เมื่อโอวหยางเทียนหลานได้ฟังคำของพระบิดาก็รีบกล่าวตอบ “พ่ะย่ะค่ะ ลูกจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” เดิมทีคิดว่า ปะาสามชั่วโคตรกับคนเช่นโจวเวยก็นับว่าไม่เลวแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะถึงกับสามารถปะาเก้าชั่วโคตรได้
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าภรรยาของโจวเวยนั้นเป็บุตรสาวสายตรงเพียงคนเดียวของผู้บัญชาการทหารองครักษ์ การปะาเก้าชั่วโคตรนั้น แน่นอนว่าฮูหยินโจวผู้นั้นย่อมต้องรวมอยู่ด้วย ยิ่งกว่านั้น หากเื่นี้แพร่ออกไปว่า การปะาเก้าชั่วโคตรนี้เป็คำพูดของรัชทายาทแล้วละก็ เขาไม่เชื่อหรอกว่าผู้บัญชาการทหารองครักษ์ผู้นี้จะยังไม่สนใจอันใด และจะยังคงคอยช่วยเหลือสนับสนุนรัชทายาทต่อไป
โอวหยางเทียนหลานนำคนออกค้นหาไม่หยุด ทว่า ผ่านไปแล้วหลายวันก็ยังหาร่องรอยของโจวเวยไม่พบ กระทั่งเข้าวันที่ห้านั้นเอง หลินซานที่ร่างกายได้รับาเ็สาหัสบุกเข้ามาในจวนองค์ชายสี่
โอวหยางเทียนหลานมองหลินซานที่สภาพดูไม่ได้ จากนั้นจึงสั่งให้คนรีบประคองหลินซานขึ้นมา “นี่มันเื่อันใดกัน? ”
“กระหม่อมคือทหารองครักษ์มีนามว่าหลินซานพ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือกับทหารคนอื่นๆ ปล้นคุก ชิงตัวโจวเวยออกมา รวมถึงได้สังหารองครักษ์ในจวนอ๋องไป หลังจากนั้นเมื่อหลายวันก่อนพวกเราก็กลับมาถึงเมืองหลวง โจวเวยได้เข้าพบองค์รัชทายาท แต่ต่อมา ไม่รู้เพราะเหตุใด พวกเราถึงถูกสังหารสิ้น ส่วนตัวกระหม่อมนั้นสามารถเสี่ยงตายฝ่าออกมาได้ องค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ ยามนี้โจวเวยคิดหย่าภรรยา เขาคิดจะรักษาชีวิตสตรีแซ่เซียวไว้”
เมื่อพูดจบ หลินซานก็สลบไป
เมื่อโอวหยางเทียนหลานได้ฟังประโยคสุดท้ายนั้น สายตาก็ปรากฏประกายเ็าวาบผ่าน หย่าภรรยาหรือ? หึหึ หรือว่าโจวเวยนั่นจะไม่รู้ว่า ฝ่าา้าปะาเก้าชั่วโคตร ซึ่งเก้าชั่วโคตรในที่นี้หมายถึง ทางบิดาสามชั่วโคตร ทางมารดาสามชั่วโคตร และทางภรรยาสามชั่วโคตร ดังนั้น ผู้บัญชาการเซียวผู้เป็บิดาของภรรยาโจวเวยเองก็ไม่อาจรอดไปได้
ต่อให้คนจะหย่าภรรยาก็ไม่อาจช่วยอันใดได้ หลายวันมานี้เขาไม่เคยคิดจะลงมือกับครอบครัวของโจวเวยหรือครอบครัวของผู้บัญชาการเซียว และทำเพียงตามจับโจวเวยเท่านั้น ดูท่า ยามนี้คนน่าจะกลับไปที่บ้านตระกูลโจว หรือไม่ก็บ้านตระกูลเซียว
เทียนหลานให้คนคอยดูแลหลินซาน จากนั้นจึงนำกำลังทหารแบ่งเป็สองสายมุ่งไปยังบ้านตระกูลเซียวและบ้านตระกูลโจว ทันทีที่ไปถึงบ้านตระกูลเซียว เขาก็สั่งให้คนปิดล้อมจวนไว้ ชั่วขณะนั้นโจวเวยคิดไม่ถึงว่ากองทหารองครักษ์อู่เวยจะมาหาถึงบ้านในยามนี้ เพียงไม่นานคนตระกูลเซียวและโจวเวยก็ถูกจับทั้งหมด แม้แต่ขุนนางที่เมื่อครู่มาทำหนังสือหย่าให้โจวเวยและสตรีแซ่เซียวก็ยังถูกจับไปด้วย
ผู้บัญชาการเซียวะโเสียงดัง “ตอนนี้ข้าและลูกสาวไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับโจวเวยอีกแล้ว พวกเ้ามีสิทธิ์อันใดมาจับพวกเรา ไสหัวออกไปเสีย ข้าจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้”
“ผู้บัญชาการเซียว เปิ่นหวางจื่อคิดว่า ตัวเ้าไม่มีความจำเป็ให้ต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้ว ต่อให้บุตรสาวของเ้าและโจวเวยจะหย่ากันในวันนี้แล้ว แต่นั่นก็นับว่าสายเกินไป เมื่อห้าวันก่อนเป็รัชทายาทที่ขอความเห็นชอบจากฝ่าา จากนั้นจึงมีรับสั่งให้เปิ่นหวางจื่อนำทหารมาจับโจวเวย ดังนั้น บุตรสาวเ้าที่เพิ่งหย่ากันวันนี้จึงนับว่าสายเกินไปแล้ว ถึงแม้เปิ่นหวางจื่อเองจะเห็นว่าพวกเ้าเป็ผู้บริสุทธิ์เช่นกัน การจะจับพวกเ้ามาปะาเก้าชั่วโคตรถือว่าไม่เป็ธรรม เพราะอย่างไรก็มีเพียงโจวเวยผู้เดียวที่กระทำความผิด แต่เปิ่นหวางจื่อจะทำอะไรได้ในเมื่อองค์รัชทายาทตรัสแล้วว่า ให้ปะาเก้าชั่วโคตร ในฐานะน้อง เปิ่นหวางจื่อทำได้แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น” เมื่อพูดจบโอวหยางเทียนหลานก็พูดเสียงขรึม “จับไปให้หมด”
พวกองครักษ์อู่เวยน้อมรับคำสั่ง และพาตัวผู้บัญชาการเซียวกับฮูหยินโจวผู้เป็บุตรสาวของเขาจากไปอย่างรวดเร็ว ทว่า ก่อนที่จะจากไปนั้น โอวหยางเทียนหลานสังเกตเห็นบริเวณหน้าท้องของฮูหยินโจวหรือก็คือสตรีแซ่เซียว จึงได้ทราบว่ายามนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มุมปากเขาก็โค้งขึ้นน้อยๆ ตั้งครรภ์? หึหึ ดียิ่ง
ณ จวนรัชทายาท
“องค์รัชทายาท โจวเวยและพวกผู้บัญชาการเซียวทั้งหมดถูกจับกุมแล้ว ตอนนี้องค์ชายสี่คุมตัวไปยังเรือนจำแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ปกติแล้วคนที่ถูกจับขังในเรือนจำนั้นล้วนเป็นักโทษปะาทั้งสิ้น ดังนั้น พวกโจวเวยคงได้หัวขาดแน่แล้ว
โอวหยางเทียนหัวเอนกายอยู่บนเก้าอี้ เขาขบคิดเงียบๆ และเป็นานจึงได้ถามขึ้น “ที่หานโจวมีข่าวใดส่งมาบ้างหรือไม่? ”
“เมื่อเช้ามีส่งมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ในสารนั้นแจ้งว่า โจวเวยได้ทำร้ายชายาหานอ๋องที่เตรียมตัวจะไปแสดงความเสียใจต่อการจากไปอย่างกะทันหันของฮูหยินลู่และคุณหนูลู่ที่หน้าจวนอ๋องจริงๆ หลังจากนั้นก็มีคนเล่าลือกันว่าชายาหานอ๋องแท้งบุตร ด้วยเื่นี้คนของเราที่อยู่ที่นั่นได้ไปสืบความมาแล้ว พบว่า เื่ที่ชายาหานอ๋องแท้งนั้นเป็เื่จริง เพราะหลังจากที่เกิดเื่นี้ขึ้น หานอ๋องก็กริ้วมากจนสังหารคนของเราไปเจ็ดแปดส่วน และเหลือเพียงพวกธรรมดาที่ดูไม่สะดุดตาในจวนอ๋องเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” บุรุษที่หน้าตาสะสวยผู้หนึ่งเลิกคิ้วพูด คนที่พวกเขาสู้อุตส่าห์ส่งเข้าไปอยู่ในจวนอ๋องอย่างยากลำบากถูกจัดการจนเกลี้ยง คิดดูแล้วก็ให้รู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก
โอวหยางเทียนหัวตบโต๊ะอย่างรุนแรง “เ้าโจวเวยสมควรตาย ช่างเป็คนที่ทำงานไม่สำเร็จ และเก่งแต่หาเื่ให้ข้าจริงๆ ” เื่ที่พวกเขาวางแผนกันมานานเพียงนี้ หากจะไม่สำเร็จก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้กลับต้องสูญเสียกำลังคนไปมากมายเพียงนี้นี่สิ
“นอกจากเื่นี้แล้ว กลุ่มคนที่พวกเราฝึกออกมาเ่าั้ก็ถูกกำจัดไปไม่น้อยเช่นกัน ด้วยเหตุผลต่างๆ กันไป ่นี้พวกเราเสียกำลังคนไปไม่น้อยกว่าห้าร้อยคน”
ผู้พูดเป็กุนซืออันดับหนึ่งของรัชทายาท และเป็พ่อบ้านคนใหม่ของจวนรัชทายาท เฉิงป๋อหยาง
“องค์ชาย ผู้บัญชาการเซียวรู้เื่ของพวกเราไม่น้อย หากเขาบอกเื่เ่าั้เพื่อที่ตนจะได้มีชีวิตอยู่ต่อเล่า นั่นจะไม่สร้างผลกระทบมหาศาลให้องค์ชายหรือพ่ะย่ะค่ะ” กุนซือคนหนึ่งพูดออกมา
เมื่อโอวหยางเทียนหัวฟังแล้ว ทั้งร่างก็เข้าสู่ความเงียบงันอันน่าสะพรึงกลัว และเป็นานกว่าเขาจะพูดขึ้นอย่างเรียบๆ ว่า “เื่นี้เปิ่นไท่จื่อ [1] รู้แล้ว ป๋อหยาง เ้าไปจัดการเื่ที่หานโจวหน่อย ให้่นี้คนพวกนั้นอย่าได้มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น ให้พวกเขาใช้ชีวิตให้ดีเหมือนคนปกติทั่วไป แต่หากเ้าทำให้เกิดเื่ใดขึ้นมาอีก ก็อย่าหาว่าเปิ่นไท่จื่อไร้น้ำใจ”
ยามนี้นักรบเดนตายที่เขาฝึกฝนอยู่ที่ชิงโจวถูกกำจัดไปห้าร้อยกว่าคนแล้วภายในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เมื่อคิดถึงตรงนี้ในใจของรัชทายาทก็ยิ่งเกรี้ยวกราด แต่เขาก็รู้ดีว่า ตอนนี้ตนทำได้เพียงนิ่งเฉย ไม่พูดอะไรทั้งนั้น จากนั้นก็ค่อยให้คนแฝงตัวเข้าไปอย่างเงียบๆ อีกครั้ง
“ผู้น้อยรับทราบพ่ะย่ะค่ะ” เฉิงป๋อหยางพยักหน้า จากนั้นจึงเดินออกจากห้องหนังสือไป
ในเรือนจำ องค์ชายสี่ทรงเมตตาให้ผู้บัญชาการเซียวและฮูหยินโจวสองพ่อลูกได้อยู่ในห้องขังที่อยู่ติดกัน ส่วนนักโทษคนอื่นนั้นต่างถูกจับแยกกันไปขังยังห้องที่อยู่ไกลกัน ทั้งยังมีคนคอยเฝ้าจับตาดูอยู่ใกล้ชิด ในคืนนั้นท่ามกลางเรือนจำที่มืดมิด ฮูหยินโจวพิงร่างเข้ากับกำแพงอย่างไม่อาจข่มตาลงได้
“ลูกเอ๋ย เป็พ่อเองที่ผิดต่อเ้า” เมื่อพูดจบ ในใจของผู้บัญชาการเซียวก็มีทั้งความเกรี้ยวกราดและสับสนผสมปนเปกันไปหมด บุตรสาวตรงหน้านี้เป็สิ่งเดียวที่ภรรยาเขาหลงเหลือไว้ เพื่อให้รำลึกถึงและเป็แรงผลักดันเดียวในการมีชีวิตอยู่ต่อไป หากตนไม่อาจปกป้องเด็กคนนี้ได้ ในวันหน้าเมื่อต้องไปยังปรโลก เขาก็คงไม่มีหน้าไปเจอภรรยาแล้วจริงๆ
เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของบุตรสาว นี่เป็ครั้งแรกที่ผู้บัญชาการเซียวเสียใจถึงเพียงนี้ที่เลือกข้างผิด เขาคิดว่า อย่างน้อยๆ หากตนไม่เลือกข้างั้แ่แรก หรือเลือกที่จะอยู่ข้างกายฮ่องเต้ ทุกสิ่งอย่างในวันนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่?
สตรีแซ่เซียวไม่พูดอันใดสักคำ ทำเพียงมองท้องๆ โตของตนอย่างเงียบๆ แล้วถอนใจ
เพียงไม่นาน ด้านนอกก็เกิดเสียงต่อสู้ฟาดฟันดังขึ้น สตรีแซ่เซียวหวาดกลัวจนลุกยืน เพียงไม่นานพวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าอนาถพร้อมๆ กับเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
เมื่อผู้บัญชาการเซียวได้ยินก็ขมวดคิ้วทันที ในใจเขาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น จากนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไป เขาไม่รอช้ารีบกวักมือไปทางบุตรสาวแล้วจึงพูดเสียงดัง “โหรวโหรว มาหาพ่อนี่”
ฮูหยินโจวมองบิดาตน จากนั้นจึงยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านพ่อ ต่อให้ลูกไปอยู่ข้างกายท่าน แต่ยังมีกรงเหล็กหนาปิดกั้นไว้เช่นนี้ แล้วท่านจะปกป้องลูกได้อย่างไร ท่านพ่อรักษาตนเองให้ดีเถิดเ้าค่ะ”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] เปิ่นไท่จื่อ(本太子)แปลว่า ตัวข้าผู้เป็รัชทายาท