“ศาสตราจารย์ครับ ผมไม่สามารถเห็นด้วยกับความคิดของท่านได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเดม่อน ดัมเบิลดอร์ก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจ กลับมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน
เขาเริ่มเชื่อในสิ่งที่มิเนอร์ว่าเคยพูด เด็กคนนี้มีความคิดเป็ของตัวเองมากกว่าผู้ใหญ่หลายคน ทั้งยังมีความสุขุมเกินวัย
พอประกอบกับพร์ที่หาได้ยาก ดัมเบิลดอร์ก็ยิ่งรู้สึกว่า ควรให้คำแนะนำอันสุภาพแก่เด็กคนนี้บ้าง
“งั้นแล้ว ความเห็นของเธอล่ะ?”
“ศาสตราจารย์ฟลิตวิกเคยบอกผมว่า พลังของแบบอย่างนั้นยิ่งใหญ่เกินจะประเมินได้ ยิ่งในหมู่คณะก็ยิ่งทรงพลัง ไม่ทราบว่าท่านเห็นด้วยหรือเปล่าครับ?”
ดัมเบิลดอร์พยักหน้า ดวงตาฉายแววพึงพอใจ ที่เดม่อนจดจำคำพูดของฟลิตวิกและหยิบยกมาในเวลานี้ได้ แสดงว่าเขาเป็เด็กที่เคารพครูอาจารย์ ถ้านั่นไม่ใช่แค่การเสแสร้ง
“ถ้าอย่างนั้น กระจกวิเศษนี่ ก็ถือเป็แบบอย่างอย่างหนึ่งได้เหมือนกันไม่ใช่หรือครับ?”
“อย่างเช่น รอน เขาเห็นตัวเองเป็กัปตันทีมควิดดิช เป้าหมายของเขาถูกทำให้เป็รูปธรรม แบบนั้นเขาก็น่าจะมีแรงผลักดันมากขึ้น ไม่ใช่มัวแต่หลงทางอย่างที่ท่านว่า”
“ถ้าผมได้เห็นตัวเองในอีกห้าปีข้างหน้า ผมก็คงจะมีแรงจูงใจมากขึ้นที่จะพยายามไปให้ถึงจุดนั้น มากกว่าจะยืนเหม่อหน้ากระจกทั้งวันแน่ๆ”
คำพูดของเดม่อนทำให้ดัมเบิลดอร์นิ่งคิดไป ส่วนคนที่คิดตามก็ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว แฮร์รี่ถึงกับอยากจะะโขึ้นมา
ใช่แล้ว! เขาก็แค่อยากเจอพ่อแม่เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมายืนอยู่หน้ากระจกเฉยๆ ไม่ทำอะไรทั้งวัน เอาจริงๆ แม้แต่ตอนนี้ เขาก็แค่แอบมาดูในเวลากลางคืนเท่านั้นเอง
เวลากลางวัน เขาก็ยังใช้ชีวิตอย่างปกติดีอยู่
ทำไมเขาถึงไม่เคยคิดจะแย้งมาก่อนนะ? หรือเป็เพราะคำพูดของดัมเบิลดอร์มีอำนาจมากเกินไป จนเขาไม่กล้าคิดขัดแย้งเลย?
แฮร์รี่มองเดม่อน ดวงตาเปล่งประกาย
แล้วเขาก็หันไปมองดัมเบิลดอร์ด้วยสายตาวิงวอน
ดัมเบิลดอร์สบตากับแฮร์รี่ น้ำหนักของการตัดสินใจก็เริ่มเปลี่ยนไป
“ศาสตราจารย์ครับ ถ้าท่านยังรู้สึกไม่สบายใจ ผมมีข้อเสนอหนึ่ง” เดม่อนดูเหมือนจะเห็นความลังเลของดัมเบิลดอร์ จึงพูดต่อ “ให้ผมเป็คนเก็บกระจกวิเศษนี้ไว้เอง ผมรับรองว่าจะให้แฮร์รี่ใช้งานแค่สัปดาห์ละสองชั่วโมง เพราะผมไม่รู้สึกถูกดึงดูดด้วยพลังของมัน”
“ผมคิดว่า การใช้เวลาเพียงสัปดาห์ละสองชั่วโมงเพื่ออยู่กับครอบครัว คงไม่ใช่การเสียเวลาใช่ไหมครับ?”
ดัมเบิลดอร์ยังคงนิ่งคิด
เดม่อนไม่พูดต่อ มือข้างหนึ่งแตะลงบนไหล่แฮร์รี่ที่เริ่มกระสับกระส่าย บอกให้เขาใจเย็นลง
ดัมเบิลดอร์เงียบไปเพียงสามวินาที แต่สามวินาทีนั้นช่างยาวนานจนแฮร์รี่แทบจะกลั้นหายใจ
และในที่สุด เขาก็ได้คำตอบที่้า
“เอาล่ะ เธอชนะใจฉันได้แล้ว” ดัมเบิลดอร์ยิ้มออกมา “แต่เราต้องตกลงกันไว้ก่อน แค่สัปดาห์ละสองชั่วโมง ถ้าฉันพบว่าเธอละเมิดข้อตกลงนี้ หรือใช้งานกระจกในทางที่ไม่เหมาะสม ฉันจะยึดมันคืนทันที”
ในขณะที่แฮร์รี่กระซิบเฮด้วยความดีใจ เดม่อนก็ตอบตกลงทันที ก่อนจะเสกคาถาย่อขนาด เปลี่ยนกระจกที่สูงถึงเพดานให้เล็กลงเท่าฝ่ามือ แล้วลอยมันขึ้นมาด้วยคาถาเสกลอย
ดัมเบิลดอร์มองเขาด้วยสายตาใหม่อีกครั้ง ก่อนจะชมอย่างไม่เปิดเผยนักว่า
“คาถาย่อขนาดได้ดีมาก”
การใช้คาถากับวัตถุวิเศษนั้นยากกว่าของธรรมดาหลายเท่า ตอนที่เดม่อนเสนอแินี้ ดัมเบิลดอร์ก็ไม่คิดว่าเขาจะทำสำเร็จ
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องประเมินเด็กคนนี้ใหม่
“ขอบคุณครับสำหรับคำชม งั้นวันนี้ก็ค่ำมากแล้ว เรากลับกันก่อนดีไหมครับ ศาสตราจารย์?”
ดัมเบิลดอร์พยักหน้า และในตอนนั้นเอง แฮร์รี่ก็พูดขึ้นมา
“ศาสตราจารย์ครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“ตอนที่ท่านมองกระจกวิเศษ ท่านเห็นอะไรเหรอครับ?”
“ฉันหรือ?” ดัมเบิลดอร์ว่า “ฉันเห็นตัวเองถือถุงเท้าขนแกะหนาๆ อยู่หนึ่งคู่”
แฮร์รี่เบิกตากว้าง
“ถุงเท้านี่ไม่เคยพอใช้เลย” ดัมเบิลดอร์ว่า “คริสต์มาสมาทีไร ฉันก็ไม่เคยได้รับถุงเท้าสักคู่ ทุกคนเอาแต่ส่งหนังสือมาให้”
“แถมยังมีนักเรียนบางคนเหมือนจะมีอคติกับฉันอีกด้วย ให้ของขวัญกับอาจารย์ทุกคน ยกเว้นอธิการบดีของโรงเรียนอย่างฉัน”
พูดจบเขาก็ทำท่าเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง
เดม่อนตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
เขาไม่ได้พูดตอบโดยตรง แต่พาแฮร์รี่ออกจากห้อง แล้วทิ้งคำพูดเบาๆ ทว่าได้ยินชัดไว้ว่า
“อย่าไปเชื่อเขาเลย เขาโม้ต่างหาก อายุขนาดนี้แล้วยังหลอกเด็ก ไม่อายมั่งหรือไง”
“โอ้...”
เด็กหนุ่มสองคนหายตัวไปภายใต้ผ้าคลุมล่องหน เดินห่างออกจากห้องเรียนไป แสงจันทร์สาดลงตามทางเดินเงียบสงบ เสียงนกฮูกกู่เบาๆ นอกหน้าต่าง
พวกเขาเดินต่อไปด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความหวัง
มีเพียงชายชราผมขาวผู้หนึ่งที่ยืนค้างอยู่ในห้องเพียงลำพัง เหม่อมองไปข้างหน้า
ลมบางพัดผ่านห้องเรียนที่มืดมิด ฝุ่นละอองลอยขึ้นในอากาศ ราวกับเศษดาวในแสงจันทร์ ก่อนจะกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
กระจกที่เคยเป็ของชายชรา บัดนี้ได้เปลี่ยนเ้าของไปอย่างถาวร
“แบบนี้ก็ดีแล้ว”
เขาคิด
แต่ทำไมกันนะ ทั้งที่แสงจันทร์ดวงนี้ได้สาดส่องมาแล้วกว่า 91 ปี
เขากลับยังลืมไม่ได้เลย
“…ลาก่อน แอรีอานนา”
ในความมืด มีเสียงถอนหายใจที่ลึกและเ็ปดังขึ้นเบาๆ
่เวลาหลังจากนั้น วันหยุดคริสต์มาสกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง
ในวันแรก แฮร์รี่รู้สึกอยากไปดูหน้ากระจกวิเศษอีกครั้งอย่างมาก แต่พอคิดได้ว่าเขามีเวลาสัปดาห์ละแค่สองชั่วโมง และตอนนี้ก็ยังหาเดม่อนไม่เจอ เขาก็อดทนไว้
แปลกดี พอคิดแบบนั้น ความอยากในใจของเขาก็ลดลงในทันที เขาไม่ได้สูญเสียอะไรเลย กลับกัน เขาได้เวลามากขึ้นที่จะได้เห็นพ่อแม่ในทุกสัปดาห์ด้วยซ้ำ
ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขาฝันดีทุกคืน ในความฝัน เขาได้คุยกับแม่มากมาย เล่าให้พ่อฟังถึงความเก่งของเขาตอนจับลูกสนิชทองคำได้
ทุกอย่างช่างงดงามราวความฝัน
เว้นก็แต่เดม่อน เขายังคงไม่ค่อยกลับมานอนที่ห้อง จะโผล่มาทีสักสองสามวันครั้ง
แฮร์รี่เคยคิดจะใช้ผ้าคลุมล่องหนสะกดรอยตามเดม่อน แต่สุดท้าย เขาก็เปลี่ยนใจ เพราะเขาเคารพเดม่อนมากเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้
การสะกดรอยตามคนที่เรานับถือ มันเป็เื่น่าอายเกินไปสำหรับเขา
เขาคิดว่า…
ถ้าเดม่อนอยากพูดอะไร เขาก็คงบอกเอง
ก่อนวันเปิดเรียนหนึ่งวัน เฮอร์ไมโอนี่กลับมาแล้ว เมื่อรู้เื่ที่เกิดขึ้นกับแฮร์รี่ใน่วันหยุด เธอก็รู้สึกหลากหลายมาก
ในด้านหนึ่งเธอรู้สึกใที่แฮร์รี่ลุกจากเตียงมาสามคืนติดเพื่อออกไปเดินในโรงเรียน ส่วนอีกด้านก็ผิดหวังที่แฮร์รี่ไม่หาข้อมูลว่า "นิโคลัส เฟลเมล" คือใคร
ส่วนเื่ที่เดม่อนเห็นภาพตัวเองในกระจก แล้วไปเจรจาขอกระจกกับดัมเบิลดอร์ พวกเขาทั้งสามคนไม่ได้คุยเื่นี้กันมากนัก เพราะมันน่าเหลือเชื่อเกินไป
ตอนนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องทำ ก็คือ… ค้นหาข้อมูลของนิโคลัส เฟลเมลให้ได้
ป.ล. ดัมเบิลดอร์เรียนจบตอนอายุ 18 กลับบ้านไปดูแล แอรีอานนา อัลเฟียส ด็อดจ์ไปเที่ยวหลังจากงานศพแคนดร่า ใช้เวลาหนึ่งปี พอกลับมาก็ได้ยินข่าว แอรีอานนาเสียชีวิต
ดังนั้นผมสรุปว่า แอรีอานนาน่าจะตายตอนดัมเบิลดอร์อายุ 19 (ปี 1900) ถึงได้ออกมาเป็ 91 ปี
ถ้าผิดพลาดตรงไหน รบกวนชี้แนะด้วยครับ
(จบบท)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้