“ไม่ตายงั้นหรือ งั้นรับฝ่ามือนี่ไปซะ!”
ชายชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยแค่นเสียงหัวเราะเ็า จากนั้นพลังฝ่ามือไปเยือนเฒ่าจิงอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงดังปัง เฒ่าจิงถูกซัดกระเด็นออกไปจนเกือบกระเด็นไปกระแทกกับพื้น พร้อมกับอาเจียนสำลักก้อนลิ่มเืออกมา
ผู้คนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่ดูอยู่ด้านล่างเห็นฉากนี้ต่างก็กัดฟันกรอด ในใจยังเต็มไปด้วยความชิงชัง พวกเขารู้ว่าเฒ่าจิงทำเพื่อสำนักยุทธ์ จึงยอมทนอยู่เช่นนี้
แต่มีหลายคนทนดูไม่ได้จึงต้องยกมือปิดตาทั้งสองข้าง
ต่อจากนั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะจากพันธมิตรเทียนเตาก้าวออกมา ดวงตาที่เฉียบคมของเขาแฝงด้วยความอาฆาต ก่อนจะกล่าวกับเฒ่าจิงว่า “ข้าจะส่งเ้าไปลงนรกด้วยสามกระบวนท่าของข้า!”
“เข้ามา!”
ดวงตาของเฒ่าจิงฉายแววแน่วแน่ แม้เวลานี้เขาจะได้รับาเ็สาหัส แต่ก็ไม่ยอมแพ้
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะจากพันธมิตรเทียนเตาแสยะยิ้ม จากนั้นใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะเข้าโจมตีเฒ่าจิงโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ทุกการโจมตีล้วนทำลายสิ่งก่อสร้างได้อย่างง่ายดาย หากโดนกายเนื้อของผู้ฝึกยุทธ์ ผลลัพธ์คงคาดเดาได้ไม่ยาก
หลังจากรับสามกระบวนท่า เกราะป้องกันรอบกายของเฒ่าจิงก็แตกสลาย เสื้อผ้าแปดเปื้อนไปด้วยเืแดงฉาน ร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน
ผู้คนต่างมองฉากนี้ด้วยความตกตะลึง การรับกระบวนท่าที่โหดร้ายเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง เฒ่าจิงจะทนไหวหรือ?
หญิงชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ย และคนอื่นต่างยิ้มอย่างเย็นะเื และแฝงด้วยความดูถูก
จากนั้นอีกเงาร่างหนึ่งมาเยือนเบื้องหน้าเฒ่าจิง ซึ่งเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะแห่งสำนักเชียนสุ่ย เขากวาดตามองเฒ่าจิงด้วยสายตาเฉียบคม “ดวงแข็งนัก รับหกกระบวนท่าต่อเนื่องเช่นนี้ก็ยังไม่ตาย เห็นทีมีเพียงข้าที่จะส่งเ้าไปลงนรกได้!”
“หึ!” เฒ่าจิงแค่นเสียงเ็าพลางหน้าซีดเผือด เขาไร้ซึ่งความคิดย่อท้อ ในแววตาของเขามีเพียงเจตจำนงแห่งการต่อสู้เท่านั้น
“ปัง ๆ ๆ!”
สามกระบวนท่าโจมตีเฒ่าจิง ทำเฒ่าจิงกระอักเืไม่หยุด อวัยวะภายในก็ยังได้รับความเสียหายอย่างหนัก
“ฮ่า ๆ ๆ!”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะสำนักเชียนสุ่ยเห็นสภาพของเฒ่าจิงก็ะเิหัวเราะอย่างได้ใจ จากนั้นถอยหลังกลับไป
ผู้คนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนต่างดวงตาแดงก่ำ พวกเขามองเฒ่าจิงที่ต้องทนรับอยู่คนเดียว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงโกรธตัวเองที่อ่อนแอเกินไป
ขณะเดียวกัน ณ ชั้นที่สี่ของหอวิชา เย่เฟิงยังคงอยู่ในขั้นตอนเปิดร่างเจตจำนง หลังจากผ่านความพยายามมาอย่างหนัก พลังเจตจำนงในกายก็ผสานเข้ากับร่างกายแล้ว
หากพยายามอีกเพียงนิด เย่เฟิงก็จะเปิดร่างเจตจำนงได้แล้ว
“ไอ้หนู ร่างเจตจำนงใกล้จะเปิดได้แล้ว เราสองคนต้องพยายามให้มากกว่านี้!” พลันเสียงราชันมารชื่อเทียนดังก้องในหัวซึ่งแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น เขาใกล้จะได้เห็นปาฏิหาริย์ที่แทบจะเป็ไปไม่ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ราชันมารชื่อเทียนไม่คิดว่า ระยะห่างของเย่เฟิงกับประตูแห่งเจตจำนงจะใกล้กันเพียงนี้
ตบะขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 กลับสำเร็จการหลอมผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม ทั้งยังเปิดร่างเจตจำนงได้อีก เรียกได้ว่าในอดีตไม่เคยมีปรากฏและต่อไปก็จะไม่มีผู้ใดเหมือนเขา หากเื่นี้แพร่งพรายออกไป ทั่วทั้งทวีปจักต้องสั่นคลอนอย่างแน่นอน
“ดี!”
เย่เฟิงพยักหน้า พลังเจตจำนงผสานเข้ากับร่างเขาอย่างต่อเนื่อง อีกอย่างเย่เฟิงก็ยังควบคุมพลังเจตจำนงได้ดีขึ้นกว่าเดิม
เขาปลดปล่อยพลังจิตของตนทั้งหมด เพื่อควบคุมพลังเจตจำนงที่โคจรอยู่ในสายเื แต่เมื่อพลังเจตจำนงผสานเข้ากับร่างเย่เฟิงอย่างสมบูรณ์ ร่างเย่เฟิงก็เรืองแสงแห่งเจตจำนงจาง ๆ ราวกับว่าร่างเขาก็คือเจตจำนงที่หลับใหลเพื่อรอคอยให้เขาปลุกมันขึ้นมา
ร่างเย่เฟิงคือบ่อเกิดพลังเจตจำนง ทุกตารางนิ้วในกายเขาล้วนผสานกับพลังเจตจำนงที่แกร่งกล้า นี่ก็คือสัญญาณของการเปิดร่างเจตจำนง
“ครืน!”
ทันใดนั้นเสียงประหลาดหลายสายดังกึกก้องทั่วฟ้า กระแสอากาศแปรปรวน พลังเจตจำนงหมุนวนจนเป็พายุโดยมีเย่เฟิงอยู่ใจกลาง ทั้งยังมีพลังเจตจำนงรายล้อมร่างเขา กระทั่งยกร่างเขาลอยขึ้นเหนือพื้นจนอยู่ใจกลางชั้นที่สี่ในหอวิชา
พลังหยวนอันมหาศาลมากันราวกับเป็เส้นด้ายสีขาวใส จนแสงแห่งพลังหยวนสาดส่องไปทั่วทั้งอากาศ
ขณะนั้นเมฆเจตจำนงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันแกร่งกล้าปรากฏบนท้องฟ้า ทั้งยังมีสายฟ้าสถิตอยู่ในเมฆนั้น
“เปรี้ยง!!!”
พลันมีสายฟ้าผ่าลงมาจากเมฆเจตจำนงนั่น ทำทั่วทั้งท้องฟ้าสว่างจ้า
นาทีนี้ทุกคนต่างแหงนหน้ามองฟ้าด้วยความประหลาดใจ
แม้แต่หญิงชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยที่จะลงมือโจมตีเฒ่าจิงก็ยังหยุดเคลื่อนไหว นางแหงนมองปรากฏการณ์บนท้องฟ้าด้วยความตกตะลึง
“นั่นมัน... เมฆเจตจำนง!”
ชายชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยตัวสั่นสะท้าน ก่อนจะกล่าวเช่นนั้น ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ เขาย่อมรู้ว่าการปรากฏของเมฆเจตจำนงหมายถึงอะไร
“เป็ไปได้อย่างไร? ที่นี่จะมีเมฆเจตจำนงปรากฏได้อย่างไร? เ้าต้องตาฝาดเป็แน่!”
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะของพันธมิตรเทียนเตาและสำนักเทียนสุ่ยได้ยินเช่นนั้นต่างก็ตาแข็งทื่อ พวกเขาไม่อยากเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะเป็ความจริง
“ด้วยพลังของข้า นั่นเป็เมฆเจตจำนงอย่างไม่ต้องสงสัย!” ชายชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยกล่าว
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะอีกสามคนได้ยินต่างก็ตัวแข็งเป็หิน นาทีนี้พวกเขารู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นระรัว
หญิงชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยกล่าวว่า “เท่าที่ข้าทราบ เมฆเจตจำนงมีเพียงผู้มีฝีมือจึงจะเปิดร่างเจตจำนงได้ หรือว่าในสำนักยุทธ์ที่ไม่เข้าตานี่จะมีผู้มีฝีมือเปิดร่างเจตจำนงได้?”
ถ้อยคำของหญิงชราทำให้อีกสามคนเข้าใจในทันที จากนั้นได้ยินผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะจากพันธมิตรเทียนเตาพูดขึ้นว่า “ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่เชื่อว่าในดินแดนไร้อารยธรรมนี้จะมีผู้เปิดร่างเจตจำนงได้ ผู้ที่จะเปิดร่างเจตจำนงได้นั้นจะต้องมีพลังแห่งอำนาจขั้นิญญา่ปลาย และตบะก็ต้องอยู่ขั้นาาเป็อย่างต่ำ”
“ใช่ นี่ไม่มีทางเป็ไปได้ หากที่นี่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาปกครองจริง ๆ เช่นนั้นที่นี่ก็ไม่มีทางเงียบสงบ” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะจากสำนักเชียนสุ่ยกล่าว พวกเขายังคงเชื่อว่าพวกเขาตาฝาด และไม่เชื่อว่าที่แห่งนี้จะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาปกครอง
หากมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาอยู่ที่นี่จริง ๆ และพวกเขาทำอีกฝ่ายโมโห เพียงแค่สะบัดมือก็ฆ่าพวกเขาสี่คนได้แล้ว
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเฒ่าจิงรับกระบวนท่าติดต่อกันเก้าครั้ง สติของเขาก็เริ่มเลอะเลือน แต่การปรากฏของเมฆเจตจำนงทำให้สายตาที่พร่ามัวของเขาต้องส่องสุกสกาวขึ้นมาทันใดราวกับเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา
ไกลออกไป ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะสามคนที่คอยสังเกตการณ์ทางด้านนี้มาตลอดต่างก็ตื่นใ พร้อมเผยสีหน้าเหลือเชื่อ
“เหตุใดพวกเ้าสี่คนถึงมาก่อเื่ที่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้า?”
ตอนนั้นเองเสียงน่าเกรงขามดังออกมาจากในสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ก่อนจะดังกึกก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้า ทำให้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างได้ยินอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เสียงนั้นแฝงความคลุมเครือ แต่กลับให้ความรู้สึกล้ำลึกแก่ผู้คน
