ไก่ตกน้ำแค่นั้นไม่พอกินอยู่แล้ว ดังนั้นเซวียเสี่ยวหรั่นจึงหั่นเนื้องูออกมาครึ่งท่อนใส่ลงไปย่างด้วย
"กินแต่เนื้อย่างทุกวันไม่ดี ทำให้ร้อนในไม่ว่า เนื้อย่างส่วนที่ไหม้เกรียมอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ง่าย ทางที่ดีนะ... หาของพวกหม้อหินหรือกระบอกไม้ไผ่มาต้มกินจะดีกว่า อ้อ แล้วก็ต้มน้ำดื่มด้วย รวมถึง... สระ... ผม... อาบ... น้ำ"
เสียงในตอนท้ายกดต่ำจนเบาหวิว เซวียเสี่ยวหรั่นลูบผมแต่ละเส้นที่เริ่มเปลี่ยนไป รู้สึกว่าได้กลิ่นน้ำมันจากผมของตนเองแล้ว
ตอนนี้เธออยากจะอาบน้ำสระผมจะแย่ แต่ก็เกรงว่าจะดูเป็การฟุ่มเฟือยเกินไป หากไม่เพราะกลัวหนาว ป่านนี้คงวิ่งไปอาบที่ริมแม่น้ำแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ ถึงเธอจะเ้าเนื้อสักหน่อย แต่ก็กลัวหนาวเป็ที่สุด
อุณหภูมิ่กลางวันของที่นี่น่าจะสักสิบเจ็ดสิบแปดองศา แต่น้ำในแม่น้ำอุณหภูมิต่ำมาก เธอไม่ขวัญกล้าพอที่จะะโลงไปอาบ
บางทีเธอควรพิจารณาทำหม้อสำหรับตุ๋นน้ำแกงหรือต้มน้ำร้อนสักใบ
เซวียเสี่ยวหรั่นใช้กิ่งไม้สองกิ่งพลิกเนื้อ พลางใคร่ครวญถึงความเป็ไปได้ที่จะทำหม้อดินสำเร็จ
น่าจะไม่ยาก จำได้ว่าเธอเคยเห็นในโต้วอิน ผู้ชายสองคนทำราวกับเป็ของเล่น แค่ขุดดินเหนียวจากริมแม่น้ำเอามานวดให้เป็ก้อน หลังจากนั้นก็ปั้นขึ้นรูปเป็ตัวหม้อกับฝาหม้อ ขั้นตอนสุดท้ายก็เอาพวกมันขึ้นเผาบนกองไฟ แค่นี้ก็สำเร็จแล้ว
เพื่อพิสูจน์ว่าเผาหม้อดินสำเร็จจริง ชายสองคนนั้นยังไปจับปลาที่แม่น้ำมาต้มเป็น้ำแกงอีกด้วย
เซวียเสี่ยวหรั่นคิดว่าถ้าไม่ต้องใช้เตาเผา เธอก็น่าจะทำได้เหมือนกัน
อีกอย่างเธอไม่ได้้าเผาให้ดูสวยงาม แค่ใช้ต้มน้ำตุ๋นน้ำแกงได้ก็พอ
ยิ่งคิดดวงตาก็ยิ่งเป็ประกาย ถูกต้อง ทำหม้อออกมาสักใบก่อนค่อยว่ากัน
ไม่นึกเลยว่าการดูรายการอะไรไปเรื่อยเปื่อยยามว่าง พอถึงเวลาจะเอามาใช้ประโยชน์ได้จริง
"ฉันตัดสินใจแล้ว อีกประเดี๋ยวจะทำหม้อดินก่อน กินเนื้อย่างทุกวันแบบนี้ไม่ไหว หากเกิดร้อนในขึ้นมาจะหายาแก้ร้อนในจากที่ไหน"
เซวียเสี่ยวหรั่นเคาะกิ่งไม้ในมือกับแผ่นหินข้างกองไฟ
เพิ่งบอกว่าจะทำประตูก่อนไม่ใช่หรือ ผ่านไปครู่เดียวก็เปลี่ยนความคิดแล้ว ทำหม้อ? นางทำเตาเผาเป็ด้วยหรือ?
ดูท่าแม่นางผู้นี้จะมีความรู้เื่ราวต่างๆ อยู่ไม่น้อย เหลียนเซวียนคอยเติมฟืนในกองไฟอยู่เงียบๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นตัดใบเผือกป่าออกมาใบหนึ่ง ก่อนเอาเนื้อที่ย่างสุกแล้ววางข้างบน "ให้ท่าน ร้อนนะ ค่อยๆ กิน"
เธอเอื้อมไปดึงมือของเขามาแล้ววางใบเผือกป่าห่อเนื้อบนฝ่ามือใหญ่
หลังจากนั้นก็คีบกึ๋นไก่ที่ย่างสุกแล้วชิ้นหนึ่งเข้าปาก "ว้าย ร้อนๆๆ"
เธออ้าปากพ่นลมบ่นว่าร้อน แต่กลับยังเคี้ยวต่อไป "อื้มๆ พอใส่ฮวาเจียวแล้วค่อยมีรสชาติขึ้นมาหน่อย"
เหลียนเซวียนรั้งมือกลับไปเงียบๆ เหตุใดแม่นางผู้นี้ถึงไม่ระวังเื่ชายหญิงเอาเสียเลย
การกระทำใกล้ชิดสนิทสนมยิ่งกว่านี้ใช่ว่านางไม่เคยทำ แต่นั่นเป็สถานการณ์พิเศษ
ทว่าตอนนี้...
"แค่ก" เหลียนเซวียนไอออกมาคำหนึ่งอย่างไม่อาจห้าม
"นี่ เหลียนเซวียน เนื้อยังร้อนอยู่ อย่าใจร้อน ระวังลวกปาก" เซวียเสี่ยวหรั่นยังมีเนื้อร้อนๆ อมอยู่เต็มปาก ถ้อยคำจึงไม่ชัดเจนนัก
ใครใจร้อน?
ใครถูกลวกปาก?
เหลียนเซวียนกลอกตาโดยมิได้ชำเลืองมองนางแม้แต่ปราดเดียว
แน่นอนว่าท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ส่งเนื้อห่อใบไม้ชิ้นนั้นเข้าปากอย่างช้าๆ แล้วกินเข้าไป
ที่แน่ๆ เนื้อคลุกเคล้าฮวาเจียวย่อมให้ความรู้สึกชาลิ้นอยู่บ้าง โชคดีที่ไม่เผ็ด จึงพอฝืนกินได้
แต่ไม่รู้ว่านี่เป็เนื้ออะไร บางชิ้นก็นุ่ม บางชิ้นก็ทะแม่งๆ บ้างก็มีกลิ่นคาว
เหลียนเซวียนคิ้วขมวดแต่ก็กินเนื้อจนหมด
ทางด้านเซวียเสี่ยวหรั่นคีบเนื้องูย่างสุกแล้วใส่ใบไม้ให้เขาอีกชิ้น
"ท่านผอมขนาดนี้ต้องกินเยอะหน่อย ตับไก่บำรุงเื หัวใจไก่ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ท่านกินน่ะดีแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มอย่างมีเลศนัย เธอเลือกส่วนที่ไม่ชอบให้เขาหมด ส่วนกึ๋นกับไส้ก็เก็บไว้กินเอง
"นี่ยังมีไก่หลงลืม [1] เล็กๆ อีกชิ้น แต่ไม่ให้ท่านกินหรอก คนแก่บอกว่าเด็กเล็กไม่ควรกิน มิเช่นนั้นความจำจะไม่ดี ดังนั้นจึงต้องเก็บไก่หลงลืมไว้ให้ผู้สูงอายุในบ้าน ตอนเด็กๆ ข้าไม่กล้ากินเลย เดิมทีก็ไม่ฉลาดอยู่แล้ว หากขี้หลงขี้ลืมอีกอย่าง ได้เปลี่ยนเป็คนโง่พอดี ฮ่าๆ "
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มเศร้า เพื่อป้องกันไม่ให้เธอขโมยกิน คุณย่ามักจะกินไก่หลงลืมไปก่อนเสมอ สิ่งละอันพันละน้อยเหล่านี้คือความรักและความห่วงใยที่คนแก่มีต่อลูกหลาน
เหลียนเซวียนได้ยินแล้วก็หน้าง้ำขึ้นสามส่วน
เนื้อรสชาติพิลึกพิลั่นก็คือตับกับหัวใจไก่? เขาไม่กินของสกปรกจำพวกเครื่องในสัตว์มาแต่ไหนแต่ไร
แม้ว่าตอนนี้จะเป็สถานการณ์พิเศษ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องกินเครื่องในสกปรกเหล่านี้กระมัง
ริมฝีปากของเหลียนเซวียนเผยแววขมขื่นอยู่บ้าง มือที่ถือใบเผือกป่าไม่ขยับอยู่เป็เวลานาน
กินเนื้อเสร็จ บนแผ่นหินมีน้ำมันฉาบอยู่ เซวียเสี่ยวหรั่นเอากระเทียมป่ากับเห็ดใส่ลงไป ใช้น้ำมันที่เหลือผัดเห็ดกับกระเทียมจนสุก
"เอ้านี่ ผัดผักเปล่าๆ ก็เด็ดไม่แพ้เนื้อย่าง เพียงแต่ไม่มีเกลือ รสชาติอาจจืดหน่อย"
เซวียเสี่ยวหรั่นเอื้อมมือคีบเห็ดผัดกระเทียมใส่ในห่อใบไม้ให้เหลียนเซวียน
"เหลียนเซวียน ท่านรีบกินหน่อยสิ เนื้องูเย็นหมดแล้ว" พอเห็นเขาไม่ขยับอยู่นาน เซวียเสี่ยวหรั่นก็เร่งเร้า "ชุดหลังนี้เป็กระเทียมป่ากับเห็ดปลวกน้ำ อร่อยดีนะ รีบกินเถอะ ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ท่านช่วยดูไฟด้วยล่ะ"
การเผาหม้อดินจำเป็ต้องใช้ไฟ ไฟมอดก็ต้องก่อใหม่ เซวียเสี่ยวหรั่นกำชับประโยคหนึ่งก่อนลุกขึ้น
มือหนึ่งหยิบมีด อีกมือถือท่อนไม้ สะพายเป้สกปรกขึ้นหลังเดินออกจากถ้ำ
เธอจำได้ว่าตอนที่เข้าไปไล่งูเหลือมั์ตัวนั้น ดินเหนียวข้างคูน้ำสีค่อนข้างแดง
มีกลอนประโยคหนึ่งกล่าวไว้ชัดเจนว่า "แพเขียวเหนือข้าวหมักสุราใหม่ ตั้งหม้อไฟดินแดงน้อยคอยขึ้นอุ่น"
เมื่อดินแดงทำเป็หม้ออุ่นสุราได้ ย่อมสามารถนำมาทำหม้อต้มน้ำขนาดย่อมได้เหมือนกัน
ช่างที่ท้องฟ้ายังสว่าง เธอต้องรีบขุดดินแดงกลับไป หากมืดแล้วเธอก็ไม่กล้าออกมาข้างนอกเหมือนกัน
ขณะที่วิ่งมาถึงข้างคูน้ำ ก็เห็นดินเหนียวที่มีสีแดงเจืออยู่ พิสูจน์ได้ว่าเธอไม่ได้ตาฝาดมองผิดไป เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มย่องเดินเข้าไป
เริ่มจากมองสำรวจซ้ายขวาอย่างละเอียด เธอยังไม่ลืม งูเหลือมตัวนั้นก็อยู่ใกล้ๆ กับคูน้ำ อย่าได้เจออริเก่าบนทางแคบเป็ดีที่สุด
หลังแน่ใจแล้วว่าปลอดภัย เธอก็หยิบท่อนไม้ขึ้นมา ใช้มีดเหลาปลายให้แหลม "โถ มีดน้อยสุดที่รัก หากไม่มีนาย ฉันก็ไม่รู้จะผ่านคืนวันไปยังไง"
เซวียเสี่ยวหรั่นพับมีดเรียบร้อยก็เก็บเข้าไปในเสื้อชั้นใน ก่อนดึงเอวกางเกงขึ้น ตกมาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน รอบเอวหลวมโพรกไปหมดแล้ว
เธอเม้มริมฝีปาก คว้าท่อนไม้ปลายแหลมปักเป็มุมทแยงลงไปบนพื้นดิน
แต่การขุดครั้งนี้ไม่ได้ออกแรงมากนักก็ขุดไปถึงโพรงใต้ดิน
เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นตระหนก ออกแรงดึงไม้อย่างแรง แต่ผลกลับทำให้หน้าดินเริ่มยุบตัวลงไป เผยให้เห็นฝูงปลวกยุ่บยั่บ
"โอ้แม่เ้า รังปลวก"
เซวียเสี่ยวหรั่นะโผึงถอยวืดไปด้านหลังราวสิบกว่าเมตร ปาดไม้ในมือกับพื้นดิน ด้วยเกรงว่าปลวกเ่าั้จะปีนตามไม้ขึ้นมา
"บ้าจริง โชคดีไปอยู่ที่ไหนหมด ขุดส่งๆ ยังเจอรังปลวกเสียได้"
ขุดไม่ได้ดินเหนียว กลับได้ปลวกมาแทนซะนี่
เซวียเสี่ยวหรั่นเบ้ปากถลึงตาไปทางรังปลวกเ่าั้ ก่อนตัดสินใจย้ายที่ ไปขุดที่อื่นต่อ
ขณะกำลังจะหันกลับ สายตาเหลือบไปเห็น้าสุดของรังปลวก มีของสิ่งหนึ่งซึ่งคุ้นตายิ่ง ดวงตาของเธอเป็ประกายสว่างวาบ แทบจะแหงนหน้าหัวเราะขึ้นฟ้าอย่างอดไม่ได้
"โชคกับเคราะห์ช่างเป็ของคู่กันจริงๆ ถึงจะขุดไปถูกรังปลวก แต่กลับได้ของดีอย่างอื่นมาแทน"
...
[1] ไก่หลงลืม คือส่วนไส้อ่อนของไก่ สมัยก่อนอาหารการกินไม่ดี เนื้อส่วนที่เคี้ยวง่ายต้องเหลือไว้ให้คนชรา จึงตั้งชื่อ ไส้อ่อนไก่ว่า ไก่หลงลืม เพื่อกันส่วนนี้ไว้ไม่ให้ถูกเด็กๆ แย่งเอาไปกิน
[2] ตัดมาจากบทกวีชื่อว่า ถามหลิวสิบเก้า ของ ไป๋จวีอี้ กวีสมัยราชวงศ์ถัง กล่าวถึงการหมักสุราข้าวกินในครอบครัวและใช้หม้อจากดินแดงอุ่นสุรา เชิญสหายมาร่วมร่ำสุราในคืนหิมะตก