึงดูเศร้าเยี่ยงนี้เล่า" อิงฉีเห็นถังชิงหรูมีสีหน้าผิดปรกติจึงเอ่ยถาม
ถังชิงหรูปาดน้ำตา สูดหายใจเอ่ยว่า "ไม่มีอะไร นางเป็บรรพชนรุ่นแรกของเผ่าอิงกูของพวกเ้า และเป็ผู้ก่อตั้งเผ่าอิงกูขึ้นมา"
"แล้วทำไมเ้าถึงดูโศกเศร้าขนาดนี้เล่า อย่างกับว่านางคือคนจากตระกูลของเ้าอย่างนั้นล่ะ" อิงฉีเอ่ยหยอกเย้า
"แค่รู้สึกว่าชีวิตของคนผู้นี้ไม่ง่ายเลย นางขึ้นจากทาสกลายมาเป็หัวหน้าเผ่า และตอนนั้นยังสร้างความหวาดกลัวให้กับห้าแคว้น แค่อ่านก็รู้ว่าเป็ยอดหญิงผู้กล้าแกร่ง" ถังชิงหรูปิดสมุดบันทึก
"ขอข้าอ่านบ้าง..." อิงฉีได้ยินเช่นนั้น ก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันใด เอื้อมมือมาคว้าสมุดบันทึกเล่มนั้น
ถังชิงหรูจับสมุดบันทึกไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ นี่คือของชิ้นสุดท้ายที่มารดาทิ้งไว้ให้ นางย่อมอยากเก็บไว้กับตัว แต่สำหรับอิงฉีแล้ว นี่คือสมบัติของเผ่าตนเอง ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงเกิดความกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย แต่สุดท้าย ถังชิงหรูก็ยอมปล่อยมือ
อิงฉีได้สมุดบันทึกมาก็เปิดอ่าน "นี่คือตัวอักษรอันใด อ่านไม่เห็นจะรู้เื่เลย"
ถังชิงหรูเพิ่งนึกได้ แม้ตัวอักษรในนั้นจะเป็อักษรของดาวโลก แต่หาใช่อักษรของยุคสมัยนี้ อิงฉีซึ่งนับว่าเป็คนมีความสามารถก็ยังอ่านไม่ออก ถึงจะเป็อักษรของชาวโลกเหมือนกัน ทว่าคนละยุคสมัย ตัวอักษรย่อมจะแตกต่าง
"ที่จริงในนั้นแค่แนะนำประวัติชีวิตของบรรพชนรุ่นแรก นางเริ่มต้นจากการเป็ทาส เพราะถูกกดขี่ข่มเหงมาเป็เวลานาน ดังนั้นจึงนำพาทาสด้วยกันก่อฏ กองทัพของนางยิ่งใหญ่ขึ้นทีละน้อย ในที่สุดก็นำพาบริวารเข้าสู่เส้นทางสายโลหิต เปิดฉากเข่นฆ่าสังหาร ข่มขวัญจนห้าแคว้นใกล้เคียงล้วนหวาดผวาไม่กล้ากล้ำกราย แต่นางก็หาได้มีใจทะเยอทะยานอยากเป็ฮ่องเต้หญิง เพียงแค่อยากมีสถานที่พักพิงสักแห่งเท่านั้น ครั้นแล้วเผ่าอิงกูของพวกเ้าจึงถือกำเนิดขึ้น เขตทุ่งหญ้าเพลานี้ก็คือสถานที่อยู่อาศัยของเผ่าอิงกู"
ถังชิงหรูบอกความจริงเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่ไม่อาจกล่าวได้ นางย่อมฝังกลบเอาไว้ในหัวใจตลอดไป ไม่มีวันปริปากบอกผู้ใด ความรู้สึกของนางตอนนี้สับสนอย่างมาก ทางหนึ่งคือรู้สึกดีใจที่ได้รู้ว่ามารดาอยู่ที่ไหน แต่อีกทางก็รู้สึกเสียใจที่ต้องพลัดพรากจากกันชั่วนิรันดร์
แต่อย่างน้อยตอนนั้นมารดาของนางก็ยังไม่ตาย ทั้งยังกลายเป็ตำนานของสถานที่แห่งนี้ แม้ว่านางจะกล้าแกร่งขนาดนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องตายเพราะไม่อาจปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของโลกใบนี้ได้
หากตอนนั้นนางมายังโลกนี้ด้วยกายเนื้อของตนเอง เกรงว่าก็คงพบจุดจบแบบเดียวกับมารดา การเปลี่ยนมาอยู่ในร่างใหม่กลับกลายเป็การต่อชีวิตให้นาง ดังนั้น แม้ว่าร่างนี้จะทั้งเล็กและอ่อนแอ หน้าตาก็ธรรมดามาก แต่นางไม่เคยนึกรังเกียจ เมื่อเทียบกับการมีชีวิตอยู่ ปัจจัยภายนอกอื่นๆ ล้วนไม่นับว่าเป็อันใดทั้งสิ้น
"ที่แท้ก็เป็เช่นนี้" อิงฉีกล่าว "ไม่มีอย่างอื่นอีกแล้วหรือ"
ถังชิงหรูอยากบอกเหลือเกิน ว่าไม่ได้มีแค่นี้อยู่แล้ว เพียงแต่เื่อื่นๆ หากบอกให้พวกเ้ารู้ มีหวังคงได้ใกันยกใหญ่
ในนั้นเขียนเอาไว้ว่า ในที่แห่งนี้ยังมีห้องลับอีกห้อง ที่นั่นนางสร้างะุปืนใหญ่เอาไว้ หากใครกล้าคิดร้ายต่อเผ่าอิงกู อาวุธที่มีอยู่สามารถข่มขวัญให้แคว้นต่างๆ เ่าั้หวาดกลัวได้
แม้ว่านางไม่ได้เข้าไปเห็นด้วยตาของตนเอง แต่สามารถจินตนาการได้ว่าห้องลับนั้นต้องไม่ใช่เล็กๆ มารดาทิ้งะุขีปนาวุธไว้ไม่น้อย ของเ่าั้มหัศจรรย์เกินไปสำหรับคนยุคสมัยนี้ เป็ดั่งอาวุธของทวยเทพ สามัญชนเดิมไร้ความผิด แต่เพราะมีหยกติดตัวจึงมีความผิด หากถูกคนไม่ประสงค์ดีมาพบเข้า อาจไม่ใช่เื่ดีสำหรับเผ่าอิงกู มิอาจคะเนได้ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
"ไม่มีอย่างอื่นแล้ว ในนั้นเขียนไว้แค่นี้แหละ" ถังชิงหรูเอ่ยเสียงเรียบ "พวกเราไปกันเถอะ"
ถังชิงหรูมองไปยังสตรีผู้นั้นอีกครั้ง ทั้งตนเองและมารดาล้วนไม่อาจกลับบ้านได้อีกแล้ว ดังนั้นให้นางพักผ่อนอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขดีกว่า
เฉินิรั้งข้อมือของนาง สายตาที่จดจ้องฉายแววคลางแคลง "เ้าดูไม่มีความสุข?"
"วีรสตรีห้าวหาญเช่นนี้ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่เหลียวแล ดูเหมือนจะแล้งน้ำใจไปหน่อย" อิงฉีเอ่ย "พวกเราสร้างสุสานใหม่ให้นางสักแห่ง แล้วให้คนในเผ่ามากราบไหว้บูชาดีหรือไม่"
"คนตายไปแล้ว สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง ไยต้องทำให้วุ่นวายเช่นนี้ด้วยเล่า หากดวงิญญาของนางมีจริง คงไม่อยากให้ทุกคนต้องลำบากแบบนั้น ให้นางพักผ่อนอย่างสงบสุขในนี้เถอะ" ถังชิงหรูกล่าวเสียงเรียบ "อิงฉี แจกันของเ้าใบนั้นมีความสำคัญมาก หากมันไปตกอยู่ในมือผู้อื่น เกรงว่าที่นี่จะถูกเปิดขึ้นมาอีก"
"ข้า..." อิงฉีย่นหัวคิ้ว "หรือไม่... ข้าทำลายมันทิ้งไปเลยดีไหม"
ทำลายทิ้ง? แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ไม่มีใครสามารถมารบกวนมารดาของตนเองได้อีก แต่หากวันใดที่เผ่าอิงกูเกิดจำเป็ต้องใช้ของเ่าั้ขึ้นมา ก็จะไม่เหลือทางหนีทีไล่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้