หลังจากทดสอบประโยชน์ของพื้นที่มิติแล้ว อวิ๋นเจียวก็เอาของออกจากพื้นที่มิติจนหมด จากนั้นก็นำหนังสือที่ซื้อมาก่อนหน้านี้เก็บเข้าไปแทน แบบนี้แล้ว นางก็ไม่ต้องกังวลว่าสิ่งของที่ไม่ได้เป็ของโลกใบนี้จะถูกคนอื่นเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลังจากจัดการพื้นที่มิติเสร็จแล้ว อวิ๋นเจียวก็เริ่มท่องเว็บเถาเป่า นางคิดว่าพี่รองชอบประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ อวิ๋นเจียวจึงให้ความสนใจหนังสือประเภทนี้เป็พิเศษ
ฮิฮิ นางเจอหนังสือชุดหนึ่งชื่อ ‘ตำราหลู่ปัน’ [1] จริงๆ ด้วย อวิ๋นเจียวรีบดูคำอธิบาย ก็พบว่ามีั้แ่การประดิษฐ์กล่องเล็กๆ ของเล่นชิ้นเล็กๆ ไปจนถึงการสร้างอาคาร สร้างกำแพงเมือง เขื่อน ฯลฯ มีครบทุกอย่าง
หนังสือชุดนี้ประกอบด้วยหนังสือหนาประมาณหนึ่งนิ้ว ยี่สิบกว่าเล่ม คำอธิบายระบุชัดเจนว่าเป็ฉบับพิมพ์จากหนังสือโบราณ เพื่อเพิ่มมูลค่าในการสะสม จึงได้มีการทำให้ดูเก่าแก่โดยเฉพาะ เลียนแบบต้นฉบับจริงในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง
นี่แหละคือสิ่งที่อวิ๋นเจียว้า! ผลึกแห่งสติปัญญาของช่างฝีมือสมัยโบราณทุกยุคทุกสมัย ตำราหลู่ปันนับว่ามีค่าที่สุด หลังจากพบหนังสือเล่มนี้ ความคิดของนางก็แจ่มใสขึ้นมาทันที
ต่อไปหาก้าหาหนังสือศาสตร์เฉพาะทางต่างๆ นางสามารถหาฉบับที่เลียนแบบจากต้นฉบับโบราณได้ แบบนี้นางก็จะได้ไม่ต้องไปทำการคัดลอก! ที่สำคัญคือหนังสือหนาขนาดนั้น ต่อให้นางคัดลอกจนข้อมือหักก็คงคัดลอกไม่เสร็จหรอกนะ
หนังสือชุดนี้ราคาไม่ถูก ราคาอยู่ที่สองหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบแปดหยวน อวิ๋นเจียวดูแล้ว ประวัติการขายเป็ศูนย์ ซึ่งก็จริง ในเทียนเฉา ใครจะยอมเสียเงินสองสามหมื่นหยวนเพื่อซื้อหนังสือเลียนของแบบโบราณกัน? หากเพิ่มเงินอีกหน่อย ก็สามารถซื้อหนังสือโบราณของจริงได้แล้ว
อวิ๋นเจียวที่ไม่ขาดแคลนเงินจึงจ่ายเงินไปทันที พอนางจ่ายเงินไป สัญลักษณ์อาลีวั่งวั่ง [2] ก็ปรากฏขึ้น นั่นคือเ้าของร้าน
“ลูกค้าที่รัก ขอบคุณที่อุดหนุน ในที่สุดก็เจอคนที่รู้จักของดีแล้ว ทางร้านซาบซึ้งใจเป็อย่างยิ่ง ตัดสินใจแถมสมบัติทั้งสี่แห่งห้องหนังสือ [3] ให้ท่านหนึ่งชุด!”
“ขอบคุณเ้าของร้านมากค่ะ!”
“ลูกค้าที่รัก ร้านของเราจำหน่ายหนังสือเลียนแบบโบราณทุกประเภท ยินดีต้อนรับลูกค้ามาเยี่ยมชมบ่อยๆ!”
“ได้เลยเ้าของร้าน!”
“ลูกค้าที่รัก ร้านของเรายังสามารถสั่งให้คัดลอกหนังสือตามความ้าของลูกค้าได้ สามารถเลือกแบบอักษรและกระดาษได้ตาม้าด้วยนะ!”
“เข้าใจแล้วเ้าของร้าน!”
อะไรกันเนี่ย? สามารถสั่งคัดลอกหนังสือตามความ้าได้ด้วย? ทันใดนั้นดวงตาของอวิ๋นเจียวก็เป็ประกาย ถ้าอย่างนั้นนางสามารถขอให้เ้าของร้านคัดลอกหนังสือสมัยใหม่ด้วยลายมือ แล้วทำเป็หนังสือโบราณได้น่ะสิ?
เมื่อนึกถึงอวิ๋นฉี่เยว่ที่กำลังจะสอบเป็บัณฑิตซิ่วไฉ นางจึงเอ่ยถามขึ้นมา “มีแบบทดสอบและเฉลยข้อสอบบัณฑิตซิ่วไฉในยุคต่างๆ บ้างไหม?”
“มีสิ! มีอยู่ชุดเดียวเท่านั้น แต่เป็ชุดที่ทางเราคัดลอกไว้เล่นๆ ตอนฝึกเขียนพู่กัน! หากคุณลูกค้า้า ทางเราจะทำการคัดลอกชุดใหม่ให้คุณลูกค้า”
อวิ๋นเจียวดีใจมาก รีบตอบว่า “ไม่ต้องคัดลอกให้ใหม่แล้ว เอาชุดที่ฝึกเขียนพู่กันนั่นแหละ”
“ลูกค้าช่างตรงไปตรงมาจริงๆ ของชิ้นนั้นมีตำหนิเป็รอยหมึก ไม่สามารถนำมาขายได้ หากคุณลูกค้า้า ทางเราจะแถมให้คุณลูกค้า ถือเป็ของขวัญแล้วกัน!”
“ขอบคุณเ้าของร้าน!” ครั้งนี้อวิ๋นเจียวกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ!
เ้าของร้าน “ไม่เป็ไร ต่อไปลูกค้าก็อุดหนุนบ่อยๆ ก็พอ! หากในร้านของเราไม่มีสิ่งที่คุณลูกค้า้า สามารถบอกได้เลย ทางเราจะพยายามหามาให้คุณลูกค้าที่รักให้ได้แน่นอน!”
อวิ๋นเจียว “ได้เลย งั้นก็ไม่เกรงใจแล้วนะ!” หลังจากปิดหน้าต่างแชทอาลีวั่งวั่ง อวิ๋นเจียวก็กดยืนยันการรับสินค้าทันที
มีพัสดุหนึ่งกล่อง ตกลงมาตรงหน้านางทันที อวิ๋นเจียวแกะพัสดุ โยนขยะจากบรรจุภัณฑ์ลงในระบบรีไซเคิลของเถาเป่า จากนั้นก็หยิบหนังสือพวกนั้นขึ้นมาพลิกดูทีละเล่ม
แม้ว่านางจะไม่ได้ขยับตัว แต่เมื่ออ่านไปเพียงไม่กี่คำ นางก็รู้ว่าตัวเองได้ของล้ำค่ามาแล้ว เป็มืออาชีพมาก แถมยังมีภาพประกอบด้วย! ดูแล้วไม่มีกลิ่นอายของสมัยใหม่เลยสักนิด
จากนั้นนางก็เปิดหนังสือ ‘รวมข้อสอบและเฉลยข้อสอบเค่อจวี่ในยุคต่างๆ’ ที่แถมมา มีสามเล่ม ดูแล้วหนาไม่น้อย พอเปิดออกมากลิ่นหมึกก็ลอยมาแตะจมูก ตัวอักษรเรียบร้อยเป็อย่างมาก เพียงแต่บางจุดมีรอยหมึกและรอยแก้ไข
ไม่แปลกใจเลยที่เ้าของร้านไม่คิดเงินนาง ส่วนเื่ที่ว่ามีประโยชน์หรือไม่ นางก็ไม่รู้ นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจฉีกปกหนังสือทั้งสามเล่มออก ด้วยบุคลิกที่แสนอัจฉริยะเกินคนของพี่ใหญ่ เพียงแค่มองเห็นคำว่า ‘ยุคต่างๆ’ เขาก็คงมองเห็นเบื้องลึกได้ในทันที
อวิ๋นเจียวเก็บของเรียบร้อย เตรียมที่จะมอบหนังสือให้พี่ชายทั้งสองคนเมื่อพวกเขากลับมา ส่วนเื่ข้ออ้างน่ะหรือ นางยังคิดไม่ออกก็มีแขกมาเยือนที่บ้านเสียก่อน
เป็อวิ๋นเหนียง แต่นางพาอาจารย์เฒ่าอีกสี่ท่านมาด้วย อาจารย์สี่ท่านนี้ สองท่านสวมชุดยาวสีเขียว ส่วนอีกสองท่านแม้จะสวมชุดผ้าฝ้ายธรรมดา แต่บุคลิกดูสง่างามกว่าช่างฝีมือทั่วไปมาก
หลังจากที่อวิ๋นเหนียงแนะนำ อวิ๋นเจียวจึงได้รู้ว่าชายสองคนที่สวมชุดยาวสีเขียวนั้น เป็ขุนนางที่เกษียณอายุราชการจากกรมโยธา เมื่อก่อนขุนนางทั้งสองท่านนี้เคยมีส่วนร่วมในการออกแบบอุทยานดอกไม้ถวายไทเฮาในงานเฉลิมพระชนมพรรษาด้วย
ส่วนอาจารย์ทั้งสองท่านที่สวมชุดผ้าฝ้ายธรรมดานั้น ก็เป็ช่างฝีมือาุโที่เกษียณอายุราชการจากกรมโยธาเช่นกัน ฝีมือย่อมไม่ต้องพูดถึง!
อวิ๋นโส่วจงดีใจมาก หลังจากที่รินน้ำชาต้อนรับแล้ว ภายใต้คำร้องขอของอาจารย์ทั้งสี่ท่าน เขาก็พาบรรดาอาจารย์ไปดูพื้นที่ที่เตรียมไว้สร้างบ้าน
ส่วนอวิ๋นเหนียงยังคงอยู่ที่บ้าน ฟางซื่อกับอวิ๋นเจียวเป็คนต้อนรับ ชาวบ้านธรรมดาสร้างบ้าน แต่พวกเขาถึงกับเชิญขุนนางและช่างฝีมือที่เกษียณอายุราชการจากกรมโยธามา
ไม่ว่าจะเป็ฟางซื่อหรืออวิ๋นเจียว ต่างก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เพราะเกียรติของพ่อค้าธรรมดาๆ แน่นอน เื่นี้ย่อมเกี่ยวข้องกับเกียรติของฉู่อี้ ผู้เป็เ้าของร้านฝูหรงเซวียนเป็แน่ ฐานะของฉู่อี้ผู้นี้ ช่างไม่ธรรมดาเสียจริง!
อย่างไรก็ตาม เมื่ออีกฝ่ายแสดงน้ำใจมาเช่นนี้ ต่อให้บ้านของพวกนางไม่รับไว้ ก็ยังถือว่าติดค้างน้ำใจเขาอยู่ สู้รับไว้ แล้วหาทางตอบแทนในภายหลังจะดีกว่า
แม้ว่าพวกเขาจะเคยช่วยชีวิตฉู่อี้ แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบเอาบุญคุณมาข่มเหงผู้อื่น หลังจากพูดคุยกันสักพัก อวิ๋นเหนียงก็เริ่มบ่น
“เครื่องประทินผิวที่ท่านมอบให้มีน้อยเกินไป สบู่ผลึกแก้วก็มีน้อยเกินไปเช่นกัน ทางร้านเรายังไม่ทันได้วางขายเลย แค่เอาไปมอบเป็ของขวัญก็ไม่พอแล้ว”
เครื่องประทินผิวสิบห้าขวด นอกจากสิบขวดที่ส่งไปเมืองหลวงก่อนหน้านี้แล้ว อวิ๋นเหนียงนำอีกห้าขวดที่เหลือมาแบ่งใส่ขวดหยกเขียวขนาดเล็กพิเศษ ได้ทั้งหมดห้าสิบขวด นำไปมอบให้กับฮูหยินของขุนนางผู้มีอำนาจในเมือง ก็หมดเกลี้ยงแล้ว ส่วนสบู่ผลึกแก้วนั้น ส่งไปเมืองหลวงทั้งหมดตามคำสั่งของฉู่อี้
ฟางซื่อทำหน้าลำบากใจ เอ่ยขึ้นว่า “ตามจริงแล้ว หลงจู๊ซุนช่วยเหลือพวกเรามากเช่นนี้ ข้าก็น่าจะมอบเครื่องประทินผิวให้ท่านนำกลับไปบ้าง แต่ตอนนี้ที่บ้านไม่มีแล้วจริงๆ”
อวิ๋นเหนียงอยากจะพูดว่า ขายสูตรให้ข้าเถิด ข้ามีโรงผลิต มีคนงาน!
แต่ตอนนี้คนเขายังไม่ตอบตกลงขายสูตรสบู่ผลึกแก้วให้นางเลย อวิ๋นเจียวก็รีบพูดขึ้นมาก่อน “ท่านแม่ ที่ห้องของข้ายังมีเครื่องประทินผิวที่พวกเราเก็บไว้ใช้เองอยู่บ้าง หากหลงจู๊ซุนรีบร้อน ก็สามารถนำกลับไปได้ก่อน เพียงแต่เครื่องประทินผิวพวกนั้นคุณภาพดีกว่า เื่ราคาไม่ทราบว่าหลงจู๊ซุนจะรับได้หรือไม่เ้าคะ?”
เื่หนึ่งก็คือเื่หนึ่ง แม้ว่าอวิ๋นเจียวจะยอมมอบเครื่องประทินผิวเพื่อตอบแทนน้ำใจ แต่เงินที่ควรได้นางก็ต้องเก็บ ครั้งนี้นางตั้งใจจะนำครีมแบรนด์ดังมาให้อวิ๋นเหนียง แบบนี้แล้วนางก็จะได้กำไรมากขึ้น และอวิ๋นเหนียงก็จะได้กำไรไม่น้อยเช่นกัน
น้ำใจตอบแทนเพียงไม่กี่นาทีก็หมดไปแล้ว ฟางซื่อรู้ดีว่าอวิ๋นเจียวหมายถึงอะไร เมื่อบุตรสาวพูดเช่นนี้ นางผู้เป็มารดาก็ไม่ขัดขวาง “เช่นนั้นก็ได้ พวกเราก็ยังไม่ต้องใช้ เอาของให้หลงจู๊ซุนไปก่อนเถิด”
ทันทีที่ฟางซื่อพูดจบ อวิ๋นเหนียงก็รีบพูดว่า “ตราบใดที่ของดี ราคาไม่ใช่ปัญหา!” มีข่าวมาจากเมืองหลวงว่า ฮองเฮาและกุ้ยเฟยต่างก็ร้อนรนใจ...
อวิ๋นเจียวไม่รู้เลยว่าเครื่องประทินผิวเพียงขวดเดียว จะก่อให้เกิดการแย่งชิงอำนาจในวังหลัง นางยังมีของอีกมากมายที่ยังไม่ได้นำออกมาขาย หากนางนำแชมพู ครีมอาบน้ำ ชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวออกมาขาย... จะเป็เช่นไรกัน?
โชคดีที่อวิ๋นเจียวไม่รู้เื่พวกนี้ และอวิ๋นเหนียงก็ไม่มีทางบอกเื่พวกนี้แก่นาง อวิ๋นเจียวจึงไม่ต้องแบกรับภาระทางจิตใจใดๆ เพียงแค่มอบของให้อวิ๋นเหนียงอย่างสบายใจก็พอ
เพื่อที่จะนำของมาให้อวิ๋นเหนียง อวิ๋นเจียวจึงขอตัวไปก่อน นางกลับไปที่ห้องของตนเอง ปิดประตู จากนั้นก็เข้าไปในเถาเป่าเพื่อซื้อของสามอย่าง ครั้งนี้นางเลือกของจากห้าแบรนด์ดังระดับโลก ที่มีราคาสูงและปริมาณน้อย
เซรั่มสองขวด โทนเนอร์สามขวด ครีมบำรุงผิวสามขวด ก่อนหน้านี้อวิ๋นเจียวซื้อขวดกระเบื้องเคลือบจากในอำเภอกลับมาไม่น้อย หลังจากที่ซื้อของจากเถาเป่ามาแล้ว นางก็หาขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กที่สุดสี่ขวดมาแบ่งบรรจุใส่เซรั่ม
จากนั้นก็หาขวดกระเบื้องเคลือบขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยอีกสิบสองขวด มาใส่โทนเนอร์และครีมบำรุงผิว ขวดที่มีสีเข้มกว่าเล็กน้อยคือโทนเนอร์ ส่วนขวดที่มีสีอ่อนกว่าเล็กน้อยคือครีมบำรุงผิว หลังจากนั้นก็นำของทั้งหมดวางบนถาด แล้วเรียกชุนเหมยให้มานำออกไป
ชุนเหมยยกถาดไปที่ห้องโถง วางไว้บนโต๊ะ พอเห็นว่ามีเพียงไม่กี่ขวด และขนาดก็เล็กกว่าขวดก่อนหน้านี้มาก อวิ๋นเหนียงก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที
ไม่ต่างจากการเอาน้ำมาดับไฟเลย ไม่พอใช้แม้แต่น้อย แต่เพราะนางเป็คนมากประสบการณ์ รอยยิ้มบนใบหน้าจึงไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเห็นว่าบนถาดมีขวดกระเบื้องเคลือบสามแบบ อวิ๋นเหนียงจึงเอ่ยถาม “หรือว่าคราวนี้ของแตกต่างจากครั้งก่อนหรือ?”
อวิ๋นเจียวยิ้มรับพลางพยักหน้า นางไม่ได้เป็เด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบจริงๆ จะต้องรู้ว่าร่างเดิมของนางเคยทำงานในสำนักงานที่มีผู้หญิงค่อนข้างเยอะ จึงต้องเจอกับเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงอยู่ทุกวัน นางฝึกฝนการสังเกตสีหน้าท่าทางของผู้คนจนเชี่ยวชาญ
ความผิดหวังที่แวบผ่านในดวงตาของอวิ๋นเหนียง ไม่อาจรอดพ้นสายตาของนางไปได้ นางยิ้มอย่างใจเย็น แล้วส่งสัญญาณให้อวิ๋นเหนียงยื่นมือออกมา
อวิ๋นเจียวเปิดโทนเนอร์หนึ่งขวดก่อน หยดลงบนหลังมือของอวิ๋นเหนียงหนึ่งหยด จากนั้นก็ใช้นิ้วนวดวนเป็วงกลม และตบเบาๆ เพียงครู่เดียวโทนเนอร์ก็ซึมซาบเข้าสู่ผิวของอวิ๋นเหนียง
ดวงตาของอวิ๋นเหนียงเป็ประกาย นี่มันอะไรกัน? ทำไมถึงซึมซาบเร็วขนาดนี้! ยิ่งไปกว่านั้น ตอนเช้านางทาเครื่องประทินผิวที่มือมาแล้ว แต่ตรงจุดที่อวิ๋นเจียวลองทาให้เมื่อครู่ กลับดูเนียนนุ่มกว่าส่วนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด!
แต่นั่นยังไม่จบ อวิ๋นเจียวเปิดขวดกระเบื้องเคลือบอีกขวด หยดครีมบำรุงผิวลงบนหลังมือของอวิ๋นเหนียงหนึ่งหยด จากนั้นก็นวดวนเป็วงกลมและตบเบาๆ เช่นเคย
อวิ๋นเหนียงกลั้นหายใจ ดูเหมือนว่าหลังจากอวิ๋นเจียวทำเช่นนี้ ผิวบนหลังมือของนางจะเนียนนุ่มและขาวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
หัวใจของนางเกือบหยุดเต้นไปครึ่งจังหวะ! ช่างเป็ของดีจริงๆ! นางรู้สึกได้ทันทีว่าของสิ่งนี้ หากนำไปให้ซื่อจื่อของนางย่อมมีประโยชน์มหาศาล!!
จากนั้นอวิ๋นเจียวก็หยดเซรั่มลงบนข้อมือของอวิ๋นเหนียง โดยเว้นจุดที่ทาโทนเนอร์และครีมไปก่อนหน้านี้ ความรู้สึกแรกที่เซรั่มัักับข้อมือของอวิ๋นเหนียงก็คือความมัน
แต่หลังจากที่อวิ๋นเจียวนวดวนด้วยปลายนิ้วสองสามรอบ และยังไม่ทันได้ตบเบาๆ เซรั่มก็ซึมซาบเข้าสู่ผิวของนางจนหมด และไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะเลยแม้แต่น้อย!
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากทาไปแล้ว ผิวของนางก็ดูเนียนนุ่มขึ้นทันที! เหมือนกับ... เหมือนกับผิวของทารก เนียนนุ่มจนแทบจะคั้นน้ำออกมาได้
อวิ๋นเหนียงอดใจไม่ไหว มือของนางสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น อวิ๋นเจียวแอบยิ้มในใจ คราวนี้นางลงทุนไปมากจริงๆ
เซรั่มสองขวด ราคาเกือบสามพันหยวน ครีมบำรุงผิวสามขวดและโทนเนอร์สามขวด ราคารวมกันกว่าห้าพันหยวน! แพงกว่าครีมบำรุงผิวแบรนด์ดังที่ผลิตในประเทศที่นางซื้อมาก่อนหน้านี้หลายเท่า!
ปฏิกิริยาของอวิ๋นเหนียงเป็ไปตามที่อวิ๋นเจียวคาดการณ์ไว้ นางไม่รอให้อวิ๋นเหนียงเอ่ยปาก ก็รีบชี้ไปที่ของบนถาดแล้วแนะนำ “น้ำตบหกขวดและเครื่องประทินผิวชั้นเลิศหกขวดนี้ หลังจากล้างหน้าทุกวันแล้ว ให้ทาน้ำตบก่อน รอจนซึมซาบแล้วจึงค่อยทาเครื่องประทินผิวชั้นเลิศ ส่วนเครื่องประทินผิวสูตรเข้มข้นสองขวดนี้ สามารถทาหลังจากที่ทาน้ำตบและเครื่องประทินผิวชั้นเลิศแล้วเ้าค่ะ”
“ของพวกนี้หายากมาก เดิมทีพวกเราตั้งใจจะเก็บไว้ใช้เอง แต่หลงจู๊ซุนช่วยเหลือครอบครัวของพวกเรามากเช่นนี้ พวกเราก็ไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน จึงขอมอบของพวกนี้ให้ท่าน น้ำตบและเครื่องประทินผิวชั้นเลิศ ขวดละสามร้อยตำลึงเงิน ส่วนเครื่องประทินผิวสูตรเข้มข้นนี้ ขวดละหนึ่งพันตำลึงเงินเ้าค่ะ!”
ยังไงก็ขายเข้าวังอยู่แล้ว เชื่อว่าฮองเฮาและพระสนมทั้งหลายคงไม่เสียดายเงิน! ของหายากย่อมมีราคาแพง จะไม่โก่งราคาได้ยังไง! หลังจากพูดจบ อวิ๋นเจียวก็มองอวิ๋นเหนียงอย่างเงียบๆ ส่วนฟางซื่อใกับราคาที่อวิ๋นเจียวบอกออกไป
แต่นางไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า นางไม่สงสัยในของที่บุตรสาวนำออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะบุตรสาวเคยทำของพวกนี้มาหลายครั้งแล้ว นางเพียงแค่ถอนหายใจในใจว่า บุตรสาวของนางโชคดีจริงๆ ไม่คิดเลยว่าสูตรที่พ่อค้าต่างถิ่นคนนั้นมอบให้จะเป็ของล้ำค่าเช่นนี้
อวิ๋นเหนียงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย รีบตกลงทันที “ได้! ตกลงตามนี้!”
จากนั้นก็หันไปพูดกับฟางซื่อ “พี่หญิง ต่อไปหากท่านทำของดีๆ แบบนี้ออกมาอีก อย่าเก็บไว้คนเดียวนะ ต้องแบ่งให้ข้าบ้าง!”
ฟางซื่อยิ้มๆ “แน่นอนอยู่แล้ว คราวก่อนของที่ทำออกมามีน้อย คิดว่าจะเก็บไว้ใช้เอง จึงไม่ได้นำออกมาให้ท่านดู”
อวิ๋นเหนียงได้แต่บ่นในใจว่า ที่แท้แล้วเครื่องประทินผิวที่ฮองเฮาและกุ้ยเฟยทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงมาจากซูเฟย ในสายตาของคนตระกูลอวิ๋นเป็เพียงของไร้ค่า เพราะของที่พวกเขาใช้ดีกว่า!
หากคราวนี้นางไม่ได้เชิญขุนนางสองท่านที่เกษียณอายุราชการจากกรมโยธามา พวกเขาก็คงไม่ยอมนำของดีๆ ออกมา!
เมื่อมองดูของในมือ อวิ๋นเหนียงก็รู้สึกตื่นเต้น นางจินตนาการออกว่าเมื่อนำของพวกนี้ไปมอบให้คนในเมืองหลวง และมอบให้กับคนในวังหลังแล้ว จะก่อให้เกิดความปั่นป่วนมากเพียงใด
อวิ๋นเหนียงรีบสั่งให้ลูกน้องนำกล่องใส่ตั๋วเงินมา แล้วหยิบตั๋วเงินออกมาหนึ่งปึก “...ส่วนที่เกินมานั้น ถือเป็การขอบคุณพี่หญิงที่ยอมขายของดีๆ เช่นนี้ให้ข้า! ต่อไปหากพี่หญิงได้ของดีๆ มาอีก ก็ส่งคนมาบอกข้าได้เลย ราคาเท่าไรข้าก็รับหมด! ข้าไม่รบกวนพี่หญิงแล้ว ขอตัวก่อนนะเ้าคะ! ข้าทิ้งรถม้าไว้หนึ่งคัน เอาไว้ส่งอาจารย์ทั้งสี่ท่านกลับไปที่อำเภอ”
ฟางซื่อ “น้องหญิง ทานข้าวเที่ยงที่นี่ก่อนเถิด”
อวิ๋นเหนียง “ไม่แล้วพี่หญิง ที่ร้านยังมีงานอีกมาก ข้าเสียเวลามาครึ่งค่อนวันแล้ว!”
ตอนนี้ใจของนางเหมือนมีปีก อยากจะบินกลับไปที่อำเภอให้รู้แล้วรู้รอด มอบของพวกนี้ให้ซื่อจื่อโดยเร็วที่สุด เมื่อนางพูดเช่นนี้ ฟางซื่อก็ไม่รั้งไว้ จึงเดินไปส่งนางที่หน้าประตูพร้อมกับอวิ๋นเจียว
สองวันมานี้ เื่ที่อวิ๋นโส่วจงซื้อที่ดินไม่ได้ปิดบังชาวบ้าน เพราะอวิ๋นโส่วจงเชิญคนจัดการเื่ต่างๆ ทั้งปล่อยเช่าที่ดินออกไป และยังจ้างคนงาน ย่อมปิดบังคนอื่นไม่ได้
แน่นอนว่าบ้านใหญ่ตระกูลอวิ๋นก็ได้ข่าวเช่นกัน ผู้เฒ่าอวิ๋นรู้สึกอับอายเกินกว่าจะมาที่นี่ แต่อวิ๋นโส่วจู่ไม่ยอมแพ้ โดยเฉพาะวันนี้ที่นานทีเขาจะได้ตื่นแต่เช้า ทันได้เห็นรถม้าที่มุ่งหน้าไปบ้านอวิ๋นโส่วจงเป็รถม้าของร้านฝูหรงเซวียน
อวิ๋นโส่วจู่จึงรีบตามมา ซ่อนตัวอยู่ด้านนอกบ้านของอวิ๋นโส่วจง ตอนนี้พอเห็นพวกฟางซื่อส่งสตรีรูปโฉมงดงามคนหนึ่งออกมา ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
โอ้โห! นางงดงามกว่าหญิงงามอันดับหนึ่งของหอนางโลมเสียอีก แลดูสง่างามยิ่งนัก! อวิ๋นเหนียงรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่ามีคนแอบมองนาง นางหันไปมอง ก็เห็นแววตาหื่นกระหายของอวิ๋นโส่วจู่
อวิ๋นเหนียงขมวดคิ้ว สายตาที่เคยยิ้มแย้มพลันเ็าเฉียบคมราวกับใบมีด อวิ๋นโส่วจู่ถูกจ้องมองจนตัวสั่น แต่แววตากลับยิ่งหลงใหลมากขึ้น
สารถีเห็นดังนั้น ก็รีบก้าวยาวๆ เดินเข้าไป จับคอเสื้อของอวิ๋นโส่วจู่ แล้วเหวี่ยงออกไปทันที สารถีผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ได้แข็งแรงกำยำนัก ร่างกายค่อนข้างผอมบาง แม้แต่ใบหน้าก็ยังเล็กกว่าอวิ๋นโส่วจู่อยู่มาก
แต่คนรูปร่างเช่นนี้ กลับสามารถยกอวิ๋นโส่วจู่ขึ้นมาเหมือนกับจับลูกเจี๊ยบ เหวี่ยงออกไปไกลถึงห้าหมี่ อวิ๋นโส่วจู่ร้องโอดโอยด้วยความเ็ป เพราะข้อเท้าของเขาพลิก
เมื่อเห็นว่าสารถีกำลังเดินมาทางเขา เขาก็รีบทนความเ็ปที่ข้อเท้า แล้วลุกขึ้นวิ่งหนีไปที่บ้านตระกูลอวิ๋นเก่าอย่างรวดเร็ว วิ่งไปก็ร้องโอดโอยไป ดังจนได้ยินกันทั่วทั้งหมู่บ้าน
จากการถูกเหวี่ยง เขารู้สึกเหมือนอวัยวะภายในแหลกสลาย ร่างกายเ็ปไปหมด ยิ่งไปกว่านั้น ยังมียมทูตไล่ตามมาด้านหลัง เขารู้สึกว่าหากไม่รีบวิ่งหนี ชีวิตน้อยๆ คงต้องตายเป็แน่
ท่าทางน่าสมเพชของอวิ๋นโส่วจู่ ทำให้ชาวบ้านหัวเราะลั่น หลังจากที่ไล่อวิ๋นโส่วจู่ไปแล้ว สารถีก็กลับไปที่รถม้าโดยไม่พูดอะไร สีหน้าของอวิ๋นเหนียงถึงได้ดีขึ้นเล็กน้อย
ฟางซื่อเอ่ยขอโทษ “ขออภัยด้วยจริงๆ ข้าไม่คิดเลยว่าคนผู้นี้จะ... หลงจู๊ซุน ต่อไปหากท่านมีธุระอะไร ส่งคนข้างกายมาที่นี่ก็พอ ไม่ต้องให้คนไร้ยางอายเช่นนี้มาทำให้ท่านขัดหูขัดตา”
ซื่อจื่อของนางส่งคนไปสืบเื่ราวของตระกูลอวิ๋นอย่างละเอียด นางที่เป็คนสนิทจึงรู้เื่ราวทั้งหมด คนที่วิ่งหนีไปเมื่อครู่นี้ หากนางเดาไม่ผิด คงเป็อวิ๋นโส่วจู่คนที่ใส่ร้ายว่าอวิ๋นโส่วจงและครอบครัวเป็ทาสที่หลบหนีมา
อวิ๋นเหนียงเหลือบมองไปยังทิศทางที่เขาหายไปด้วยสายตาเ็า หัวเราะเยาะในใจ แต่นางไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า กลับยิ้มปลอบใจฟางซื่อ
“พี่หญิงพูดอะไรเช่นนั้นเล่า ข้าเป็เพียงแม่ค้าที่ต้องเผยหน้าทำการค้าตามประสา ต่อให้เขาแค่มองข้ามาแต่ไกล หรือเข้ามาใกล้ข้า ก็แค่ตบสั่งสอนไปสองทีก็สิ้นเื่ ที่บ้านพี่หญิงนี้ ข้ายังคงต้องมาด้วยตัวเองอยู่ดี พี่หญิงคิดจะประหยัดค่าน้ำชาเลี้ยงข้า เห็นทีจะไม่ได้หรอกเ้าค่ะ!”
เมื่อเห็นอวิ๋นเหนียงใจกว้าง ฟางซื่อก็โล่งใจ หลังจากที่ส่งอวิ๋นเหนียงกลับไปแล้ว ฟางซื่อก็เก็บเื่ของอวิ๋นโส่วจู่ไว้ในใจก่อน เห็นว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว นางต้องต้อนรับแขกที่หลงจู๊ซุนแนะนำมาให้ดี
โชคดีที่มีเนื้อกวางที่ถังสุ่ยส่งมาให้ มื้อเที่ยงวันนี้นางจะได้ทำอาหารจากเนื้อกวางได้หลายอย่าง ฟางซื่อกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหาร ส่วนอวิ๋นเจียวอยากไปดูพื้นที่ที่เตรียมไว้สร้างบ้านของครอบครัว
นางจึงให้อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์วางงานเย็บปักถักร้อยลง แล้วไปเป็เพื่อนนาง เมื่อไปถึงที่หมาย อวิ๋นเจียวก็เห็นว่าไม่เพียงแต่มีท่านพ่อและอาจารย์ทั้งสี่ท่านเท่านั้น แต่ยังมีท่านลุงใหญ่ ท่านอาสาม อวิ๋นฉี่ซาน และผู้เฒ่าเฉียวอยู่ด้วย
ผู้เฒ่าเฉียวนั้น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าเขาจะมีฝีมือดี แต่ก็เป็เพียงช่างฝีมือธรรมดาๆ คนหนึ่ง เทียบกับอาจารย์ทั้งสองท่านที่เกษียณอายุราชการจากกรมโยธาแล้ว เขายังห่างไกลมาก แต่เพราะอวิ๋นโส่วจงรู้ว่านี่เป็โอกาสที่ดี จึงให้อวิ๋นฉี่ซานไปตามผู้เฒ่าเฉียวมา
เดิมทีขุนนางและช่างฝีมือาุโ ทั้งสี่ท่านที่มาจากกรมโยธา เพียงแค่ทำตามคำสั่งเบื้องบนมาที่หมู่บ้านไหวซู่เท่านั้น
ที่ดินเพียงสิบหมู่ที่จะสร้างบ้านชาวนา สำหรับพวกเขาแล้ว นี่เป็การใช้คนผิดประเภทอย่างสิ้นเชิง ในใจลึกๆ ของทั้งสี่คนไม่ค่อยพอใจกับงานนี้สักเท่าไร บ้านชาวนาธรรมดาๆ เช่นนี้ จะต้องให้ถึงมือพวกเขาเลยหรือ? ช่าง...
แต่หลังจากที่อวิ๋นฉี่ซานนำแบบแปลนออกมา และพูดถึงแิของเขา ความคิดของทั้งสี่คนก็เปลี่ยนไป! พวกเขาไม่ดูถูกงานนี้อีกต่อไป กลับรู้สึกตื่นเต้นและตั้งตารอ
กระเบื้องเคลือบพื้นอิฐ ระบบทำความร้อนใต้พื้น บ่อเกรอะ ห้องอาบน้ำ โถส้วมแบบชักโครก และระบบหมุนเวียนพลังงาน ฯลฯ ที่อวิ๋นฉี่ซานพูดถึง...
แิใหม่ๆ เหล่านี้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นและความปรารถนาที่จะศึกษาและสำรวจของพวกเขามาก ผู้เฒ่าเฉียวฟังแล้วก็มึนงงไปหมด
ตอนที่อวิ๋นเจียวมาถึง ก็เห็นอาจารย์ทั้งสี่ท่านจากกรมโยธากำลังชมเชยอวิ๋นฉี่ซานไม่หยุด
อวิ๋นฉี่ซานกำลังจะพูดว่า แิพวกนี้ล้วนเป็ของน้องสาวเขา แต่ก็ได้ยินเสียงหวานๆ ของอวิ๋นเจียวดังขึ้น “อวิ๋นเจียวคารวะอาจารย์ทั้งสี่ท่าน อาจารย์ทั้งสี่ท่านก็คิดว่าพี่รองของข้าเก่งมากเช่นนั้นหรือเ้าคะ?”
วันนี้อวิ๋นเจียวสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูอ่อน ทั้งสาบเสื้อและชายกระโปรงปักลายผีเสื้อ มวยผมสองข้างประดับด้วยไข่มุกระย้า ใบหน้าเล็กๆ หวานละมุน ยิ้มทีก็ดูสดใสมีชีวิตชีวา น่ารักน่าเอ็นดูเป็อย่างมาก เสียงหวานๆ ของนางทำให้เหล่าอาจารย์ทั้งสี่คนหัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน
“เจียวเอ๋อร์ แินี้...” แินี้เป็ของเ้าต่างหาก! อวิ๋นฉี่ซานเป็คนตรงไปตรงมา ไม่รอบรู้เื่มนุษยสัมพันธ์เท่าอวิ๋นฉี่เยว่
อวิ๋นเจียวไม่ให้โอกาสเขาพูดจบ เดินไปข้างๆ แล้วส่งสายตาให้เขา ก่อนจะพูดว่า “พี่รองของข้าฉลาดมาั้แ่เด็ก มีความคิดแปลกใหม่มากมาย เพื่อที่จะทำตามความคิดของตนเอง พี่รองของข้าถึงกับไปเรียนรู้งานช่างไม้ ต่อไปยังวางแผนที่จะไปเรียนรู้งานช่างตีเหล็กด้วยนะเ้าคะ พี่รอง ท่านยังวางแผนจะเรียนรู้สิ่งใดอีก?”
นางเป็เพียงเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ ไม่รู้อะไรเลย หากคนอื่นรู้ว่าแิเหล่านี้เป็ของนาง คงต้องถูกมองว่าเป็ปีศาจแน่
แต่อวิ๋นฉี่ซานแตกต่างออกไป หนึ่งคือเขาอายุมากกว่า และยังเคยเรียนหนังสือมาด้วย สองคือเขามีความสนใจในงานช่าง จึงมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง ฉะนั้นเขาจึงเหมาะที่จะเป็คนรับหน้าที่นี้ ไม่มีใครรู้สึกว่าไม่เหมาะสมหรือแปลกประหลาดอะไร
อวิ๋นฉี่ซานถูกอวิ๋นเจียวชักนำจนไขว้เขว รีบพูดว่า “ข้ายังวางแผนที่จะเรียนรู้การสร้างอาคารบ้านเรือนและสร้างสะพาน...”
อวิ๋นโส่วจงก็พูดขึ้นว่า “คราวนี้แิของฉี่ซานค่อนข้างแปลกใหม่ หากอาจารย์ทั้งสี่ท่านคิดว่าไม่เหมาะสม...”
“เหมาะสม แน่นอนว่าเหมาะสม!”
“ถูกต้อง ความคิดของเด็กคนนี้ยอดเยี่ยมมาก เพียงแต่ทำได้ยากไปสักหน่อย แต่หากไม่มีความยากลำบาก ก็จะไม่น่าสนใจ” กล่าวจบอาจารย์เฒ่าทั้งสองคนก็มองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหันมามองอวิ๋นฉี่ซาน เด็กคนนี้นี่เหมาะจะเป็ช่างงานฝีมือจริงๆ!
ทั้งสองคนรู้สึกเสียดายความสามารถ อาจารย์เฒ่าท่านหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านซีหยวน เด็กคนนี้เป็ต้นกล้าที่ดี เสียดายที่ข้าเพียงแค่มาพักอาศัยที่อำเภอจิ่วจิ้นเป็การชั่วคราว มิเช่นนั้นข้าจะต้องรับเขาเป็ศิษย์ให้ได้ ท่านเป็คนอำเภอจิ่วจิ้นอยู่แล้ว เด็กคนนี้ข้ายกให้ท่านแล้ว ไม่ทราบว่าท่านคิดเห็นอย่างไร?”
อาจารย์เฒ่าอีกคนหัวเราะเสียงดัง “ขอบคุณท่านตานชิงที่ยอมสละให้!” กล่าวจบเขาก็จ้องมองอวิ๋นฉี่ซานด้วยแววตาเป็ประกาย แล้วเอ่ยถามว่า “อวิ๋นฉี่ซาน เ้าอยากจะกราบข้าเป็อาจารย์หรือไม่?”
อวิ๋นฉี่ซานมึนงงไปหมด เกิดอะไรขึ้น? อยู่ๆ ก็ให้เขากราบอาจารย์? เขาหันไปมองอวิ๋นโส่วจงกับอวิ๋นเจียวด้วยสีหน้าสับสน
อาจารย์เฒ่าแซ่หม่าที่ถูกเรียกว่าท่านตานชิงจึงเอ่ยขึ้นว่า “เด็กน้อย เ้ารู้หรือไม่ว่าคนตรงหน้าเ้าคือใคร? เขาเป็ถึงจิ้นซื่อ [4] ในรัชศกหงอู่ปีที่หกแห่งแคว้นต้าเยี่ย นามว่าตั่งคั่ว เนื่องจากไม่สนใจตำแหน่งขุนนาง มีเพียงใจชื่นชอบงานช่าง เขาถึงได้อยู่ในตำแหน่งนายทะเบียนกรมโยธามาตลอดชีวิต! มิเช่นนั้นด้วยความรู้ความสามารถของเขา ตำแหน่งนักปราชญ์ [5] ในสำนักฮั่นหลิน [6] เขาก็คู่ควร!”
แม้ว่าอวิ๋นเจียวจะไม่ค่อยเข้าใจตำแหน่งขุนนางของสมัยนี้เท่าไรนัก แต่พอเห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจของอาจารย์หม่า ก็พอจะเดาได้ว่าท่านตั่งผู้นี้คงเป็บุคคลที่ไม่ธรรมดา
เื่นี้อวิ๋นเจียวเพียงแค่แสร้งทำเป็เข้าใจ ส่วนอวิ๋นโส่วจงนั้นเข้าใจดี!
ตั่งคั่ว ชื่อรองซีหยวน ตำแหน่งนายทะเบียนในกรมโยธา ขุนนางขั้นหก
ตอนที่เขาอยู่ที่เมืองหลวงเคยได้ยินเื่ราวของท่านผู้นี้มาไม่น้อย ท่านผู้นี้เป็ดั่งที่อาจารย์หม่าพูดจริงๆ เป็จิ้นซื่อั้แ่เยาว์วัย มีความรู้ความสามารถล้นเหลือ แต่กลับไม่สนใจตำแหน่งทางราชการ
ไม่ประจบสอพลอขุนนางใหญ่ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับงานศึกษาในวิชาความรู้ของตนเอง อยู่ในตำแหน่งนายทะเบียนกรมโยธามาหลายสิบปี
เชิงอรรถ
[1] ตำราหลู่ปัน (鲁班术) เป็ศาสตร์การก่อสร้างและงานช่างที่สืบทอดมาั้แ่สมัยโบราณ โดยหลู่ปันผู้เป็ช่างฝีมือชื่อดังในประวัติศาสตร์จีน ได้รับการยกย่องว่าเป็บิดาแห่งงานช่างและการก่อสร้าง
[2] อาลีวั่งวั่ง (阿里旺旺) คือ โปรแกรมแชทของ Alibaba ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ Alibaba เช่น Taobao Tmall
[3] สี่สมบัติแห่งห้องหนังสือ (文房四宝) ได้แก่ พู่กัน กระดาษ หมึก และหินบดหมึก
[4] จิ้นซื่อ (进士) เป็ตำแหน่งบัณฑิตที่ผ่านการสอบหน้าพระที่นั่ง ในระบบการสอบคัดเลือกขุนนางของจีนในสมัยโบราณ ผู้ที่มีคะแนนสูงสุดจะเรียกว่า จอหงวน
[5] นักปราชญ์ (学士) มีบทบาทสำคัญในการร่างกฎหมาย บทความ และเอกสารสำคัญต่าง ๆ รวมถึงการทำหน้าที่เป็ที่ปรึกษาแก่ฮ่องเต้
[6] สำนักฮั่นหลิน (翰林院) เป็สำนักที่รวบรวมบัณฑิตและนักปราชญ์ที่มีความรู้สูงสุดของแคว้น