ซูอี้เฉิงนึกอยากจะผลักลั่วเสี่ยวซีออกไปแต่เธอกลับถอดเนกไทเขาทิ้ง แล้วประทับจูบลงมา
ด้วยรูปร่างของเธอที่สูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเิเแถมยังสวมรองเท้าส้นสูงราวสามนิ้ว ความสูงที่ต่างจากเขาเพียงไม่กี่เซนฯนี้ทำให้การจูบเขาไม่ใช่เื่ยาก โดยเฉพาะกับคนที่มีประสบการที่นับว่าโชกโชนอย่างเธอ
ตอนปีหนึ่ง ลั่วเสี่ยวซีตั้งมั่นว่าเธอจะต้องมอบจูบแรกให้กับซูอี้เฉิงเพราะฉะนั้นจึงเริ่มดูคลิปวีดีโอเพื่อศึกษาเทคนิคการจูบอย่างละเอียดแถมยังวางแผนอยู่นานถึงได้โอกาส แต่เธอแค่ประทับจูบลงไปได้เพียงชั่ววินาทีก็ถูกซูอี้เฉิงผลักออกเสียแล้ว
หลังจากนั้นเธอเองก็พยายามรุกเข้าหาเขาแต่ก็มักััได้แค่ริมฝีปากเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่นับว่าเป็การจูบเสียด้วยซ้ำทำให้ครั้งนี้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจูบอย่างไรจึงทำได้แค่ประทับเรียวปากแแ่กับริมฝีปากของเขา
ซูอี้เฉิงรู้สึกเหมือนริมฝีปากตนกำลังถูกแทะเบาๆจึงขมวดคิ้วและคิดจะผลักลั่วเสี่ยวซีออก แต่เหมือนเธอรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรจึงกอดเขาเอาไว้แน่น และแทะเล็มริมฝีปากเขาต่อไป
ในตอนนั้นเองเดรสตัวงามของเธอก็เลื่อนลงมาความอ่อนช้อยนวลเนียนที่ัักับอกแกร่งของซูอี้เฉิงที่มีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวบางเป็อุปสรรคขวางกั้นและกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ทำให้เขาเริ่มหายใจไม่เป็จังหวะ
“ซูอี้เฉิง”น้ำเสียงของเธอดูโกรธเคือง “ทำไมนายถึงไม่ยอมชอบฉัน ทำไมกัน”
“ทั้งที่รู้ดีว่าฉันไม่ชอบเธอเธอยังจะอยากนอนกับฉัน?” ซูอี้เฉิงตอบด้วยสายตาเ็าปนเย้ยหยัน
ลั่วเสี่ยวซีกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
“จะร่างกายหรือหัวใจของฉันนายคงได้เป็เ้าของมันก่อนสักอย่าง หรือว่านายไม่กล้า?”
เธอยิ้มพลางยกนิ้วเรียวยาวสะกิดเดรสสีแดงให้เลื่อนหลุดจากไหล่ไปอย่างรวดเร็ว
รูปร่างสวยงามและสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบราวกับฟ้าประทานของเธอไม่ว่าส่วนไหนก็สามารถทำให้ผู้ชายคลั่งไคล้ได้ในพริบตาแม้แต่ซูอี้เฉิงเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เปลวไฟแห่งความปรารถนาบางอย่างลุกโชนในแววตาของเขา
ลั่วเสี่ยวซียกมือโอบรอบคอเขาพลางจูบ
“ซูอี้เฉิงั้แ่เล็กจนโต ไม่ว่าจะเป็ของ เสื้อผ้าตัวงามที่อยู่ในตู้โชว์ หรือเครื่องประดับราคาแพงแค่ไหนขอแค่ฉันชอบ ฉันก็มักจะได้มันในที่สุด นายก็เหมือนกันสุดท้ายนายจะต้องตกเป็ของฉัน!”
“ฉันไม่ใช่สินค้าที่เธอสามารถใช้เงินซื้อได้เหมือนของพวกนั้น”ซูอี้เฉิงกล่าว
“ฉันรู้”ลั่วเสี่ยวซีตอบพลางกระชากกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาอย่างไม่พอใจ “ถ้าใช้เงินซื้อนายได้ั้แ่หัวจรดเท้าของนายคงตกเป็ของฉันไปนานแล้ว!บรรดาแฟนสาวของนายแม้แต่ปลายเล็บก็อย่าหวังจะได้แตะ”
“นายชอบอะไรในตัวผู้หญิงพวกนั้นกันแน่? ฉลาดเอาการเอางาน? นายไม่รู้หรือไงว่าฉันจบปริญญาโทควบสองใบด้านบัญชีและการเงินจากมหา’ลัยโคลัมเบีย? สิ่งที่พวกเธอทำได้ ฉันก็ทำได้ แต่ฉันแค่ไม่ชอบฉันไม่อยากใส่ชุดสีขาวดำไปนั่งทำงานหมกตัวอยู่แต่ในออฟฟิศทั้งวัน”
ไม่รู้ว่าเป็เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรืออย่างไรลั่วเสี่ยวซีในวันนี้เหมือนสิงโตตัวน้อยที่พร้อมจะจับเหยื่ออย่างซูอี้เฉิงให้จงได้
“เสี่ยวซี แล้วเธอล่ะเธอชอบอะไรในตัวฉันกันแน่”
“ฉันไม่รู้”ลั่วเสี่ยวซีเบื่อที่สุดเวลามีคนถามคำถามนี้กับเธอ“บนโลกนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนที่หล่อ สูง รวย หรือดีกว่านายแต่คนพวกนั้นที่มาชอบฉัน ฉันไม่ชอบ ฉันชอบแค่นาย”
ผ่านไปชั่วอึดใจลั่วเสี่ยวซีก็หัวเราะเยาะตัวเองขึ้นมา
“บางทีนายอาจจะพูดถูกฉันมันคนชั้นต่ำ”
แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหมดหวังแต่จู่ๆ ซูอี้เฉิงกลับโน้มตัวลงมาประกบเรียวปากงามเขาบังคับให้เธอเปิดริมฝีปากเพื่อรุกล้ำเข้าไปััรสชาติอ่อนหวานของเธอ
ซูอี้เฉิงเป็คนจูบเก่งทุกััของเขาเหมือนกำลังสูบพลังจากลั่วเสี่ยวซีไปทีละน้อย ลั่วเสี่ยวซีกุมมือเขาพลางเงยหน้ารับััดูดดื่มที่เขาให้กับเธออย่างไม่อาจตอบโต้
“ซูอี้เฉิง”เธอครางเรียกชื่อเขาออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ซูอี้เฉิงผลักเธอให้ชิดกำแพงเขาจูบเธออย่างดุดันไล่ลงไปตามลำคอและไหล่บาง...
เขาไม่ควรทำแบบนี้กับลั่วเสี่ยวซีสมองของซูอี้เฉิงรู้ดี มือที่โอบกอดเขาไว้อย่างยั่วเย้ารัดแน่นราวกับพร้อมประเคนร่างกายของตนให้แก่เขาทุกเมื่อแต่การจูบของเธอกลับดูอ่อนหัดเหมือนเมื่อตอนเธออายุสิบกว่าๆ ไม่มีผิดแถมเธอยังหลุดครางเรียกชื่อเขาออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ทั้งหมดนี้ทำให้เขาอยากจะจับเธอกลืนกินลงไปทั้งตัวเสียเดี๋ยวนี้
บรรยากาศในห้องน้ำเงียบสงบมีเพียงเปลวไฟบางอย่างในใจของคนทั้งสองที่กำลังลุกโชนลั่วเสี่ยวซีรู้สึกถึงรสััที่เธอไม่เคยได้รับ และรู้ดีว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ
ที่จริงเธอเองก็รอคอยเวลานี้มานานแสนนาน
เธอยกมือโอบเอวเขาและจูบตอบขณะนั้นเอง เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น
ทุกอย่างควรจะหยุดลงเพราะถูกเสียงดังกล่าวขัดจังหวะแต่ลั่วเสี่ยวซีกลับล้วงมือเขาไปในกระเป๋ากางเกงของเขาและหยิบมือถือออกมา
“อย่ารับ”
เธออยากจะโยนมือถือของเขาทิ้งลงชักโครกไปซะแต่ดันเหลือบไปเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามาเสียก่อน
เซวียหย่าถิง
เธอคือแฟนคนปัจจุบันของเขาคนที่เป็ลูกพี่ลูกน้องของแฟนเก่าของฉินเว่ย เธอเคยเจอกับผู้หญิงคนนี้แล้วสองครั้ง
ลั่วเสี่ยวซีเหมือนถูกปลุกให้ตื่นออกจากฝันตอนนี้ซูอี้เฉิงมีแฟนอยู่แล้ว นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่? ทำแบบนี้เหมือนเธอกำลังทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่นอยู่ไม่ใช่หรือไง
เธอผลักซูอี้เฉิงออกไปและส่งมือถือคืนให้เขาจากนั้นจึงก้มหยิบชุดเดรสที่กองอยู่ที่พื้นและเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
นัยย์ตาสีนิลของเขายังคงเจือปนไปด้วยอารมณ์เมื่อเห็นชื่อของเซวียหย่าถิงที่อยู่บนหน้าจอจึงได้สติ
เมื่อกี้นี้เขาทำอะไรลงไป?
สิบกว่าปีแล้วที่เขาปฏิเสธลั่วเสี่ยวซีมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะเซวียหย่าถิงโทรมาเขาคิดจะทำอะไรลั่วเสี่ยวซีกันแน่?
เนกไทของเขาที่ตกอยู่ที่พื้นเสื้อเชิ้ตที่หลุดลุ่ย ลมหายใจอุ่นร้อน ทั้งหมดนี้ร้องเป็เสียงเดียวกันว่าเขาล้ำเส้นบางอย่างไปแล้ว
หลังจัดการเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยเขาก็เปิดประตูออกไป แต่กลับไม่พบลั่วเสี่ยวซีแม้แต่เงา
เธอหนีไปแล้วก็ดีเขาจำเป็ต้องอยู่คนเดียวนิ่งๆ เพื่อทำความเข้าใจกับการกระทำของตน
หลังอาบน้ำเย็นๆ และเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยซูอี้เฉิงก็กลับมาเป็นักธุรกิจหนุ่มแสนสุขุมแห่งโลกธุรกิจดังเดิมเขาโทรกลับหาเซวียหย่าถิง และนัดเธอออกมาดินเนอร์ด้วยกัน
ณร้านอาหารยุโรปริมแม่น้ำที่สามารถชมวิวของแม่น้ำไปพร้อมกับความเจริญของตัวเมืองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเซวียหย่าถิงสวมชุดเดรสสั้นของ Dior และแต่งหน้าอย่างประณีต เธอส่งยิ้มบางแสนอ่อนโยนขณะเดินเข้ามา
เธอมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกับบรรดาแฟนเก่าของเขาทุกคนนั่นก็คือ ความสมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ
“งานเสร็จแล้วเหรอคะ”เซวียหย่าถิงถาม
“เสร็จแล้ว”ซูอี้เฉิงยื่นซองจดหมายให้กับเธอ “กุญแจอพาร์ทเมนต์ที่ถนนหัวซีตอนนี้อยู่ระหว่างการเดินเอกสารส่งมอบทรัพย์สินพรุ่งนี้ผู้ช่วยของผมจะเอาเอกสารไปให้คุณเซ็น เมื่อดำเนินการเสร็จมันจะเป็ของคุณ”
“อี้เฉิง...”เซวียหย่าถิงยิ้ม“ฉันเคยได้ยินว่าพวกผู้ชายมักจะให้บ้านให้รถกับสาวที่พวกเขากำลังตามจีบเพื่อเอาใจคุณก็ชอบใช้มุกนี้งั้นเหรอ”
ซูอี้เฉิงประสานมือทั้งสองข้างพลางเอนพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางห่างเหิน
“หย่าถิงคุณเป็ผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดั้แ่ผมเคยรู้จักมาคุณน่าจะรู้ดีว่าผมหมายความว่ายังไง”
รอยยิ้มบนหน้าของเซวียหย่าถิงถึงกับชะงักค้างเธอพูดอย่างใ
“ทำไมกัน? พวกเราก็เข้ากันได้ดีนี่คะ?”
ซูอี้เฉิงยืนขึ้นพลางกลัดกระดุมเสื้อสูท
“ถึงเราจะคบต่อไปก็ไม่มีอนาคตเลิกกันจะเป็ผลดีกับเธอมากกว่า ค่าอาหารมื้อนี้ผมจ่ายเอง ลาก่อน”
เขาเดินออกจากร้านอาหารไปโดยไม่หันกลับมามองสักนิดเซวียหย่าถิงมองตามแผ่นหลังเขาไป เธอเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนต่างพูดกันว่าเขาไร้หัวใจพอๆกับลู่เป๋าเหยียน
ยามปกติเขาดูสุขุมนุ่มลึกแต่เมื่อบอกเลิกใครสักคน กลับดูเด็ดขาดและไร้เยื่อใยเหมือนเวลาเจรจาธุรกิจไม่มีผิดความหวังสักนิดก็ไม่เหลือไว้ให้ฝั่งตรงข้าม
หลายเดือนมานี้พวกเธอก็คบกันอย่างราบรื่นมาโดยตลอดเธอพยายามเป็ผู้หญิงที่ไร้ที่ติสำหรับเขามาโดยตลอด ตกลงปัญหามันอยู่ที่ตรงไหนกัน
จู่ๆ เซวียหย่าถิงก็นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เธอพาลูกพี่ลูกน้องไปที่โรงแรมเพื่อยืนยันเื่ที่แฟนของน้องกำลังนอกใจ ตอนที่เธอลากน้องสาวตัวเองออกมาซูอี้เฉิง...เหมือนจะเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนที่สวมชุดคลุมอาบน้ำคนนั้น
ตอนนั้นเธอคิดถึงแต่เื่ของน้องสาวพอมาคิดดูดีๆ เวลานั้นแววตาของซูอี้เฉิงเหมือนมีอะไรบางอย่างแปลกไปสายตาของเขาเ็าและคุกรุ่น ราวกับพร้อมที่จะลงมือทำร้ายคนตรงหน้ามันดูไม่เป็ตัวเขาเลยสักนิด
เธอคงต้องไปหาผู้หญิงคนนั้นสักครั้ง!
ในขณะเดียวกันลั่วเสี่ยวซีอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่ลู่เป๋าเหยียนเคยพาูเี่อันมารักษาซึ่งวันก่อนเจียงเส้าข่ายก็เพิ่งถูกย้ายมาพักรักษาตัวที่นี่
“โหววว!”ลั่วเสี่ยวซีจับดอกไม้สดที่ประดับอยู่ในห้องผู้ป่วย “เจียงเส้าข่ายห้องผู้ป่วยนายหรูกว่าห้องพักคนปกติอย่างฉันเสียอีก”
“อิจฉาล่ะสิ”เจียงเส้าข่ายพูด “งั้นย้ายมานอนพักห้องข้างๆ ฉันไหมล่ะ”
“ฉันในตอนนี้ไม่มีปัญญาจ่ายค่าห้องที่นี่หรอก!”ลั่วเสี่ยวซีกัดฟันพูด “ต้องโทษพ่อฉันคนเดียวเลย!นี่ฉันไม่ได้ซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้าใหม่มาอาทิตย์หนึ่งแล้วนะ!”
“กลับบ้านไปคุกเข่ายอมรับโทษซะ”เจียงเส้าข่ายเตือนอย่างหวังดี “พ่อเธอยอมให้เธอลอยชายไปวันๆ มาหลายปีแล้วแต่เธอดันอยากจะไปเข้าวงการนางแบบ มันออกจะเกินไปหน่อยจริงๆ นั่นแหละ”
“นายเองก็ไม่คิดว่าฉันตั้งใจจริงกับเื่นี้งั้นเหรอ?” ลั่วเสี่ยวซีถลึงตาใส่เจียงเส้าข่าย
“เชอะ ก็บอกแล้วไงว่าคราวนี้ฉันเอาจริงนะ ฉันอยากจะเป็นางแบบจริงๆ!”
“ถึงจะได้เป็นางแบบก็ไม่แน่ว่าซูอี้เฉิงจะหันชอบเธอนี่”
“...”
ลั่วเสี่ยวซีเงียบไปในทันทีซึ่งถือเป็เื่แปลก เพราะโดยปกติเธอจะต้องพุ่งเข้าไปจิ้มแผลเขาสักทีเพื่อให้เขาหุบปากซะ
เจียงเส้าข่ายสะกิดเธอเบาๆ
“เธอกับซูอี้เฉิงมีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไร”ลั่วเสี่ยวซีตอบอย่างกังวล
“เจียงเส้าข่ายหลายปีมานี้ฉันดูเหมือนผู้หญิงขี้แพ้ที่ไม่รู้จักกระตือรือร้นเพื่อพัฒนาตัวเองหรือเปล่า?”
“มีปริญญาควบสองใบแต่วันๆ กลับเอาแต่เข้าผับ ไม่ก็ตามจีบซูอี้เฉิง นอกจากเื่ตามตื๊อซูอี้เฉิงแล้วเธอไม่เคยตั้งใจทำอะไรเป็ชิ้นเป็อันลั่วเสี่ยวซี เธอเพิ่งรู้ตัวงั้นเหรอ?”
“ไปไกลๆ เลย!”ลั่วเสี่ยวซีเตะเจียงเส้าข่ายเข้าให้หนึ่งที “ก็ฉันไม่สนใจเื่ธุรกิจนี่ต้องใส่สูทไปนั่งอยู่ในออฟฟิศหรูถึงจะเรียกว่ากระตือรือร้นหรือไงตอนนี้ฉันอยากจะเป็นางแบบชั้นนำจริงๆ แต่นายกับเจี่ยนอันดันไม่มีใครเชื่อฉันเลยสักคนนี่เพื่อนกันจริงๆ หรือเปล่า”
พูดถึงูเี่อันแววตาของเจียงเส้าข่ายก็เริ่มเปลี่ยนไป
“เมื่อไรเธอจะกลับมา?”
“ไม่รุ้เหมือนกันวันนั้นบอสลู่แบกเธอออกจากบ้านฉัน แล้วก็บินไปเมือง G เลย” ลั่วเสี่ยวซีพูดพลางหัวเราะ
“เจียงเส้าข่ายนายต้องระวังตัวหน่อยนะ ฉันว่าที่บอสลู่ดูโมโหขนาดนั้นคงเพราะเจี่ยนอันเอาแต่ต้มซุปทำอาหารมาให้นายอยู่ได้ทุกวี่ทุกวันแน่ๆคราวนี้ที่พวกเขาไปเมือง G สองคนนี้ดูเหมือนจะมีอะไรคืบหน้านะ”
“ก็ไม่แปลก”
“นายหมายความว่าไง”
“คนที่เจี่ยนอันชอบก็คือลู่เป๋าเหยียน เจี่ยนอันยังไม่ได้บอกเธอ?”
“....ทำไมฉันรู้สึกเหมือนจู่ๆถูกฟ้าผ่า” ลั่วเสี่ยวซีช็อกไปแล้ว
“จะเป็ลู่เป๋าเหยียนไปได้ยังไง? เป็ลู่เป๋าเหยียนจริงๆ งั้นเหรอให้ตายสิ...”
