่เวลาหลังจากนั้น หมี่หลันเยว่ไม่ยอมให้เจิ้งซวี่เหยาตามเธอไปไหนอีกต่อไป แต่กลับสั่งให้เขาไปจัดการเื่สำนักงานของตัวเอง ส่วนตัวเธอก็ยังคงเร่ร่อนไปตามท้องถนนและตรอกซอยต่างๆ อย่างไม่หยุดหย่อน พอเหนื่อยจากการเดิน เธอก็จะแวะเข้าไปนั่งพักผ่อนในร้านของเธอ มองดูผู้คนที่เดินเข้าออกร้านอย่างขวักไขว่ ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาก็จะจางหายไปอย่างรวดเร็ว
จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เธอได้รับพลังใจอย่างท่วมท้น ทำให้เธอก้าวเดินอย่างขยันขันแข็ง กลับสู่เส้นทางเดิม เริ่มต้นการเสาะหาครั้งใหม่ วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ หมี่หลันเยว่ไม่ได้รู้สึกท้อแท้ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกฮึกเหิมมาก บนเส้นทางสู่ความสำเร็จ เธอมีความสุขกับมันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เพียงแต่่นี้ทุกคนยังไม่มีความคืบหน้าอะไรมากนัก หมี่หลันเยว่ยังไม่พบร้านค้าที่เหมาะสมกับเธอ แต่เธอก็ไม่ได้ร้อนรนอะไรมากมายนัก เพราะข้อเสนอนี้เป็เพียงความคิดที่เกิดขึ้นชั่วคราว เธอไม่สามารถโชคดีไปตลอด คิดอะไรก็ได้ดั่งใจหวังไปเสียทุกอย่าง
การที่สามารถเช่าร้านค้าหลักได้ในตอนนั้น รวมถึงการซื้อบ้านสี่ประสานหลังนั้นได้ ก็ถือเป็เื่บังเอิญมากแล้ว เธอไม่สามารถเรียกร้องอะไรมากไปกว่านี้ได้ ทุกอย่างต้องค่อยเป็ค่อยไป นั่นถึงจะเป็สิ่งที่ถูกต้อง เธอได้รับความเมตตาและการดูแลจาก์ แค่นั้นก็ถือเป็บุญวาสนาอันยิ่งใหญ่ เธอรู้สึกพอใจมาก
แต่หมี่หลันหยางและคนอื่นๆ กลับรู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง ใน่หลายวันที่ผ่านมา พวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะหาร้านค้าที่เหมาะสม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็ไปตามที่หวัง ทุกคนต่างทุ่มเทจิตใจทั้งหมดไปกับเื่นี้ แต่ก็ไม่ได้รับผลลัพธ์ที่พวกเขา้า วิ่งเต้นจนแทบจะเหาะเหินลงมาจาก์ เท้าทั้งสองข้างพองเป็ตุ่มน้ำ แต่ก็ไม่มีใครปริปากบ่นถึงความยากลำบาก เพราะพวกเขารู้ว่าหลันเยว่ก็คงไม่ต่างกัน
ผลลัพธ์แบบนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกผิดมาก พวกเขารู้สึกว่าหากพวกเขาไม่ทำให้เื่เสียเวลาไปเมื่อสองวันก่อน บางทีพวกเขาอาจจะหาร้านที่เหมาะสมได้แล้ว ความรู้สึกผิดนี้ ทำให้พวกเขาทั้งสี่คนซึมเศร้าไปใน่หลายวันที่ผ่านมา ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร
"พี่คะ พวกพี่อย่าใจร้อนไปเลย หาเจอก็เป็เื่ของวาสนา หาไม่เจอก็ไม่เป็ไร แค่หาโรงงานทำเสื้อผ้าสำหรับร้านเสื้อผ้าชั้นนำได้ก็พอ เอาอย่างนี้ดีไหมคะ เราก็เริ่มทำเสื้อผ้าสำหรับร้านค้าทั่วไปก่อน ยังไงพวกเราก็เริ่มทำเสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ร่วงอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องรีบร้อนเื่ร้านค้ามาก ถึงแม้จะหาร้านที่เหมาะสมได้ในตอนนี้ พวกเราก็ไม่มีเสื้อผ้าไปขายอยู่ดีค่ะ"
คำพูดของหมี่หลันเยว่เป็การปลอบใจ แต่เมื่อได้ยินเข้าหูของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งหลาย กลับเหมือนกับเสียงระฆังที่ดังขึ้นในหัว หาที่ร้านค้าไม่ได้ก็ว่าแย่แล้ว ตอนนี้ยังต้องให้น้องสาวที่อายุน้อยกว่าตัวเองหลายปีมาคอยปลอบใจอีก ทั้งๆ ที่น้องสาวคนนี้ก็เดินไปมาตามท้องถนนและตรอกซอยต่างๆ ในเมืองปักกิ่งเหมือนกัน
เธอไม่ได้เดินน้อยกว่าพวกเราแม้แต่ก้าวเดียว ซ้ำยังทุ่มเทมากกว่าเสียอีก พวกเราที่เป็ผู้ชายอกสามศอกจะทนได้ยังไง
"หลันเยว่...ขอโทษ"
หมี่หลันหยางเป็คนเอ่ยคำขอโทษก่อนใคร เขาคิดว่าเขาทำหน้าที่พี่ชายได้ไม่ดีเอาเสียเลย เดิมทีควรจะเป็เขาที่คอยปกป้องน้องสาว แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็ว่าน้องสาวกำลังดูแลตัวเอง
"พี่คะ ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย พวกพี่ก็แค่สิบเจ็ดสิบแปดกันเอง ปล่อยให้ตัวเองได้สนุกสนานสักสองวันมันจะเป็อะไรไป มันกลายเป็ความผิดร้ายแรงอะไรไปได้ยังไง เื่มันก็ผ่านไปแล้ว พี่ๆ อย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะคะ ที่จริงแล้วฉันไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนเอง"
"ฉันควรจะให้พวกพี่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก่อน แล้วค่อยมอบหมายงานให้ พวกพี่โชคดีที่จัดการเวลาของตัวเองได้อย่างเหมาะสม แบบนั้นดีแล้วค่ะ พวกเราเป็เพื่อนกัน ไม่ใช่เผด็จการ ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่จะสั่งการได้ พวกพี่ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องรู้สึกผิด สภาพของพวกพี่แบบนี้ต่างหากที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ"
เฉียนหย่งจิ้นเกาหัว
"หลันเยว่ เื่นี้ไม่ว่าจะพูดยังไง พวกเราก็ทำไม่ถูกอยู่ดี ถึงแม้ว่าพวกเราอยากจะไปเที่ยวเล่น ไปเดินเล่น พวกเราก็ต้องบอกเธอก่อน ที่ทำไปนั่นแหละคือความผิดพลาดของพวกเรา"
หลันเยว่ส่ายมือขัดจังหวะเขา
"พี่หย่งจิ้น อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ธุรกิจของพวกเราได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากนี้คือการพัฒนาอย่างมั่นคง ไม่ต้องรีบร้อนใน่เวลานี้จริงๆ ค่ะ ไม่เห็นเหรอคะว่าฉันก็ยังหาร้านค้าที่เหมาะสมไม่ได้เหมือนกัน"
"อีกอย่าง ต่อให้มันเป็ความผิด พวกพี่ก็รู้ตัวว่าผิดแล้ว และยังแก้ไขมันด้วย แล้วทำไมต้องกังวลใจกับมันอีกล่ะ พวกเราเป็เพื่อนกันก็จริง แต่พวกเราก็เป็คนในครอบครัวด้วย คนในครอบครัวมีแต่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และอดทน ผิดพลาดไม่เป็ไร แก้ไขก็ดีแล้ว สิ่งที่พวกเรา้าก็คือการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การบีบเค้นกัน"
"พี่ๆ คะ ฉันเคยบอกไปแล้วว่า พวกเรามาปักกิ่งก็เพื่อการเรียนเป็หลัก บนพื้นฐานที่การเรียนเป็ไปด้วยดี พวกเราก็ค่อยพัฒนาธุรกิจไปด้วย ตอนนี้เปิดฉากธุรกิจได้อย่างราบรื่นขนาดนี้ มันเกินความคาดหมายของฉันไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้มีอุปสรรคเล็กน้อยบ้าง มันก็เป็สิ่งที่ควรจะมี อย่าเสียใจมากเกินไปเลยค่ะ"
หมี่หลันหยางดึงมือของน้องสาวมาจับ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี อารมณ์ก็ยังคงหดหู่เล็กน้อย
"พี่ เื่นี้พวกเราจบไปแล้วนะคะ อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว พวกพี่ได้เตรียมตัวกันพร้อมแล้วหรือยัง พวกเราก็เดินเที่ยวในเมืองปักกิ่งกันจนเกือบจะทั่วแล้ว ั้แ่วันพรุ่งนี้เป็ต้นไป พวกเราจะบำรุงร่างกายให้พร้อมสำหรับการเปิดเทอม"
เมื่อพูดถึงเื่เปิดเทอม อารมณ์ของทุกคนก็ดีขึ้นเล็กน้อย เริ่มต้นพูดคุยกันอย่างออกรสว่าต้องเตรียมอะไรบ้างสำหรับการเปิดเทอม หมี่หลันเยว่นำกระเป๋าใส่ของที่เตรียมไว้ให้ทุกคนออกมา
"นี่เป็กระเป๋าที่ฉันออกแบบเอง แล้วก็พี่เสี่ยวหว่านเป็คนทำด้วยมือค่ะ พวกพี่ต้องทะนุถนอมมันให้ดีๆ นะคะ"
หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งหลายรับกระเป๋าไปไว้ในมือ ลูบคลำซ้ำไปซ้ำมาด้วยความรัก นี่เป็ความตั้งใจของหลันเยว่และเสี่ยวหว่าน แน่นอนว่าจะต้องทะนุถนอมให้ดี อีกทั้งรูปแบบของกระเป๋าใบนี้ก็ไม่มีขายข้างนอกอย่างแน่นอน ทั้งสวยงามและใช้งานได้จริง รูปแบบสะพายหลัง มีช่องใส่ของอเนกประสงค์ต่างๆ การออกแบบช่างเท่จริงๆ
กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้เหล่าเด็กวัยรุ่นหายจากอาการซึมเศร้าได้สำเร็จ แม่เจิ้งก็ให้เจิ้งซวี่เหยานำข่าวมาบอกว่า เนื่องจากอีกสี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว เธอ้าจัดพิธีรับขวัญก่อนเปิดเทอม จึงถามหมี่หลันเยว่ให้เลือกระหว่างวันพรุ่งนี้กับวันมะรืนนี้ วันใดวันหนึ่ง
"รับขวัญ? กับใคร? รับขวัญอะไร?"
พอได้ยินเจิ้งซวี่เหยาพูดถึงเื่รับขวัญ หมี่หลันหยางและคนอื่นๆ ก็งงงวยไปตามๆ กัน แม้แต่หลิวเสี่ยวหว่านที่นั่งอยู่ข้างๆ โดยไม่ได้พูดอะไรเลยก็ยังทำหน้างง
"หลันเยว่ไม่ได้บอกพวกนายเหรอ?"
พอเห็นท่าทีงงงวยของทุกคน เจิ้งซวี่เหยาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาโดยพลการ ทำได้เพียงแค่จ้องมองไปที่หมี่หลันเยว่อย่างมีความหวัง รอคอยการแสดงออกของเธอ
"อ๋อ คือแบบนี้ค่ะ คุณป้าเจิ้งอยากจะรับฉันเป็ลูกบุญธรรม ฉันก็ชอบคุณป้าเจิ้งเหมือนกัน ก็เลยตอบตกลงไป เพราะ่สองวันนี้ยุ่งอยู่กับการเดินเที่ยวในเมืองปักกิ่ง หาที่ร้านค้า ฉันก็เลยลืมเื่นี้ไป ก็เลยไม่ได้บอกพวกพี่ๆ ทุกคน ขอโทษนะคะ ฉันประมาทไปหน่อย"
ถึงแม้ว่าการรับขวัญจะเป็เื่ใหญ่ แต่หมี่หลันเยว่ก็ไม่ได้ใส่ใจในเื่รูปแบบมากนัก ในใจของเธอ ขอแค่เธอปรนนิบัติแม่เจิ้งในอนาคต ปฏิบัติต่อเธอเหมือนคนในครอบครัวก็พอแล้ว ส่วนคนภายนอกจะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่เป็ไร หมี่หลันเยว่ไม่ได้้าที่จะใช้ความสัมพันธ์ของสกุลเจิ้งสร้างกระแสให้ตัวเอง ดังนั้นเธอจึงอยากจะทำแบบเงียบๆ มากกว่า
ในใจของหมี่หลันหยางรู้สึกเ็ปอยู่บ้าง ไม่ใช่เพราะน้องสาวกำลังจะถูกคนอื่นรับไปเป็ลูกบุญธรรม ไม่ว่าเธอจะรับใครเป็แม่บุญธรรม เธอก็ยังคงเป็น้องสาวของเขาเหมือนเดิม ความจริงข้อนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ และยิ่งมีคนรักเธอมากเท่าไหร่ หมี่หลันหยางก็ยิ่งยินดี
เขาแค่รู้สึกว่าั้แ่มาถึงปักกิ่ง ตัวเองกับน้องสาวดูเหมือนจะไม่สนิทกันเหมือนเดิมแล้ว คงเป็เพราะตัวเองดูแลน้องสาวน้อยเกินไป ถึงขนาดที่น้องสาวถูกรับเป็ลูกบุญธรรมแล้วตัวเองก็ยังไม่รู้ ตัวเองที่เป็พี่ชายช่างไม่ได้เื่เอาเสียเลย
"หลันเยว่ คนที่ต้องพูดขอโทษควรจะเป็พี่ ่นี้พี่ดูแลเธอน้อยเกินไป เื่ใหญ่ขนาดนี้ พี่กลับเป็คนสุดท้ายที่รู้ พี่รู้สึก..."
จมูกของหมี่หลันหยางเริ่มแสบร้อน ถึงแม้ว่าตัวเองจะอายุมากกว่าน้องสาวสามปี แต่พูดจริงๆ แล้ว ั้แ่เล็กจนโต กลับกลายเป็ว่าน้องสาวดูแลตัวเองมากกว่า
"พี่คะ อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ ฉันโตขนาดนี้แล้ว ยังต้องให้พี่ดูแลอะไรอีกคะ"
หมี่หลันเยว่คล้องแขนพี่ชาย
"พี่ทำหน้าที่พี่ชายได้ดีมากพอแล้ว ฉันพอใจมากที่สุดแล้วค่ะ แล้วฉันก็ชอบพี่ชายที่สุดด้วย พี่อย่าโทษตัวเองมากเกินไปนะคะ ฉันจะเสียใจ"
หมี่หลันหยางโอบกอดน้องสาวแแ่อยู่ในอ้อมกอดของเขา นานแล้วที่ไม่ได้กอดน้องสาวแบบนี้ โดยไม่รู้ตัว น้องสาวเติบโตขึ้นมากขนาดนี้แล้ว เมื่อเทียบกับตัวเองก็ไม่ได้เตี้ยกว่ากันเท่าไหร่ เมื่อนึกถึงน้องสาวตัวเล็กๆ ในอดีต อายุแค่ห้าหกขวบก็อ้อนวอนให้ตัวเองไปตั้งแผงขายของเล็กๆ ด้วยกัน ภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ ไม่มีร่องรอยของความเลือนรางเลยแม้แต่น้อย พริบตาเดียว น้องสาวก็เติบโตขึ้นมากขนาดนี้แล้ว
"เอาล่ะๆ ในเมื่อเป็อาจารย์เจิ้งมาแจ้งข่าวแล้ว งั้นเธอก็กำหนดวันเลย พวกเราทุกคนจะได้มาสนุกสนานด้วยกัน หลังจากนี้ น้องสาวของพี่ก็จะมีแม่อีกคนให้เคารพที่นี่ ก็ยังมีคนรักเธอมากขึ้น พี่ชายคนนี้ก็มีความสุขไปด้วย"
วันถูกกำหนดไว้เป็วันมะรืนนี้ แม่เจิ้งดูเหมือนจะยุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หมี่หลันเยว่คิดว่าคงแค่จัดพิธีเล็กๆ ที่บ้าน กินอาหารมื้อหนึ่งด้วยกัน แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็ว่าแม่เจิ้งในวันนั้น เอาชุดราตรีสั้นมาให้หมี่หลันเยว่ชุดหนึ่ง และพาหมี่หลันเยว่ไปยังโรงแรมหรูขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
สิ่งนี้ทำให้หมี่หลันเยว่ประหลาดใจมาก ถึงแม้ว่าเธอจะสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด แต่ในขณะนี้เธอก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนทำอะไรไม่ถูก
"คุณแม่ มันจะหรูหราเกินไปแล้วค่ะ แค่คนในครอบครัวกินข้าวด้วยกันก็พอแล้วค่ะ"
"เื่นี้ลูกไม่ต้องไปสนใจ ลูกสาวของฉัน เฉินหยวนเจีย แน่นอนว่าจะต้องเชิญเข้าบ้านอย่างยิ่งใหญ่สิ"
มาถึงจุดนี้แล้ว การพูดอะไรมากก็ไม่มีประโยชน์อะไร หมี่หลันเยว่ก็ทำได้เพียงแค่ทำตามความคิดของแม่เจิ้ง แต่เธอหยิบชุดเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าหลายชุด ส่งให้กับมือของคุณแม่
"คุณแม่ นี่เป็เสื้อผ้าที่หนูทำเพื่อคุณแม่ คุณพ่อ และคุณปู่ค่ะ หนูออกแบบเอง ไม่รู้ว่าจะชอบกันหรือเปล่า"
"เดิมทีคิดว่าจะรับขวัญกันที่บ้าน ก็จะมอบให้กับผู้ใหญ่ทั้งหลาย ให้พวกท่านสวมใส่ให้สวยงาม แต่ในเมื่อจะต้องจัดงานที่โรงแรม ก็ส่งเสื้อผ้าให้พวกท่านก่อนเลยแล้วกันนะคะ เดี๋ยวพอเริ่มงานเลี้ยง อาจจะไม่มีเวลาให้แล้ว ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ก็เป็ความตั้งใจของหนู แต่เสื้อผ้าที่ทำเองมีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งคือถ้าไม่ชอบก็แก้ได้เสมอค่ะ"
คำพูดติดตลกของหมี่หลันเยว่ ทำให้แม่เจิ้งหัวเราะออกมา
"ดีๆ แม่ชอบฟังคำพูดของลูก เสื้อผ้านี้แม่จะรับไว้แทนพวกเขาก่อนนะ"
แม่เจิ้งส่งเสื้อผ้าให้กับพี่เลี้ยงที่อยู่ข้างๆ ให้เธอช่วยถือไว้ก่อน แล้วควงแขนหมี่หลันเยว่เข้าไปในโรงแรม
"ถึงแม้ว่าพวกเราจะเลือกโรงแรมนี้ ก็แค่เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ ไม่ได้เชิญแเื่มามากเกินไป แค่เช่าห้องจัดเลี้ยงเล็กๆ ห้องหนึ่งเท่านั้นเอง ลูกไม่ต้องเกร็งนะ คนที่มาก็เป็ญาติและเพื่อนสนิทกันทั้งนั้น"
แม่เจิ้งพาหลันเยว่เข้าไปในห้องพักด้านใน ข้างในได้เตรียมคนไว้ให้ ช่วยหลันเยว่แต่งหน้าทำผม
เมื่อหลันเยว่ออกมาอีกครั้ง ชุดราตรีสั้นสีชมพูอ่อนขับผิวขาวผ่องของหลันเยว่ให้ดูเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น ผมเปียที่ดัดเป็ลอนคลายขนาดใหญ่ ไม่เพียงแต่จะไม่สูญเสียความไร้เดียงสาของเด็กผู้หญิง แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างามของสตรีสูงศักดิ์ หลันเยว่เดินออกมาหลังจากที่พิธีกรบนเวทีแนะนำครอบครัวของแม่เจิ้งแล้ว จึงได้เชิญหมี่หลันเยว่ออกมา
เพียงแต่ตอนที่หมี่หลันเยว่เดินออกจากห้อง คล้องแขนพี่ชาย เดินไปบนพรมแดงมุ่งหน้าไปยังเวที ดวงตากลับชุ่มชื้นเล็กน้อย คนทั้งสี่คนที่อยู่บนเวทีสวมใส่เสื้อผ้าที่เธอออกแบบเองทั้งหมด เสื้อผ้ารูปแบบถังจวง [1] ที่แตกต่างกันสี่ชุด เรียงรายกันเป็แถว ช่างดูสง่างามและมีเอกลักษณ์มาก พวกเขาคงเตรียมชุดสูทไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะเปลี่ยนมาสวมใส่การออกแบบของเธอ ความตั้งใจนี้ ทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกตื้นตันใจยิ่งกว่างานเลี้ยงรับขวัญนี้เสียอีก
เชิงอรรถ
[1] เสื้อคอจีน
