ซ่างกวานม่อิเงยหน้าขึ้น ดวงตาดอกท้อคู่นั้นมีกระแสสับสนวาบผ่าน เพราะเยว่เฟิงเกอไม่ได้ถามว่าเขาคือใครเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น
เมื่อนึกถึงว่าเยว่เฟิงเกอลืมเขาและมู่เหยียนเฉินไปจนหมดสิ้นในระยะเวลาสั้นๆ แค่ปีกว่า ก็ให้รู้สึกคับแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เห็นว่าเยว่เฟิงเกอหยุดมือไม่สู้กับเขาแล้ว ซ่างกวานม่อิก็ยืนขึ้น สีหน้าเ็า ดวงตาดอกท้อหรี่ลง “เยว่เฟิงเกอ ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าระยะเวลาสั้นๆ เพียงปีกว่า จะทำให้เ้าหลงลืมข้าและมู่เหยียนเฉินไปจนหมดสิ้น เ้าทำให้ข้าต้องมองใหม่จริงๆ ”
เยว่เฟิงเกอยิ่งฟังยิ่งอึ้ง นางไม่รู้จักชายตรงหน้าจริงๆ ส่วนมู่เหยียนเฉินนั้น นางเคยพบในเมืองหิมะลุ่มหลงแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ชายคนนี้ได้บอกนางว่ามู่เหยียนเฉินเป็สหายรักของเขา และเหตุที่เขามาหาเื่นางถึงแคว้นเสวี่ยอวี้ก็เป็เพราะมู่เหยียนเฉิน
แต่ในความทรงจำของเ้าของร่างเดิม กลับไม่มีเื่ราวเกี่ยวกับชายตรงหน้าเลย
ซ่างกวานม่อิเห็นเยว่เฟิงเกอยังคงมองเขาด้วยความสงสัย ก็ส่งเสียงหัวเราะเ็าอย่างดูถูก “ข้าเคยบอกมู่เหยียนเฉินแล้วว่าสตรีเช่นเ้าไม่เหมาะสมกับเขา ก่อนหน้านี้ที่เ้าตามติดเขาแจ ก็เพราะบุรุษข้างกายเ้ามีน้อยเกินไปถึงได้จับเขาไว้ไม่ยอมปล่อย”
“ตอนนี้พอเ้ามีจั้นอ๋องแล้ว ก็หลงลืมพวกเราไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็เื่ที่ข้าคาดเดาไว้อยู่แล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเ้าจะไปร่ำเรียนวรยุทธ์กับจั้นอ๋องด้วย”
“วันนี้ข้าตกอยู่ในมือเ้าแล้ว ถือเสียว่าข้าซ่างกวานม่อิดวงซวย ข้ายอมรับ”
ซ่างกวานม่อิพูดจบก็หลับตาดอกท้อคู่งามคู่นั้น ความเ้าเล่ห์บนร่างค่อยๆ หายไป ท่าทางเหมือนว่ายอมแพ้แล้ว และกำลังรอให้เยว่เฟิงเกอลงมือ
เยว่เฟิงเกอไม่โง่ลดความระแวดระวังที่มีลงเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของอีกฝ่าย
ความเ้าเล่ห์ชั่วร้ายบนร่างชายคนนี้เข้มข้นเกินไป ถึงแม้จะแผ่กลิ่นอายเ้าเล่ห์ชั่วร้ายออกมาตลอดเวลา แต่ที่จริงแล้วยังแอบซ่อนเอาไว้อีกส่วนหนึ่ง
ถึงแม้ในด้านวรยุทธ์เยว่เฟิงเกอจะเอาชนะซ่างกวานม่อิได้สบาย แต่นางก็ไม่อาจวางใจชายตรงหน้าผู้นี้ได้
นางไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขาอีก หลังจากสกัดจุดบนร่างของซ่างกวานม่อิแล้ว ก็หมุนกายเดินจากไป
ซ่างกวานม่อิเห็นเยว่เฟิงเกอหันหลังจากไป เขาอยากจะลงมือกับอีกฝ่าย แต่เพราะถูกสกัดจุดไว้จึงขยับได้แต่ดวงตา
หากอยากจะคลายจุดนี้ต้องรอเวลาอีกสามชั่วยาม ถึงจะกลับมาเป็ปกติได้เอง
ในเวลาเดียวกัน เมื่อเยว่เฟิงเกอเดินหลบมุมไปด้านหนึ่ง มือข้างหนึ่งกลับถูกจับไว้
นางกำลังจะประมือกับอีกฝ่าย แต่กลับถูกฉุดดึงเข้าไปในอ้อมแขน เมื่อเงยหน้าขึ้นถึงได้สบเข้ากับดวงตาของม่อหลิงหานที่กำลังมองนางด้วยความอ่อนโยน
“ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ท่านไม่ได้เข้าวังไปพบฮ่องเต้หรือ? ” เยว่เฟิงเกอรู้สึกประหลาดใจมาก คิดไม่ถึงว่าม่อหลิงหานจะมาอยู่ที่นี่
เขามาอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วนะ แล้วเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เล่า หรือว่าเขาเห็นทั้งหมดแล้ว?
ม่อหลิงหานไม่ได้ถามว่าเยว่เฟิงเกอไปเรียนวรยุทธ์มาจากที่ใด ขอแค่นางไม่เป็ไร เขาก็เบาใจแล้ว
เมื่อครู่หากเยว่เฟิงเกอไม่สกัดจุดซ่างกวานม่อิ เกรงว่าหลังจากนางหันหลังให้อีกฝ่ายคงจะโดนคนเล่นสกปรก
ถึงตอนนั้นม่อหลิงหานต้องลงมืออย่างแน่นอน เขาไม่สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายคือใคร และเป็อะไรกับเยว่เฟิงเกอ
ขอแค่หาญกล้ามาทำร้ายนาง ม่อหลิงหานย่อมต้องสังหารอีกฝ่ายแน่
เพียงแต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะไม่จำเป็ต้องลงมือด้วยซ้ำ แค่เยว่เฟิงเกอคนเดียวก็สามารถรับมือได้
ม่อหลิงหานไม่ได้แสดงท่าทีสงสัยต่อหน้าเยว่เฟิงเกอ ทั้งยังไม่คิดถามเยว่เฟิงเกอว่าไปร่ำเรียนวรยุทธ์มาจากที่ใด และนางแอบซ่อนวรยุทธ์ชั้นเลิศนี้อยู่ได้อย่างไร
เยว่เฟิงเกอเองก็ไม่คิดเล่าเื่ทั้งหมดของตนออกมาด้วยคิดว่า หากม่อหลิงหานไม่ถาม นางก็จะไม่พูดก่อน
ม่อหลิงหานเล่าให้เยว่เฟิงเกอฟังว่าตอนที่เขาออกมาจากวังหลวง ก็ได้ยินข่าวลือว่า ที่ตลาดมีคนกำลังบ่อนทำลายชื่อเสียงของเขา
เดิมทีเขาไม่สนใจเื่เหล่านี้ เพราะในฐานะจั้นอ๋องก็ไม่แปลกที่จะมีศัตรูมากมาย ดังนั้น การที่มีคนคิดทำลายชื่อเสียงเขากลางถนนจึงถือเป็เื่ปกติหนึ่ง
แต่เมื่อเขานั่งรถม้ามาถึงกลางตลาด กลับถูกชิงจื่อขวางไว้
ในตอนนั้นเองที่เขาถึงได้รู้ว่าเกิดเื่ขึ้นกับเยว่เฟิงเกอ เป็เหตุให้รีบร้อนตามมา
โชคดีที่เยว่เฟิงเกอฝีมือร้ายกาจ ชายคนนั้นไม่สามารถเอาเปรียบนางได้ ซ้ำร้ายคนยังถูกเยว่เฟิงเกอซัดจนน่วมอยู่ในสภาพนั้น
ตอนนี้นอกจากม่อหลิงหานจะถอนใจโล่งอกแล้ว ยังให้รู้สึกชื่นชมในความสามารถที่แอบซ่อนอยู่ของเยว่เฟิงเกอด้วย
พระชายาของเขาม่อหลิงหานจะเป็คนธรรมดาได้อย่างไร
ในใจคิดเช่นนี้ ใบหน้าของม่อหลิงหานก็เผยรอยยิ้มแห่งความปลาบปลื้ม
“ไปกันเถอะ พวกเรากลับจวนกัน” ม่อหลิงหานโอบเอวเยว่เฟิงเกอเดินกลับเข้าไปในตลาด
ชิงจื่อรออยู่ข้างรถม้าด้วยสีหน้าเป็ห่วงกังวล พระชายาไล่ตามชายคนนั้นไปนานมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกิดเื่อะไรขึ้นกับอีกฝ่ายบ้างหรือไม่ แล้วเหตุใดท่านอ๋องถึงยังไม่กลับมาเสียที จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาทั้งสองคนหรือไม่นะ?
เฉียวเฟยเห็นว่าชิงจื่อกังวลใจจนอยู่ไม่สุข ก็เอ่ยปากปลอบโยน“วางใจเถอะ มีท่านอ๋องอยู่ พระชายาไม่เป็อะไรแน่”
ตอนที่ชิงจื่อกำลังร้อนรนอยู่นั้น ณ บริเวณที่ห่างออกไปไกลๆ มีเงาร่างของคนสองคนกำลังเดินมาทางนี้
และท่าทีของพวกเขายังดึงดูดความสนใจจากราษฎรโดยรอบอีกด้วย
ทุกคนปากอ้าตาค้างมองจั้นอ๋องของพวกเขาที่ยามนี้กำลังโอบเอวคุณชายรูปงามท่านหนึ่งอยู่
หรือว่าจั้นอ๋องของพวกเขาจะมีนิสัยชอบตัดแขนเสื้อ [1] ?
ชิงจื่อเห็นไกลๆ ก็จำได้ในทันทีว่าคนในอ้อมแขนของท่านอ๋องก็คือพระชายา
นางรีบร้อนวิ่งเข้าไป อ้าปากจะะโเรียกพระชายา แต่กลับถูกสายตาของเยว่เฟิงเกอหยุดไว้
กระนั้นการได้เห็นเยว่เฟิงเกอกลับมาโดยไร้รอยขีดข่วนเช่นนี้ นางก็วางใจแล้ว ใบหน้านางแย้มยิ้มทันที
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าบรรดาชาวบ้านต่างใช้สายตาแปลกประหลาดมองมาทางนางและม่อหลิงหาน นางก็รีบร้อนสลัดมือม่อหลิงหานออก มิคาดม่อหลิงหานกลับจะจับมือนางแน่นกว่าเดิม
เยว่เฟิงเกอพูดด้วยเสียงที่เบาพอให้คนสองคนได้ยิน “ท่านอ๋อง นี่มันกลางตลาดนะเพคะ และตอนนี้ข้าก็ยังอยู่ในชุดบุรุษด้วย ท่านไม่ควรต้องระวังภาพลักษณ์หน่อยหรือ? ”
ม่อหลิงหานไม่สนใจสักนิด “เ้าเป็ชายารักของเปิ่นหวาง เปิ่นหวางอยากจะโอบเ้าที่ใดก็ย่อมได้ ไม่จำเป็ต้องสนใจว่าผู้อื่นจะมองเช่นไร”
“ท่านอ๋อง ท่านไม่สนใจ แต่ข้าสนใจนี่” เยว่เฟิงเกอถูกสายตาของราษฎรกลุ่มใหญ่จับจ้องจนอยากจะหาตะเข็บมุดเข้าไปแล้ว
พวกเขาใช้สายตาอะไรมองมากัน มองราวกับนางและม่อหลิงหานเป็ชายตัดแขนเสื้อก็ไม่ปาน
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเยว่เฟิงเกอขัดเขินจนทนจะไม่ไหว ในที่สุดม่อหลิงหานก็กลั้นหัวเราะไว้แล้วปล่อยมือที่โอบนางอยู่
ในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็ได้อิสระ นางถอนใจโล่งอก ก่อนจะรีบร้อนวิ่งไปทางรถม้า
ชิงจื่อะโเตือนเสียงดัง “พระ...คุณชาย อย่าวิ่งเร็วนักขอรับ”
ม่อหลิงหานเดินไปทางรถม้าอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางยังมีราษฎรมองตามหลังพวกเขาตาไม่กะพริบ
ม่อหลิงหานไม่สนใจสายตาแปลกๆ เ่าั้แม้แต่น้อย เพราะสายตาของเขาเห็นเพียงเงาหลังของเยว่เฟิงเกอเท่านั้น
เมื่อพวกเขาขึ้นนั่งบนรถม้าแล้ว เฉียวเฟยก็บังคับรถม้าให้เคลื่อนออกไป
ทิ้งไว้แต่ปากชาวบ้านที่ยังวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด
พอได้นั่งลงในรถม้าแล้ว เยว่เฟิงเกอถึงได้มองม่อหลิงหานด้วยสายตาตำหนิ “ต้องโทษท่าน เพราะท่านโอบกอดข้ากลางถนนเช่นนั้น แล้ววันหน้าข้าจะออกมาเที่ยวเล่นอย่างไรเล่า ถึงตอนนั้น เพียงทุกคนได้เห็นข้า ก็ต้องพูดว่าข้าคือชายตัดแขนเสื้อที่อยู่กับจั้นอ๋องเป็แน่”
“เช่นนั้นแล้วจะอย่างไร? ” ม่อหลิงหานไม่สนใจสักนิด
เยว่เฟิงเกอได้ยินก็โกรธจนกลอกตามองบนใส่ม่อหลิงหาน “ข้าบริสุทธิ์นะ อีกอย่างข้าเป็สตรีด้วย ไม่ได้อยากเป็ชายตัดแขนเสื้อของท่าน”
ม่อหลิงหานไม่ได้โกรธเพราะท่าทางกลอกตาของเยว่เฟิงเกอ กลับกันเขากลับรู้สึกมีความสุขจนอดไม่ได้ที่จะดึงเยว่เฟิงเกอเข้ามาในอ้อมแขน ก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากนาง
ชิงจื่อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นฉากเช่นนี้ก็หน้าแดงทันที นางรีบหันไปมองนอกหน้าต่าง แม้จะหันจนคอเคล็ดแล้ว แต่จะอย่างไรก็ยังไม่กล้าหันกลับไป
เยว่เฟิงเกอออกแรงผลักม่อหลิงหาน “ชิงจื่อก็นั่งอยู่ด้วยนะเพคะ ท่านอย่าทำเช่นนี้”
ยิ่งเยว่เฟิงเกอเป็เช่นนี้ ม่อหลิงหานยิ่งอยากจุมพิต
ชิงจื่อไป๋จื่อ [2] อะไรนั่น เขาไม่สนใจหรอก
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ตัดแขนเสื้อ(断袖)หมายถึงบุรุษที่นิยมบุรุษ
[2] ชิงจื่อไป๋จื่อ(青芷白芷)ชิง หมายถึง สีเขียว ไป๋ หมายถึง สีขาว