“หยวนเก้อเอ๋อร์ ดูแลท่านพ่อเ้าให้ดี”
ท่านแม่กำชับเขาอีกครั้ง ก่อนจะออกไปพร้ะกร้าไม้ไผ่ ที่มีไข่สี่แผงและม้วนด้ายป่านที่นางใช้เวลาทำตั้งสองคืน วันนี้มีตลาดที่อำเภอหลิน นางจึงตื่นเช้ารีบเอาของไปขาย หารายได้นิดๆ หน่อยๆ
ยามนี้สามีเจ็บหนัก ได้แต่นอนนิ่งๆ บนเตียง รายได้อันน้อยนิดที่เคยมีก็พลันเหือดหาย
ส่วนเงินที่หยวนเก้อเอ๋อร์ได้มานั้น ถูกแบ่งไปซื้ออาหาร ต่อชีวิตได้อีกสองสามวัน ซื้อแผ่นไม้และฟางมาซ่อมบ้าน และซื้อสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือยา
ครอบครัวพึ่งจะเริ่มลืมตาอ้าปากได้เพราะหยวนเก้อเอ๋อร์ ทว่าทุกอย่างกลับต้องมาพังทลายลงในพริบตา เงินในถุงไหลออกเป็น้ำ ตอนนี้อาหารที่มีแทบไม่เหลือแล้ว นางไม่อาจทนเห็นลูกๆ ต้องทุกข์ทนกับความหิวโหยได้ จึงก้มหน้าก้มตาทำงานหนัก สักประโยคก็ไม่ปริปากบ่น ทั้งๆ ที่ปกติในวันหนึ่งนางจะต้องบ่นสักสองสามประโยค ส่วนผู้เป็สามีก็จะเอาแต่ก้มหน้าทำงานไม้ของตน ฟังเสียงบ่นโดยไม่มีการตอบโต้ มาตอนนี้สามีทำงานไม่ได้ นางจึงเลิกบ่น และก้มหน้ายอมรับว่ามันคงเป็โชคชะตาฟ้าลิขิต
ิหยวนออกมายืนส่งหน้าประตู เฝ้ามองแผ่นหลังท่านแม่กับป้าเพื่อนบ้านอีกสองคนเดินห่างออกไปเรื่อยๆ จนลับสายตา ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้าน ลากเก้าอี้มารองเหยียบเพื่อหยิบคันธนูของท่านพ่อที่แขวนไว้บนผนัง คันธนูเล็กกว่าตัวเขานิดเดียวเท่านั้น เขาจึงต้องสะพายมันไว้แนวขวาง
“พี่หญิง ท่านช่วยดูแลท่านพ่อแทนข้าสักประเดี๋ยว ยาต้มใกล้ได้ที่แล้ว รอให้เย็นขึ้นหน่อยแล้วค่อยเอาให้ท่านพ่อดื่ม ข้าจะออกไปข้างนอก”
พี่หญิงรองใที่เห็นเขาสะพายธนูคันใหญ่บนหลัง ถึงกับถอยหนี “เ้าจะไปทำอะไร?”
“ข้าจะขึ้นเขาไปล่ากระต่ายมาให้ท่านพ่อ”
“เ้าเนี่ยนะ?”
“ท่านพ่อสอนข้าแล้ว ท่านไม่ต้องกังวล”
“อย่าไปเลยดีกว่า ฝนกำลังทำท่าจะตกแล้ว ถนนบนเขาก็ลื่น อีกทั้งบนเขายังเป็ป่าลึก มีต้นไม้หนาทึบ ถึงจะยังไม่เคยมีข่าวเด็กถูกหมาป่ากัด แต่เ้าก็ตัวแค่นี้ เข้าป่าเพียงลำพัง หากเกิดอะไรขึ้นกับเ้า ข้าจะบอกท่านแม่อย่างไร?”
ิหยวนเพียงยิ้มตอบ พร้อมยืนยันว่าไม่เป็ไร บอกให้นางวางใจได้
พี่หญิงรองจนปัญญา ไม่รู้จะห้ามอย่างไร ทำได้เพียงยืนมองน้องชายเดินหายเข้าไปในป่าหลังบ้าน ิหยวนเป็บุตรชายคนโตของบ้าน ภายนอกดูเป็เด็กสุขุมลุ่มลึก แต่กลับมีความคิดเป็ของตนเอง หากเขาตัดสินใจจะทำสิ่งใดแล้วก็ไม่มีผู้ใดห้ามเขาได้
......
ธนูคันใหญ่ไปหน่อยสำหรับิหยวน แต่ก็พอที่จะถือมันได้
ขอเพียงถือคันธนูให้นิ่ง น้าวสายสุดแขน เล็งเป้าให้ดี เพียงเท่านี้ก็สามารถเป็นักล่าฝีมือดีได้แล้ว
นี่เป็คำสอนของท่านน้า ยามที่สอนวิธีล่าสัตว์ให้เขา ส่วนิเฉียวไม่สอนเป็คำพูด แต่แสดงให้เขาดู ปล่อยให้เขาสังเกตและเรียนรู้เอง
ก่อนจะพาครอบครัวอพยพมาทางใต้ ิเฉียวเป็ช่างไม้ ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านล้วนเป็ฝีมือของเขา ทางเหนือเกิดาบ่อยครั้ง เขาจึงฝึกทำคันธนูและลูกธนูเอาไว้ล่าสัตว์ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้มีชีวิตรอดจนได้อพยพมาที่นี่ แต่เจียงโจวมีกฎระเบียบมากมาย จึงไม่ค่อยได้ใช้ แต่หากถึงคราวอับจนหนทาง ไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ เขาก็จะขึ้นเขาไปล่าไก่ป่า
แขนของิหยวนยังไม่ยาวพอที่จะน้าวสายธนูให้ตึงเต็มที่ ทว่ามือกลับนิ่งและแม่นยำ เล็งสี่ห้าทีก่อนจะปล่อยสายธนูพุ่งเข้าหาเหยื่อ
ผ่านไปไม่นาน กระต่ายสองตัวกับไก่ป่าอีกตัวหนึ่งก็มาอยู่ในมือเขา และไม่ลืมที่จะเก็บสมุนไพรกลับไปด้วย ขณะที่เขากำลังเดินลัดเลาะริมผาลงเขา หูก็พลันได้ยินเสียงเกือกม้ากระทบพื้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ิหยวนรีบหลบหลังพุ่มไม้ แอบสังเกตการณ์อย่างระมัดระวัง แต่แล้วเปลือกตาก็กระตุก โชคร้ายอะไรอย่างนี้!
คนตัวสูงม้าตัวใหญ่ตรงนั้น เป็หลิวเปียวที่ขี่ม้านำหน้าพรรคพวกมา ตามด้วยน้องชายทั้งสอง และคนเคยรู้จักอย่างสวี่หลง คนพวกนี้พึ่งจะพังบ้านและขี่ม้าเหยียบบิดาเขาไปเมื่อวาน
ความโกรธในใจพลันพุ่งขึ้นหัว ดวงตาแข็งกร้าว ิหยวนพยายามเคลื่อนไหวให้เงียบที่สุด ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ ค่อยๆ หยิบลูกธนูออกมาใส่คัน ก่อนจะเริ่มเล็งเป้าหมายให้ปลายลูกธนูเคลื่อนตามร่างหลิวเปียวไปเรื่อยๆ แต่แล้วก็ย้ายลงไปบนตัวม้า ม้าเป็เป้าที่ใหญ่กว่า ยิงง่ายกว่า แถมยังสามารถทำให้เกิดความเสียหายที่ใหญ่กว่า ิหยวนเล็งอยู่สักพัก กระทั่งคนกลุ่มใหญ่ผ่านหน้าไปจนเกือบลับสายตา ความตั้งใจที่เคยมีเต็มเปี่ยมก็เริ่มเหือดหาย เหลือไว้เพียงความสับสน
“ยิงซะ”
“ไม่ได้เด็ดขาด”
สุดท้ายิหยวนก็ควบคุมสติตัวเองไว้ได้ ค่อยๆ ผ่อนแรงที่ใช้น้าวสายธนูลง เก็บลูกธนูลงกระบอก
เขาเฝ้าดูจนศัตรูลับสายตา พ่นลมหายใจออกช้าๆ ก้มมองมือที่สั่นเทาของตน ความกลัวเริ่มก่อตัวในใจ หากเมื่อครู่เขาตัดสินใจยิงหลิวเปียว ตระกูลหลิวซึ่งเป็ตระกูลเก่าแก่ มีรากฐานมาั้แ่สมัยราชวงศ์ฮั่น มีกำลังคนในมือไม่ต่ำกว่าพันคน ไหนเลยจะปล่อยให้เขาลอยนวล คนที่ต้องเดือดร้อนจะไม่ได้มีเพียงครอบครัวเขาเท่านั้น แต่เป็คนทั้งหมู่บ้าน
เมื่อเห็นเขากลับมาพร้อมเหยื่อและสมุนไพร พี่หญิงรองก็โล่งใจมาก รีบดันหลังเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยโคลน “นี่เ้าไปทำอันใดมากันแน่?”
“ท่านแม่ ก่อนหน้านี้ท่านชวนข้าไปวัดก่วงจี้ ไหว้พระขอพรให้ท่านพ่อใช่หรือไม่?”
“อืม เช่นนั้นเ้าไปเถิด พระอาจารย์ที่วัดเป็เสมือนพระโพธิสัตว์ที่ยังมีมีลมหายใจ จำไว้ว่ารีบกลับมาก่อนรุ่งสาง แล้วก็อย่าไปมีเื่กับผู้สูงศักดิ์อีก”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้