หัวิท้าฉินเฟิงแข่งในความถนัดของเขาและดึงดูดความสนใจของคนมากมายเขารู้ว่าฉินเฟิงแทบจะไม่มีฝีมือในด้านนี้เลย
เนื่องจากคนส่วนใหญ่รู้ว่านอกจากจีบหญิงแล้วฉินเฟิงดูจะไม่มีฝีมือในด้านอื่นๆ เลย
“ว่าไง? อย่าบอกนะว่ากลัวที่จะแข่งกับนายน้อยผู้นี้?”หัวิจ้องฉินเฟิงด้วยความเยาะเย้ยหลังจากที่เห็นฉินเฟิงไม่ตอบ
ถ้าสถานการณ์กลับกันหัวิก็คงจะไม่ยอมรับการแข่งที่ถนัดแค่ฝ่ายเดียวอย่างนี้เหมือนกันมันเป็การฆ่าตัวตายชัดๆ
อย่างไรก็ตามฉินเฟิงไม่กลัวแน่นอน เขามีคติที่ว่า ‘เส้นทางของชีวิตย่อมเต็มไปด้วยการแข่งขัน’เพียงแค่ว่าเขาเพิ่งจะสุ่มได้ทักษะศิลปะขั้นกลางมาเมื่อคืนและไม่คิดว่าจะได้ใช้ไวขนาดนี้
งานชิ้นเอกคลาสสิกต่างๆโผล่ขึ้นในหัวของฉินเฟิง เทคนิคด้านศิลปะจำนวนมากตามด้วยประสบการณ์จากปรมาจารย์อย่างฉีไป๋สือก็โผล่มาในความทรงจำของเขา
ฉินเฟิงหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้เขามองไปที่หัวิและตอบอย่างร่าเริง “ก็ได้ มาแข่งลายเส้นจีนกันแต่ก่อนจะแข่งกัน เราควรจะมีบทลงโทษให้ผู้แพ้นะ”
หัวิในิดหน่อยแต่เขาก็รีบกลับมาเป็ปกติและยิ้มอย่างยินดี
เขากลัวว่าฉินเฟิงจะไม่กล้าแข่งด้วยแต่เขาก็ยอมรับอย่างง่ายๆ แถมยังแนะนำให้มีบทลงโทษกับผู้แพ้อีกหัวิตื่นเต้นจนเกือบโห่ร้องออกมา
แต่ภายนอกเขายังสงบอยู่พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม“ในเมื่อฉันเป็คนเลือกกฎการแข่งขัน งั้นเชิญนายน้อยฉินคิดเื่บทลงโทษเลย”
“ก็ได้ เอางี้เป็ไงนายท้าแข่งศิลปะจีนกับฉันเพราะอยากจะตบหน้าฉันต่อหน้าผู้คน ในกรณีนี้ ใครก็ตามที่แพ้จะต้องยอมให้เพื่อนในห้องทั้งหมดตบหัวและพูดว่า‘ไอ้สวะเอ๊ย’ นายคิดว่าไง?” ฉินเฟิงพูดขณะหัวเราะและมองหัวิ
หัวิทึ่งในความมั่นใจของฉินเฟิงทันทีในเมื่อหมอนั่นรู้ว่าเขา้าจะตบหน้าและเหยียดหยามมันต่อหน้าผู้คนทำไมมันยังคิดบทลงโทษรุนแรงได้ขนาดนั้นอีก? มันมั่นใจว่ามันจะชนะหรือไง?
แต่ในไม่ช้าหัวิก็โล่งอก
แม้ฉินเฟิงจะชนะอวี่เหวินเสียงและทำให้ทุกคนตกตะลึงแต่ศิลปะจีนมันไม่ง่ายเหมือนการต่อสู้
เป็ไปได้ว่าเพราะฉินเฟิงเป็ลูกของตระกูลใหญ่เขาเลยโดนบังคับให้เรียนศิลปะป้องกันตัวั้แ่เด็ก บวกกับโชคด้วย มันก็ไม่ใช่จะเป็ไปไม่ได้ที่จะชนะอวี่เหวินเสียง
ทว่าศิลปะต้องฝึกฝนกันหลายเดือนหลายปีถ้าไม่ฝึกสักห้าหรือหกปี มันก็เป็ไปไม่ได้ที่จะวาดรูปได้ดียิ่งกว่านั้นแค่ความพยายามยังไม่พอ ศิลปะจำเป็ต้องมีพร์ มากกว่านั้นถ้าไม่เข้าใจธรรมชาติของสีและลายเส้น ไม่ว่าจะพยายามทำผลงานแค่ไหนมันก็เป็ไปไม่ได้ที่จะเป็ระดับอาจารย์
หัวิเป็อัจฉริยะด้านศิลปะและมั่นใจว่าไม่มีใครชนะเขาได้แน่นอน
เขามั่นใจเหมือนกับที่ฉินเฟิงมั่นใจในการจีบผู้หญิง!
“ก็ได้ งั้นเอาตามนั้น” หัวิกล่าวด้วยความยินดี“แต่ยังไงผู้ชนะก็ควรจะมีรางวัล ผู้ชนะจะได้จูบเทพธิดาจ้าวหลิงเซียนต่อหน้าคนอื่นๆเป็ไง และต้องจูบที่ปากด้วย”
จูบที่ปาก!
ฉินเฟิงและจ้าวหลิงเซียนใจเต้นพวกเขานึกถึงเหตุการณ์ในห้องของจ้าวหลิงเซียนเมื่อคืนก่อนหน้านี้ฉินเฟิงมองไปที่จ้าวหลิงเซียน เขาเลียริมฝีปากและตอบอย่างลวกๆ “จัดไป”
ฉินเฟิงรู้สึกขอบคุณหัวิหมอนี่เป็น้องชายที่ดี มันแนะนำสิ่งที่ฉินเฟิงอยากจะแนะนำแต่ฉินเฟิงกลัวที่จะพูดออกมา
ใบหน้าเ็าของจ้าวหลิงเซียนก็แดงทันทีหลังจากมองฉินเฟิงเธอจ้องหัวิอย่างเ็าและกล่าว “ไอ้ปัญญาอ่อน นายจะพนันอะไรก็พนันไปแต่อย่าลากฉันไปเอี่ยวด้วย”
ฉินเฟิงและหัวิมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไรพวกเขายืนยันเงื่อนไขการแข่งขันอย่างเงียบๆ
ส่วนจ้าวหลิงเซียนจะเห็นด้วยหรือไม่นั่นค่อยคิดทีหลังอย่างไรเสียมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉินเฟิงใช้กำลังบังคับจูบเธออยู่แล้ว
“งั้นเริ่มกันเถอะ” หัวิกระหายที่จะชนะฉินเฟิงอย่างมาก
เขาอยากจะเห็นคนทั้งห้องตบหัวฉินเฟิงและเยาะเย้ยเขารวมถึงรางวัลที่จะได้จูบริมฝีปากของจ้าวหลิงเซียน
พวกเพื่อนร่วมห้องก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ในครั้งนี้มี 2 ที่ที่เตรียมไว้พร้อมแล้ว มีกระดาษอย่างดีสีจีน พู่กัน จานสี หมึกจีน และอื่นๆ
เมื่อหัวินั่งประจำที่บรรยากาศรอบตัวเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเขายกพู่กันอย่างใจเย็นและเริ่มผสมสีอย่างรวดเร็ว พู่กันตวัดบนกระดาษอย่างมีพลังแต่ก็ยังสง่างาม เขามีฝีมือจริงๆ
ฉินเฟิงไม่ได้ขยับมาสักพักหนึ่งและมองดูหัวิวาดภาพแทนหลังจากได้รับทักษะศิลปะขั้นกลาง เขาสามารถหาข้อบกพร่องของศิลปะได้ง่ายมาก
สไตล์ศิลปะของหัวิค่อนข้างเป็เอกลักษณ์และมีฝีมือทีเดียวทว่าในสายตาของฉินเฟิงที่ตอนนี้สามารถเทียบเคียงบ่าเคียงไหล่กับั์ใหญ่อย่าฉีไป๋สือทักษะของเขาก็งั้นๆ
หลินเป้ยเป้ยร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้หลังจากเห็นฉินเฟิงนั่งไม่ไหวติงมาสักพักหนึ่งแล้ว“ฉินเฟิง ทำไมคุณยังไม่วาดล่ะ? ไม่ว่าคุณจะแพ้หรือชนะอย่างน้อยคุณก็ควรจะพยายามนะ”
แม้เธอจะเชื่อในตัวฉินเฟิงแต่เธอก็รู้จักพร์ของหัวิดี ดังนั้นแล้วเธอจึงไม่คิดว่าฉินเฟิงจะชนะ
เื่นี้ทำให้นักเรียนคนอื่นๆเริ่มพูดคุยกันอย่างเงียบๆส่วนใหญ่จะพูดว่าฉินเฟิงทำอะไรไม่ได้เพราะเขารู้ตัวว่าแพ้แล้วดังนั้นเขาเลยไม่มีความกล้าที่จะวาดอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามคนที่เป็ห่วงมากที่สุดคือจ้าวหลิงเซียน ก่อนหน้านี้ถ้ามีคนกล้าใช้เธอพนันเธอคงจะตบมันด้วยความโมโห
โดยเฉพาะถ้ารางวัลของพนันคือจูบเธอ
แต่เพราะฉินเฟิงเข้าร่วมเธออยากให้ฉินเฟิงชนะอย่างน่าประหลาดเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงจูบที่น่าหลงใหลในคืนก่อนจ้าวหลิงเซียนก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอไร้ความรู้สึกเธอยังไม่สามารถสลัดความรู้สึกที่น่าหลงใหลออกไปได้
“เอาล่ะ ฉันจะเริ่มล่ะนะ”
จู่ๆฉินเฟิงก็เริ่มขยับมือของเขาวาดออกไปและดูเหมือนพู่กันในมือมีิญญาสิงสถิตอยู่ในตัวมันเองมันเริ่มตวัดไปรอบๆ อยู่ในมือของเขาด้วยความอิสระและแม่นยำ
เขาไม่ได้มีแค่ทักษะศิลปะขั้นกลางแต่มีทักษะคัดลายมือด้วยเช่นกัน ทั้ง 2 วิชานี้ผสมผสานเข้าด้วยกันทำให้ฉินเฟิงมีความสามารถเต็มรูปแบบ
ผสมสียกพู่กัน ตวัดพู่กัน ระบายสี...
เขาเหมือนกับาาแห่งศิลปะและได้ปล่อยบรรยากาศความเป็ศิลปินออกมา สายตาจดจ่ออยู่กับกระดาษอย่างมีสมาธิและเมื่อไรที่มือของเขาขยับ มันก็ได้ทิ้งเส้นสีที่ชวนหลงใหลไว้
ทันใดนั้นเหล่าคนดูที่หัวใจเต้นรัวก็รู้สึกว่าตาของเขาจะถลนออกมา
การใช้พู่กันอย่างชำนาญของฉินเฟิงทำให้ดูเหมือนปลากำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำแต่ทันใดนั้นเขาก็ใช้มือซ้ายหยิบพู่กันและเริ่มวาดภาพบนกระดาษอีกแผ่นหนึ่งเป็การวาดภาพ 2 ภาพพร้อมกัน
มือขวาและมือซ้ายของเขาว่องไวเหมือนกันพู่กันดูเหมือนมีชีวิต เมื่อไรที่พู่กันลงบนกระดาษก็ดูเหมือนจะมีดอกไม้เบ่งบานออกมา!
ขนาดหัวิที่กำลังทำงานอย่างมีสมาธิก็ยังวางพู่กันและจ้องการกระทำของฉินเฟิง