องค์หญิงใหญ่ชิงเหอชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่งและเอ่ยออกมาอย่างไม่เร่งรีบว่า “เขาไม่ปกป้องหรอก ระหว่างตำแหน่งอัครเสนาบดีกับอนุภรรยาเพียงคนเดียว เขาต้องเลือกปกป้องตำแหน่งอัครเสนาบดีของตนเองอย่างแน่นอน”
เมื่อครู่นี้ เขาก็เลือกไปแล้วมิใช่หรือ?
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเลิกคิ้ว มือลูบครรภ์น้อยๆ ของตนเองอย่างอ่อนโยน เหนียนยวี่ที่ได้ยินดังนั้น นางพลันเข้าใจทันทีว่า น้ำเสียงผิดหวังขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอเมื่อครู่นี้ แท้จริงแล้วมาจากไหน
นางหวนนึกถึงถ้อยคำที่องค์หญิงใหญ่พูดในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยว สิ่งที่ในใจของนาง้าเสมอมาคือความรักอันบริสุทธิ์ หลังจากบัณฑิตผู้อัตคัดยากจนก้าวเข้าสู่หนทางของขุนนางแล้ว มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปหรือ?
สายตาขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่สบประสานกับดวงตาของอัครเสนาบดีเซี่ยเมื่อครู่นี้ เป็การฟาดฟันกันอย่างเงียบเชียบของคนสองคนหรือไม่?
บางทีองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ อาจ้าใช้โอกาสนี้ ทำให้อัครเสนาบดีผู้สูงศักดิ์กลับกลายเป็บัณฑิตยากจนคนเดิม ต้องคอยอยู่เคียงข้างครองคู่นางไปตลอดชีวิต ทว่าสุดท้ายแล้ว นางก็ยังยอมประนีประนอมอีกด้วย!
เหนียนยวี่จ้องมองแผ่นหลังขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ นางอดไม่ได้ที่จะเห็นใจเทพธิดาผู้มีจิตใจงดงามผู้นี้
แม้นอัครเสนาบดีจะหวนกลับไปเป็บัณฑิตยากจนเช่นเดิม ทว่าชีวิตและความรักที่นางใฝ่ฝันไล่คว้า จะหวนกลับคืนมาอีกครั้งได้หรือ
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว นางกับองค์หญิงใหญ่ชิงเหอค่อนข้างจะคล้ายกันทีเดียว ความคิดประเภทที่ว่า จะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่สุดท้ายกลับพบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นนั้นได้สิ้นหวังพังทลายลงต่อหน้าต่อตาตนเอง ตัวนางก็รู้ดีที่สุดมิใช่หรือ?
ทั้งสามคนกลับไปที่ห้อง ทว่าเื่ในจวนองค์หญิงใหญ่ยังไม่จบ
ในห้องโถงรับรอง
เซี่ยยวิ่นชินถือสิ่งของมนตร์ดำไว้ในมือ สีหน้าเขาดำมืด
บนพื้น หน้าผากของอนุตู้ถูกอาบย้อมไปด้วยเื แม้นนางกำลังจนตรอก ทว่ายังคงไม่หยุดโขกศีรษะ คุณชายใหญ่แห่งจวนอัครเสนาบดีซึ่งดูราวกับหลับเป็ตายนั้น ยังคงถูกทหารองครักษ์คุมตัวอยู่
“เ้ารู้หรือไม่ว่า เ้าเกือบจะทำลายจวนอัครเสนาบดี!” หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดเซี่ยยวิ่นชินก็พูดขึ้น น้ำเสียงของเขาดูโล่งใจ ทว่ายังคงไม่หยุดตำหนิด่าทอแม้แต่น้อย
อนุตู้คุกเข่าโขกศีรษะอย่างสั่นสะท้าน ทหารองครักษ์ที่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอมอบให้นายท่านจัดการลงโทษนาง นางคาดเดาชะตากรรมของตนเองได้ทันที
"นายท่าน ชีวิตของอนุต่ำต้อยผู้นี้ แม้นตายไปก็ไม่เสียดาย ทว่าลี่เอ๋อร์อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมารดา..." อนุตู้น้ำตาไหล จ้องมองเซี่ยยวิ่นชินอย่างมีความหวัง “นายท่าน โลกนี้โหดร้ายเกินไป วันนี้ข้ายอมเสี่ยงเพราะเข้าตาจน ทั้งหมดก็เพื่ออนาคตของลี่เอ๋อร์ ฐานะของอนุผู้นี้ช่างต่ำต้อย เขาเกิดมาเป็บุตรชายคนโต เดิมทีข้ามีความหวังว่าเขาจะได้เจริญเติบโตอย่างรุ่งเรือง ทว่าหากเด็กในครรภ์ขององค์หญิงคลอดออกมา บุตรชายของข้าก็จะไม่เหลือสิ่งใด นายท่าน...ได้โปรดมองดูความรักของพวกเราที่มีมานานนับปี มองดูตัวตนของลี่เอ๋อร์ ท่านจะจัดการกับข้าเยี่ยงไรก็ได้ ถึงจะทุกข์ทรมานเพียงใด ข้าก็เต็มใจยอมรับ ทว่าขอร้องนายท่าน ได้โปรดละเว้นชีวิตของอนุภรรยาต่ำต้อยผู้นี้ด้วย...”
อนุตู้สะอึกสะอื้น ทว่านางยังคงโขกศีรษะต่อไปไม่หยุด
“ไว้ชีวิตของเ้า…” เซี่ยยวิ่นชินบีบของมนตร์ดำที่อยู่ในมือ หรี่ตาลงเล็กน้อย “ชีวิตของเ้า...ไม่อาจให้อภัยได้!”
ครั้นเอ่ยจบ เขาหันหลังเดินออกไปนอกประตู ขณะที่เดินก็เอ่ยสั่งทหารองครักษ์ด้านหลังว่า “พาตัวพวกเขาไปจวนอัครเสนาบดี จวนองค์หญิงใหญ่จะได้ไม่สกปรก”
ทหารองครักษ์ที่ถ้อยคำนั้นหลุดออกมา ร่างกายของคนที่เอ่ยพูดได้ลับหายไปในความมืดเรียบร้อยแล้ว
ทหารองครักษ์รับคำสั่งและพาตัวทั้งสองไปยังจวนอัครเสนาบดี หลายคนในจวนอัครเสนาบดีถูกเสียงดังรบกวนจนต้องตื่นขึ้นมา ครั้นพวกเขาเห็นอนุตู้ถูกนำตัวเข้ามา ใบหน้าของแต่ละคนพลันฉายสีหน้าต่างกันไป
ทหารองครักษ์พาตัวอนุตู้เข้าไปในห้องโถงใหญ่ แล้วถูกสั่งให้ออกไป ประตูใหญ่ก็ถูกปิดลงทันที ไม่ว่าจะเป็อนุฟางหรืออนุกุ้ย เดิมทีพวกนางอยากจะเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องทรมานของสตรีที่อยู่ด้านในดังออกมา ในใจของพวกนางพลันสั่นสะท้าน ใเสียจนไม่กล้าขยับตัว
นายท่านไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน ยามที่นายท่านกลับมาเมื่อครู่นี้ สีหน้ามืดมนบนใบหน้านั้น ยิ่งนึกถึง ยิ่งทำให้พวกนางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
เกิดอะไรขึ้นกับอนุตู้? แล้วจุดจบจะเป็อย่างไร?
ทุกคนต่างครุ่นคิดคาดเดา แต่ละคนต่างยืนเรียงอยู่หน้าประตู ฟังเสียงร้องโหยหวนที่ดังสูงขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าของคนที่ได้ยินเสียงนั้นมีสีหน้าต่างกันไป เสียงกรีดร้องดังสะท้อนก้องผ่านกำแพงจวนองค์หญิงใหญ่และจวนอัครเสนาบดี แว่วเข้าไปถึงหูขององค์หญิงใหญ่ ซึ่งนางกำลังนั่งอยู่บนตั่งตัวยาว ดวงตาสาดประกายเ็า
เหนียนยวี่เองก็ได้ยินเสียงกรีดร้องนั้น นางหันมองไปทางจวนอัครเสนาบดี มิรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เสียงกรีดร้องที่ดังลั่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อครู่นี้ ทันใดนั้นพลันหยุดลงอย่างกะทันหัน
ตายแล้วหรือ?
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว เหตุการณ์นี้เป็สิ่งที่คาดเดาไว้แล้ว อนุตู้กล้าทำร้ายองค์หญิงใหญ่ชิงเหอและทารกในครรภ์ของนาง อนุตู้ควรจะคาดเดาได้ตั้งนานแล้วว่าตนเองจะมีจุดจบเช่นนี้
นางเป็แค่อนุภรรยาตัวจ้อย แม้จะคิดวางแผนปูทางให้บุตรชายตนเอง ทว่าความหาญกล้าของนางยังคงมีมากเกินไป
มิรู้เพราะเหตุใด เหนียนยวี่มักจะรู้สึกว่าเื่นี้มีบางอย่างแปลกประหลาด
ทว่าความแปลกประหลาดนั้นคือสิ่งใด ชั่วขณะหนึ่งเหนียนยวี่ยังมิอาจรู้ได้ทันที
ณ จวนอัครเสนาบดี
ครู่หนึ่งหลังจากที่อนุตู้หยุดกรีดร้อง ประตูห้องโถงเปิดออก เซี่ยยวิ่นชินก้าวเดินออกไป อนุตู้นอนราบอยู่บนพื้นด้านหลังเขา แม้นนางจะสวมชุดสีดำ ทว่ายังเห็นได้ชัดถึงรูปร่างที่เปียกชุ่มโชก และยังคงมองออกว่าทั่วทั้งร่างนางชุ่มไปด้วยเื
ลมกระโชกแรงพัดเข้ามา กลิ่นคาวเืคละคลุ้งโชยแตะจมูก ทั้งอนุฟางและอนุกุ้ยรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกตนเองทันที ดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแลรังเกียจ อนุตู้ นาง...
“นางอนุภรรยาแซ่ตู้ผู้กระทำผิด มีเจตนาทำร้ายองค์หญิงใหญ่ชิงเหอและทารกในครรภ์ของนาง วันนี้ จะลงโทษตามกฎบ้าน โทษที่นางได้รับคือเฆี่ยนตีจนตาย พวกเ้าจงฟัง ให้ข้าใจเย็นขึ้นเสียหน่อย ผู้ใดก็ตามที่กล้ามีความคิดชั่วร้ายแบบนั้น จุดจบของคนแซ่ตู้ก็จะกลายเป็จุดจบของพวกเ้า” เซี่ยยวิ่นชินกล่าวเสียงดัง กวาดสายตามองไปยังอนุภรรยาสองคนตรงนั้น สายตาเฉียบคมทำให้ทั้งสองตัวสั่นสะท้าน ทันใดนั้น พวกนางรีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างหวาดกลัวทันที
“พวกเรามิกล้าเ้าค่ะ พวกเราจะปฏิบัติตามถ้อยคำของนายท่านเ้าค่ะ” อนุภรรยาทั้งสองกล่าวตอบพร้อมกัน พวกนางเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าเหตุใดอนุตู้ถึงต้องตาย
เซี่ยยวิ่นชินครุ่นคิดลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาหันไปเหลือบมองอนุตู้ในห้องโถง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า “ทหาร นำร่างของนางไปโยนทิ้งที่สุสานโกลาหล ส่วนคุณชายใหญ่...”
ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ เซี่ยยวิ่นชินชะงักคำพูดไปเล็กน้อย ดูเหมือนจะมีบางอย่างควบแน่นในดวงตาสีดำขลับคู่นั้น ครู่ถัดมา เขาจึงเอ่ยต่อไปว่า “แม้ยามนี้ตกค่ำแล้ว แต่ส่งตัวเขาไปที่ยวี่ชานบ้านเกิดของเขา ห้ามให้กลับมาที่เมืองชุ่นเทียนอีกตลอดไป ั้แ่วันนี้จวนอัครเสนาบดีจะไม่มีคุณชายใหญ่ผู้นี้อีกต่อไป”
ครั้นเอ่ยจบ เขาสะบัดแขนเสื้อ ก้าวเท้ายาวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังห้องอักษร
บ้านเกิดที่ยวี่ชาน?
นายท่านเป็คนยวี่ชาน ทว่าที่นั่นในยามนี้เป็แค่กระท่อมร้างปลักหักพังแห่งหนึ่ง นายท่านส่งคุณชายใหญ่ให้ไปอยู่บ้านเกิดที่ยวี่ชาน ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตตามยถากรรม คุณชายที่คุ้นชินกับการถูกประคบประหงมอย่างเขา คงจะมีชีวิตรอดได้อย่างยากลำบาก
ผู้คนด้านนอกห้องโถงต่างตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ทว่าไม่นานก็ได้สติ
เหล่าข้ารับใช้ในจวนอัครเสนาบดีรีบเดินเข้าไปในห้องโถงทันที พวกเขาใช้เสื่อฟางห่อร่างของอนุตู้ อีกด้านหนึ่งมีข้ารับใช้บางส่วนเข้ามาจับเซี่ยลี่ ผู้ซึ่งอยู่ในห้วงหลับใหล ลากเขาออกจากห้องโถงไป
ทุกคนเฝ้าดูสองแม่ลูกที่ถูกลากออกไปจากจวนอัครเสนาบดี กลิ่นคาวเืในบรรยากาศยังคงล่องลอย และกลิ่นของมันทำให้จิตใจของผู้คนหนาวสั่นอย่างมิอาจบรรยาย
ข้ารับใช้ในจวนอัครเสนาบดี นำร่างไร้ิญญาที่ถูกห่อด้วยเสื่อฟาง แบกไปยังสุสานโกลาหลที่อยู่ทางทิศเหนือของเมือง แต่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลยว่า 'ร่างไร้ิญญา' ที่อาบไปด้วยเืและถูกห่อด้วยเสื่อฟาง มือข้างหนึ่งของร่างนั้นขยับไปมาเล็กน้อย