โลหิตที่าแบริเวณหัวใจไหลออกมาไม่หยุดซูฉีฉียังคงรู้สึกถึงมันอยู่เล็กน้อย นางรู้สึกได้ว่าชีวิตค่อยๆ มลายหายไปรู้สึกได้ถึงความเ็ปบริเวณหัวใจ
เสียงลมหนาวยังคงดังก้องอยู่ข้างหูนางไม่อยากตาย แต่ว่านางก็ใกล้จะสิ้นลมหายใจแล้ว
ดาบของม่อเวิ่นเฉินนั้นได้แทงลึกเข้าไปในหัวใจของนางเสมือนว่ามันได้แทงผ่านทะลุหัวใจไปแล้ว นางเชี่ยวชาญวิชาการแพทย์เป็อย่างดีเพราะฉะนั้นนางรู้ดีว่าตนไม่อาจมีชีวิตรอดได้อีก
นางเกลียด นางแค้น
นางทุ่มเทมาตั้งมากมายแต่ตอบแทนคืนมาด้วยดาบของเขา
มันตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาทั้งสอง
ร่างกายของนางยังคงดิ่งลงไปด้านล่างผมยาวสลวยโบกสะบัดไปตามสายลม แต่นางกลับไม่รู้สึกถึงความเ็ปอีกแล้วนางมองไม่เห็นว่าด้านล่างนั้นลึกเพียงใดแต่นางรู้ว่าจากนี้ไปนางจะไม่ต้องผูกมัดกับสิ่งใดอีก
ท่านแม่ ฉีฉีมาหาท่านแล้ว
ท่านแม่ความจริงแล้วฉีฉีหวาดกลัวเป็อย่างมาก ฉีฉีกลัวจริงๆ ว่าจะต้องตาย...
นางหวังเหลือเกินว่าตนจะมีชีวิตอยู่ต่อ
ความเ็ปผสมกับความเคียดแค้นอัดแน่นอยู่ในใจของนางก่อนที่สติของนางจะค่อยๆ พร่าเลือน ประสาทััของนางจางหายไปเรื่อยๆจนไม่มีอีกต่อไป!
นางค่อยๆปิดตาลง จากนั้นก็ไม่รับรู้ถึงสิ่งใดบนโลกใบนี้อีก!
และในขณะที่นางกำลังหลับตาลงนั้นนางก็ยังคงไม่อาจยอมรับความเป็จริงนี้ได้กระทั่งรู้สึกได้ว่าแม้แต่จิติญญาของนางก็รู้สึกเช่นนั้น อยู่ๆนางก็ต้องมาสิ้นชีพภายใต้ดาบของคนที่นางรัก ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริงๆ
ร่างกายของนางยังคงดิ่งลงไปด้านล่าง จนไปถึงก้นเหว...
ตายแล้วเกิดใหม่หรือการยืมร่างหวนิญญาล้วนเป็เพียงตำนานที่เล่าขานกันเท่านั้น สำหรับซูฉีฉีแล้วต่อให้นางจะรู้สึกไม่อยากยอมรับความเป็จริงหรือโกรธแค้นสักเพียงใดนางก็ได้ตายไปแล้ว
ิญญานั้นอาจจะไปที่ยมโลกเพื่อเกิดใหม่หรือกลายเป็ิญญาเร่ร่อนที่เที่ยวเตร็ดเตร่อยู่บนโลกมนุษย์หรือแม้กระทั่งจะตายไปพร้อมกับิญญาดับสลายไม่อาจหวนคืน และเื่ราวของนางก็จะจากโลกนี้ไปตลอดกาลนั้นก็ไม่มีใครรู้
ทว่าตอนนี้ซูฉีฉีกลับนิ่งอึ้งไปไม่น้อยเพราะนางนั้นกำลังนั่งนิ่งๆ อยู่บนเตียง ขณะมองดูบริเวณโดยรอบอย่างนิ่งอึ้งดวงตาทั้งสองดูว่างเปล่าไร้ซึ่งจิติญญานางค้างอยู่ในท่านี้เป็เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ
นางไม่อาจเชื่อว่าตนเองยังไม่ตายแต่กลับยืมร่างหวนคืนิญญาทำให้มีชีวิตใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
อีกทั้งนางยังไม่กล้าไปดูรูปโฉมในตอนนี้ของตนหรือว่าบางทีตอนที่นางตกลงไปยังก้นเหวนั้นมียอดฝีมือมาช่วยชีวิตตนเอาไว้แต่ว่าตอนนั้นดาบได้แทงทะลุหัวใจของนาง ต่อให้เทพเซียนก็ไม่อาจช่วยนางได้อย่างแน่นอน
อีกทั้งจะมีใครมาช่วยชีวิตของนางเอาไว้กัน
ซูฉีฉีกอดไหล่ของตนเอาไว้นางรู้สึกหนาวเย็นอยู่บ้าง อีกทั้งห้องพักนี้ก็ตกแต่งอย่างหรูหราไม่น้อย
มีคนรับใช้เข้าๆ ออกๆทว่าพวกเขาก็มองข้ามการนอนนิ่งเฉยของซูฉีฉีเสมือนว่านางเป็อย่างนี้มาั้แ่แรกแล้ว
จากนั้นก็ได้ยินคนรับใช้เ่าั้กำลังซุบซิบนินทากันนางถึงจะรู้ว่าตนนั้นได้ยืมร่างหวนคืนิญญาจริงๆและเ้าของร่างกายนี้เดิมนั้นเป็หญิงปัญญาอ่อน ไร้บิดามารดา เมื่อเกิดมานั้นก็มีสติไม่ดีเช่นนี้อยู่แล้ว
อีกทั้งยังไม่เคยเอ่ยปากพูดแม้แต่ครั้งเดียว
ในเมื่อนางเกิดใหม่แล้วเช่นนั้นชาตินี้นางซูฉีฉีจะต้องงดงามสะท้านแผ่นดิน จากนั้นก็กลับไปคิดบัญชีในอดีตทั้งหมดให้จบสิ้น
“คุณหนูเล็ก...”
เมื่อเห็นสายตาเช่นนั้นของซูฉีฉีสาวใช้ก็ตัวสั่นระริกอย่างใอีกทั้งยังเกือบจะโยนถาดในมือของตนเองทิ้งไปเสียแล้ว “ผี...มีผี...อ๊าาา...”
นางะโก่อนจะรีบก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
เสียงะโนั้นทำให้ซูฉีฉีสะดุ้งขึ้นนางรีบยกมือขึ้นจับใบหน้าของตนเอง หรือว่าชาติใหม่ของนางยังคงมีใบหน้าอัปลักษณ์งั้นหรือ? ใบหน้าในอดีตนั้นต่อให้ไม่อาจทำให้ผู้คนต้องลุ่มหลงได้แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะมีคนะโเรียกนางว่าผี
และเพราะว่ารูปโฉมที่ไม่งามสะดุดตาของนางนั้นทำให้กลายเป็ที่ขบขันนินทาของผู้คนทั่วหล้าถึงได้กลายเป็เพียงหุ่นเชิดของม่อเวิ่นเฉิน และได้ถูกทอดทิ้งอยู่เรื่อยไปซ้ำยังถูกหลอกใช้ไม่รู้จบนางในตอนนี้กลับนึกเป็กังวลต่อรูปโฉมของตนเองขึ้นมา
“หุบปาก วางชามโจ๊กเอาไว้แล้วไสหัวออกไป” ซูฉีฉีลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่งและจ้องไปทางสาวใช้ที่ก้าวถอยหลังเมื่อครู่
จากนั้นนางก็เดินไปที่โต๊ะและส่องกระจกที่อยู่บนนั้น
นางไม่มีนิสัยชอบหลอกตัวเองเพราะฉะนั้นนางจะต้องดูใบหน้าในยามนี้ของตนให้ดีๆ...
เมื่อเห็นใบหน้าที่แปลกใหม่ของตนนั้นซูฉีฉีก็นิ่งอึ้งไป ร่างที่ิญญาของนางยึดมากลับดูงามสะท้านแผ่นดินผิวพรรณขาวเนียนอมชมพู ผ่องใสราวกับหยกเนื้อดีคิ้วเรียวบางประกอบกับดวงตาเรียวหวาน ริมฝีปากเล็กๆ เป็สีแดงอมชมพูดูอ่อนหวานเรียบร้อยประกอบกับผมยาวนุ่มสลวยที่ทิ้งตัวลงมาอยู่ข้างแก้มทั้งสองของนางยิ่งเพิ่มเสน่ห์อันน่าเย้ายวนให้เด่นชัดมากขึ้นถ้าหากมองข้ามดวงตาที่เยือกเย็นของนางแล้ว สามารถเรียกได้ว่างดงามไร้ที่ติอย่างแน่นอน
ทำให้ซูฉีฉีอดไม่ได้ที่จะมองดูอย่างตกตะลึง
ถ้าหากว่านางเคยมีรูปโฉมที่งดงามเช่นนี้ไหนเลยจะจบชีวิตลงเช่นนั้น
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของนางก็รู้สึกเ็ปขึ้นมาเบาๆ
ความเยือกเย็นในดวงตาของนางก็เด่นชัดมากขึ้น
ดูเหมือนว่าสาวใช้นั้นจะหวาดกลัวไม่น้อยคุณหนูเล็กที่สติไม่ดีของนางนั้นกลับสามารถพูดจาได้อย่างกะทันหัน อีกทั้งดวงตาที่มักจะเหม่อลอยนั้นก็ปรากฏประกายอันเยือกเย็นที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าจะเข้าใกล้
นี่มันประหลาดเกินไปแล้ว
เดิมแพทย์หลวงได้ตรวจอาการของคุณหนูเล็กและบอกว่านางมีชีวิตได้ไม่เกินวันนี้แล้วนางเองก็ได้รับคำสั่งมาให้ดูว่าหญิงปัญญาอ่อนผู้นี้ว่าเป็อย่างไรบ้างคิดไม่ถึงว่า...
เป็ผี จะต้องเป็ผีอย่างแน่นอน
ซูฉีฉีมองสาวใช้ที่จ้องตนเองพลางก้าวถอยหลังนั้นนางก็สบถเสียงเย็นออกมา คนรับใช้เช่นนี้กลับกล้ากลั่นแกล้งผู้เป็นายในเมื่อนางซูฉีฉีได้เกิดใหม่ในร่างกายนี้แล้ว จะต้องทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปให้ได้
เพราะว่าเสียงร้องะโของสาวใช้ดังจนรบกวนคนอื่นๆที่อยู่ในเรือน
ฮูหยินเฒ่าที่ศีรษะเต็มไปด้วยผมสีขาวนั้นก็ค่อยๆเดินโยกเยกเข้ามาในห้องก่อนจะมองไปทางซูฉีฉีที่นั่งอยู่หน้ากระจกสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความปวดใจ ดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความห่วงใย “ซู่ซู่ เ้าฟื้นแล้วหรือ? ในที่สุดเ้าก็ฟื้นแล้ว?”
เบ้าตาของนางมีน้ำตาเอ่อคลอออกมานางเดินไปด้านหน้าพลางยกมือขึ้นกอดไหล่ของซูฉีฉีมือทั้งสองของนางนั้นกำลังสั่นอยู่เล็กน้อย กระทั่งเสียงที่เอ่ยออกมานั้นก็สั่นอยู่เช่นกัน
ด้านหลังของฮูหยินเฒ่าก็มีคนเดินติดตามมาด้วยกว่าสิบคนล้วนมีครบไม่ว่าจะเป็บุรุษสตรีผู้ใหญ่เด็กเล็ก
“ฮูหยินเฒ่า ท่านอย่าตื่นเต้นจนเกินไปคุณหนูเล็กฟื้นแล้วจริงๆ อีกทั้งนางยังพูดได้ด้วย...” สาวใช้เมื่อครู่นั้นได้กลับมาสงบนิ่งดังเดิม ตอนนี้สิ่งเดียวที่จะอธิบายภาพเบื้องหน้านั้นได้ก็คือคุณหนูเล็กของจวนพวกเขาได้ฟื้นขึ้นแล้วนางหลับใหลไปถึงสิบห้าปี ในที่สุดวันนี้ก็ฟื้นขึ้นแล้ว
“ใช่แล้ว ท่านยาย ท่านควรจะดีใจถึงจะถูก” บุรุษที่มีอายุราวสิบแปดสิบเก้าก็เดินมาด้านหน้าพร้อมกับตบไหล่ของฮูหยินเฒ่าเบาๆท่าทางดูกตัญญูเป็อย่างมาก พลางหันไปมองทางซู่ซู่หรือก็คือซูฉีฉีในตอนนี้
“ใช่แล้ว ท่านแม่ ซู่ซู่ฟื้นขึ้นมาแล้วดวงิญญาของน้องเล็กจะได้สงบสุขเสียที...”
“ท่านแม่ สุขภาพของท่านต้องมาก่อนนะ...”
ผู้คนทั้งหลายล้วนพูดเตือนนางไม่หยุด
“ท่านยาย”ซูฉีฉีพึ่งจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้พลางเอ่ยเรียกออกมาอย่างนอบน้อมความเยือกเย็นในดวงตาของนางได้หายไปแล้ว สิ่งที่มาแทนที่มีเพียงความฉลาดซุกซนเท่านั้น
นี่คือความไร้เดียงสาที่หญิงสาววัยสิบห้าควรจะมี
นางค่อยๆ สังเกตเหล่าฮูหยินที่อยู่ในห้องเหมือนว่าพวกเขาทั้งหลายล้วนมีบารมีที่ต่างจากคนอื่นอยู่บ้าง
ทว่ากลับอธิบายออกมาไม่ถูกว่าคืออะไรผิดกับบุรุษที่ยืนอยู่ข้างพวกนางที่มีท่วงท่าดูอ่อนโยนและเรียบร้อย
นางไม่รู้ว่าตนนั้นอยู่ที่ไหน ยังอยู่ในโลกที่นางเคยมีชีวิตอยู่ก่อนหรือไม่...
คำว่าท่านยายที่นางเอ่ยขึ้นนั้นทำให้ฮูหยินเฒ่าน้ำตาไหลออกมาไม่หยุดนางกอดซูฉีฉีไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ “ซู่ซู่ของข้าในที่สุดเ้าก็ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้ว...”
ครั้งนี้นางเชื่อแล้วจริงๆว่าหลานสาวที่สติฟั่นเฟือนเป็เวลาสิบห้าปีของตนซึ่งแพทย์หลวงได้ตรวจอาการแล้วบอกว่านางจะไม่มีชีวิตรอดผ่านวันนี้ไปได้นั้นฟื้นแล้วจริงๆ
สำหรับสกุลเซียวแคว้นป่ายฮวานั้นนี่ถือเป็เื่ดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย
ภายใต้ความร่วมมือของซูฉีฉีนั้นเซียวซู่ซู่ก็ได้กอดกับฮูหยินเฒ่าแล้ว “ท่านยาย ข้าฟื้นแล้วหลังจากนี้ไป ข้าจะต้องกตัญญูตอบแทนบุญคุณท่านเป็อย่างดี”
ดูจากการแต่งตัวของคนเหล่านี้รวมถึงความแตกต่างระหว่างหญิงชายนั้นที่นี่น่าจะเป็แคว้นป่ายฮวาซึ่งเป็แคว้นที่ติดกับสำนักเหลย เป็แคว้นที่สตรีเป็ใหญ่
ในใจของนางยิ่งรู้สึกมั่นใจมากขึ้นแคว้นสตรีเป็ใหญ่อย่างนั้นก็แสดงว่าฐานะของสตรีเมื่อเกิดมานั้นก็สูงกว่าบุรุษอยู่ถึงสามส่วนแล้ว
ผมสีขาวของฮูหยินเฒ่านั้นดูเหมือนเคลือบไว้ด้วยแสงสว่างทำให้นางดูมีชีวิตชีวามากขึ้นไม่น้อย นางค่อยๆปล่อยมือออกจากเซียวซู่ซู่ก่อนจะเริ่มมองสำรวจนางขึ้นๆ ลงๆ ในดวงตานั้นมีความพึงพอใจอย่างปิดไม่มิด
นางรู้ว่าความรุ่งเรืองของสกุลเซียวนั้นได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งพวกเขามีความหวังแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้