จือฉินเห็นซูเฟยซื่อถูกพูดจาให้ร้าย รีบโต้แย้งว่า “ไม่ใช่นะ ยามปกติคุณหนูก็ชอบความเงียบสงบ สิ่งของในห้องก็มีวิธีจัดวางของนางเอง ถ้าใครหยิบฉวยยุ่งเหยิงไป เกรงว่าจะหาครั้งหน้าไม่พบได้ง่าย ตลอดที่ผ่านมาคุณหนูบริสุทธิ์ผุดผ่อง หลินมามา ท่านอย่ามาใส่ความเช่นนี้เลย”
“คุณหนูของเ้ายังไม่อ้าปาก เ้าก็เอ็ดตะโระโบ้าบออะไร” หลินมามาโกรธจัดตบจือฉินไปอีกฉาด จือฉินถูกตีจนถลาล้มลงบนพื้นอย่างแรง
“นายหญิงเ้ายังไม่อ้าปาก เ้าใช้แรงเอ็ดตะโระโบ้าบออะไร” ซูเฟยซื่อปรายตามองจือฉินไปครา เอ่ยปากพูดช้าๆ
เพราะจือฉินกับจือฉีเป็คนที่ซูเต๋อเหยียนส่งมา ดังนั้นนางย่อมไม่เชื่อใจพวกนางมาตลอด ไม่เพียงไม่อนุญาตให้พวกนางเข้าไปในห้องเท่านั้น ทว่ายังไม่ค่อยให้พวกนางปรนนิบัติด้วย
แต่จากที่สังเกตดู จือฉินสาวใช้คนนี้นับว่ายังซื่อสัตย์มาก อย่างน้อยก็นับว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในการแสดงของนางแซ่หลี่เด็ดขาด
ในเมื่อจือฉินเข้าข้างปกป้องนางด้วยความจริงใจ ถ้าเช่นนั้นนางไหนเลยจะดูอีกฝ่ายถูกหลินมามารังแกได้อีก?
คนที่ดีกับนาง นางย่อมไม่มีวันลืม
“บ่าว…” หลินมามาคาดไม่ถึงว่าซูเฟยซื่อจะใช้คำพูดของนางมาหยุดนางเช่นนี้ พลันเป็ใบ้ไร้วาจารีบหันไปหานางแซ่หลี่เพื่อขอความช่วยเหลือ
นางแซ่หลี่เห็นหลินมามาไม่สามารถกำราบซูเฟยซื่อ ในที่สุดก็เอ่ยปาก “ห้องของเฟยซื่อยังเป็ทองคำล้ำค่าจริงๆ แม้แต่ข้ายังห้ามเข้า”
“แม่ใหญ่พูดล้อเล่นแล้ว ท่านจะเข้า เพียงบอกกล่าวแก่ข้าประโยคเดียวก็ไม่เป็ไรแล้ว” ซูเฟยซื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่านางแซ่หลี่กำลังตั้งครรภ์เป็จริงหรือเท็จ จึงไม่ได้วางแผนรับมือ
ชีวิตก่อนหน้านี้ของนางก็เป็หญิงสาวที่เคยเป็แม่มาก่อน คิดถึงลูกที่ยังไม่คลอดออกมาคนนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะสงสารลูกในท้องของนางแซ่หลี่หลายส่วน
เห็นแก่ลูกคนนี้ ขอเพียงนางแซ่หลี่ไม่ทำอะไรเลยเถิด นางก็พอจะยอมอีกฝ่ายได้
เห็นซูเฟยซื่อไม่ได้มีท่าทีเย่อหยิ่งตามปกติ นางแซ่หลี่ก็ยิ่งได้ใจ “ประโยคเดียวหรือ? ถ้าเช่นนั้นทำไมสาวใช้ของเ้าจึงขวางข้าไว้เมื่อครู่?”
“สาวใช้ไม่รู้เื่ ขอแม่ใหญ่อย่าได้ถือสาหาความเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อตอบเบาๆ
ท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนเหมาะสมของนางเช่นนี้ ทำให้นางแซ่หลี่อึดอัดใจ ตาทั้งคู่หรี่ลงทันควัน แผนอุบาทว์เกิดขึ้นในใจทันที “ในเมื่อเป็สาวใช้ไม่รู้เื่บ่าวไพร่ ลากออกไปลงโทษเฆี่ยนด้วยไม้กระดานใหญ่อย่างหนักยี่สิบไม้”
อืม ยิ่งซูเฟยซื่อสงบ นางแซ่หลี่ยิ่งอยากเห็นท่าทีร้อนใจจากอีกฝ่าย
นางอยากเห็นนักว่าซูเฟยซื่อจะช่วยสาวใช้ของตนในครั้งนี้อย่างไร
ซูเฟยซื่อขมวดคิ้ว “แม่ใหญ่ เพียงสาวใช้เล็กๆ คนหนึ่ง ไยท่านต้องโกรธนางเล่า?”
“พูดแบบนี้หมายความว่าอะไร? ข้าอบรมสั่งสอนบ่าวไพร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี ข้าทำอะไรผิดงั้นหรือ?” นางแซ่หลี่ถลึงตาอย่างดุดัน มือตบโต๊ะผาง
“นายหญิง ตอนนี้ท่านกำลังตั้งครรภ์ อย่าได้โมโหโทโสไปเลย ข้ากลัวว่านั่นอาจทำให้เสียสุขภาพได้เ้าค่ะ” จือฉีที่เงียบมาตลอด จู่ๆ ก็เอ่ยปาก พลางก้าวมาข้างหน้าช่วยนางแซ่หลี่ให้คลายความโกรธอย่างกระตือรือร้น
ตำแหน่งของซูเฟยซื่อกับนางแซ่หลี่ในจวนอัครมหาเสนาบดีเรียกได้ว่าซับซ้อนยากที่จะแยกแยะได้ แม้นางจะเป็คนรับใช้ของซูเฟยซื่อ แต่ก็นับว่าเป็ผู้มีสติปัญญาดี รู้กาลเทศะ
เมื่อครู่นางนั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสงบมาตลอด ดูว่าระหว่างซูเฟยซื่อกับนางแซ่หลี่ เป็ใครที่ได้เปรียบยิ่งกว่า
สถานการณ์ปัจจุบันเห็นได้ชัด ดูจากท่าทีของซูเฟยซื่อที่มีต่อนางแซ่หลี่ก็รู้ได้ หากซูเฟยซื่อมั่นใจนักละก็ ทำไมนางถึงเริ่มโจมตีก่อนเล่า?
ในเรือนใหญ่โถงลึกหลังนี้ ขอเพียงกอดขาใหญ่ไว้ให้ถูกจึงจะมีสักวันที่รุ่งโรจน์
“เ้า” ซางจื่อเห็นแบบนี้ เกือบอดไม่ไหวที่จะเข้าไปตบจือฉีฉาดหนึ่ง “คุณหนู ท่านดูท่าทีเอาอกเอาใจนั่นของจือฉีสิเ้าคะ”
ซูเฟยซื่อส่งเสียงฮึ่มอย่างเ็าคราหนึ่ง คนรับใช้ที่อยากปีนกิ่งไม้สูงแบบนี้ ก็ปล่อยนางไปเถิด
นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าจือฉินกับจือฉี แม้จะเป็คนรับใช้ที่ซูเต๋อเหยียนส่งมา ก็ใช่ว่าจะเป็คนของซูเต๋อเหยียนไปเสียทั้งหมด
มิฉะนั้นจือฉีคงต้องเหมือนจือฉิน ที่ควรจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากนางเหมือนกันจึงจะถูก ทั้งนี้สองคนย่อมทำงานได้ดีกว่าหนึ่งคนมากกว่านัก
ในเมื่อรู้ว่าจือฉินไม่ได้เป็คนของซูเต๋อเหยียน ทั้งยังซื่อสัตย์จงรักภักดีกับนางเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นสาวใช้คนนี้นางต้องรักษาไว้แน่นอน
คิดถึงตรงนี้ ซูเฟยซื่อรีบเอ่ยปาก “จือฉินเป็คนรับใช้ที่ท่านพ่อส่งมาให้ข้า หากแม่ใหญ่้าจะตีนาง ข้าก็ไม่มีปัญหา แต่ท่านควรถามความเห็นจากท่านพ่อก่อนหรือไม่?”
ได้ยินวาจานี้ นางแซ่หลี่อดตะลึงอึ้งไปไม่ได้ เกือบลืมแล้วว่าจือฉินกับจือฉีต่างเป็คนที่ซูเต๋อเหยียนประทานให้ นี่...
เมื่อหวนคิดอีกครั้ง ตอนนี้ซูเต๋อเหยียนรู้ทั้งรู้ว่านางมาหาเื่ซูเฟยซื่อทุกวัน แต่กลับไม่สนใจ กระทั่งบุตรสาวของตนก็ถึงกับละเลยไปเช่นนี้ แล้วจะสนใจคนรับใช้เล็กๆ คนหนึ่งได้อย่างไร
ฮึ่ม ซูเฟยซื่อยังคิดใช้ซูเต๋อเหยียนกดดันนาง นับว่าเป็คนโง่งมที่พูดจาเพ้อฝันมองไม่เห็นความเป็จริง
นางแซ่หลี่เลิกคิ้วอย่างดูถูก “นายท่านมอบสิทธิ์อำนาจปกครองครอบครัวให้ข้า ก็เป็การมอบชีวิตของบ่าวไพร่เหล่านี้แก่ข้า อย่าว่าแต่ฟาดตียี่สิบไม้กระดานใหญ่เลย ต่อให้เอาชีวิตพวกเขา นายท่านก็ย่อมไม่พูดอะไร”
“งั้นหรือ?”
จู่ๆ นอกเรือนพลันมีเสียงน่าพิศวงดังมาเสียงหนึ่ง
นางแซ่หลี่ได้ยินก็ตัวสั่นสะท้าน รีบหันศีรษะไป เพียงเห็นอวี้เสวียนจีนั่งบนเกี้ยวสีทองขนาดใหญ่อย่างเกียจคร้าน เกี้ยวแบกหามโดยองครักษ์ที่แข็งแรงสิบหกคน ค่อยๆ เดินเข้ามาในสวนปี้หวิน
หลังเกี้ยวยังตามมาด้วยสาวใช้สองกลุ่ม ทั้งหมดเป็สาวงามที่ผ่านการเลือกสรรอย่างประณีตละเอียดอ่อน แต่ละคนแต่งตัวเรียบง่ายยังมีสง่าราศีกว่าคุณหนูของครอบครัวทั่วไปหลายส่วน
ท่าทางนี้ เกือบจะยิ่งเหมือนจักรพรรดิมากกว่าซ่งหลิงซิว
นางแซ่หลี่กวาดตาเห็นเงาร่างเล็กๆ ที่ยืนค้อมตัวอยู่ข้างองครักษ์ นี่ไม่ใช่ซูเต๋อเหยียนผู้เป็นายท่านของจวนนี้หรอกหรือ?
ซูเต๋อเหยียนที่อยู่ต่อหน้าอวี้เสวียนจี ไร้ซึ่งท่าทางสง่าราศีของอัครมหาเสนาบดี กลับเหมือนเป็ขันทีคนหนึ่งเสียอย่างนั้น!
“ข้าน้อยน้อมพบท่านอ๋องเก้าพันปีเ้าค่ะ” นางแซ่หลี่ได้สติกลับมา รีบลงมาจากเก้าอี้
ซูเฟยซื่อนำซางจื่อ จือฉิน คุกเข่าลงด้วย “น้อมพบท่านอ๋องเก้าพันปีเ้าค่ะ”
อวี้เสวียนจีเหลือบมองซูเฟยซื่อกับนางแซ่หลี่คราหนึ่ง มุมปากกระดกยิ้มชั่วร้ายเบาๆ “เชิญมานี่เถิด”
ได้ยินวาจานี้ กลุ่มคนที่คุกเข่าในสวนปี้หวินจึงกล้าลุกขึ้น แต่รอจนนางแซ่หลี่ยืนอย่างมั่นคงแล้ว อวี้เสวียนตวาดเสียงดุดันอีกว่า “ใครให้เ้าลุกขึ้น?”
“เ้า?” นางแซ่หลี่เงยหน้าขึ้นดูว่าที่อวี้เสวียนจีกล่าวถึงเป็ใคร พอดีสบกับนัยตาคู่งามดุจปีศาจร้ายเข้าแล้ว ในใจอดไม่ได้ที่จะสับสนว้าวุ่น แต่ยังฝืนถามว่า “ไม่ทราบว่าคนที่ท่านอ๋องเก้าพันปีกล่าวถึงเป็...”
“โง่เง่า ยังไม่คุกเข่าลงให้ข้าอุปราช” เสียงของอวี้เสวียนจีเย็นะเืเสมือนดาบเหล็ก
นางแซ่หลี่ใคุกเข่าลงกับพื้นโครมเสียงหนึ่ง ยังไม่ลืมที่จะร้องขอความเมตตา “ใช่แล้วเ้าค่ะ เป็บ่าวเองที่โง่เขลา ขอท่านอ๋องเก้าพันปีอย่าได้กล่าวโทษเ้าค่ะ”
ซูเต๋อเหยียนเห็นเช่นนี้ปวดใจแทบทนไม่ได้ นางแซ่หลี่ใช้แรงคุกเข่าแบบนี้ ไม่รู้ว่าส่งผลกระทบต่อลูกชายที่รักของเขาไหม “ท่านอ๋องเก้าพันปี นาง...”
เขาเพิ่งเริ่มเอ่ยปากขอความเห็นใจให้นางแซ่หลี่ ก็ถูกอวี้เสวียนจีขัดจังหวะ “เมื่อครู่ข้าอยู่นอกเรือนได้ยินนางกล่าวว่าชีวิตบ่าวไพร่ในจวนอัครมหาเสนาบดีเป็ของนางทั้งหมด ก็ต่อให้ฆ่าแล้ว อัครมหาเสนาบดีก็ไม่พูดว่าอะไรเลย ถูกต้องหรือไม่?”
อวี้เสวียนจีจงใจเน้นคำสุดท้าย นางแซ่หลี่ได้ยินก็ยิ่งสั่นสะท้าน ราวกับจะถูกกระชากิญญาออกจากร่างเช่นนั้น
นางแซ่หลี่สำนึกเสียใจจนรู้สึกมวนท้องไปหมด อวี้เสวียนจีเช้าไม่มามืดไม่มา ดันมาตอนที่นางกำลังกล่าวคำพูดนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้