มู่หรงฉือโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ไม่ใช่แสดงละครหรือ? จำเป็จะต้องแสดงจริงจังถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
มู่หรงอวี้ซบอยู่บนร่างของนาง ริมฝีปากเคลื่อนไป...
เดิมทีเป็เพียงการแสดงท่าทาง ทว่าเส้นเืที่ถูกัักลับพลุ่งพล่านขึ้นทันที
นางผลักเขาออก ในใจด่าเขาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ร้ายกาจ ร้ายกาจ ร้ายกาจ...
ไร้ยางอายที่สุด!
นางทั้งเขินอายทั้งโกรธแทบตาย!
มีเสียงดังแกร๊ก ประตูห้องถูกคนผลักออก
คนชุดดำสองคนเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ วันนี้พระจันทร์ส่องสว่าง เตียงไม้ที่อยู่ริมหน้าต่างมีแสงสีขาวปกคลุมราวสายหมอก
การขยับตัวของบุรุษรุนแรงดุเดือด ไม่ได้รับรู้เลยว่ามีคนเข้ามา ส่วนสตรีคนนั้นโผล่มาแค่หน้า แต่เพราะแสงน้อยจึงมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน
คนชุดดำมองหน้ากันพลางลอบยิ้มอย่างเข้าใจ
หนึ่งในนั้นเดินเข้าไป ใช้กระบี่ยาวยกมุมผ้าห่มบางๆ ขึ้น
แสงสีเงินวาววับทอประกายเย็นเยียบ
บุรุษผู้นั้นรู้สึกถึงความผิดปกติ เมื่อหันไปเห็นคนชุดดำสองคนยืนจังก้าอยู่ในห้อง เขาพลันร้องะโออกมาเสียงดัง “พวกเ้า...พวกเ้าเป็ใครกัน?”
เห็นกระบี่ยาวอยู่ใกล้แค่คืบ ทั้งยังสามารถเอาชีวิตของพวกเขาได้ตลอดเวลา เขาก็ยิ่งหวาดกลัว “พวกเ้าคิดจะทำอะไร?”
ฝ่ายหญิงหันตัวไปด้านในอย่างหวาดหวั่น ส่งสายตาเอื้อนเอ่ยว่า พวกเขาเป็แค่สองสามีภรรยาชาวบ้านเท่านั้น
คิดถึงคำสั่งเด็ดขาดของเ้านาย คนชุดดำก็ไม่กล้าเสียเวลา รีบหมุนตัวออกไปตามหาตามบ้านหลังอื่น
มู่หรงฉือถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบออกแรงผลักเขาทันที “ยังไม่ลงไปอีก?”
ในที่สุดความทรมานยิ่งกว่าถูกโบยก็ผ่านพ้นไป
“ชู่ว...”
ดวงตาของมู่หรงอวี้เปล่งประกาย มีความลึกลับน่ากลัวอยู่เล็กน้อย
เป็อย่างที่คิด ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าของคนชุดดำที่ยังไม่จากไป
“เหนียงจื่อ เ้ารีบมาดูแลสามีเร็วเข้า” เขาพูดเสียงเบา น้ำเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำมีเสน่ห์
“สามี ข้าเหนื่อยแล้ว” นางจำต้องตอบกลับเสียงหวาน
มือขวาลูบเอวด้านข้างของเขาแล้วหยิกไปแรงๆ
นางยิ้มพริ้มตาแล้วพูด “สามี ข้าดูแลท่านดีหรือไม่?”
“อ๊ะ...”
เขาคำรามเสียงต่ำ ถึงแม้จะดูเกินจริงไปหน่อย แต่ก็สมจริงอยู่
มู่หรงฉือฟังเสียงที่เขาร้องออกมาได้อย่างสมจริงก็ทั้งรังเกียจทั้งขำ จึงไม่ได้ลงมือต่อ
คนชุดดำสองคนได้ยินถึงตรงนี้ก็ไม่ได้สงสัยอะไรอีก รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
“ไปกันแล้ว”
นางตบที่หัวไหล่ของเขา แต่กลับเห็นเขาจ้องมาที่ตัวเองนิ่ง จึงอดที่ตะลึงไปไม่ได้
ดวงตาสีดำของเขาปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวของดวงจันทร์ กลิ่นน้ำหอมอบอุ่นของเขากระจายอยู่ท่ามกลางค่ำคืนแห่งฤดูร้อน เขาใช้ร่างกายสูงใหญ่ราวูเาโอบกอดนาง...
ในชั่วเวลานี้ นางเหมือนสูญเสียความสามารถในการพูด ราวกับถูกดวงตาของเขาดูดเข้าไปในหลุมลึกหลายหมื่นลี้
มู่หรงอวี้ดึงนางเข้ามาใกล้แล้วจุมพิตลงไปทันที
ถึงแม้จะไม่เคยนางมาก่อน แต่นางกลับให้ความรู้สึกสั่นไหวที่เหมือนจริงและน่าตื่นตายิ่งกว่าสตรีในค่ำคืนนั้น
ครั้นได้สติกลับมา มู่หรงฉือก็ผลักเขาออก “พอได้แล้ว!”
มู่หรงอวี้มองนางอย่างหลงใหล ในดวงตาปรากฎความ้าที่ยังไม่หมดไป
ริมฝีปากบางแดงเข้มแปลกๆ ดวงตาล้ำลึกคู่นั้นค่อยๆ ปรือลง ก่อนที่เขาจะค่อยๆ โน้มตัวลงมา...
ในตอนที่นางกำลังจะอ้าปากด่า เขากลับล้มทับลงมาบนตัวของนาง หัวเอียงไปด้านข้างราวกับตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“มู่หรงอวี้! มู่หรงอวี้...”
นางตบหัวไหล่ของเขา ร้องเรียกอยู่หลายที เขาไม่ตอบกลับ
ใช่แล้ว เขาถูกพิษจนอาการสาหัสเสียแล้ว!
นางพยายามประคองเขาให้ขยับออกไปข้างทาง แต่เขาตัวหนักเกินไป นางไม่สามารถขยับตัวเขาได้เลยสักนิด
พยายามอยู่หลายครั้งหลายครา ใช้แรงไปจนหมดนางถึงจะยกครึ่งร่างของเขาขึ้นแล้วพาตัวเองออกจากใต้ร่างของเขาได้
ดวงหน้าของเขาขาวซีด ริมฝีปากแดงเข้มเริ่มดำคล้ำ ปากแผลที่แขนข้างซ้ายมีเืไหลออกมาไม่น้อย คิดว่าการเคลื่อนไหวอันรุนแรงเมื่อครู่คงจะทำให้เป็เช่นนี้ พิษคงจะเริ่มโจมตีเข้าสู่หัวใจแล้ว จะทำอย่างไรดี?
หากออกไปตอนนี้แล้วเจอเข้ากับคนชุดดำเ่าั้โดยไม่ได้ตั้งใจ เช่นนั้นก็เป็การเดินเข้าไปหาความตายไม่ใช่หรือ?
มู่หรงฉือที่สวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วไม่สามารถตัดสินใจได้ รู้สึกหลงทางไปหมด
“มู่หรงอวี้...รีบตื่นเร็วเข้า...มู่หรงอวี้...”
นางตบเข้าที่แก้มของเขาให้เขาตื่นขึ้นมา บางทีเขาอาจจะตัดสินความเป็ตายของตัวเองได้ดีขึ้น อย่างไรเขาก็ไม่มีทางเอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่น
เวลานี้ตอนนี้นางกลับไม่คิดว่านี่เป็คือโอกาสในการสังหารเขาที่ดีที่สุด
เพียงชั่วระยะเวลาไม่กี่เดือนสั้นๆ ความเป็ศัตรูกับความคิดที่จะสังหารเขาในส่วนลึกของสมองนางค่อยๆ สลายหายไป
แทนที่ด้วยความเป็ห่วงกังวล ใช่ นางกังวลว่าเขาจะถูกพิษจนตายแล้วไม่ลืมตาขึ้นมาอีก
นางเองก็ไม่ได้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงในจิตใจของตนเอง เวลานี้นางถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำ สนใจเพียงความเป็ความตายของเขา
มู่หรงอวี้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แต่กลับดูอ่อนล้ามาก ตาทั้งสองข้างลืมขึ้นเพียงครึ่งเดียว
“เ้าฟื้นแล้ว ดี ดียิ่ง” คิ้วที่ขมวดแน่นของมู่หรงฉือคลายออก ดีใจจนน้ำตาร่วง
“เด็กโง่” เขายกมือขึ้นลูบมือน้อยของนาง “ประคองข้าขึ้นมา”
นางประคองเขาให้ลุกขึ้น “ท่านถูกพิษ ทำอย่างไรดี? กลับจวนหวางตอนนี้หรือไม่?”
เขาพูดเสียงอ่อนล้า “ยังกลับไปไม่ได้”
“เช่นนั้นหากพิษออกฤทธิ์เล่า...จะทำอย่างไร? ท่านไม่รักชีวิตแล้วหรือ?” นางขมวดคิ้วถามด้วยความแปลกใจ
“เ้าไม่ใช่ว่าอยากสังหารข้าหรือ?” มู่หรงอวี้ลูบแก้มของนางเบาๆ ขนตาหนากระพริบอย่างไร้เรี่ยวแรง “คืนนี้เป็่เวลาที่ข้าอ่อนแอที่สุด หากเ้าไม่ลงมือก็จะพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้วรู้หรือไม่”
นางมองเขาอย่างตกตะลึง จริงด้วย ทำไมนางถึงคิดถึงเื่นี้ไม่ได้กัน?
ยังจะมีโอกาสที่ดีไปกว่าตอนนี้อีกหรือ?
เขาจับมือเล็กของนางมาวางไว้ที่อกของเขา “อยากได้ชีวิตของข้า ก็เอาไปเถิด”
นางตะลึงค้างไป โอกาสในฝันมาถึงแล้ว อยู่ในกำมือของนางนี่เอง นางยังจะรออะไรอยู่อีก?
มู่หรงฉือ เ้ายังลังเลอะไรอีก?
บุรุษตรงหน้านี้คือศัตรูตัวฉกาจในชีวิตของเ้า เป็คนที่เ้าจะต้องกำจัด เป็ศัตรูที่เ้าเกลียดชังอยู่หลายปี ทั้งยังเป็บุรุษที่ฉกชิงความบริสุทธิ์ของเ้าไป ตอนนี้สิ่งที่เ้าควรทำที่สุดก็คือโจมตีครั้งเดียวให้เขาตายไปเสีย!
ทว่านางกลับรู้สึกว่ามือหนักเป็พันจิน ยกอย่างไรก็ยกไม่ขึ้น หัวใจเหมือนถูกูเากดทับจนแทบจะหายใจไม่ออก
ดวงตาใสของนางมีเกิดเป็ความสับสนซับซ้อนผสมปนเปอยู่ในความมืด
ทันใดนั้นมู่หรงอวี้ก็ยกแขนขึ้นแล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เด็กโง่ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เ้ากับข้าไม่ต้องเป็ศัตรูกันอีกต่อไป บางทีเ้าลองใกล้ชิดข้า เข้าใจข้า รักข้า...”
มู่หรงฉือรีบขืนตัวออกทันที ท่าทางกลับมาเ็าและห่างเหิน “ท่านจงจำเอาไว้ เปิ่นกงคือองค์รัชทายาท!”
จะถูกเขาใช้คำหวานล่อลวงได้อย่างไร? จะมาเป็คนรักกับศัตรูได้อย่างไร?
ไร้สาระเกินไปแล้ว!
นางเกลียดก็แค่ นางลงมือไม่ลง!
“เปิ่นหวางเหนื่อยแล้ว อยากจะนอนพักสักหน่อย”
พูดจบมู่หรงอวี้ก็เอนตัวลงนอน ดวงหน้าขาวซีดจมอยู่ในความมืดมิด
นางจ้องเขา มือขวาค่อยๆ กำเข้าหากันแน่น ตอนนี้นางยังสามารถลงมือสังหารเขาได้ ทั้งยังจะทำสำเร็จด้วย
มองเขาอยู่ครู่หนึ่ง มู่หรงฉือจะอย่างไรก็ไม่อาจลงมือได้ นางนั่งนิ่งเป็ไม้สลักไม่ขยับเขยื้อน
วุ่นวายมาค่อนคืน นางเหน็ดเหนื่อยอยู่เล็กน้อย นางนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ก่อนจะฟุบตัวลงข้างเตียงค่อยๆ ผล็อยหลับไป
จู่ๆ มือใหญ่ก็ยื่นเข้ามาสกัดจุดหลับของนาง
จากนั้นมู่หรงอวี้ก็อุ้มนางขึ้นมาแล้วค่อยๆ วางนางให้นอนลงบนเตียง
“ข้ารู้ เ้าตัดใจลงมือไม่ได้ เ้ามีข้าอยู่ในตำแหน่งเล็กๆ ในใจ ต้องมีสักวันที่ข้าจะยึดครองหัวใจทั้งหมดของเ้า”
เสียงแ่เบาน่าหลงใหลดังอยู่ในค่ำคืนของฤดูร้อนอันมืดสนิท
ตอนที่ตื่นขึ้น มู่หรงฉือรู้สึกว่าบนตัวหนักเล็กน้อย
ครั้นนิ้วมือขยับ ที่มือก็รู้สึกถึงทั้งความอบอุ่นและเย็นสบาย ช่างเป็ความรู้สึกอันนุ่มนวล
นางลืมตาขึ้นทันที เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยห่างกันเพียงแค่คืบ ส่วนนางหนุนแขนของเขาต่างหมอน ครึ่งตัวพาดอยู่บนตัวของเขาที่กำลังนอนอยู่ แขนขวาของเขาโอบนางเอาไว้ แสงแดดอันร้อนแรงส่องเข้ามาทางหน้าต่างลงมาที่ลำตัว ผิวขาวหยกของเขาดูอ่อนใส
นางกระเด้งตัวลุกพรวดขึ้นมา เห็นริมฝีปากบางของเขาเปลี่ยนเป็สีม่วงดำแล้วก็รีบร้องเรียกอย่างร้อนใจ “มู่หรงอวี้ รีบตื่นสิ...มู่หรงอวี้...”
ร้องเรียกอยู่หลายครั้ง มู่หรงอวี้ถึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
เห็นดวงตาที่คลอไปด้วยน้ำตาของนาง หัวใจของเขาก็กระตุก “คิดว่าเปิ่นหวางตายไปแล้วหรือ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้