มนุษย์มักทะเยอทะยานและไม่เคยรู้จักพอ แม้นว่าผู้อื่นมองว่าเขาอยู่จุดสูงสุดแล้ว ทว่าตัวเขาเองนั้นยังมองว่าตนเองยังสูงได้ยิ่งกว่านี้ และท้ายที่สุดแล้วคนพวกนี้มักเป็ผู้ทำลายล้างตนเอง
ไท้หยูวางตำราวิชาของข้าไว้ที่ชั้นวางเหมือนเดิม สีหน้าสงบนิ่งทว่าในใจยังคงเต้นตูมตาม หลังจากอ่านเพียงเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของปรมาจารย์ผู้ก่อตั้ง ไท้หยูใคร่อยากย้อนเวลากลับไปใน่เดียวกับเขา ดูว่าใน่เวลานั้นเขาคืุ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหรือไม่
ในใจเกิดความคิดที่ว่าหากเกิดใน่เวลานั้น แม้นว่าจะเป็ผู้มีพร์สูงส่งแต่ก็คงโดนบดบังจนมิดแน่นอน ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งไฉน้าความแข็งแกร่งมากถึงเพียงนั้น หรือโลกในยุคสมัยนั้นมีตัวตนที่ทรงพลังอยู่มากมาย? คำถามที่ยังค้างคาอยู่ในใจมีมากมาย อีกสองร่างของปรมาจารย์คือผู้ใด และสิ่งใดที่ทำให้ยอดมนุษย์ที่แกร่งกล้าเช่นเขาตายได้.....
“ข้าคงต้องไปเยือนหลุมฝังศพของตาเฒ่าสักครา ไม่แน่ว่าอาจจะรู้สิ่งใดเพิ่มเติม”
สุสานฝังศพของปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งอยู่ที่ป่าด้านหลังศาลบรรพชน บนเนินเขาสูงสุดแห่งนั้น
ไท้หยูหันหลังกลับเดินออกจากห้องลับเก็บตำรา ทันทีที่กำลังจะก้าวเท้าออกจากธรณีประตู ตำราทั้งสามเล่มพลันสั่นอึงอล จากนั้นบังเกิดแสงอ่อนโยนสามสายรวมเป็หนึ่งกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งออกราวกับเกาทัณฑ์หลุดจากแหล่ง ปลายสุดของแสงพุ่งใส่ร่างของไท้หยูจนเขาสะท้าน จากนั้นร่างแข็งทื่อคล้ายถูกแช่แข็งในพริบตา
เปรี้ยง
เสียงกัมปนาทไม่ทราบสาเหตุดังสะท้อนสะท้านในเทือกเขาหยก ยามนี้หากอยู่ด้านนอกหอตำรา จะเห็นว่าท้องฟ้าบนเทือกเขาหยก บังเกิดเกลียวเมฆทะมึนหมุนวนราวกับหางัขดตัว
ภายในหอตำราชั้นสามบังเกิดคลื่นลมจากสิ่งไม่มี โชยพัดจนตำราทุกเล่มเปิดออกเกิดเสียงพึ่บพั่บดังสับสน อากาศในหอตำราพลันลดลงฮวบฮาบ เพียงชั่วอึดใจเดียวก็บังเกิดเก็ดน้ำแข็งปกคลุมสรรพสิ่ง ร่างของไท้หยูเกิดน้ำแข็งปกคลุม ชั่วพริบตาก็กลายเป็มนุษย์น้ำแข็ง สติเริ่มเลอะเลือน ความเ็ปจากอากาศเย็นราวกับจะฉีกิญญาของให้หลุดออก
ทันใดนั้นภายในตันเถียนของไท้หยู หนอนที่หลับใหลพลันตื่นขึ้นมา ร่างที่เย็นเฉียบจนแทบกลายเป็น้ำแข็งของไท้หยู พลันเกิดความอบอุ่นจากท้องน้อยและค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่าง สองตาเจิดจ้า ภายในร่างกายของไท้หยูพลันแบ่งออกเป็สองฝั่ง
ซีกหนึ่งอบอุ่นราวกับอยู่ในฤดูคิมหันต์ อีกซีกหนึ่งเย็นะเืประหนึ่งอยู่ในฤดูเหมันต์
เสียงของหนอนดังจากปากของไท้หยู น้ำเสียงเ็าแฝงโทสะ
“เ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คิดจะแย่งร่างสถิตของข้าหรือ!”
ไท้หยูที่เริ่มมีสติขึ้นมาได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ทว่าเขากลับไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนเองได้ ยามนั้นอีกเสียงหนึ่งพลันดังจากปากของไท้หยู
“ต้นกำเนิดางั้นรึ ตาแหลมคมไม่น้อยที่เลือกหนูน้อยผู้นี้เป็ร่างสถิต เ้าก็คิดจะกลับคืนสู่โลกเหมือนกันหรือ”
เสียงของหนอนพลันดังขึ้นอย่างเ็า
“ไสหัวของเ้าออกไป ร่างนี้เป็ของข้า”
อีกเสียงที่ยโสโอหังราวกับเทพาพลันดังออกมาว่า
“นั่นต้องดูว่าเ้ามีกำลังพอจะขับไล่ข้าหรือไม่ ข้าก็้าร่างนี้”
ครืน ครืน
ที่ด้านนอกหอตำรา เมฆดำขดตัวหนาแน่นปกคลุมทั้งเทือกเขา พลังที่ดุดัน ที่น่าสะพรึงสุดแสน กดทับลงมาราวกับหัตถ์ที่มองไม่เห็น พลังของฟ้า กฎเกณฑ์ของ์กำลังพิโรธ หมายจะทำลายเทือกเขาหยกให้ราบเป็ธุลี
วิ้ง
มหาพยุหะของเทือกเขาหยกพลันเจิดจ้า วงแสงชั้นแล้วชั้นเล่าปรากฏออกมา ลดทอนความน่าสะพรึงของกฎเกณฑ์์
ที่ด้านนอกลี่ซวนและศิษย์ทั้งสี่ของไท้หยูออกจากสถานที่ฝึกฝนของตนเอง ต่างจ้องมองท้องฟ้าด้วยความหวาดหวั่น
“ฟ้ากำลังพิโรธ เกิดอะไรขึ้น” ลี่ซวนสองมือสั่นเทาจ้องมองท้องฟ้าที่ถูกเมฆทะมึนปกคลุม
ในด้านประสบการณ์มีเพียงลี่ซวนผู้เดียวที่พอจะมองออกว่าเกิดเื่จนมหาพยุหะปรากฏออกมา ส่วนศิษย์ทั้งสี่ยังไม่ทราบว่าเกิดสิ่งใด ทว่าในใจทุกคนล้วนหวาดหวั่นต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกของทุกคนที่จ้องมองท้องฟ้าในยามนี้คือ ตัวข้าช่างกระจ้อยร่อย
ไท้หยูที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างตนเอง พลันรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“มารดามันเถอะ พวกเ้าทั้งสองคิดว่าร่างกายของข้าคืออาภรณ์ให้พวกเ้าสวมใส่หรือ”
ครั้งนี้เขาตื่นตระหนกยิ่งกว่าตอนอ่านตำราเสียอีก
มีผู้ใดสิงร่างของข้าอีกแล้ว หรือว่าร่างนี้จะเป็อาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์สำหรับขวัญิญญา จึงได้มีแต่ิญญาพุ่งเข้าใส่ร่างของเขา
ภายในร่างกายของไท้หยูพลันมีดวงตาคู่หนึ่งลืมขึ้นมา ดวงตาสีเทาล้ำลึกและทรงพลังราวกับบรรจุโลกทั้งใบเอาไว้ ตันเถียนของไท้หยูเปลี่ยนเป็สองฝั่ง แยกออกจากกัน
หนอนและดวงตาคู่นั้นกำลังห้ำหั่นด้วยวิธีที่เขาไม่ทราบ ทว่าสร้างความทรมานแสนสาหัสแก่เขา เืและของเหลวในร่างของไท้หยูกำลังเดือดพล่าน สูบฉีดจนหัวใจแทบจะฉีกขาด เ็ปแทบตาย
“มารดามันเถอะ นี่มันเื่ผีสางอันใด ร่างกายของข้าเป็ที่ให้พวกเ้าสิงเล่นหรือ ล้วนไสหัวออกไปให้หมด” ไท้หยูตวาดอย่างเกรี้ยวกราด พลังไร้รูปะเิขึ้นในร่างของไท้หยูกำราบสองขวัญิญญาที่กำลังบ้าคลั่งให้ได้สติ ความเืพล่านภายในร่างพลันหยุดลง
“พลังโคจรดาราของเ้าช่างมหาศาลยิ่งนัก” เสียงที่ยโสสุดแสนแข็งแกร่งหนักแน่นกล่าวออกจากปากของไท้หยู
“ยังไม่รีบไสหัวออกไปจากร่างนี้อีก” เสียงที่เกรี้ยวกราดคลุ้มคลั่งของหนอนดังออกมา
น้ำเสียงสงบนิ่งมีอำนาจพลันกล่าวว่า
“พวกเราสงบศึกกันสักครู่ แย่งชิงกันไปก็ไร้ประโยชน์ ท้ายที่สุดแล้วเ้าและข้าจะไม่เป็ไร ทว่าร่างของเ้าหนูน้อยนี่คงรับไม่ไหว ข้าไม่อยากให้เป็เช่นนั้น เ้าก็เช่นกัน”
พลังที่แผ่คลุมร่างซีกซ้ายของไท้หยูพลันสงบลงน้ำแข็งที่ปกคลุมเริ่มละลาย อีกด้านหนึ่งพลังที่อบอุ่นจนร้อนแรงก็ค่อยๆ ลดลง ร่างของไท้หยูซีกหนึ่งซีดขาวราวหิมะ อีกซีกหนึ่งแดงก่ำราวผิงโกว
ตุบ
ร่างไท้หยูร่วงลงนั่งหอบหายใจด้วยความเ็ป ลมหายใจร้อนฉ่าปอดทั้งสองยังสร้างความทรมานให้แก่เขา เมื่อครู่ไท้หยูรู้สึกเ็ปทรมานอย่างยิ่ง เป็ความเ็ปที่มิอาจพรรณนาเป็คำพูด
“พันปีผันผ่านในที่สุดข้าก็ได้กลับมายังโลกอีกครั้ง เฮ้อ ช่างน่าคิดถึงยิ่งนัก” น้ำเสียงทรงพลังเอ่ยขึ้น คล้ายกำลังระลึกถึงความหลัง
ไท้หยูพลันรู้สึกว่าร่างกายของเขากลายเป็ูเามีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีถ้ำสองโพรงเป็ที่ให้สัตว์อันตรายสองตัวอาศัยอยู่ด้านใน ทำเอาไท้หยูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่ทราบจะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร
“เ้าคือตาเฒ่าน่ารังเกียจ เหยาซีหรานหรือ” ไท้หยูเอ่ยถามด้วยความอ่อนล้า
“ไฉนเ้าเรียกข้าเช่นนี้ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ข้าคือบรรพชนของเ้า ผู้ก่อตั้งสำนักพันปี รีบกราบข้าแล้วเรียกข้าว่าอาจารย์”
“เฮอะ บรรพชนน่ารังเกียจ” หนอนแขวะด้วยความไม่พอใจ สำหรับเ้าหนอน ร่างของไท้หยูคือที่หล่อเลี้ยงอันยอดเยี่ยมหาใดเปรียบมิได้ หากกล่าวว่าเขาหวงแหนร่างนี้ยิ่งกว่าไท้หยูซึ่งเป็เ้าของร่างก็ไม่เกินเลยไปนัก ยามนี้จู่ ๆ ก็มีคนเพิ่มเข้ามาคิดจะแย่งร่างนี้หล่อเลี้ยงตนเอง มันย่อมไม่พอใจ
ด้วยเหตุนี้มันจึงมีโทสะ ทว่าจนใจที่ร่างหนอนนี้ไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถขับไล่อีกฝ่ายออกไปโดยไม่ทำให้ร่างของไท้หยูเสียหาย สุดท้ายจึงได้แต่ยอมอยู่ร่วมกัน เพราะหากมันจะยืนกรานขับไล่อีกฝ่ายออกไป เช่นนั้นร่างกายของไท้หยูจะกลายเป็สนามรบของทั้งสอง ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าผู้ใดสามารถอยู่รอด ร่างของไท้หยูต้องแหลกสลายอย่างแน่นอน
สติของไท้หยูกำลังจะแตก ไม่ว่าผู้ใดจู่ ๆ ในร่างมีสามตัวตนย่อมเป็เช่นเดียวกัน คือสับสน
“ข้าได้ทิ้งเศษเสี้ยวขวัญิญญาของตนเองไว้ในตำราทั้งสามเล่ม เฮ้อ รอคอยมานับพันปี ในที่สุดก็ได้พบกับผู้ที่มีคุณสมบัติจนได้ ไม่เสียทีที่ข้าสร้างสำนักพันปีและตั้งใจรอคอย เ้าเป็มนุษย์ที่มีพลังโคจรดารามหาศาลที่สุดที่ข้าเคยพบ ประเสริฐยิ่งนัก” น้ำเสียงทรงอำนาจ สามารถทำให้ทุกชีวิตที่ได้ฟังยินยอมศิโรราบ
ไท้หยูที่เริ่มฟื้นตัวพลันลุกขึ้น เดินไปตรงโต๊ะ เปิดหน้าต่างให้ลมพัดเข้ามา สายตามองออกไปด้านนอก เมฆดำราวกับหางันั้นเริ่มจางหาย พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสีแดงส้มอบอุ่นสาดปกคลุมเทือกเขาทั้งแถบ วันแรกที่เขามายังโลกใบนี้ ประสบพบเจอกับเื่ราวมากมาย
“ท่านก็มีจุดประสงค์เดียวกับฉงฉง คืออาศัยร่างของข้าหล่อเลี้ยงตนเอง? แต่ท่านเป็เพียงเศษเสี้ยวขวัญิญญา หล่อเลี้ยงไปมีประโยชน์อันใด มีความหวังจะฟื้นคืนชีพมาหรือ” หลังจากแตกตื่นมานับครั้งไม่ถ้วน ไท้หยูในตอนนี้สามารถสงบใจได้อย่างไม่ยากเย็นแล้ว จิตใจเขาเข้มแข็งขึ้นอักโข
“ยอดเยี่ยม เป็เด็กหนุ่มที่มีจิตเข้มแข็งหนักแน่นยิ่งนัก ...ข้ามิได้คิดจะอาศัยร่างของเ้าหล่อเลี้ยงตนเอง ที่ข้ากล่าวว่าเ้ามีคุณสมบัติ นั้นคือคุณสมบัติในการฝึกวิถีตรีภาคาของข้า ข้าจะใช้เศษขวัญิญญานี้ชี้แนะให้เ้าฝึกวิถีตรีภาคา”
วิถีตรีภาคา วิชาสะท้านโลกฝืนกฎ์ ของเหยาซีหราน
“ข้าขอปฏิเสธ” ไท้หยูตอบโดยไม่คิด
“หืม เพราะเหตุใด?” น้ำเสียงทรงอำนาจนั้นแปลกใจอยู่ไม่น้อย คาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะปฏิเสธน้ำผึ้งหอมหวานเช่นนี้
“ท่านคิดว่าข้ามองไม่ออกหรือว่าแท้จริงแล้วจุดประสงค์ของท่านคือสิ่งใด เฮอะ ข้าหาใช่เด็กหนุ่มอ่อนประสบการณ์ไร้ความคิดไม่ ท่านคิดจะให้ข้าฝึกวิถีตรีภาคา เมื่อฝึกสำเร็จท่านจะได้มีร่างกายฟื้นคืนชีพกลับมาใช่หรือไม่ ตาเฒ่าน่ารังเกียจ”
ไท้หยูมิใช่เด็กด้อยประสบการณ์ ในภพก่อนเขาก็มีชีวิตยืนยาว ผ่านเื่ราวมามากมาย เื่เช่นนี้เพียงคิดเล็กน้อยก็ทราบได้แล้วว่าอีกฝ่าย้าสิ่งใด
เสียงในร่างของเขาสงบลงผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่มีความคิดใดปรากฏออกมา สายลมพัดผ่านหน้าต่างที่เปิดออก พัดปอยผมของไท้หยูปลิวไสว ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงสยายไปด้านหลัง เมื่อสายลมหยุดลงผมที่ยุ่งเหยิงพลันกลับมาเป็ทรง เด่นสง่าและองอาจ
เสียงของหนอนพลันดังจากปากไท้หยู
“ความคิดนี้ไม่เลว ข้าสนับสนุน”
ไท้หยูพลันคิดในใจว่า
“เ้าทราบหรือว่าตาเฒ่านั้นจะทำอะไร เฮอะ เมื่อครู่เ้ายังห้ำหั่นขับไล่กันแทบตาย ยามนี้กลับรักใคร่กลมเกลียว ล้วนแต่เป็ตัวน่ารังเกียจเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว อย่าได้เพ้อฝันว่าข้าจะให้พวกเ้าสมหวัง” จากนั้นปากกล่าวอย่างเฉยชาว่า
“ข้าขอย้ำคำเดิม ข้าปฏิเสธ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้